โดย...เจิด จินตนา
๓๕…..
“ดีใจด้วยนะแตน ที่ตัวกับพี่ต้นทำความเข้าใจกันได้”
ตุ่มแสดงความยินดีกับเพื่อน ขณะนั่งรถฮอนด้าซีวิค ของแตน กลับออกมาจากโฉมศรีอพาร์ตเม้นท์ด้วยกัน
“ขอบใจย่ะ ก็เพราะคำเตือนของนายน่ะแหละ เลยทำให้เราได้คิด….เนี่ยนะ,
ถ้าเราไม่เชื่อนาย
ป่านนี้คงยังไม่มีทางคืนดีกับพี่ต้นได้หรอก.....ขอบใจนายจริงๆว่ะตุ่ม”
“เฮ้ย
เรื่องจิ๊บจ๊อยน่ะ
เราเป็นเพื่อนกันนี่หว่า
ไม่ช่วยตัวได้ไงวะแตน….ความจริงนะเราเองก็อยากเห็นพี่ต้นกับตัวดีกันเหมือนเดิมอยู่แล้ว ไม่อยากให้ต้องมาเข้าใจผิด เพราะไอ้เรื่องไม่เป็นเรื่องแบบเนี้ยกันเลย”
“เออ
เรามันไม่ดีเอง…..งี่เง่าขี้หึงไม่เข้าท่า
นายคงนึกอยากจะด่าเราอย่างงี้อยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ ยัยตุ่ม?”
“อ้าว
ไหงพูดงั้นล่ะ เปล่านะ
มิบังอาจตัวเองเป็นไงก็รู้ๆ กันอยู่
ใครจะกล้าด่าวะ”
โดนย้อนเข้าให้ เจ็บเสียยิ่งกว่าด่าตรงๆ
แต่เวลานี้แตนไม่กล้าที่จะแสดงอาการใดๆออกมาให้เพื่อนเห็น เพราะละครที่หล่อนเล่นอยู่
มันกำลังไปได้สวยและตุ่มก็เป็นตัวสำคัญคนหนึ่ง ที่ทำให้ความต้องการของหล่อน บรรลุถึงเป้าหมาย
สองมือจับพวงมาลัย บังคับให้รถเก๋งคันงามแล่นเอื่อยๆไปบนท้องถนน แต่ในสมองของแตนกำลังคิดหาวิธีการ ตะล่อมเพื่อนสาวให้ตายใจยิ่งกว่านี้
หล่อนจะต้องทำให้ตุ่มเชื่อสนิท
ว่าตัวหล่อนไม่ได้มีอคติอะไรกับนางไม้สาวอีกต่อไปแล้วจริงๆ
“อันที่จริง
คุณวนาเธอก็น่ารักดีออก
ไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างที่คิดไว้เลยนะ”
“ฮือ…” ตุ่มพยักหน้าเห็นด้วย “บอกตรงๆที่แรกเราเองก็กลัวเหมือนกันแหละ แต่พอได้รู้จักคุ้นเคยจึงรู้ว่าความจริงแล้วคุณวนาเธอน่ะใจดีจะตายไป
มีเมตตาโอบอ้อมอารี
โดยเฉพาะกับสัตว์ที่กำลังได้รับความทุกข์ยากลำบาก” น้ำเสียงที่พูดยกย่อนางไม้สาว เต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างออกหน้าออกตา “รู้มั้ยแตน ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อวานก่อนในสวนจตุจักร เป็นฝีมือของคุณวนาน่ะเองแหละ”
“ฮ้า…..ถามจริง?”
“ใช่
พูดแล้วเหมือนเหลือเชื่อ
ถ้าไม่ได้เห็นกับตา...เธอน่ะแค่ชี้นิ้วเท่านั้นเอง กรงที่ขังสัตว์เอาไว้ก็หายวับไปเลย นกงี้….บินกันว่อน
สัตว์ป่าออกมาวิ่งเพ่นพ่านเต็มไปหมด
น่าตื่นเต้นจริงๆเลยล่ะ เธอสงสารสัตว์ป่า ที่ถูกคนจับมาขาย อยากปล่อยให้พวกมันเป็นอิสระน่ะ”
“ต๊าย…..คงวุ่นวายโกลาหลกันน่าดูเลยซีนะ แต่ก็ดีแล้วล่ะ สมน้ำหน้าพวกคนใขบาป ที่ชอบหากินกับชีวิต ของสัตว์ป่าที่น่าสงสารพวกนั้น”
“”คุณวนาเธอเป็นนางไม้ขั้นรุกเทวดา มีอิทธิฤทธิ์มากมายหลายอย่าง น่าอัศจรรย์ใจจริงๆว่ะ เราว่าตัวน่ะ คิดถูกแล้วนะ ที่เลิกตั้งตัวเป็นศัตรูกันเสียได้”
“เราก็ว่างั้นแหละ ในเมื่อเรากับคุณวนาเข้าใจกันดีแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องมานั่งเป็นศัตรูกันอีก”
ปากพูดออกไปอย่าง แต่ในใจของแตนนั้นกลับคิดไปอีกอย่าง ระหว่างนี้หล่อนจะต้องแกล้งทำดีเอาไว้ก่อน รอให้ได้โอกาสเมื่อไหร่ ค่อยจัดการกับผีนางไม้ตนนี้ให้สาแก่ใจในภายหลั ************
การมาของแตน
เริ่มสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นกับต้นในคืนวันนั้น หลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
เตรียมตัวจะเข้านอน
พอกลับออกมาจากห้องน้ำ
เขาก็เห็นวนาปูที่นอนตรงข้างโต๊ะเครื่องแป้ง
“ทำอะไรน่ะคุณ?”
“วนาจะนอนที่นี่”
ตอบสั้นๆแล้วก้มหน้าก้มตาจัดที่นอนต่อไปอย่างไม่สนใจ เด็กหนุ่มคุกเข่าลงข้างๆ ด้วยอาการที่งุนงง
“นึกยังไงขึ้นมาล่ะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก
เพียงแต่ไม่อยากให้เกิดการเข้าใจผิดกันขึ้นอีกต่อไปเท่านั้นค่ะ”
“เข้าใจผิดอะไร?”
ต้นขมวดคิ้วสงสัย “เรื่องผมกับคุณแตนอย่างงั้นหรือ แต่ผมไม่มีอะไร กับเขาอีกแล้วนี่ครับคุณวนา?”
“เวลานี้เหตุการณ์มันเปลี่ยนไปแล้วนี่คะคุณต้น คุณแตนอุตส่าห์มาขอคืนดีกับคุณ วนาคิดว่า ในเมื่อเธอยอมรับผิดแล้ว คุณต้นก็ควรจะให้อภัย และคืนดีกับเธอเสียจะเป็นการดีกว่านะคะ” นางไม้สาวออกความเห็น
“ผมทำแบบบนั้นไม่ได้หรอกครับคุณวนา”
“ทำไมจะไม่ได้คะ?”
“ในใจของผมเวลานี้ มันมีแต่คุณวนาคนเดียวเท่านั้น ไม่สามารถที่จะรักใครได้อีกต่อไปแล้วน่ะซีครับ”
“แต่อย่าลืมนะคะ ว่าวนาเป็นนางไม้ไม่ใช่มนุษย์
วนาไม่เหมาะสมคู่ควรกับคุณต้นหรอกค่ะ”
“ถึงคุณจะเป็นอะไรก็ช่าง
ผมจะขอรักคุณคนเดียวไม่มีวันเปลี่ยนใจอีกอย่างเด็ดขาด” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและสีหน้าจริงจัง “เชื่อผมเถอะครับ ความรักที่ผมมีต่อคุณ เป็นรักที่บริสุทธิ์ใจจริงๆ แม้ชาตินี้เราจะอยู่กันคนละภพ ไม่อาจสมหวังในความรักได้ ผมก็จะรอคุณจนกว่าจะถึงชาติหน้า ผมขอสัญญา”
คำพูดของชายหนุ่มทำให้นางไม้สาวต้องเงยหน้าขึ้นมองสบตาเขา
“แต่คุณแตนเธอรักคุณต้นมากนะคะ วนารู้สึกไม่สบายใจเลยจริงๆถ้าคุณแตนเธอรู้ว่าคุณต้นเปลี่ยนใจจากเธอเพราะวนา เรื่องเลวร้ายต่างๆอาจะเกิดขึ้นอีก”
“ผมจะหาโอกาสอธิบายความจริงทั้งหมดให้คุณแตนฟัง คิดว่าเราคงจะทำความเข้าใจกันได้ ของเวลาผมอีกสักหน่อยเถอะครับคุณวนา”
“หมายความว่า
คุณต้นจะไม่ยอมหวนกลับไปคืนดีกับคุณแตนอีกอย่างแน่นอน?”
“ครับ นอกจากเป็นเพื่อนกันเท่านั้น”
“ถ้าอย่างงั้นคงไม่มีใครไปบังคับใจคุณได้ แต่วนาไม่เชื่อว่าคุณแตนเธอจะยอมแน่”
“ยังไงก็แล้วแต่ ขอเพียงคุณวนาเข้าใจในตัวผมเท่านั้นแหละ”
“แน่ใจหรือคะคุณต้น?”
“ครับ คุณวนา”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่า
นอกจากคุณคนเดียวแล้วผมจะไม่สนใจผู้หญิงคนไหนอีกเลย ชั่วชีวิตนี้”
“แล้วผู้หญิงที่ชื่ออรอนงค์ล่ะคะ?”
โดนย้อนถามเข้าแบบนี้ ต้นถึงกับสะดุ้ง ไม่เข้าใจว่านางไม้สาวรู้ตื้นลึกหนาบางแค่ไหน เกี่ยวกับเรื่องของอรอนงค์
“คุณอรอนงค์เธอเป็นลูกค้าคนหนึ่งของบริษัทเท่านั้นเอง
ไม่มีอะไรกับผมหรอกคับ…ผมว่าคุณวนากลับขึ้นไปนอนบนเตียงดีกว่า” ชายหนุ่มรีบเปลี่ยนเรื่องพูดกลบเกลื่อน
“ไม่หรอกค่ะ วนาขอนอนที่นี่ไปก่อน จนกว่าจะแน่ใจว่าทุกอย่างที่คุณต้นพูดมาเป็นความจริง”
“แต่เตียงนางไม้ตัวนี้ มันเป็นของคุณนะครับ”
“คุณต้นอย่าลืมซิคะ คุณเป็นผู้เช่าห้อง คุณย่อมมีสิทธิ์ใช้เตียงตัวนี้เหมือนกัน”
“ไม่รู้ล่ะ…คุณไม่ยอมขึ้นไปนอน ผมก็ไม่นอนเหมือนกัน ผมจะนอนที่นีแหละ”
ต้นทิ้งตัวลงนอนบนที่นอน ซึ่งวนาปูเอาไว้หน้าตาเฉย
“ลุกขึ้นมาเดี๋ยววนี้นะคุณต้น นี่มันที่นอนของวนานาง” ไม้สาวมองตาเขียว
“คุณอยากนอนก็นอนไปซี่ ที่ว่างยังมีอีกถมไป” ชายหนุ่มขยับที่ให้
“เรื่องอะไรจะให้วนาไปนอนเบียดกับคุณ ไม่เอาหรอก…ลุกขึ้นไปนอนบนเตียงเถอะค่ะคุณต้น วนาขอร้องล่ะ”
“ไม่”
เขาแกล้งหลับตาลง แล้วพลักตัวนอนหันหลังให้
“จะเอายังงั้นเหรอ…ก็ได้”
ป่วยการที่จะพูดกันดีๆอีกต่อไป
นางไม่สาวรีบยกมือขึ้นกอดอก แล้วพยักหน้าขึ้นหนึ่งครั้ง ร่างของต้นพลันหายวับไปจากที่นอน แล้วไปปรากฎอยู่บนเตียงแทน วนายิ้มออกมาอย่างพึงพอใจจากนั้นจึงค่อยๆเอนตัวลงนอน ดึงผ้าห่มมาคลุมร่าง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสีย
ฟูกหนาอ่อนหนุ่มผิดปกติ ทำให้ชายหนุ่มเกิดความสงสัยลืมตาขึ้นมา พอเห็นว่าตนเองมานอนอยู่ บนเตียง เขารีบผุดลุกขึ้นนั่ง
“เล่นขี้โกงนี่คุณวนา ถือว่าคุณมีฤทธิ์งั้นใช่มั้ยล่ะ?”
“ ไม่รู้”
นางไม้สาวแกล้งหลับตาลงนอนหันหลังให้บ้าง
ชายหนุ่มส่ายหน้าช้าๆก้าวลงจากเตียงแล้วเดินมานอนลงข้างๆ
“แกล้งได้แกล้งไป
ยังไงผมก็เดินลงมานอนได้เอาซี่ เชิญเลย”
สุดที่จะทนให้ต้นนอนเบียดอยู่ได้
วนารีบผุดลุกขึ้นนั่ง
“เอาล่ะๆ วนายอมแพ้คุณ…อยากจะนอนที่นี่ก็ตามใจ”
ลุกเดินไปที่เตียง
แล้วล้มตัวลงนอน
“คุณเลือกของคุณเองนะ ห้ามเปลี่ยนใจอีกก็แล้วกัน จนกว่าวนาจะยอมอนุญาตให้คุณกลับขึ้นมานอนบนเตียงได้”
“โธ่
คุณวนา จะแกล้งผมไปถึงไหาน?” ชายหนุ่มหน้าจ๋อย
“วนาไม่ได้แกล้งนะคะ
ให้คุณคืนดีกับคุณแตนก็ไม่ยอม คุณต้นเป็นคนบอกเองว่า จะพิสูจน์ความรักแท้ของคุณให้วนาเห็น
ต้องทำให้วนาเชื่อใจก่อนซีคะ”
“ได้ครับ…ผมจะรอจนกว่าจะพิสูจน์ให้คุณวนาได้เห็นความบริสุทธิ์ใจของผมที่มีต่อคุณ”
“ดีแล้วค่ะ…แต่อย่าคิดนะคะ ว่าคุณทำอะไรแล้ววนาจะไม่รู้ไม่เห็น วนารู้ทุกอย่างแหละค่ะ
เพียงแต่จะพูดหรือไม่พูดเท่านั้นเอง ”
นางไม้สาวบอกทิ้งไว้ปริศนาให้ต้นขบคิด
************
แตนบึ่งรถไปหาอาจารย์บุญถึงที่บ้านแต่เช้าตรู่ ยังความแปลกใจให้กับเจ้าอ้น ลูกศิษย์หน้าผีของอาจารย์เฒ่ายิ่งนัก รีบเชื้อเชิญหญิงสาวให้ขึ้นเรือน
“ความหวังของเราใกล้จะพบกับความสำเร็จแล้วแหละค่ะ
อาจารย์” หล่อนบอกกับหมอผีเฒ่าด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม
“ฮ้า…คุณแตนแยกคุณต้นออกมาจากอีนางไม้ตนนั้นได้แล้ว อย่างงั้นหรือครับ?” เจ้าอ้นชิงร้องถามสอดขึ้นมา
“ยังหรอกอ้น…แต่ฉันก็แกล้งตีสนิทกับมันเอาไว้แล้ว”
หญิงสาวเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้อาจารย์บุญ
กับเจ้าอ้นฟังอย่างคร่าวๆ “ดูเหมือนทุกคนจะพากันเชื่อสนิทว่าแตนรู้สำนึกผิด ไม่คิดจะเอาเรื่องเอาราวกับอีนังปีศาจนั่นอีกต่อไปแล้ว”
“ดีแล้วแหละครับคุณแตน” หมอผีเฒ่าแสดงความพออกพอใจ “ยิ่งทำให้มันตายใจได้มากเท่าไหร่ก็จะสะดวกสำหรับพิธีกรรมของผมมากยิ่งขึ้นเท่านั้น”
“แล้วเมื่อไหร่อาจารย์จะลงมือจัดการกับมัน?”
“ขอผมดูฤกษ์ดูยามก่อนนะ”
“เร็วๆหน่อยนะคะอาจารย์ แตนรู้สึกสะอิดสะเอียนเต็มทน
ที่ต้องคอยแกล้งทำดีกับมัน อยากเห็น
อีนังมารร้ายตัวนี้ โดนกำจัดไปให้ได้โดยเร็ว”
อาจารย์บุญพยักหน้ารับ
หยิบตำราโหราจารย์ขึ้นมาพลิกดูดวงชะตาราศี
หาฤกษ์ยามที่จะจัดการขั้นเด็ดขากกับนางไม้สาว
“คุณแตนแน่ใจนะครับ ว่าพวกเขาไม่มีใครติดใจสงสัยอะไร?” เจ้าอ้นถาม
“แน่ใจซิอ้น…ฉันอุตส่าห์ลงทุนแสดงละครอย่างดีที่สุดแล้ว จะจับได้ก็ให้มันรู้ไป”
สักครู่ใหญ่ๆ
หมอผีเฒ่าจึงปิดหนังสือตำราในมือหันหน้ามาทางหญิงสาว
“แรมสิบห้าค่ำเดือนนี้ เป็นวันฤกษ์ดีที่สุด…ในคืนเดือนมือคาถาอาคมขลังจะยิ่งมีฤทธิ์แรงกล้า
สามารถสะกดวิญญาณภูตผีร้าย ไม่ให้ไปผุดไปเกิดอย่างได้”
“แรมสิบห้าค่ำหรือ?” เจ้าอ้นหันมองดูปฏิทินที่ข้างฝา “ก็อีกสามวันเท่านั้นน่ะซีอาจารย์”
“ถูกแล้ว…คุณแตนจะต้องหาทางแยกคุณต้น ออกไปจากอีนางไม้ตนนั้นให้ได้ในคืนนั้น เพื่อเปิดโอกาสให้ผมได้จัดการกับมัน”
“แตนจะพยายามทำให้ได้…ใช้เวลานานมั้ยคะ
กว่าพิธีกรรมของอาจารย์สัมฤทธิ์ผล?”
“อย่างช้า คิดว่าคงไม่เกินเที่ยงคืนหรอกครับ”
“คราวนี้ต้องได้ผลแน่นะคะอาจารย์?”
หญิงสาวถามย้ำอย่างรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจ
“ได้ผลแน่ครับคุณแตน…ถ้าไม่มีคุณต้นคอยอยู่ช่วยเหลือมัน
อีนางไม้ตนนี้ไม่มีทางหลุดพ้นอำนาจเวทมนต์ของผมไปได้แน่ ขอให้เชื่อผมเถอะครับ”
แตนพยักหน้าช้าๆ
เพื่อเป็นการกำจัดเสี้ยนหนามของหล่อน
หญิงสาวจะต้องหาวิธีการหลอกชายหนุ่มคนรักให้ออกมาจากห้องพักในคืนนั้นให้ได้
ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่หล่อนยังพอจะมองเห็นหนทางอยู่แล้ว
***********
“เป็นอะไรไปพี่ต้น ไม่สบายหรือเปล่า?”
เลขาคนสวยของผู้จัดการฝ่าย อดเดินเร่เข้ามาถามไม่ได้ เพราะเห็นชายหนุ่มนั่งซึมอยู่กับโต๊ะทำงานมาตั้งแต่เช้าแล้ว
“เปล่าหรอกนุช ผมไม่ได้เป็นอะไร มีเรื่องต้องให้คิดมากนิดหน่อยเท่านั้นเอง”
“อย่ามัวเอาแต่นั่งคิดจนไม่เป็นอันทำงานล่ะ เดี่ยวก็โดนเจ้านายเขม่นหรอกพี่ต้น”
“ขอบใจนะที่เตือน”
นุชกลับไปทำงานต่อแล้ว แต่ต้นยังคงนั่งเหม่อลอยอยู่อย่างเดิม คำพูดของวนาทำให้ชายหนุ่มต้องเก็บเอามานั่งขบคิด
ทำไมนางไม้สาวถึงได้รู้เรื่องของอรอนงค์ หรือว่าหล่อนแกล้งพูดเพื่อเดาใจของเขาเท่านั้นเอง แต่มันคงเป็นไม่ได้หรอกนะ เพราะฟังจากน้ำเสียงที่พูด แสดงว่าหล่อนจะต้องรู้อะไรๆ ดีอย่างแน่นอน
อาจจะใช่ ในเมื่อหล่อนเป็นถึงนางไม้
สามารถที่จะทำอะไรนอกเหนือมนุษย์ธรรมดาได้ตั้งหลายสิ่งหลายอย่าง เรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้ ทำไมหล่อนจะทำไม่ได้
หล่อนอาจจะล่องหนหายตัว หรือแปลงร่างเป็นใครสักคนคอยจับหูจับตาดูความเคลื่อนไหวของเขาอยู่
ถึงได้รู้อะไรต่อมิอะไรดี
คิดขึ้นมาแล้ว ชายหนุ่มชักรู้สึกเสียวสันหลังวูบ นี่หมายความว่า การกระทำของเขาทุกอย่าง อยู่ในสายตาของนางไม้สาวตลอดเวลาน่ะซี
เงยหน้ามองไปรอบๆชั้นสามของอาคารประกันภัยหลังนี้ กำลังพลุกพล่านไปด้วยผู้คนที่มาติดต่อทำธุระเดินไปมาขงักไขว่
ตรงทางเดินใกล้กับลิฟท์นอกห้องกระจก ต้นเห็นหญิงสาวคนหนึ่งแต่งกายในชุด
พนักงานทำคสามสะอาดกำลังยืนถือไม้ถูพื้นเช็ดถูอยู่ตรงบริเวณนั้น
รูปร่างของหญิงสาวคนนั้นรู้สึกดูคุ้นๆตา หล่อนกำลังยืนหันหลังให้อยู่ จึงเห็นแค่เรือนผม ดำขลับยาวสยาย
ต้นขมวดคิ้วจ้องมองตาแทบไม่กระพริบ หล่อนกำลังหันหน้ามาทางเขาแล้ว ชายหนุ่มถึงกับตาเหลือก
แม้จะเห็นเพียงแค่ชั่วแว่บเดียว เขาก็จำได้ไม่ผิดแน่ว่าหล่อนคือวนานั่นเอง
นึกอยู่แล้วเชียว เพราะอย่างนี้นี่เอง หล่อนถึงได้ล่วงรู้การกระทำของเขาทุกอย่าง นี่คงจะแอบปลอมตัวเป็นคนทำความสะอาด
มาคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของเขาแบบนี้นานแล้วล่ะซี
ชายหนุ่มรีบลุกพรวดพราดจากโต๊ะทำงาน ก้าวฉับๆผลักประตูกระจกออกไปหา เห็นจะต้องพูดกันให้รู้เรื่องหน่อยล่ะ ว่าไอ้การที่แอบสะกดรอยคอยจับผิดคนนี่ เท่ากับเป็นการไม่ให้เกียรติกันเลย และยังเสียมารยาทที่สุดอีกด้วย ยื่นมือไปแตะไหล่พร้อมกับร้องทัก
“คุณวนา...เรามีเรื่องต้องพูดกับคุณหน่อย”
หญิงสาวคนนั้นหันควับมา พอเห็นหน้าชัดๆอีกทีต้นถึงกับใจหายวาบ หล่อนไม่ยักจะใช่วนา
นี่เขาคงจะติดมาก
จนเกิดประสาทหลอนตาลายไปเอง
“คุณ…คุณเรียนฉันเหรอะคะ?”
พนักงานสาวทำความสะอาด จ้องหน้าเขาอย่างงุนงงสสัย
“ปะ
เปล่า…ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมทักคนผิด ต้องขอโทษด้วย”
หน้าแตกจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี แต่กลับเบลอขึ้นมาอย่างฉับพลัน เลยยืนเซ่อทำอะไรไม่ถูก
หญิงสาวคนนั้นชักใจคอไม่สู้ดี คิดว่ามาเจอเอาคนสติไม่ค่อยจะเต็มเต็งเข้าให้เสียแล้ว ต้องเป็นฝ่ายรีบเดินหนีไปเสียเอง
“คุณต้นคะ?”
มีเสียงร้องทักดังมากระทบโสตประสาท ทำให้ชายหนุ่มได้สติหันไปดู
อรอนงค์กำลังยืนอยู่ตรงหน้าลิฟท์
จ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาแปลกๆหล่อนค่อยๆ ก้าวเดินเข้ามาหาอย่างช้าๆ
“คุณไปพูดอะไรกับเด็กทำความสะอาดหรือคะ
เด็กคนนั้นถึงได้ต้องรีบเดินหนีไป?”
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร…ผมเข้าใจผิด คิดว่าเป็นคนที่รู้จักกัน”
“คงจะใช้วิธีนี้ หลอกเด็กบ่อยล่ะซี?”
โดนหล่อนว่าเหน็บแนมเข้า ต้นแทบสะอึก