วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2560

เตียงนางไม้ ตอนที่ 39

โดย...เจิด จินตนา
39...


            ผ้าแพรสีแดงที่พันโอบรอบต้นไม้ใหญ่  ส่องแสงเรืองออกมาสว่างจ้า  ในขณะที่อาจารย์บุญเริ่มท่องคาถา เร็วขึ้นถี่ขึ้น
            ด้วยอำนาจเวลทมนต์อาคมขลัง  ไม่นานนักร่างวนาจึงถูกเรียกให้มาปรากฎขึ้นที่ใต้ต้นไม้นั้น ล้อมรอบด้วยแสงสว่าง ซึ่งตรึงให้หล่อนอยู่กับที่เหมือนถูกพันธนาการด้วยโซ่อย่างแน่นหนา มิอาจดิ้นหลุดออกมาได้
            “ปล่อยข้านะปล่อยข้า!” 
            วาระสุดท้ายคืบคลานใกล้เข้ามาทุกที นางไม้สาวพยายามดิ้นรนสุดฤทธิ์ ด้วยสัญชาติญาณเอาตัวรอด แม้จะรู้ว่าไม่ได้ผล
            เสียงท่องคาถาหยุดลงแล้ว  หมอผีเฒ่าลืมตาขึ้นมองผลงานของตนเองอย่างพึงพอใจ
            “ในที่สุด เจ้าก็ไม่สามารถรอดพ้นเงื้อมือของข้าไปได้
            “ปล่อยข้าไปเถอะนะข้าขอร้องล่ะ  
            วนาวิงวอนขอความเมตตา ข้ายอมแพ้แล้ว….ได้โปรดขอได้โปรดปล่อยข้าให้เป็นอิสระเถอะ
            “จะให้ข้าปล่อยเจ้าน่ะเร๊อะ อย่าหวังเลย เจ้าทำข้าเอาไว้เจ็บแสบมากข้าจะทำลายดวงวิญญาณของเจ้าเสีย
            “อย่า..ข้าไม่มีเจตนาจะทำร้ายเจ้าหมอบุญ ข้าจำเป็นต้องป้องกันตัว เพราะเจ้าหมายทำร้ายข้าก่อน แล้วอย่าลืมนะว่าข้าก็เคยไว้ชีวิตเจ้า
            “ฮะฮะฮะฮ่า”  
            หมอเฒ่าระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจ เจ้าอยากโง่เองช่วยไม่ได้คำว่าปรานีไม่เคยมีสำหรับข้า ในเมื่อโอกาสเป็นของข้าแล้ว อย่าหวังเลยว่าเจ้าจะรอด!”
            ซีซอให้ควายฟังยังง่ายกว่า  ป่วยการที่จะไปขอร้องคนแบบนี้  นางไม้สาวเริ่มตระหนักดีว่า พูดไปไร้ประโยชน์   อาจารย์บุญไม่มีทางที่จะยอมปล่อยหล่อนไปแน่
            “หมอผีชาจิชั่ว  เจ้ามันคนไม่มียางอาย  ไร้คุณธรรม  คิดแต่จะเอาชนะท่าเดียว  ไม่เคยคำนึงถึงความถูกต้อง เจ้าถือดีว่ามีวิชาอาคม  เที่ยวข่มเหงรังแกผู้คน  สักวันเถอะกรรมจะต้องตอบสนองเจ้าแน่
            “ข้ามีอาชีพเป็นหมอผี  หน้าที่ของข้าคือการกำจัดดวงวิญญาณเร่ร่อน  ที่เที่ยวก่อนกวนรังควานสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน  เจ้าอย่าได้ยกคุณธรรมมาอ้างเลย  จงเตรียมกับรับกรรมเสียเถอะ!” 
            อาจารย์บุญล้วงหยิบหมุดสนับเงินเล่มเล็กๆ ออกมาจากย่าม  เสกเป่าคาถาแล้วขว้างไปที่ต้นไม้
            หมุดเล่มนั้นปักตรึงเข้าที่กลางหน้าอกของวนาพอดิบพอดี  นางไม้สาวหวีดร้องโหยหวน แสดงอาการเจ็บปวดสุดขีด   
            กรี๊ดดด…..!”
            รู้สึกเหมือนดวงวิญญาณจะแตกสลายลงไปในบัดดล  ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วทั้งเรือนร่าง หมุดอาคมช่างมีอนุภาพร้ายกาจนัก  หล่อนไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะดิ้นรน
            “เจ้าคนใจบาปหยาบช้า ข้าไม่เคยก่อกรรมทำเข็ญให้กับใคร  ทำไมเจ้าถึงต้องมาทำกับข้าเช่นนี้ เสียแรงจริงๆ ที่ข้าอุตส่าห์มีเมตตาไว้ชีวิตเจ้า  ไม่คิดว่าจะเนรคุณตอบแทนข้าด้วยวิธีนี้….คนชั่วช้าเช่นเจ้า จะต้องได้รับการลงโทษจากสวรรค์แน่  จงจำเอาไว้ให้ดีหมอบุญ!”
            สิ้นเสียงนางไม้สาว  ร่างของหล่อนจึงค่อยๆเลือนหายเข้าไปในต้นไม้นั้น  เห็นแต่หมุดสนับเงินเล่มเล็กๆปักตรึงอยู่กับผ้าแพรสีแดง
            “สำเร็จแล้วอาจารย์ !...โห   ยอดไปเลย  อาจารย์ปราบมันได้จริงๆด้วย!” เจ้าอ้นตีปีกลิงโลด  ชื่นชมในฝีมือของผู้เป็นอาจารย์
            “อย่าว่าแต่นางไม้เลยวะ  ต่อให้เทวดายังหนาวถ้ามาเจอกับกู”   เฒ่าหัวโล้นคุยโอ่
            “อาจารย์แน่ใจนะ  ว่ามันจะไม่หลุดออกมาได้อีก?” หมอฉุยยังมีความข้องใจ ถ้าเกิดมีคนมือบอนดึงหมุดออกล่ะ?”
            “เฮ่ย  ไม่มีทางหมุดสนับเงินของข้ากำกับด้วยอาคม  ไม่มีใครดึงออกได้ง่ายๆหรอกวะ  มันจะต้องถูกจองจำอยู่ในนั้น  จนกระทั่งต้นไม้ผุพังตายไป  ฮะฮะฮะฮ่า!
            หมอผีเฒ่าบอกอย่างมั่นอกมั่นใจ   หัวเราะเสียงดังให้กับชัยชนะของตนเอง
                        ************
            หลังเที่ยงคืนไปแล้ว   แตนถึงยอมพาต้นกลับมาส่งหล่อนขับรถช้าๆ  ใจเต้นตูมตามมาตลอดทางด้วยความกังวล
            ไม่รู้ว่าป่านนี้  อาจารย์บุญจะจัดการกับนางไม้สาวได้สำเร็จหรือยัง   ถ้าแผนการณ์ครั้งนี้เกิดล้มเหลวขึ้นมาอีกล่ะ
            หล่อนจะต้องถูกวนาเล่นงานเอาอย่างแน่นอน  ทันทีที่เผชิญหน้ากัน
            คิดขึ้นมาแล้วให้รู้สึกหนาวสะท้านเยือกจับขั้วหัวใจมือไม้เริ่มเกร็งจนเกิดอาการสั่นเทาเล็กน้อย   อุ้งมือที่กำพวงมาลัยเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
            ความกลัวทำให้หล่อนชักเริ่มลังเล   ไม่แน่ใจว่าควรจะไปส่งต้นถึงห้องพักดีหรือไม่  ถ้านางไม้สาวยังอยู่ที่นั่น  หล่อนมีหวังไม่รอดแน่  แต่ถ้าไม่อยู่เป็นอันว่าทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นลงเสียที
            หญิงสาวสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ตัดสินใจสลัดความกังวลทิ้งไป หล่อนจะต้องไปดูให้รู้แน่ว่าผลของมันจะออกหัวหรือก้อย สู้อุตส่าห์ลงทุนแสดงละครตบตามาตั้งหลายวันแล้วนี่
            พอรถเลี้ยวเข้าประตูอพาร์ตเม้นท์  หญิงสาวสะดุ้ง  เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเงาร่างตะคุ่มๆ ยืนอยู่ในมุมมืดของลานจอดรถ 
            แสงไฟจากหน้ารถสาดกระทบร่างนั้น จึงเห็นได้อย่างถนัดชัดเจนว่าเป็นปื๊ดนั่นเองท่าทางเหมือนกำลังยืนรอใครอยู่
            “อ้าว วันนี้ไม่ไปทำงานหรือปื๊ด?” 
            ต้นเปิดประตูรถเดินไปถาม
            “เปล่าครับ  วันนี้ผมหยุดพี่ต้นไปไหนมา  ผมมายืนรอเป็นชั่วโมงแล้ว?”
            “คุณแตนเค้าชวนไปเที่ยวผับ  มีอะไรหรือปื๊ด?”
            “พี่ต้นโดนเขาหลอกเสียแล้วเด็กหนุ่มบอกพร้อมกับชายหางตามองดูแตนอย่างเคืองๆ รู้หรือเปล่าว่าคุณวนาน่ะ โดนหมอผีบุญจับตัวไปแล้ว
            “ฮ้า!...เป็นความจริงเหรอ?”
            “ขึ้นไปดูเองซิพี่ต้น ผมเสียใจที่ช่วยอะไรคุณวนาไม่ได้เลย
            คำพูดของคนทั้งสอง  แตนได้ยินอย่างชัดถ้อยชัดคำโดยตลอด เห็นชายหนุ่มรีบวิ่งพรวดพราด ขึ้นบันไดไป   หล่อนจึงปิดไฟดับเครื่องแล้วก้าวลงจากรถเดินตรงเข้าไปหาปื๊ด
            “เกิดอะไรขึ้นกับคุณวนาหรือ?”
            “คุณรู้อยู่แก่ใจดี ทำไมต้องมาถามผมอีก”  
            โดนเด็กหนุ่มย้อนเข้าให้  แตนถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าจะมีคน รู้เห็นเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย  ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า ปื๊ดรู้ความจริงหมดแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง
            “คุณวนาคุณวนา!”  
            ต้นเดินพล่านไปทั่วห้อง ปากพร่ำร้องเรียกชื่อของนางไม้สาว แต่ไม่ได้ยินเสียงขานตอบกลับมาเลยสักนิด
            ใจหายวูบขึ้นมาทันที
            นี่หล่อนถูกจับตัวไปแล้วจริงๆหรือ เขาไม่น่าเลินเล่อปล่อยให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น  ถ้ามีเขาอยู่ด้วยอาจารย์บุญไม่มีทางที่จะเอาตัววนาไปได้อย่างเด็ดขาด
            มองดูเตียงนางไม้สาวเคยครอบครองเป็นเจ้าของแล้วยิ่งรู้สึกพาให้จิตใจเศร้าหมองหดหู่  เขาคงจะไม่มีวันได้เห็นหน้านางไม้สาวผู้น่ารักคนนี้อีกต่อไปแล้ว 
            ปื๊ดเดินเข้ามาในห้อง เห็นชายหนุ่มค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งที่ริมของเตียงด้วยอาการซึมเศร้า  เขาก้าวเข้าไปหาช้าๆ
            คุณวนาถูกแสดงดึงดูดหายไปต่อหน้าต่อตาผม เธอพยายามต่อสู้จนสุดความสามารถแล้ว...ผมช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย ถ้าตอนนั้นพี่ต้นอยู่ด้วย  มันคงจะไม่เป็นแบบนี้
            “ใช่พี่มันโง่เองมาตลอด
            ชายหนุ่มพึมพำเบาๆ เขาเริ่มที่จะอ่านทุกสิ่งทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง
            “ทั้งหมดนี้เป็นแผนของคุณแตน ที่ร่วมมือกับหมอผีบุญปื๊ดพูดช้าๆ น้ำเสียงบ่งบอกถึงความไม่พอใจในการกระทำของแตน พวกเขากันพี่ต้นออกไป เพื่อจะได้จัดการ กับคุณวนาง่ายขึ้น
            “อุบาทว์ที่สุด!” 
            ต้นกันฟันกรอด  เหลือเห็นแตนกำลังเดินเข้าประตูมา ชายหนุ่มรีบลุกพรวดพราดไปหา
            “คุณทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน  บอกผมมาซิคุณแตน?”
            “พี่ต้นพูดอะไร  แตนไม่เข้าใจ?” 
\           หญิงสาวแกล้งตีหน้าเซ่อ  ทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว
            “เลิกเล่นละครตบตาเสียคุณแตน  ใครๆ เขารู้ความจริงกันหมดแล้วปื๊ดพูดโพล่งสอดขึ้นมา มองดูหญิงสาวด้วยสายตาแสดงความชิงชัง
            “ความจริงอะไร พูดดีๆ นะคุณปื๊ด อย่ามาใส่ความกันง่ายๆซี่หล่อนยังไม่ยอมถูกต้อนให้จนมุม
            “อย่าแกล้งไก๋ดีกว่าเจ๊ผมรู้นะว่าเจ๊มาทำดีกับคุณวนาเพื่ออะไรกัน เพราะต้องหารหลอกให้เธอตายใจ แล้วหาโอกาสจัดการทำลายเธอเสีย  จริงมั้ยล่ะ?”
            “ไม่จริงฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น!” หล่อนยืนกระต่ายขาเดียว
            “พอทีเถอะนะคุณแตนต้นชักรำคาญเต็มทน ที่เห็นหญิงสาวยังปากแข็งไม่ยอมรับความจริงคุณรู้ดีว่าถ้าผมอยู่ หมอบุญจะทำอะไรคุณวนาไม่ได้ เพราะเหตุนี้เอง คุณถึงได้คอยโยกโย้ถ่วงเวลาไม่ยอมให้ผมกลับ  จนแน่ใจว่าหมอบุญจัดการกับคุณวนาได้แล้ว ช่างเลือดเย็นจริงๆนะคุณแตน
            “แค่ผีตัวเดียว ทำไมพี่ต้นถึงต้องไปอีนังขังขอดกับมันด้วย แตนอยากจะรู้นัก?
            “เพราะว่าเขามีจิตใจดีกว่าคนบางคนเสียด้วยซ้ำไปน่ะซี  โดยเฉพาะคนที่ชอบทำอะไรเอาแต่ใจตัวเอง!”
            “พี่ต้นว่าแตนใช่มั้ยอย่าลืมนะว่าที่แตนทำลงไปเพราะแตนรักพี่ต้น แตนหวังดีไม่อยากให้พี่ต้นต้องเสียผู้เสียคนไปเพราะมัน”  
            หล่อนเหลืออด  ระเบิดความในใจที่มันอัดอั้นอยู่นานแล้วออกมา
            “คุณไม่เคยมองใครในแง่ดีเสียมั่งเลยนะ  คอยแต่จะจ้องจับผิดลูกเดียว  คราวนี้คุณทำเกินไป  ผมจะไม่มีวันยอมอภัยให้คุณอีกแล้ว
            “พี่ต้นกำลังหลงผิด ตาบอดมืดมัวเห็นอีนังผีนั่นมันดีกว่าแตน แตน….แตนน้อยใจจริงๆ”  หญิงสาวพูดน้ำเสียงปนสะอื้น ผิดด้วยหรือที่แตนจะปกป้องสิ่งที่แตนรักแตนหวงแหน  พี่ต้นนั่นแหละที่บีบบังคับให้แตน ต้องทำแบบนี้
            “กลับไปเสียเถอะครับคุณแตนผมไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก”   
            เขาออกปากไล่อย่างไม่เหลือเยื่อใย แตนขบริมฝีปากตัวเองจนแทบห้อเลือด น้ำตาแห่งความน้อยใจไหลพรากอาบแก้ม
            “ไม่ต้องมาไล่หรอกค่ะ แตนรู้ตัวดีว่าพี่ต้นน่ะไม่เคยรักแตนเลย ถึงแตนจะทำดียังไงพี่ต้นไม่เคยมองเห็น  ตลอดเลาที่เราคบกันมา  แตนต้องคอยเป็นฝ่ายเอ่ใจพี่ต้นสารพัดอย่าง  เพราะแตนน่ะรักพี่ต้นจนหมดใจ แต่ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว  แตนก็ทำใจได้ ขอให้ได้แก้แค้น ทำลายอีนังผีห่านั่นก็สะใจแตนพอแล้ว
            หล่อนสะบัดหน้าร้องไห้โฮ  วิ่งโครมครามออกไปจากห้อง ปื๊ดมองตามหลังไปแล้วยักไหล่ทำปากเชิด
            “ไปเลยไปคนอะไรก็ไม่รู้ ใจร้ายใจดำยังกะแม่มดไม่มีผิด แม้แต่ผียังจะหึงอีก ไม่เข้าท่าเลยแล้วนี่จะเอายังไงดีล่ะพี่ต้น?”  หันมาถามเอากับชายหนุ่ม
            “พี่ต้องสืบดูให้รู้ว่าหมอบุญทำอะไรกับคุณวนา บางทีอาจจะยังพอมีทางช่วยเธอได้
            “ป่านนี้ ไอ้หมอผีบ้านั่นไม่จับถ่วงน้ำไปแล้วเหรอพี่ต้น?”
            “คิดว่าไม่นะ เพราะคุณวนาเคยบอกว่า มันจะสะกดวิญญาณเธอเอาไว้กับต้นไม้
            “อ๋อถ้าเรารุ้ว่าเป็นต้นไม้ต้นไหน  ก็ช่วยปลดปล่อยคุณวนาออกมาได้  อย่างงั้นใช่ไหมพี่ต้น?” 
            ชายหนุ่มพยักหน้ารับแทนคำตอบ
            “แล้วพี่ต้นรู้หรือเปล่า  ว่าไอ้หมอบุญมันทำพิธีที่ไหน?”
            “ในป่าช้า
                        ************
            คืนนั้นทั้งคืน ต้นกับปื๊ดไม่ได้เป็นอันหลับอันนอนเที่ยวตระเวนซอกแซกไปตามป่าช้าในวัด เพื่อค้นหาต้นไม้ซึ่งอาจารย์บุญใช้เป็นที่สะกดดวงวิญญาณของวนา
            ตามปกติแล้ว ปื๊ดเป็นคนกลัวผีเอามากๆ แต่หลังจากที่ได้รู้จักสนิทสนมกับนางไม้สาวแล้ว  ความกลัวของเขาจึงลดถอน้อยลงไป
            เพราะความต้องการที่จะช่วยเหลือหล่อน เด็กหนุ่มกลับมีความกล้าขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ  รับอาสาเป็นคนขับมอเตอร์ไซด์ให้ต้นซ้อนท้าย ลุยเข้าไปถึงในป่าช้ากลางดึกกลางดื่นอย่างไม่รู้สึกกลัวเกรงเลยสักนิด
            หลังจากตระเวนดูมาแล้วหลายแห่ง  ยังไม่ได้เจอะไม่ได้เจอต้นไม้ที่น่าสงสัยเลยสักที   กระทั่งท้องฟ้าฃทางทิศตะวันออก  เริ่มทอแสงสว่างรำไรแล้ว
            เมื่อครั้งติดตามวนาไปต่อสู้กับอาจารย์บุญ  ต้นเคยห็นต้นไม้ที่ใช้ทำพิธีต้นนี้มาแล้ว  มันเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่มีผ้าแพรสีแดงพันโอบรอบอยู่  ถ้าได้เห็นอีกครั้ง  เขาต้องจำได้แน่
            “เจอหรือยังล่ะพี่ต้น?” 
             ปื๊ดถาม ขณะจอดมอเตอร์ไซด์รอ ให้ชายหนุ่มลงเดินสำรวจดูต้นไม้ในป่าช้าแห่งหนึ่ง
            “ยังเลยเขาสั่นหน้า ชักเริ่มมีอาการท้อแท้ ที่นี่ก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ
            “เราดูมาเกือบหมดทุกวัดในจังหวัดนนท์แล้วนะพี่ต้น
            “ปัญหามันอยู่ตรงที่  เราไม่รู้ว่าหมอบุญทำพิธีในป่าช้าไหนน่ะซี  ถึงต้องมางมโข่งกันอยู่แบบนี้
            “เอางี้มั้ยล่ะ ไปลากคอไอ้หมอผีนั่นมา แล้วเค้นเอาความจริงจากมัน ให้รู้เรื่องรู้ราวไปเสียเลย”  ปื๊ดเสนอความเห็น
            “ไม่มีประโยชน์หรอก  มันไม่มีทางยอมบอกเราแน่
            “ผมจะเกณฑ์พวกเพื่อนๆ ไปช่วยกันอัดมันเองไม่บอกก็ให้มันรู้ไปซี!”  
            เด็กหนุ่มแสดงอาการฮึกฮัด ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกรอดๆ นึกถึงความชั่วช้าของเจ้าหมอผีเฒ่าคนนี้แล้วให้รู้สึกคันไม้คันมือเต็มทน
            “ทำอย่างงั้นไม่ได้หรอก  ปื๊ดอย่าลืมนะว่า  มันเป็นหมอผีมีวิชาอาคม  อย่าไปเสี่ยงกับมันดีกว่า  เดี๋ยวทุกคนจะต้องพากันเดือดร้อนไปตามๆกัน
            “เออ  จริงด้วยแฮะ”  คำเตือนของพี่ต้นทำให้เด็กหนุ่มได้คิด ถ้าเกิดมันบ้าขึ้นมา เสกหนังควายเข้าท้องพวกเราล่ะก็ มีหวังยุ่งตายห่า!”
            “จะให้มันรู้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด  ว่าเรากำลังหาทางช่วยคุณวนา ถ้ามันรู้เข้า มันต้องขัดขวางเราแน่
            “แล้วเอาไงล่ะ หาเดาสุ่มไปอย่างงี้  เมื่อไหร่จะได้เจอเสียที?”
                        ************
            ปื๊ดกับต้นไปที่บ้านของตุ่ม แล้วเรื่องราวทั้งหมดก็ถูกถ่ายทอดสู่เด็กสาวหุ่นเจ้าเนื้อ
            “ตายจริง!...ยัยแตนไม่น่าเล่นกันรุนแรงขนาดนี้เลย”   
            หล่อนบอกผาง เมื่อได้รับรู้สิ่งที่เพื่อนกระทำต่อนางไม้สาว
            “ เพื่อนของคุณตุ่มคนนี้ จิตใจสกปรกโสมมที่สุดปื๊ดบอกอย่างเคืองๆ หลอกพวกเราจนตายใจ แล้วก็ลอบทำลายคุณวนาอย่างเลือกเย็น คนแบบนี้สมควรที่คุณตุ่มจะเลิกคบได้แล้ว
            “ตุ่มเสียใจที่หลงเชื่อยัยแตนเสียสนิท ไม่คิดเฉลียวใจเลยสักนิดว่าจะโดนหลอก ยัยแตนนะยัยแตนทำแสบจริงๆ!”
            “ถามจริงคุณแตนไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้คุณตุ่มฟังบ้างเลยหรือ?”
            “ไม่หรอกค่ะคุณปื๊ด มีแต่ครั้งรายหมอฉุยเท่านั้น ที่ยัยแตนมาชวนตุ่มไปเป็นเพื่อน ครั้งหลังสุดนี้ตุ่มไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ
            “แสดงว่าคุณแตนน่ะ  วางแผนไว้แยบยลมากเล่นละครตบตาได้แนบเนียบจริงๆ  ผมน่ะนึกเอะใจตั้งแต่แรกแล้ว สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ คุณแตนถึงไปทำดีกับคุณวนา ทั้งๆ ที่ขับเคี่ยวกันจะเอาเป็นเอาตาย เคยเตือนคุณวนาแล้วแต่เธอกลับไม่ยอมเชื่อ ผลถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้
            “เลิกพูดถึงเรื่องคุณแตนได้แล้ว”  ต้นปรามทั้งสองคน  ให้หันมาสนใจเฉพาะประเด็นที่จะช่วยเหลือนางไม้สาว ตุ่มรู้จักที่อยู่ของอาจารย์บุญมั่งหรือเปล่า?”
            “เปล่าค่ะพี่ต้นตุ่มรู้จักแต่บ้านของหมอฉุยคนเดียว
            “ถ้างั้นคงไม่มีประโชยน์อะไร เพราะสิ่งที่เราต้องการจะรู้ คือสถานที่ซึ่งอาจารย์บุญทำพิธีสะกดดวงวิญญาณของคุณวนาเอาไว้  กะจะให้ตุ่มไปหลอกถามเอาจากมัน  ถ้าเป็นแบบนี้คงคว้าน้ำเหลวอีกตามเคย
            ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก  เวลานี้ในสมองของเขาตื้อตันไปหมด  จนปัญญาที่จะคิดอ่านประการใด อีกต่อไป
            “ไม่หรอกนะพี่ต้น ตุ่มว่ายังพอมีทางที่จะช่วยคุณวนาได้อยู่
            “คืองี้นะ อีตาหมอฉุยจะต้องรู้จักที่อยู่ของอาจารย์บุญแน่ ตุ่มจะเป็นคนไปถามให้เอง
            “มันจะยอมบอกให้ง่ายๆเหรอคุณตุ่ม?” ปื๊ดแย้ง
            “เอาเถอะน่าตุ่มมีวิธีการของตุ่มแล้วกัน  เพื่อเป็นการไถ่บาป ที่ตุ่มมีส่วนร่วมชักจูงให้คุณวนาติดกับดักของยัยแตน  ตุ่นจะต้องหาทางล้วงความลับจากหมอฉุยเอามาให้ได้”  
            หญิงสาวบอกอย่างมั่นอกมั่นใจ