วันอังคารที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2560

เตียงนางไม้ ตอนที่ 43

43...


ทั้งหมอฉุยและเจ้าอ้นตั้งท่าจะบุกเข้ามาเล่นงานปื๊ดกับตุ่ม  ตามคำสั่งของอาจารย์บุญ  ต้นเห็นเช่นนั้น รีบกระชากดุ้นฟืนออกมาจากกองไฟ  พุ่งเข้ากวัดแกว่งสกัดขวางเอาไว้
อย่านะถอยออกไปถอยออกไป!
เพราะดุ้นฟืนที่กำลังติดไฟลุกโซนของชายหนุ่ม  ทำให้หมอฉุยกับเจ้าเด็กหนุ่มหน้าผีรู้สึกแขยงไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้
ช่วยกันดับไฟก่อน….เร็วเข้า!”  ต้นหันไปเตือนสติปื๊ดกับตุ่ม ทั้งคู่จึงรีบใช้กิ่งไม้ช่วยกันดับไฟ โดยมีชายหนุ่มถือดุ้นฟื้นคอยกันท่า ไม่ให้มีใครเข้ามาขัดขวาง
ยัยตุ่มอย่าไปช่วยมัน!แตนตะโกนห้ามเพื่อนสาว ปล่อยให้มันไหม้ไป .ถ้ามันหลุดออกมาได้  มันจะฆ่าพวกเรานะ!
ไม่จริงหรอก  คุณวนาไม่เคยคิดร้ายใครตุ่มตะโกนตอบ มือยังชุลมุนอยู่กับการดับไฟ หมอบุญนั่นแหละคิดจะฆ่าเรา ตัวยังไม่รู้อะไร….เราเกือบต้องตายเพราะหมอผีคนนี้  เสกผีดิบไปตามฆ่าเราแล้ว ดีว่ามีพระธุดงค์มาช่วยเราไว้ทัน!
จริงหรือนี่?”
 แตนตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าอาจารย์บุญจะกล้าทำถึงขนาดนี้
เฮ้ยไอ้เด็กเวร มันต้องกูเอง!
หมอผีเฒ่าแสดงอาการฮึดอัด ไม่พอใจที่ถูกฉีกหน้า แต่เหนือสิ่งอื่นใด จะยอมให้ใครปล่อยนางไม้สาวออกมาไม่ได้อย่างเด็ดขาด
รีบล้วงมือลงไปในย่าม หยิบถุงผ้าใบเล็กๆ ใบหนึ่งออกมา ดึงเชือกที่มัดปากถุงออก
จัดการฆ่าพวกมันให้หมด  โหงพรายของข้า!
สิ้นเสียงสั่ง  ที่ปากถุงพลันมีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมา  แล้วรวมตัวกันขึ้นเป็นรูปร่าง  เหมือนกับอสูรกาย หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว พุ่งตัวลอยละลิ่วเข้าหาต้นอย่างรวดเร็ว
ระวังนะพี่ต้น!”
ปื๊ดร้องเตือน  เห็นชายหนุ่มถือดุ้นฟืนในมือตั้งท่าเตรียมรับมืออย่างเต็มที่  พอเจ้าอสูรร้ายทะยานเข้ามา  เขารีบหวดดุ้นฟืนออกไปสุดแรง
เปรี๊ยะ!
ประกายไฟแตกกระจายว่อน  ดุ้นฟืนหักออกเป็นสองท่อนในท่อนในทันที   แต่อสูรร้ายยังไม่มีท่าทีสะดุ้งสะเทือน มันกางกงเล็บออกขยุ้มลงไปบนลำคอของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
อ๊ากกกกกซ์!
มีแสงสว่างวาบออกมาจากร่างของต้น ทำให้เจ้าอสูรร้ายต้องรีบปล่อยมือ แผดร้องลั่นอย่างเจ็บปวด
คงจะเป็นอำนาจใบไม้เสกของพระธุดงค์ชรานั่นเอง ที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์เช่นนี้ขึ้น  ปื๊ดเอามือตบที่กระเป๋าเสื้อหายหวาดกลัวอสูรที่อยู่ตรงหน้าอีกต่อไป
รีบปล่อยคุณวนาออกมาดีกว่าพี่ต้น ทางนี้ผมจัดการเอง!”  
เด็กหนุ่มถือกิ่งไม้วิ่งออกมาล่อเจ้าอสูรกายเอาไว้ มาซีวะ เก่งจริงมาจับกูซี่!   
เด็กหนุ่มร้องท้าเหยงๆ  แต่พวกมันไม่กล้าเข้ามาใกล้ คงกลัวว่าจะโดนแบบเดียวกัน รีบถอยกรูดกลับไป
ไม่รอช้าให้เสียเวลา ต้นวิ่งปราดไปที่กองไฟซึ่งสุมอยู่ใต้ต้นไม่ใหญ่ ตัดสินใจใช้เท้าถีบกองฟืนที่สุมอยู่นั้นแตกกระจายออกเป็นช่อง  โดยไม่นึกหวั่นเกรงว่าจะถูกเปลวไปอันร้อนแรงลวกเอา
เปลือกไม้รอบๆโคนต้นมีรอยถูกเผาไหม้เกรียม  แต่หมุดสนับเงินที่ปักตรึงอยู่กับลำต้น  ยังคงแลเห็นได้อย่างเด่นชัด
ชายหนุ่มล้วงเศษจีวรที่ได้มาจากพระธุดงค์ชราออกมาจากอกเสื้อฝ่าเปลวไฟก้าวเข้าไปประชิดต้นไม้
แล้วเอาเศษจีวรประกบลงตรงหัวหมุดนั้น  พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐาน
หลวงพ่อขอได้โปรดแผ่เมตตาบารมี  มาช่วยผมด้วยเถิดครับ
พยายามทำสมาธิให้แน่วแน่  กดเศษจีวรไว้กับหัวหมุด ไม่อีนังขังขอดกับเปลวไฟที่กำลังลามเลียลุกไหม้อยู่ใกล้ตัว
ครืน น น….เปรี้ยง!
เหมือนสวรรค์เป็นใจ  ฟ้าลั่มโครมครืนแล้วฝนก็เทกระหน่ำลงมาในบัดดล  
กองไฟค่อยๆ ดับมอดลงทันที  เมื่อโดนสายฝนซัดกระหน่ำ  ประกอบกับลมแรงที่พัดอู้มา  ร่างกายของทุกคนต่างเปียกปอนกันถ้วนหน้า
ความเย็นอันชุ่มฉ่ำ  ดับความร้อนรอบๆกายต้นมลายหายไปจนหมดสิ้น   ท่ามกลางสายฝน ที่เทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา  บังเกิดมีรัศมีสีเหลืองสว่างวาบออกมาจากเศษจีวรในอุ้งมือของต้น  จากนั้นหมุดสนับเงินจึงค่อยๆเคลื่อนตัวออกมาจากต้นไม้  ชายหนุ่มรีบถอนมันออกมาในทันที
คราวนี้มันช่างถอนออกได้ง่ายดายเสียนี่กระไร   เหมือนกับถูกปักเอาไว้กับหยวกกล้วย
วนาปรากฏกายขึ้นมา  สีหน้าดูอิดโรย  แต่ยังเรืองรองด้วยรัศมีแห่งเทพที่แผ่ออกมารอบกาย  ร่างนั้นซวนเซเล็กน้อย ทำท่าจะล้มลง
คุณวนา!”
ต้นรีบปราดเข้าประคอง  กายของนางไม้สาวร้อนผ่าว  เป็นเพราะถูกสุมไฟอยู่นาน  หล่อนคงได้รับความเจ็บปวดทรมานเอาการอยู่
ฆ่ามันซี่….รีบฆ่าพวกมันเดี๋ยวนี้!”   
เสียงอาจารย์บุญตะโกนสั่งฝ่าสายฝนอย่างฉุนเฉียว เจ้าอสูรกายซึ่งกำลังจดๆ จ้องๆ ด้วยความเข็ดเขี้ยว  รีบพุ่งทะยานเข้าหานางไม้สาว
มันจะต้องรีบฉกฉวยโอกาสในขณะที่นางไม้สาวยังได้รับบาดเจ็บอยู่นี้  บดขยี้ทำลายหล่อนเสียเพื่อเป็นการตัดกำลังของฝ่ายศัตรู
แต่เจ้าอสูรกายประเมินสถานการณ์ผิดไปอย่างถนัด สายฝนอันชุ่มฉ่ำทำให้ความร้อนในกายนางไม้สาวลดลงอย่างรวดเร็ว  หล่อนชำเลืองมองแวบหนึ่ง แล้วสะบัดนิ้วชี้ออกไป
วู่มมม!
ลูกไฟดวงใหญ่ขนาดลูกมะพร้าว  พุ่งออกจากปลายนิ้วของหล่อน ตรงเข้าปะทะร่างของเจ้าอสูรกายระเบิดแหลกเป็นจุลไปในพริบตา
มันไม่ทันได้ร้องออกมาเลยสักแอะเสียด้วยซ้ำไป    หมอผีเฒ่ายืนตะลึงไปชั่วขณะ  เริ่มมองเห็นลางหายนะมาเยือนอยู่ตรงหน้า  หากไม่รีบลงมือกำจัดหล่อนเสียเดี๋ยวนี้  จะไม่มีโอกาสได้ทำอะไรอีกต่อไปเลย
เห็นนางไม้สาวยังอยู่ในอาการโผเผ  มีต้นคอยช่วยประคองอยู่  อาจารย์บุญรีบดึงมีดหมออกมาจากย่าม ยกขึ้นจรดว่าคาถากำกับ  ตั้งใจจะเผด็จศึกลงให้ได้โดยเร็ว
มึงจะต้องพินาศด้วยมีดหมอของกู”  
ตวาดเสียงดังก้อง  พร้อมกับเงื้อมีดขึ้นสุดแขนหมายร่างนางไม้สาวเป็นเป้า
อย่านะ !
ต้นเอาตัวเองบังไว้  ร้องห้ามเสียงหลง  ด้วยอนุภาพขอความรักซึ่งเขามีต่อนางไม้สาว  ทำให้เขาไม่รู้สึกหวั่นเกรงต่อมีดหมอเลยแม้แต่น้อย  เขายอมที่จะสละชีวิตของตนเอง เพื่อปกป้องหล่อนเอาไว้
ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งหมอผีเฒ่าได้อีกต่อไปแล้ว  มีดหมอพร้อมที่จะถูกขว้างออกไป  โดยมินำพาต่อเสียงห้ามและการกระทำของต้น
“อยากเข้ามาขวางทางมีดเอง  ช่วยไม่ได้ !
ถ้าชายหนุ่มคนนี้ตายไปเสียคน จะไม่มีใครสามารถช่วยนางไม้สาวได้อีกต่อไป หมอผีเฒ่าคิดเช่นนั้น
ขยับมีดในมือเตรียมขว้างออกไป
โดยที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน  สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาที่ปลายมีดอย่างแรง  เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
เปรี้ยง !
ประกายไฟสว่างจ้าแลบแปล๊บปล๊าบจากมีดตรงเข้าสู่ร่างอาจารย์เฒ่า   ที่ยืนสะดุ้งเฮือกชูมีดค้าง
ร่างนั้นไหม้เกรียมดำเป็นตอตะโก  ค่อยๆเอนล้มหงายผลึ่งลงไป  ท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคนที่เห็นเหตุการณ์
หมอผีเฒ่าใจอำมหิต  ได้รับเคราะห์กรรมตามสนองทันตาเห็น
หนีเร็วพวกเรา !
ความกลัวแล่นเข้าจับขั้วหัวใจหมอฉุย  หากมัวชักช้ามีหวังต้องตายตามอาจารย์บุญไปแน่  รีบหันหลังกลับวิ่งฝ่าสายฝน  นำหน้าเจ้าอ้นโกยอ้าวออกไปอย่างรวดเร็ว
รอด้วย….รอแตนด้วย !
เหตุการณ์อันน่าสยองที่ได้เห็น  ทำให้แตนรู้สึกมือไม้อ่อนปวกเปียกไปหมด  ก้าวขาไม่ออก  ได้แต่ร้องโหวกเหวก  แต่ไม่มีใครสนใจ  ทั้งหมอฉุยกับเจ้าอ้นต่างตั้งหน้าตั้งตาหนีเอาตัวรอดไป
หันมาทางนางไม้สาว  เห็นหล่อนกำลังลุกขึ้นยืนก้าวเดินตรงมาหา  ยิ่งเกิดความกลัวจนลนลาน
ขยับก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว  แล้วเกิดสะดุดเอารากไม้ล้มลง
พื้นดินที่เฉอะแฉะไปด้วยน้ำฝน  ทำให้ร่างของหล่อนเปรอะเปื้อนดินโคลงจนมอมแมมไปหมดพยายามจะลุกขึ้น  แต่ไม่อาจทำได้ดังใจนึก
รู้สึกว่าขาทั้งสองข้างจะแข็งชา  หมดเรี่ยวหมดแรง ไม่สามารถพยุงกายลุกขึ้นยืนได้
อย่า อย่าทำอะไรฉันฉันกลัวแล้ว!
เห็นวนายังคงเดินทื่อเข้ามาหา แตน ตาเหลือกถลนด้วยความหวาดกลัว ได้แต่ถอถอยหนี เกลือกกลั้วไปตามโคลนตม
นึกในใจว่าคราวนี้  คงจะไม่รอดแล้วอย่างแน่นอน
ได้โปรดเถอะ ฉัน ฉันกลัวแล้วฉันกลัวแล้ว!
ทุกอย่างก้าวของนางไม้สาว  ซึ่งกำลังเดินฝ่าสายฝนตรงมาหาอย่างช้าๆ  เป็นภาพที่น่าสะพรึงกลัวสำหรับหญิงสาวยิ่งนัก
เหมือนเห็นพญามัจจุราช  ที่กำลังจะมาคร่าชีวิตหล่อนไม่มีผิด
อย่า อย่าเข้ามาอย่า!
เมื่อหมดปัญญาที่จะหนีแล้ว  แตนจึงยกมือปิดหน้านั่งรอความตายตัวสั่นงันงกอยู่ตรงนั้น
ท่าทางที่หวาดกลัว  จนแทบเป็นบ้าเป็นหลังของหญิงสาว  ทำให้วนาซึ่งกำลังเคืองแค้นอย่างหนักต้องหยุดชะงัก กลายเป็นรู้สึกสมเพชวทนาขึ้นมาแทนที่
นางไม้สาวยื่นมือออกไป แล้วบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน  
ลุกขึ้นมาเถอะค่ะคุณแตน
แทบไม่อยากเชื่อหูของตนเอง  หล่อนคิดว่าหูคงจะเฝื่อนไป  ค่อยๆ เอามือที่ปิดตาอยู่ออก  เงยหน้าขึ้นมอง   เห็นนางไม้สาวกำลังส่งยิ้มมาให้   แววตาที่จ้องมองหล่อนอยู่  เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นมิตร
เลอะเทอะหมดแล้ว….ลุกขึ้นมาเถอะค่ะคุณแตน
บอกพร้อมกับช่วยฉุดหญิงสาวให้ลุกขึ้นยืน  ดูซิคะ  มอมแมมหมดเลย
เธอ….เธอไม่ทำอะไรฉันแน่ะนะ?”   แตนยังไม่ค่อยแน่ใจนัก
ไม่หรอกค่ะคุณแตน   ขออย่างเดียว  สัญญาได้ไหมคะว่าคุณแตนจะไม่คิดร้ายกับวนาอีก?”
ค่ะๆ แตนเข็ดแล้ว ขอบคุณขอบคุณที่ไว้ชีวิตแตน!
รู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่อีกหนหนึ่ง  แตนรีบยกมือไหว้ตัวสั่น  แล้วหันหลังกลับวิ่งแน่บเต็มที่   ก่อนที่นางไม้สาวจะเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา
ต้น ตุ่มและปิ๊ดเห็นสถานการณ์คลี่คลายลงไปในทางที่ดี   ต่างรู้สึกตื้นตันในความมีน้ำใจของวนาพากันเดินเข้ามาหา
คุณวนาช่างใจดีจริงๆ”   ตุ่มออกปากชมซึ่งๆหน้า  ขนาดยัยแตนทำกับคุณถึงเพียงนี้  คุณยังมีใจอภัยให้อีก
อย่าไปคิดอะไรมากเลยค่ะ ทุกอย่างมันจบสิ้นลงไปแล้ว วนารู้ดีว่าเพราะความรักความหึงหวงในตัวคุณต้นเลยทำให้คุณแตนเข้าใจผิด  วนาไม่อยากถือสาหาความหรอกค่ะ
แล้วหมอฉุยล่ะ จะเอายังไงครับคุณวนา?”   ปื๊ดถามขึ้นบ้าง
ปล่อยเขาไปเถอะค่ะ หมอบุญก็ชดใช้กรรมไปแล้ว  เป็นบทเรียนที่พวกเขาจะต้องจดจำกันไปอีกนาน   คงไม่กล้าที่จะมาคิดร้ายกับวนาอีกนางไม้สาวรู้สึกมั่นใจเช่นนั้น
กลับกันดีกว่า    ฝนตกหนักเสียด้วย  เดี๋ยวจะไม่สบายกัน
ไม่มีท่าทีว่าฝนจะยอมหยุดตกง่ายๆ  ต้นจึงบอกกับทุกคน  วนาพยักหน้าเห็นด้วย
ถ้ามีใครมาเห็นเราอยู่กับศพหมอบุญ  จะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปเถอะค่ะคุณปื๊ด   วานช่วยไปส่งคุณตุ่มด้วย ไม่ต้องห่วงวนากับคุณต้น  เราหาทางกลับเองได้ขอบคุณทุกคนที่อุตส่าห์มีน้ำใจมาช่วยวนา
เด็กหนุ่มรับปาก  แล้วให้ตุ่มซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซด์ ขี่ฝ่าสายฝนออกไปจากป่าช้า
จับมือวนาไว้ให้แน่นๆนะคะ  วนาจะพาคุณต้นกลับไปที่ห้อง
นางไม้สาวยื่นมือให้ชายหนุ่มจับ  ตั้งสมาธิอยู่ชั่วครู่เดียว  ทั้งคู่ก็หายวับไปในทันที  
ทิ้งศพหมอผีเฒ่า  ให้นอนตากฝนอยู่อย่างโดดเดี่ยว  ในป่าช้าแห่งนั้น
                                           ************
แตนวิ่งมาตลอดทางไม่ได้หยุด  จนกระทั่งถึงเรือนอาจารย์บุญ  เห็นหมอฉุยกับเจ้าอ้น และโฉมศรีนั่งรวมกันเป็นกระจุก ตัวสั่นงันงกอยู่หน้าพระพุทธรูปที่ตั้งเรียงรายบนโต๊ะหมู่บูชา
ต๊าย  คุณแตน!...คุณพระคุณเจ้าช่วย  โฉมคิดว่าคุณแตนเสร็จมันไปซะแล้ว!”  
พอเห็นหน้าหล่อน สาวใหญ่เอะอะเสียงลั่นบ้าน  แข่งกับเสียงพายุฝน  เนี่ยกำลังเป็นห่วงอยู่พอดี….วานใครให้ช่วยไปดูก็ไม่มีใครยอมไป !
หมอฉุยกับอ้นนั่นแหละตัวดี   ทิ้งแตนหนีเอาตัวรอดมาดื้อๆ เลย”   หญิงสาวต่อว่าอย่างเคืองๆ  นั่งหอบจนตัวโยนด้วยความเหน็ดเหนื่อย  เนื้อตัวเปียกปอนมอมแมมไปหมด
โธ่  คุณแตน….ถ้าผมไม่รีบหนี  มีหวังโดนมันเล่นงานผมตายน่ะซีครับ”   หมอฉุยแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“แล้วนี่คุณแตนรอดมาได้ยังไงกัน?” โฉมศรีถามอย่างแปลกใจ เห็นหมอฉุยบอกว่ามันหลุดออกมาได้แล้ว
แตนไม่รู้เหมือนกันน้าโฉม อยู่ๆมันก็เกิดเปลี่ยนใจปล่อยแตนมา
 “หาแย่ล่ะซี!”  เด็กหนุ่มหน้าผีอุทานลั่น  มันอาจจะแกล้งปล่อยคุณแตน  แล้วสะกดรอยตามมาจัดการกับพวกเราให้หมดทุกคนก็ได้นะ….เร็ว!  รีบหนีกันเถอะ!”
อ้นตาลีตาลานจะลุกขึ้นแผ่นหนี
มึงจะไปไหนไอ้ปอดแหก?” หมอผีเฒ่ายึดแขนมันเอาไว้ “อยู่ที่นี่แหละ  มันไม่กล้าเข้ามาหรอก   ที่นี่มีแต่พระปลอดภัยที่สุดแล้ว  ถ้าขืนออกไปมึงมีหวังถูกมันหักคอตายแน่ไอ้อ้น!”
คงจะจริงอย่างที่หมอฉุยว่า  เจ้าอ้นยอมนั่งลงแต่โดยดี   เหลียวมองไปรอบๆตาล่อกแล่ก  ข้างนอกฝนกำลังตกหนัก  เสียงฟ้าร้องลั่นดังครืนๆ  สายฟ้าแลบแปล็บปลาบ  บรรยากาศช่างน่าสะพรึงกลัว
แล้วนี่เราจะทำยังไงกันดี  โธ่ ไม่น่าเลยสาวใหญ่โอดครวญ โฉมไม่น่าหาเหาใส่หัว  คิดไปตอแยกับมัน  ทีนี้มันคงจะโกรธแค้นคอยอาฆาตตามราวี   จนอยู่ไม่เป็นสุขกันแน่ล่ะ ตายแน่เลยโธ่เอ๊ย!”
อาจารย์ตายไปแล้ว  ทีนี้ใครจะเป็นคนปราบมันล่ะ?” เด็กหนุ่มหน้าผีปรารภอย่างหวาดกลัว
ต้องมีซี่!...เราต้องหาอาจารย์เก่งๆมาปราบมันให้ได้!
หมอฉุยยังไม่ยอมเลิกล้มความคิดที่จะจัดการกับนางไม้สาว  ทั้งๆที่ล้มเหลวมาแล้ว ไม่รู้ตั้งกี่ครั้งกี่หน
พอกันทีแตนเห็นจะไม่เอาด้วยอีกแล้ว!”    หญิงสาวพูดโพล่งขัดขึ้นมา  เราไม่มีวันเอาชนะมันได้หรอก อาจารย์บุญต้องตายอย่างน่าทุเรศแค่ไหนฉัน เห็นกับตา  อีนังนี่มันไม่ใช่ผีธรรมดา  ถ้าขืนไปยุ่งกับมันอีก ทีนี้มีหวังมันเอาเราตายแน่!
แต่ถ้าปล่อยเอาไว้ มันจะต้องตามมาคิดบัญชีกับเราเหมือนกันนะครับคุณแตน”  หมอฉุยให้วามเห็น
คงไม่หรอกนะ”  แตนสั่นหน้า  นึกถึงคำพูดของวนาที่กำชับเอาไว้ก่อนที่จะปล่อยตัวมา  ถ้าเราไม่ไปตอแยกับมันอีก  แตนติดว่า  มันคงจะไม่ยุ่งกับเราอย่างแน่นอน
คุณแตนเชื่ออย่างงั้นหรือคะ?”  โฉมศรีถามย้ำ
เชื่อซิน้าโฉม….ไม่งั้นมันคงไม่ปล่อยแตนมาหรอก
แล้วแล้วเรื่องคุณต้นล่ะ จะว่ายังไงคะ?”
แตนคิดว่าจะตัดใจ  เลิกยุ่งเกี่ยวกับพี่ต้นอีกต่อไปในเมื่อเขาไม่ได้รักแตน   ก็ป่วยการที่จะไปตามตื้อเขาอยู่อีก  ผู้ชายในโลกนี้  ไม่ได้มีแค่พี่ต้นเพียงคนเดียว”  
หญิงสาวพูดอย่างหนักแน่น  ชัดถ้อยชัดคำ
                               ************
ฝนขาดเม็ดไปนานแล้ว  เมื่อโฉมศรีกลับมาถึงอพาร์ตเม้นท์  ทิ้งไว้แต่ละอองหยาดน้ำ ที่เกาะอยู่ตามกิ่งไม้ใบหญ้า
พื้นดินเจิ่งนองไปด้วยน้ำ  ซึ่งยังคงตกค้างขังอยู่ตามแอ่ง  สะท้อนกับแสงในยามหัวค่ำ  แลดูเป็นประกายระยิบระยับ  ทุกครั้งที่หล่อนก้าวย่างเหยียบลงไป
สาวใหญ่หายใจหายคอแทบไม่ทั่วท้อง  เมื่อนึกขึ้นมาว่า  จะต้องกลับมายังที่ซึ่งนางไม้สิงสถิตอยู่ ใจคอไม่ค่อยสู้ดีขึ้นมาในทันที
เพราะหล่อนองที่เป็นตัวเจ้ากี้เจ้าการ  หาหมอผีมาทำพิธีขับไล่ตั้งแต่แรก  จนกลายเป็นเรื่องเป็นราวลุกลามไปใหญ่โต   เวลานี้นางไม้สาวถูกปลดปล่อยกลับมาแล้ว  และคงจะไม่ไปไหนนอกจากอยู่ในห้องของต้นนั่นเองแหละ   ถ้ายังมีความอาฆาตเคืองแค้นอยู่ล่ะ  หล่อนจะทำอย่างไร
คิดขึ้นมาแล้ว  ให้รู้สึกขนลุกขนพอง
ทั่วทั้งอพาร์ตเม้นท์เงียบวังเวงอย่างน่าประหลาด  ในห้องทำงานของหล่อนปิดไฟมือสนิท  ลุงม้วนกับแม่แจ่มก็ไม่รู้หายหัวไปอยู่เสียที่ไหน
ทำไมที่นี่จึงว่างเปล่า  ราวกับไม่มีผู้คนเอาเสียเลย   รีบสาวเท้าก้าวพรวดพราดไปที่ประตูกระจก  จะไขกุญแจเปิดเข้าไป  พลันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากลานจอดรถที่ใต้ถุน
       สาวใหญ่หันไปดูแล้วต้องสะดุ้งสุดตัว
       มีเงาร่างๆ หนึ่งโผล่พรวดออกมาจากในมุมมืด