วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2561

กิ้งก่าฟ้าร้อง ที่ภูเวียง ตอนที่ 2


กิ้งก่าฟ้าร้องที่ภูเวียง
โดย...เจิด จินตนา
ตอนที่ 2...



                                       เสียงเครื่องมือสกัดหินดังระงมไปทั้งภูประตูตีหมาในป่า เทือกเขาภูเวียง คณะนักสำรวจกลุ่มใหญ่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการสกัดเศษดินและหินออกจากซากฟอสซิลของไดโนเสาร์ยุคดึกดำบรรพ์ที่ขุดค้นพบ
                                       บริเวณที่ราบอันกว้างใหญ่ในหุบเขา ถูกขุดลงไปเป็นหลุมลึก กว้างและยาวหลายเมตร เผยให้เห็นซากโครงกระดูกของไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง ซึ่งถูกฝังเรียงรายอยู่ปะปนกับเศษดินและหินในหลุมนั้น
                                       ไทรันโนซอรัส...ใช่ไทรันโนซอรัสอย่างแน่นอนเลย
                                       ดร.โจเซฟ ดูบัวร์ ผู้เชี่ยวชาญซากดึกดำบรรพ์จากฝรั่งเศสบอกกับจักรกฤช หลังจากที่ค่อยๆ ใช้แปรงบรรจงปัดเศษฝุ่นออกจากกะโหลกศีรษะอันใหญ่โตที่กำลังถูกขุดแต่งอยู่
                                       เป็นพันธุ์เดียวกันกับทีเร็กซ์ ที่ขุดค้นพบในทวีปอเมริกาหรือเปล่าครับ ดอกเตอร์?
                                       ชายหนุ่มจากฝ่ายโบราณชีววิทยา กรมทรัพยากรธรณี เงยหน้าขึ้นถามอย่างกระตือรือร้นแกมตื่นเต้นสนอกสนใจ
                                       ทีเร็กซ์ก็คือไทรันโนซอรัสขนาดใหญ่ที่สุดในตระกูลนี้ เท่าที่มีการขุดค้นพบซากของมันมา
                                       ฉันไม่ค่อยแน่ใจนักหรอก แต่มันดูคล้ายกันมากอยู่เหมือนกัน นักสำรวจวัยกลางคนพูดภาษาไทยได้ปร๋อ ถึงจะไม่ค่อยชัดเจนนัก เพราะท่านคลุกคลีอยู่กับการค้นหาซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ในเมืองไทยมานานหลายปีแล้ว รูปร่างกับขนาดนั้นใกล้เคียงกันมาก บางทีเจ้าตัวนี้อาจจะเป็นญาติกับเจ้าทีเร็กซ์ก็ได้นะจักรกฤช
                                       ถ้าใช่จริง แสดงว่าทีเร็กซ์ไม่ใช่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาอย่างเดียว แต่มันยังเคยอาศัยอยู่ในทวีปเอเซียนี้ด้วยน่ะซีครับ
                                       ถูกแล้ว ดร.โจเซฟพยักหน้ารับ และเอามือตบไหล่ของชายหนุ่ม นี่นับว่าเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ของเราเลยทีเดียวนะ
                                       ดร.โจเซฟ มาดูทางนี้หน่อยซิครับ
                                       มีเสียงตะโกนขัดจังหวะความยินดีของคนทั้งสองดังสอดขึ้นมา ทำให้นักสำรวจวัยสูงอายุรีบผละจากจักรกฤชไปหา
                                       ผมคิดว่า เจ้าสิ่งนี้มันไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงกระดูกของไดโนเสาร์ตัวนี้เลยนะครับ
                                       บดินทร์ ผู้ช่วยของจักรกฤช ยกซากกระดูกท่อนหนึ่งส่งให้ผู้เชี่ยวชาญจากฝรั่งเศสดู มันมีขนาดยาวหนึ่งเมตรเศษ โค้งงอเล็กน้อย ปลายเรียวแหลม ดูจากลักษณะแล้ว เหมือนกับงาช้างหรือเขาของสัตว์มากกว่าที่จะเป็นกระดูกซี่โครงของไทรันโนซอรัส
                                       คุณเจอมันจากตรงส่วนไหนไม่ทราบครับ คุณบดินทร์?
                                       มันอยู่ปะปนกับส่วนกระดูกซี่โครง แถวบริเวณนี้แหละครับ บดินทร์ชี้ให้ดูตำแหน่งที่เขา
เจอกระดูกชิ้นนั้น ดูยังไง มันก็ไม่น่าจะเข้ากันได้กับชิ้นส่วนอื่นๆ ของกระดูกไดโนเสาร์ตัวนี้เลยครับ
                                       ถูกของคุณ มันไม่ใช่จริงๆ นั่นแหละ
                                       แล้วคิดว่ามันเป็นอะไรหรือครับ ดอกเตอร์?
                                       เห็นดร.โจเซฟยืนเพ่งพินิจกระดูกท่อนนั้นด้วยความสนใจเป็นนานสองนาน จักรกฤชจึงเข้ามาขอดูบ้าง และถามขึ้นมา
                                       เขาของไทรเซอราทอป
                                       แน่ใจหรือครับ?
                                       ไม่ผิดหรอก ดร.โจเซฟยืนยันด้วยความมั่นใจ นี่คือเขาข้างขวาของเจ้ายักษ์สามเขา ซึ่งมีขนาดลำตัวยาวไม่ต่ำกว่าหกเมตร น้ำหนักตัวอยู่ในราวๆ สิบสองตันเห็นจะได้
                                       ว๊าว...เจ๋งจริงๆ เลยครับดอกเตอร์ บดินทร์ออกปากชมอย่างรู้สึกทึ่งในความสามารถ แค่เขาอันเดียว ยังสามารถบอกได้ละเอียดยิบถึงเพียงนี้เชียวหรือครับ?
                                       นักโบราณชีววิทยาชาวฝรั่งเศสอมยิ้มเล็กน้อย ไม่พูดว่าอะไร เขาคลุกคลีอยู่กับซากสัตว์ดึกดำบรรพ์มานานหลายสิบปี จนมีความชำนาญถึงขั้นแค่มองด้วยสายตา ก็สามารถบ่งชี้ลงไปได้ว่า สิ่งที่เห็นอยู่นั้นมันคืออะไร
                                       นอกจากจะมีทีเร็กซ์แล้ว ในเมืองไทยยังมีไทรเซอราทอปอยู่อีกด้วย มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ เลยนะครับ จักรกฤชรู้สึกตื่นเต้นยินดีกับงานค้นพบในครั้งนี้ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
                                       มันน่าจะเป็นไปได้อยู่หรอก อย่าลืมซิว่า ในอดีตโลกของเราเคยเป็นแผ่นดินติดกันเป็นผืนใหญ่ ก่อนที่จะแยกออกจากกัน กลายมาเป็นแต่ละทวีปในทุกวันนี้ ชายวัยกลางคนผู้มีเส้นผมและหนวดเคราสีน้ำตาลอ่อนอธิบาย สัตว์ต่างๆ ในยุคนั้นจึงสามารถแพร่พันธุ์ กระจัดกระจายไปในที่ต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าเราจะพบซากของมันที่นี่
                                       แล้วไอ้เจ้าเขาของไทรเซอราทอปนี่ มันไปอยู่ในกองซากกระดูกของไทรันโนซอรัสได้ยังไง ช่วยบอกผมหน่อยเถอะครับดอกเตอร์ บดินทร์ยังข้องใจอยู่กับเรื่องนี้
                                       ที่เป็นเช่นนี้คงเพราะว่า ไดโนเสาร์ทั้งสองตัวนี้เกิดต่อสู้กันขึ้นเมื่อหนึ่งร้อยสี่สิบล้านปีก่อนนั่นเองแหละครับคุณบดินทร์ แล้วสาเหตุการตายของเจ้าทีเร็กซ์ มันน่าจะเนื่องมาจากเขาอันนี้เองแหละ
                                       จักรกฤชรับเขาของไทรเซอราทอปจาก ดร.โจเซฟมาพิจารณาดู
                                       เพื่อความแน่ใจว่าใช่เขาของไทรเซอราทอปจริงๆ ผมจะส่งกระดูกชิ้นนี้ไปทำการวิจัยที่สถาบันในฝรั่งเศสก่อนแล้วกันนะครับ
                                       เขาส่งต่อให้กับบดินทร์ เพื่อทำการห่อหุ้มด้วยปูนปาสเตอร์ให้เรียบร้อย ตามกรรมวิธีจัดเก็บซากฟอสซิล
                                       ************
                                       ฟลอร่ายืนอยู่ที่หน้าเต้นท์ผ้าใบหลังใหญ่ริมลำห้วย คอยชะเง้อคอมองไปในหุบเขาด้วยอาการที่กระวนกระวายใจ
                                       หล่อนมีผมสีบลอนซ์ นัยน์ตาสีฟ้า รูปร่างเพรียวสูงโปร่ง ดูสวยน่ารักแบบหญิงสาว
ชาวตะวันตกโดยทั่วๆ ไป สวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์แบบง่ายๆ เหมือนนักเดินทางที่พร้อมจะลุยไปได้ทุกหนแห่ง
                                       บริเวณนี้เป็นที่พักของคณะนักสำรวจขุดค้นซากฟอสซิล ซึ่งนอกจากจะมีเต้นท์พักแรมขนาดใหญ่สองหลังแล้ว ยังมีกระต๊อบปลูกอย่างหยาบๆ อีกห้าหลัง เรียงรายกันไปตามริมลำห้วยอีกด้วย
                                       พ่อ...!”
                                       นัยน์ตาของหญิงสาวเบิกกว้าง แสดงอาการดีใจ เมื่อ ดร.โจเซฟกับจักรกฤช เดินมาปรากฏให้เห็นต่อสายตา รีบสาวเท้าออกวิ่งตรงเข้าไปหาคนทั้งสอง
                                       ชายวัยกลางคนหยุดชะงักเล็กน้อย แล้วอ้าแขนรับหญิงสาวที่โผเข้ามาหา และสวมกอดด้วยความดีใจ จุมพิตเบาๆ ที่หน้าผากของหล่อน
                                       ฟลอร่าลูกรัก...มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ยะ?
                                       มาถึงสักพักใหญ่ๆ แล้วค่ะพ่อ ขอติดรถลุงสมานมา ออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้ามืด หล่อนผละออกจากอกผู้เป็นบิดา หันมายิ้มให้จักรกฤช ไงคะที่รัก...ไม่ดีใจเหรอที่เจอฟลอร่า?
                                       เธอมาที่นี่ทำไมกันน่ะ
                                       คิดถึงพี่น่ะซี่ ถามได้ ฟลอร่าโอบกอดเอวชายหนุ่มด้วยท่าทางประจบเอาใจ จักรกฤชมาภูเวียงเป็นอาทิตย์ ทิ้งฉันอยู่ที่บ้านกับลูกเหงาวังเวงอย่างสุดๆ
                                       ที่นี่มันทุรกันดารมากนะ อะไรก็ไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่กับบ้าน
                                       ฉันไม่เคยกลัวความลำบากเลยนะที่รัก เธอน่าจะรู้ดีใบหน้างอเง้าขึ้นมาทันทีที่ถูกสามีติติง
                                       แล้วลูกล่ะ?
                                       นอนหลับอยู่ในเต้นท์ กิ่งแก้วช่วยดูให้อยู่
                                       หล่อนบอก เมื่อเขาถามถึงลูก ชายหนุ่มจึงรีบผละเดินไปที่เต้นท์ เพื่อขอดูหน้าลูกสาวของเขา
                                       เพราะมีความสนใจทางด้านโบราณชีววิทยาเช่นเดียวกันกับพ่อ ฟลอร่าจึงติดตาม ดร.โจเซฟเข้ามาในเมืองไทย และได้มาพบรักกับจักรกฤชถึงขั้นแต่งงานอยู่กินด้วยกัน กระทั่งมีลูกสาวตัวน้อยๆ เป็นพยานรักร่วมกันคนหนึ่ง
                                       แม้จะต่างเชื้อชาติและศาสนา แต่ฟลอร่าและจักรกฤชนั้น มีความเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา
                                       แจนนิเฟอร์ลูกรักของพ่อ มามะ...ขอพ่ออุ้มหน่อย
                                       จักรกฤชตรงเข้าช้อนร่างของทารกน้อย ซึ่งกำลังนอนลืมตาแป๋วมองดูเขาอยู่บนเบาะ และอุ้มขึ้นมาแนบอกด้วยความรักใคร่ทะนุถนอม ซึ่งทารกน้อยวัยแค่หกเดือนแสดงอาการดีใจเมื่อเห็นเขา
                                       แหม...ยังกะนกรู้แน่ะค่ะ หนูเจนนี่ กิ่งแก้วซึ่งคอยนั่งเฝ้าดูแลเป็นพี่เลี้ยงอยู่ ออกปากพูดกระเซ้า พอรู้ว่าคุณพ่อมา รีบตื่นเลยเชียวนะคะ
                                       หลายคืนมานี่ เจนนี่ชอบตื่นมาร้องไห้โยเยกวนกลางดึก ฟลอร่าตามหลังชายหนุ่มเข้ามาในเต้นท์ พร้อมกับบิดาของหล่อน แกคงคิดถึงพ่อ ฉันเลยต้องพาแกมาด้วย
                                       เธอไม่น่าเอาลูกมาลำบากเลยนะฟลอร่า เจนนี่ยังเล็กมากอยู่ ถนนหนทางก็ไม่สะดวก ลูกอาจเจ็บป่วยไม่สบาย
                                       เอาเถอะน่า จักรกฤช อย่าไปตำหนิฟลอร่าเลยนะ
                                       เห็นหญิงสาวมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ดร.โจเซฟจึงขอเข้ามาสอดแทรก สั่นศีรษะเป็นเชิงปรามบุตรเขย ถ้าฟลอร่าไม่พาเจนนิเฟอร์มาด้วย แล้วใครจะช่วยดูแลล่ะ ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่กันแล้ว พูดไปคงไม่เกิดประโยชน์อะไรหรอกนะ
                                       ผมขอโทษครับดอกเตอร์ อาจเป็นเพราะผมรักเป็นห่วงลูกมากเกินไป เลยทำให้ผมวิตกจริตเกินเหตุ
                                       อย่าคิดมากไปเลย ที่นี่มีกิ่งแก้วคอยช่วยดูแลด้วยอีกทั้งคน เจนนี่คงไม่เป็นอะไรหรอก ส่งเจนนี่มาเถอะ ขอฉันเล่นกับหลานหน่อยเถอะนะ
                                       ครับ ดอกเตอร์
                                       จักรกฤชยอมส่งลูกสาวให้กับพ่อตาของเขาอย่างว่าง่าย ดร.โจเซฟจึงอุ้มเอาไปหยอกล้อเล่นด้วยความรักใคร่เอ็นดู และพาออกไปนอกเต้นท์ เพื่อเปิดโอกาสให้หนุ่มสาวได้พูดคุยกันตามลำพัง
                                       ขอโทษนะฟลอร่า ชายหนุ่มหันมามองสบตาภรรยา น้ำเสียงที่พูดกับหล่อนนุ่มนวลอ่อนโยนลง เมื่อรู้ว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด พี่คงจะรักลูกมากเกินไป เลยพลั้งเผลอพูดตำหนิ ทำลายน้ำใจเธอไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
                                       ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ที่รัก
                                       หล่อนค่อยยิ้มออกมาได้ โผเข้าหาเขาด้วยความดีใจ ยกแขนโอบไปรอบคอ แล้วประกบริมฝีปาก บรรจงประทับรอยจูบให้แก่กันอย่างซาบซึ้งดูดดึ่ม
                                       กิ่งแก้วซึ่งยังคงนั่งอยู่ในเต้นท์ พอเห็นเข้าเช่นนั้นรู้สึกอายม้วนจนหน้าแดงขึ้นมาป็นลูกตำลึงสุก ต้องค่อยๆ ขยับลุกขึ้น ถอยฉากหนีออกจากเต้นท์ไป
                                       *************
                                       อุ๊ย ต๊าย-ตาย!”
                                       มัวแต่เดินใจลอยเพราะความขวยเขินที่เห็นคนจูบกันในเต้นท์ กิ่งแก้วจึงเดินมาชนเข้ากับบดินทร์อย่างจัง เผลออุทานออกมาเสียงดัง พี่บดินทร์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ให้สุ้มให้เสียงกันบ้าง ตกใจหมดเลย
                                       พี่ยืนอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้วนะ ชายหนุ่มมองหน้าหล่อนอย่างแปลกใจ เห็นกิ่งแก้วแสดงอาการเหนียมอาย ยิ่งทำให้เกิดความสงสัย เป็นอะไรไปน่ะ กิ่งแก้ว?
                                       เปล่าๆ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พี่บดินทร์
                                       หญิงสาวสั่นศีรษะ แล้วเดินไปนั่งบนแคร่ไม้ไผ่หน้ากระต๊อบที่พัก ก้มหน้างุดหลบสายตาของเขา
                                       บดินทร์ตามมาหย่อนตัวลงนั่งข้างหล่อน เอามือเชยคางหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ให้เงยหน้ามามองสบตากัน
                                       ไม่มีอะไร แล้วทำไมต้องอายด้วยล่ะ พี่เห็นเธอออกมาจากเต้นท์คุณจักรกฤชแล้วเอาแต่
เดินก้มหน้าก้มตา...มีอะไรอย่างงั้นหรือ?
                                       แหม...เอ้อ...กิ่งแก้วเห็นคุณฟลอร่ากับคุณจักรกฤชจูจุ๊บกันต่อหน้าต่อตา มันรู้สึกจั๊กจี้ใจยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูกเลยจริงๆ
                                       โธ่เอ้ย มันเป็นเรื่องปรกติธรรมดาน่ะกิ่งแก้ว บดินทร์หัวเราะร่วนอย่างนึกขำ กับเรื่องที่หล่อนเล่าให้เขาฟัง คุณฟลอร่าเขาเป็นชาวตะวันตก ของแบบนี้เขาไม่ถือกันหรอกนะ ในที่สาธารณะเขายังกอดจูบกันให้เห็นอยู่ถมถืดไป
                                       แต่กิ่งแก้วเป็นคนบ้านนอก ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน มันรู้สึกอายยังไงไม่รู้
                                       อายทำไมกัน อีกหน่อยกิ่งแก้วก็จะชินไปเองแหละ เพราะมีพี่อยู่ด้วยทั้งคน
                                       ทำไมหรือคะ?
                                       ไม่ทำไมหรอก...พี่จะช่วยสอนกิ่งแก้วให้รู้จักจูบแบบชาวตะวันตก อย่างที่คุณฟลอร่ากับคุณจักรกฤชเค้าทำกันยังไงล่ะ
                                       บ้าจริงพี่บดินทร์ พูดอะไรไม่รู้
                                       หญิงสาวเอากำปั้นทุบที่หน้าอกเขาดังบึ้ก เลยถูกบดินทร์คว้าข้อมือเอาไว้ แล้วดึงร่างของหล่อนเข้ามากอด จะทำตามที่เขาบอกกับหล่อน ทำให้กิ่งแก้วยิ่งรู้สึกเขินอายหนักขึ้น ก้มหน้ามุดหนีเป็นพัลวัน
                                       กิ่งแก้วเป็นลูกสาวคนเดียวของลุงสม มีอาชีพทำไร่อยู่ที่บ้านโคกสูง เชิงเขาภูเวียง แต่ไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จเท่าไรนัก
                                       สองพ่อลูกจึงมาทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวให้กับคณะนักสำรวจทางโบราณชีววิทยา พอมีรายได้เลี้ยงตัวไปวันๆ
                                       ปีนี้กิ่งแก้วเพิ่งจะอายุสิบแปด กำลังเป็นสาวเต็มตัว และมีความงามเรียบๆ แบบสาวชนบทที่ใสซื่อบริสุทธิ์ และไร้จริตมารยา จึงเป็นที่หมายปองของบรรดาหนุ่มๆ ในหมู่บ้านแถบภูเวียงนี้ รวมนักธรณีชีววิทยาอย่างบดินทร์เข้าไปด้วยอีกคนหนึ่ง และนับว่าเป็นโชคดีของเขา ที่สาวงามบ้านป่าก็มีใจเอนเอียงมาทางเขาด้วย
                                       อย่าค่ะพี่บดินทร์ เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า
                                       ไม่มีใครมาหรอกน่ากิ่งแก้ว เธอจะอายอะไรกัน?
                                       บดินทร์ไม่ละความพยายามที่จะสอนบทจูบให้กับหล่อน กิ่งแก้วได้แต่ปัดป้องขัดขืนด้วยความเอียงอายตามวิสัยหญิง แต่เมื่อไม่สามารถดิ้นรนให้หลุดจากวงแขนที่กอดกระชับแน่นของเขาได้ หล่อนจึงต้องยอมโอนอ่อนผ่อนตาม
                                       ใจสาวเต้นระทึกเหมือนกลองรัว เมื่อริมฝีปากของเขาเลื่อนเข้ามาใกล้ หล่อนหลับตาพริ้มอย่างตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่จะโดนจูบจากชายคนรัก
                                       แต่ก่อนที่เขาจะประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากอันเอิบอิ่มของหล่อน ทั้งคู่ต้องรีบผละออกจากกัน เมื่อได้ยินเสียงรถแล่นดังแทรกเข้ามา
                                       รถตู้ของกรมทรัพยากรธรณีกำลังแล่นมาตามถนนดินลูกรัง และตรงเข้ามาจอดที่หน้ากระต๊อบบ้านพักของกิ่งแก้วพอดี ลุงสมเลื่อนประตูรถเปิดออก แล้วกวักมือเรียกลูกสาว
                                       อีกิ่ง...มาช่วยพ่อขนของลงจากรถเร็ว
                                       จ๊ะ พ่อ
                                       หญิงสาวรีบเข้าไปช่วยยกข้าวของสัมภาระที่ซื้อมาจากตลาดอำเภอภูเวียงลงจากรถตู้ ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารและของใช้ที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในป่า บดินทร์เห็นเช่นนั้นจึงต้องแสดงน้ำใจ เข้าไปช่วย
                                       ไงวะบดินทร์ คอยเป็นเงาตามตัวหนูกิ่งแก้วไม่ยอมห่างเลยเชียวนะ นายสมาน พนักงานขับรถตู้ เปิดประตูลงมาพูดแซวชายหนุ่ม นี่คงคิดจะมาเป็นลูกเขยพี่สมเค้าล่ะซี่
                                       โธ่...น้าหมาน ผมเห็นกิ่งแก้วเขาอยู่คนเดียว เลยแค่มาอยู่เป็นเพื่อนเท่านั้นเองแหละนะ ไม่มีอะไรหรอกบดินทร์แก้ตัวอย่างนึกเขินกับคำพูดของเพื่อนร่วมงานสูงวัย
                                       แกนี่ปากกับใจไม่ตรงกันเลยนะ ถ้ารักเขาชอบเขาก็สารภาพมาตามตรงเถอะ ไม่มีใครไปว่าอะไรแกเลยซักหน่อย
                                       นั่นน่ะซี่ครับ คุณบดินทร์ลุงสมพลอยพยักหน้าเข้าข้าง เห็นด้วยกับโชเฟอร์หนุ่มใหญ่ ขอให้รักลูกสาวของผมจริงๆ เถอะ เรื่องสินสอดทองหมั้นผมไม่มีเกี่ยงงอนอยู่แล้ว ไม่มีก็ไม่ว่ากัน
                                       เอ๊ะ! พ่อ กิ่งแก้วหันมามองค้อนพ่อทำตาเขียว นี่พ่อจะเอาฉันไปเที่ยวยกให้ใครง่ายๆ ได้ยังไงกัน ฉันไม่ใช่ลูกหมาลูกแมวนะ
                                       เออๆ...งั้นถ้าคุณบดินทร์เขามาสู่ขอเอ็ง ข้าจะไม่ยกให้เขาก็แล้วกันนะอีกิ่ง
                                       ลองดูซิพ่อ ฉันจะอาละวาดให้น่าดูเลยเชียว
                                       อ้าว...นี่เอ็งจะเอายังไงกันแน่วะ?
                                       ชายสูงอายุทำหน้างง เห็นแล้วบดินทร์กับนายสมานอดหัวเราะร่วนด้วยความนึกขำในตัวพ่อลูกคู่นี้ไม่ได้
                                       แล้วนี่กิ่งแก้วไม่ไปอยู่ช่วยดูแลคุณหนูเจนนิเฟอร์หรอกหรือ? นายสมานเลิกพูดกระเซ้าเล่น หันมาถามอย่างเป็นงานเป็นการ
                                       ดร.โจเซฟอุ้มหลานออกไปเดินเล่น คุณจักรกฤชกลับมาแล้ว ฉันเลยไม่อยากอยู่เกะกะในเต้นท์นั่นน่ะน้าหมาน
                                       งั้นดีล่ะ เอ็งเตรียมตัวไปทำกับข้าวได้แล้ว เดี๋ยวมันจะมืดค่ำเสียก่อน ลุงสมจัดแจงสั่งกับลูกสาว แล้วอย่าลืมต้มน้ำร้อนไว้ชงนมให้คุณหนูเจนนิเฟอร์ด้วยล่ะ
                                       จ๊ะ พ่อ
                                       หญิงสาวพยักหน้ารับคำ แล้วรีบไปทำตามคำสั่ง ลุงสมจึงนั่งลงที่แคร่ แล้วหันไปทางนายสมาน
                                       เย็นนี้มีใครจะใช้เอ็งขับรถไปไหนอีกรึเปล่าวะ ไอ้หมาน?
                                       ไม่มีแล้วมั้งพี่สม ค่ำมืดแล้ว คงไม่มีใครคิดอยากไปไหนกันอีก
                                       งั้นเหมะเลย...เอ็งกับข้ามาตั้งวงกัน ข้าซื้อไอ้นี่มาจากตลาดด้วยนะโว้ย
                                       ชายสูงอายุล้วงขวดเหล้าขาวจากถุงกระดาษออกมาชูอวด