วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2561

กิ้งก่าฟ้าร้อง ที่ภูเวียง ตอนที่ 2


กิ้งก่าฟ้าร้องที่ภูเวียง
โดย...เจิด จินตนา
ตอนที่ 2...



                                       เสียงเครื่องมือสกัดหินดังระงมไปทั้งภูประตูตีหมาในป่า เทือกเขาภูเวียง คณะนักสำรวจกลุ่มใหญ่กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการสกัดเศษดินและหินออกจากซากฟอสซิลของไดโนเสาร์ยุคดึกดำบรรพ์ที่ขุดค้นพบ
                                       บริเวณที่ราบอันกว้างใหญ่ในหุบเขา ถูกขุดลงไปเป็นหลุมลึก กว้างและยาวหลายเมตร เผยให้เห็นซากโครงกระดูกของไดโนเสาร์ขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง ซึ่งถูกฝังเรียงรายอยู่ปะปนกับเศษดินและหินในหลุมนั้น
                                       ไทรันโนซอรัส...ใช่ไทรันโนซอรัสอย่างแน่นอนเลย
                                       ดร.โจเซฟ ดูบัวร์ ผู้เชี่ยวชาญซากดึกดำบรรพ์จากฝรั่งเศสบอกกับจักรกฤช หลังจากที่ค่อยๆ ใช้แปรงบรรจงปัดเศษฝุ่นออกจากกะโหลกศีรษะอันใหญ่โตที่กำลังถูกขุดแต่งอยู่
                                       เป็นพันธุ์เดียวกันกับทีเร็กซ์ ที่ขุดค้นพบในทวีปอเมริกาหรือเปล่าครับ ดอกเตอร์?
                                       ชายหนุ่มจากฝ่ายโบราณชีววิทยา กรมทรัพยากรธรณี เงยหน้าขึ้นถามอย่างกระตือรือร้นแกมตื่นเต้นสนอกสนใจ
                                       ทีเร็กซ์ก็คือไทรันโนซอรัสขนาดใหญ่ที่สุดในตระกูลนี้ เท่าที่มีการขุดค้นพบซากของมันมา
                                       ฉันไม่ค่อยแน่ใจนักหรอก แต่มันดูคล้ายกันมากอยู่เหมือนกัน นักสำรวจวัยกลางคนพูดภาษาไทยได้ปร๋อ ถึงจะไม่ค่อยชัดเจนนัก เพราะท่านคลุกคลีอยู่กับการค้นหาซากสัตว์ดึกดำบรรพ์ในเมืองไทยมานานหลายปีแล้ว รูปร่างกับขนาดนั้นใกล้เคียงกันมาก บางทีเจ้าตัวนี้อาจจะเป็นญาติกับเจ้าทีเร็กซ์ก็ได้นะจักรกฤช
                                       ถ้าใช่จริง แสดงว่าทีเร็กซ์ไม่ใช่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาอย่างเดียว แต่มันยังเคยอาศัยอยู่ในทวีปเอเซียนี้ด้วยน่ะซีครับ
                                       ถูกแล้ว ดร.โจเซฟพยักหน้ารับ และเอามือตบไหล่ของชายหนุ่ม นี่นับว่าเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่ของเราเลยทีเดียวนะ
                                       ดร.โจเซฟ มาดูทางนี้หน่อยซิครับ
                                       มีเสียงตะโกนขัดจังหวะความยินดีของคนทั้งสองดังสอดขึ้นมา ทำให้นักสำรวจวัยสูงอายุรีบผละจากจักรกฤชไปหา
                                       ผมคิดว่า เจ้าสิ่งนี้มันไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงกระดูกของไดโนเสาร์ตัวนี้เลยนะครับ
                                       บดินทร์ ผู้ช่วยของจักรกฤช ยกซากกระดูกท่อนหนึ่งส่งให้ผู้เชี่ยวชาญจากฝรั่งเศสดู มันมีขนาดยาวหนึ่งเมตรเศษ โค้งงอเล็กน้อย ปลายเรียวแหลม ดูจากลักษณะแล้ว เหมือนกับงาช้างหรือเขาของสัตว์มากกว่าที่จะเป็นกระดูกซี่โครงของไทรันโนซอรัส
                                       คุณเจอมันจากตรงส่วนไหนไม่ทราบครับ คุณบดินทร์?
                                       มันอยู่ปะปนกับส่วนกระดูกซี่โครง แถวบริเวณนี้แหละครับ บดินทร์ชี้ให้ดูตำแหน่งที่เขา
เจอกระดูกชิ้นนั้น ดูยังไง มันก็ไม่น่าจะเข้ากันได้กับชิ้นส่วนอื่นๆ ของกระดูกไดโนเสาร์ตัวนี้เลยครับ
                                       ถูกของคุณ มันไม่ใช่จริงๆ นั่นแหละ
                                       แล้วคิดว่ามันเป็นอะไรหรือครับ ดอกเตอร์?
                                       เห็นดร.โจเซฟยืนเพ่งพินิจกระดูกท่อนนั้นด้วยความสนใจเป็นนานสองนาน จักรกฤชจึงเข้ามาขอดูบ้าง และถามขึ้นมา
                                       เขาของไทรเซอราทอป
                                       แน่ใจหรือครับ?
                                       ไม่ผิดหรอก ดร.โจเซฟยืนยันด้วยความมั่นใจ นี่คือเขาข้างขวาของเจ้ายักษ์สามเขา ซึ่งมีขนาดลำตัวยาวไม่ต่ำกว่าหกเมตร น้ำหนักตัวอยู่ในราวๆ สิบสองตันเห็นจะได้
                                       ว๊าว...เจ๋งจริงๆ เลยครับดอกเตอร์ บดินทร์ออกปากชมอย่างรู้สึกทึ่งในความสามารถ แค่เขาอันเดียว ยังสามารถบอกได้ละเอียดยิบถึงเพียงนี้เชียวหรือครับ?
                                       นักโบราณชีววิทยาชาวฝรั่งเศสอมยิ้มเล็กน้อย ไม่พูดว่าอะไร เขาคลุกคลีอยู่กับซากสัตว์ดึกดำบรรพ์มานานหลายสิบปี จนมีความชำนาญถึงขั้นแค่มองด้วยสายตา ก็สามารถบ่งชี้ลงไปได้ว่า สิ่งที่เห็นอยู่นั้นมันคืออะไร
                                       นอกจากจะมีทีเร็กซ์แล้ว ในเมืองไทยยังมีไทรเซอราทอปอยู่อีกด้วย มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ เลยนะครับ จักรกฤชรู้สึกตื่นเต้นยินดีกับงานค้นพบในครั้งนี้ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
                                       มันน่าจะเป็นไปได้อยู่หรอก อย่าลืมซิว่า ในอดีตโลกของเราเคยเป็นแผ่นดินติดกันเป็นผืนใหญ่ ก่อนที่จะแยกออกจากกัน กลายมาเป็นแต่ละทวีปในทุกวันนี้ ชายวัยกลางคนผู้มีเส้นผมและหนวดเคราสีน้ำตาลอ่อนอธิบาย สัตว์ต่างๆ ในยุคนั้นจึงสามารถแพร่พันธุ์ กระจัดกระจายไปในที่ต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ถ้าเราจะพบซากของมันที่นี่
                                       แล้วไอ้เจ้าเขาของไทรเซอราทอปนี่ มันไปอยู่ในกองซากกระดูกของไทรันโนซอรัสได้ยังไง ช่วยบอกผมหน่อยเถอะครับดอกเตอร์ บดินทร์ยังข้องใจอยู่กับเรื่องนี้
                                       ที่เป็นเช่นนี้คงเพราะว่า ไดโนเสาร์ทั้งสองตัวนี้เกิดต่อสู้กันขึ้นเมื่อหนึ่งร้อยสี่สิบล้านปีก่อนนั่นเองแหละครับคุณบดินทร์ แล้วสาเหตุการตายของเจ้าทีเร็กซ์ มันน่าจะเนื่องมาจากเขาอันนี้เองแหละ
                                       จักรกฤชรับเขาของไทรเซอราทอปจาก ดร.โจเซฟมาพิจารณาดู
                                       เพื่อความแน่ใจว่าใช่เขาของไทรเซอราทอปจริงๆ ผมจะส่งกระดูกชิ้นนี้ไปทำการวิจัยที่สถาบันในฝรั่งเศสก่อนแล้วกันนะครับ
                                       เขาส่งต่อให้กับบดินทร์ เพื่อทำการห่อหุ้มด้วยปูนปาสเตอร์ให้เรียบร้อย ตามกรรมวิธีจัดเก็บซากฟอสซิล
                                       ************
                                       ฟลอร่ายืนอยู่ที่หน้าเต้นท์ผ้าใบหลังใหญ่ริมลำห้วย คอยชะเง้อคอมองไปในหุบเขาด้วยอาการที่กระวนกระวายใจ
                                       หล่อนมีผมสีบลอนซ์ นัยน์ตาสีฟ้า รูปร่างเพรียวสูงโปร่ง ดูสวยน่ารักแบบหญิงสาว
ชาวตะวันตกโดยทั่วๆ ไป สวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์แบบง่ายๆ เหมือนนักเดินทางที่พร้อมจะลุยไปได้ทุกหนแห่ง
                                       บริเวณนี้เป็นที่พักของคณะนักสำรวจขุดค้นซากฟอสซิล ซึ่งนอกจากจะมีเต้นท์พักแรมขนาดใหญ่สองหลังแล้ว ยังมีกระต๊อบปลูกอย่างหยาบๆ อีกห้าหลัง เรียงรายกันไปตามริมลำห้วยอีกด้วย
                                       พ่อ...!”
                                       นัยน์ตาของหญิงสาวเบิกกว้าง แสดงอาการดีใจ เมื่อ ดร.โจเซฟกับจักรกฤช เดินมาปรากฏให้เห็นต่อสายตา รีบสาวเท้าออกวิ่งตรงเข้าไปหาคนทั้งสอง
                                       ชายวัยกลางคนหยุดชะงักเล็กน้อย แล้วอ้าแขนรับหญิงสาวที่โผเข้ามาหา และสวมกอดด้วยความดีใจ จุมพิตเบาๆ ที่หน้าผากของหล่อน
                                       ฟลอร่าลูกรัก...มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ยะ?
                                       มาถึงสักพักใหญ่ๆ แล้วค่ะพ่อ ขอติดรถลุงสมานมา ออกจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้ามืด หล่อนผละออกจากอกผู้เป็นบิดา หันมายิ้มให้จักรกฤช ไงคะที่รัก...ไม่ดีใจเหรอที่เจอฟลอร่า?
                                       เธอมาที่นี่ทำไมกันน่ะ
                                       คิดถึงพี่น่ะซี่ ถามได้ ฟลอร่าโอบกอดเอวชายหนุ่มด้วยท่าทางประจบเอาใจ จักรกฤชมาภูเวียงเป็นอาทิตย์ ทิ้งฉันอยู่ที่บ้านกับลูกเหงาวังเวงอย่างสุดๆ
                                       ที่นี่มันทุรกันดารมากนะ อะไรก็ไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่กับบ้าน
                                       ฉันไม่เคยกลัวความลำบากเลยนะที่รัก เธอน่าจะรู้ดีใบหน้างอเง้าขึ้นมาทันทีที่ถูกสามีติติง
                                       แล้วลูกล่ะ?
                                       นอนหลับอยู่ในเต้นท์ กิ่งแก้วช่วยดูให้อยู่
                                       หล่อนบอก เมื่อเขาถามถึงลูก ชายหนุ่มจึงรีบผละเดินไปที่เต้นท์ เพื่อขอดูหน้าลูกสาวของเขา
                                       เพราะมีความสนใจทางด้านโบราณชีววิทยาเช่นเดียวกันกับพ่อ ฟลอร่าจึงติดตาม ดร.โจเซฟเข้ามาในเมืองไทย และได้มาพบรักกับจักรกฤชถึงขั้นแต่งงานอยู่กินด้วยกัน กระทั่งมีลูกสาวตัวน้อยๆ เป็นพยานรักร่วมกันคนหนึ่ง
                                       แม้จะต่างเชื้อชาติและศาสนา แต่ฟลอร่าและจักรกฤชนั้น มีความเข้าอกเข้าใจกันเป็นอย่างดี และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา
                                       แจนนิเฟอร์ลูกรักของพ่อ มามะ...ขอพ่ออุ้มหน่อย
                                       จักรกฤชตรงเข้าช้อนร่างของทารกน้อย ซึ่งกำลังนอนลืมตาแป๋วมองดูเขาอยู่บนเบาะ และอุ้มขึ้นมาแนบอกด้วยความรักใคร่ทะนุถนอม ซึ่งทารกน้อยวัยแค่หกเดือนแสดงอาการดีใจเมื่อเห็นเขา
                                       แหม...ยังกะนกรู้แน่ะค่ะ หนูเจนนี่ กิ่งแก้วซึ่งคอยนั่งเฝ้าดูแลเป็นพี่เลี้ยงอยู่ ออกปากพูดกระเซ้า พอรู้ว่าคุณพ่อมา รีบตื่นเลยเชียวนะคะ
                                       หลายคืนมานี่ เจนนี่ชอบตื่นมาร้องไห้โยเยกวนกลางดึก ฟลอร่าตามหลังชายหนุ่มเข้ามาในเต้นท์ พร้อมกับบิดาของหล่อน แกคงคิดถึงพ่อ ฉันเลยต้องพาแกมาด้วย
                                       เธอไม่น่าเอาลูกมาลำบากเลยนะฟลอร่า เจนนี่ยังเล็กมากอยู่ ถนนหนทางก็ไม่สะดวก ลูกอาจเจ็บป่วยไม่สบาย
                                       เอาเถอะน่า จักรกฤช อย่าไปตำหนิฟลอร่าเลยนะ
                                       เห็นหญิงสาวมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก ดร.โจเซฟจึงขอเข้ามาสอดแทรก สั่นศีรษะเป็นเชิงปรามบุตรเขย ถ้าฟลอร่าไม่พาเจนนิเฟอร์มาด้วย แล้วใครจะช่วยดูแลล่ะ ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่กันแล้ว พูดไปคงไม่เกิดประโยชน์อะไรหรอกนะ
                                       ผมขอโทษครับดอกเตอร์ อาจเป็นเพราะผมรักเป็นห่วงลูกมากเกินไป เลยทำให้ผมวิตกจริตเกินเหตุ
                                       อย่าคิดมากไปเลย ที่นี่มีกิ่งแก้วคอยช่วยดูแลด้วยอีกทั้งคน เจนนี่คงไม่เป็นอะไรหรอก ส่งเจนนี่มาเถอะ ขอฉันเล่นกับหลานหน่อยเถอะนะ
                                       ครับ ดอกเตอร์
                                       จักรกฤชยอมส่งลูกสาวให้กับพ่อตาของเขาอย่างว่าง่าย ดร.โจเซฟจึงอุ้มเอาไปหยอกล้อเล่นด้วยความรักใคร่เอ็นดู และพาออกไปนอกเต้นท์ เพื่อเปิดโอกาสให้หนุ่มสาวได้พูดคุยกันตามลำพัง
                                       ขอโทษนะฟลอร่า ชายหนุ่มหันมามองสบตาภรรยา น้ำเสียงที่พูดกับหล่อนนุ่มนวลอ่อนโยนลง เมื่อรู้ว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด พี่คงจะรักลูกมากเกินไป เลยพลั้งเผลอพูดตำหนิ ทำลายน้ำใจเธอไปโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
                                       ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ที่รัก
                                       หล่อนค่อยยิ้มออกมาได้ โผเข้าหาเขาด้วยความดีใจ ยกแขนโอบไปรอบคอ แล้วประกบริมฝีปาก บรรจงประทับรอยจูบให้แก่กันอย่างซาบซึ้งดูดดึ่ม
                                       กิ่งแก้วซึ่งยังคงนั่งอยู่ในเต้นท์ พอเห็นเข้าเช่นนั้นรู้สึกอายม้วนจนหน้าแดงขึ้นมาป็นลูกตำลึงสุก ต้องค่อยๆ ขยับลุกขึ้น ถอยฉากหนีออกจากเต้นท์ไป
                                       *************
                                       อุ๊ย ต๊าย-ตาย!”
                                       มัวแต่เดินใจลอยเพราะความขวยเขินที่เห็นคนจูบกันในเต้นท์ กิ่งแก้วจึงเดินมาชนเข้ากับบดินทร์อย่างจัง เผลออุทานออกมาเสียงดัง พี่บดินทร์มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ให้สุ้มให้เสียงกันบ้าง ตกใจหมดเลย
                                       พี่ยืนอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้วนะ ชายหนุ่มมองหน้าหล่อนอย่างแปลกใจ เห็นกิ่งแก้วแสดงอาการเหนียมอาย ยิ่งทำให้เกิดความสงสัย เป็นอะไรไปน่ะ กิ่งแก้ว?
                                       เปล่าๆ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พี่บดินทร์
                                       หญิงสาวสั่นศีรษะ แล้วเดินไปนั่งบนแคร่ไม้ไผ่หน้ากระต๊อบที่พัก ก้มหน้างุดหลบสายตาของเขา
                                       บดินทร์ตามมาหย่อนตัวลงนั่งข้างหล่อน เอามือเชยคางหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ให้เงยหน้ามามองสบตากัน
                                       ไม่มีอะไร แล้วทำไมต้องอายด้วยล่ะ พี่เห็นเธอออกมาจากเต้นท์คุณจักรกฤชแล้วเอาแต่
เดินก้มหน้าก้มตา...มีอะไรอย่างงั้นหรือ?
                                       แหม...เอ้อ...กิ่งแก้วเห็นคุณฟลอร่ากับคุณจักรกฤชจูจุ๊บกันต่อหน้าต่อตา มันรู้สึกจั๊กจี้ใจยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูกเลยจริงๆ
                                       โธ่เอ้ย มันเป็นเรื่องปรกติธรรมดาน่ะกิ่งแก้ว บดินทร์หัวเราะร่วนอย่างนึกขำ กับเรื่องที่หล่อนเล่าให้เขาฟัง คุณฟลอร่าเขาเป็นชาวตะวันตก ของแบบนี้เขาไม่ถือกันหรอกนะ ในที่สาธารณะเขายังกอดจูบกันให้เห็นอยู่ถมถืดไป
                                       แต่กิ่งแก้วเป็นคนบ้านนอก ไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน มันรู้สึกอายยังไงไม่รู้
                                       อายทำไมกัน อีกหน่อยกิ่งแก้วก็จะชินไปเองแหละ เพราะมีพี่อยู่ด้วยทั้งคน
                                       ทำไมหรือคะ?
                                       ไม่ทำไมหรอก...พี่จะช่วยสอนกิ่งแก้วให้รู้จักจูบแบบชาวตะวันตก อย่างที่คุณฟลอร่ากับคุณจักรกฤชเค้าทำกันยังไงล่ะ
                                       บ้าจริงพี่บดินทร์ พูดอะไรไม่รู้
                                       หญิงสาวเอากำปั้นทุบที่หน้าอกเขาดังบึ้ก เลยถูกบดินทร์คว้าข้อมือเอาไว้ แล้วดึงร่างของหล่อนเข้ามากอด จะทำตามที่เขาบอกกับหล่อน ทำให้กิ่งแก้วยิ่งรู้สึกเขินอายหนักขึ้น ก้มหน้ามุดหนีเป็นพัลวัน
                                       กิ่งแก้วเป็นลูกสาวคนเดียวของลุงสม มีอาชีพทำไร่อยู่ที่บ้านโคกสูง เชิงเขาภูเวียง แต่ไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จเท่าไรนัก
                                       สองพ่อลูกจึงมาทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวให้กับคณะนักสำรวจทางโบราณชีววิทยา พอมีรายได้เลี้ยงตัวไปวันๆ
                                       ปีนี้กิ่งแก้วเพิ่งจะอายุสิบแปด กำลังเป็นสาวเต็มตัว และมีความงามเรียบๆ แบบสาวชนบทที่ใสซื่อบริสุทธิ์ และไร้จริตมารยา จึงเป็นที่หมายปองของบรรดาหนุ่มๆ ในหมู่บ้านแถบภูเวียงนี้ รวมนักธรณีชีววิทยาอย่างบดินทร์เข้าไปด้วยอีกคนหนึ่ง และนับว่าเป็นโชคดีของเขา ที่สาวงามบ้านป่าก็มีใจเอนเอียงมาทางเขาด้วย
                                       อย่าค่ะพี่บดินทร์ เดี๋ยวมีใครมาเห็นเข้า
                                       ไม่มีใครมาหรอกน่ากิ่งแก้ว เธอจะอายอะไรกัน?
                                       บดินทร์ไม่ละความพยายามที่จะสอนบทจูบให้กับหล่อน กิ่งแก้วได้แต่ปัดป้องขัดขืนด้วยความเอียงอายตามวิสัยหญิง แต่เมื่อไม่สามารถดิ้นรนให้หลุดจากวงแขนที่กอดกระชับแน่นของเขาได้ หล่อนจึงต้องยอมโอนอ่อนผ่อนตาม
                                       ใจสาวเต้นระทึกเหมือนกลองรัว เมื่อริมฝีปากของเขาเลื่อนเข้ามาใกล้ หล่อนหลับตาพริ้มอย่างตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่จะโดนจูบจากชายคนรัก
                                       แต่ก่อนที่เขาจะประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากอันเอิบอิ่มของหล่อน ทั้งคู่ต้องรีบผละออกจากกัน เมื่อได้ยินเสียงรถแล่นดังแทรกเข้ามา
                                       รถตู้ของกรมทรัพยากรธรณีกำลังแล่นมาตามถนนดินลูกรัง และตรงเข้ามาจอดที่หน้ากระต๊อบบ้านพักของกิ่งแก้วพอดี ลุงสมเลื่อนประตูรถเปิดออก แล้วกวักมือเรียกลูกสาว
                                       อีกิ่ง...มาช่วยพ่อขนของลงจากรถเร็ว
                                       จ๊ะ พ่อ
                                       หญิงสาวรีบเข้าไปช่วยยกข้าวของสัมภาระที่ซื้อมาจากตลาดอำเภอภูเวียงลงจากรถตู้ ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารและของใช้ที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในป่า บดินทร์เห็นเช่นนั้นจึงต้องแสดงน้ำใจ เข้าไปช่วย
                                       ไงวะบดินทร์ คอยเป็นเงาตามตัวหนูกิ่งแก้วไม่ยอมห่างเลยเชียวนะ นายสมาน พนักงานขับรถตู้ เปิดประตูลงมาพูดแซวชายหนุ่ม นี่คงคิดจะมาเป็นลูกเขยพี่สมเค้าล่ะซี่
                                       โธ่...น้าหมาน ผมเห็นกิ่งแก้วเขาอยู่คนเดียว เลยแค่มาอยู่เป็นเพื่อนเท่านั้นเองแหละนะ ไม่มีอะไรหรอกบดินทร์แก้ตัวอย่างนึกเขินกับคำพูดของเพื่อนร่วมงานสูงวัย
                                       แกนี่ปากกับใจไม่ตรงกันเลยนะ ถ้ารักเขาชอบเขาก็สารภาพมาตามตรงเถอะ ไม่มีใครไปว่าอะไรแกเลยซักหน่อย
                                       นั่นน่ะซี่ครับ คุณบดินทร์ลุงสมพลอยพยักหน้าเข้าข้าง เห็นด้วยกับโชเฟอร์หนุ่มใหญ่ ขอให้รักลูกสาวของผมจริงๆ เถอะ เรื่องสินสอดทองหมั้นผมไม่มีเกี่ยงงอนอยู่แล้ว ไม่มีก็ไม่ว่ากัน
                                       เอ๊ะ! พ่อ กิ่งแก้วหันมามองค้อนพ่อทำตาเขียว นี่พ่อจะเอาฉันไปเที่ยวยกให้ใครง่ายๆ ได้ยังไงกัน ฉันไม่ใช่ลูกหมาลูกแมวนะ
                                       เออๆ...งั้นถ้าคุณบดินทร์เขามาสู่ขอเอ็ง ข้าจะไม่ยกให้เขาก็แล้วกันนะอีกิ่ง
                                       ลองดูซิพ่อ ฉันจะอาละวาดให้น่าดูเลยเชียว
                                       อ้าว...นี่เอ็งจะเอายังไงกันแน่วะ?
                                       ชายสูงอายุทำหน้างง เห็นแล้วบดินทร์กับนายสมานอดหัวเราะร่วนด้วยความนึกขำในตัวพ่อลูกคู่นี้ไม่ได้
                                       แล้วนี่กิ่งแก้วไม่ไปอยู่ช่วยดูแลคุณหนูเจนนิเฟอร์หรอกหรือ? นายสมานเลิกพูดกระเซ้าเล่น หันมาถามอย่างเป็นงานเป็นการ
                                       ดร.โจเซฟอุ้มหลานออกไปเดินเล่น คุณจักรกฤชกลับมาแล้ว ฉันเลยไม่อยากอยู่เกะกะในเต้นท์นั่นน่ะน้าหมาน
                                       งั้นดีล่ะ เอ็งเตรียมตัวไปทำกับข้าวได้แล้ว เดี๋ยวมันจะมืดค่ำเสียก่อน ลุงสมจัดแจงสั่งกับลูกสาว แล้วอย่าลืมต้มน้ำร้อนไว้ชงนมให้คุณหนูเจนนิเฟอร์ด้วยล่ะ
                                       จ๊ะ พ่อ
                                       หญิงสาวพยักหน้ารับคำ แล้วรีบไปทำตามคำสั่ง ลุงสมจึงนั่งลงที่แคร่ แล้วหันไปทางนายสมาน
                                       เย็นนี้มีใครจะใช้เอ็งขับรถไปไหนอีกรึเปล่าวะ ไอ้หมาน?
                                       ไม่มีแล้วมั้งพี่สม ค่ำมืดแล้ว คงไม่มีใครคิดอยากไปไหนกันอีก
                                       งั้นเหมะเลย...เอ็งกับข้ามาตั้งวงกัน ข้าซื้อไอ้นี่มาจากตลาดด้วยนะโว้ย
                                       ชายสูงอายุล้วงขวดเหล้าขาวจากถุงกระดาษออกมาชูอวด







วันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2560

เตียงนางไม้ ตอนที่ 46

๔๖                       คุณวนายังไม่กลับมาอีกหรือ?” ต้นถามขึ้น  เมื่อกลับมาถึงห้องพักกับปื๊ดแล้วเจอแต่ตุ่มอยู่คนเดียว            “ยังนี่คะ เห็นบอกว่าจะไปตามพี่ต้น ไม่ได้มาพร้อมกันหรอกหรือ?”
            “เปล่า
            ชายหนุ่มสั่นหน้า เดินไปนั่งลงที่โซฟารับแขกอย่างหงออยๆ สีหน้าดูเป็นกังวลเอามากๆเลยทำให้ตุ่มสงสัย            “เกิดอะไรกันขึ้นล่ะเนี่ย?”
            “พี่ต้นทะเลาะกับคุณวนามาปื๊ดบอก
            “คุณวนาไปเห็นพี่ต้นอยู่กับแม่อรอนงค์นั่น เลยโมโหใหญ่
            “อ้าว,ทำไมล่ะ พี่ต้นไปทำรุ่มร่ามอะไรให้คุณวนาเห็นเหรอ?”
            “พี่ต้นไม่ได้เป็นคนทำ แต่แม่นั่นแหละที่เป็นคนยั่วยวน ปลุกปล้ำทำมิดีมิร้ายกับพี่ต้น
            “ต๊าย! ผู้หญิงอะไร ใจกล้าหน้าด้านชะมัด   อย่างงี้นี่เอง มิน่าล่ะยัยแตนถึงต้องคอยตามคุมแจ
            หลุดปากออกไปแล้ว เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ควรพูดถึงแตน ต่อหน้าต้นในเวลานี้  ตุ่มแทบอยากจะตบปากตัวเอง  ที่เผลอพูดออกมาแบบนั้น            “ออกไปข้างนอกกันดีกว่าคุณตุ่ม อย่ากวนใจพี่ต้นเลยปื๊ดชวน เพราะรู้ดีว่านางไม้สาวต้องอยู่ในห้องนี้แน่ เพียงแต่ยังไม่ยอมปรากฎตัวออกมาให้เห็นเท่านั้น จึงอยากให้ต้นปรับความเข้าใจกับหล่อนตามลำพัง            เด็กสาวหุ่นจ้ำม่ำพยักหน้าเห็นด้วย พากันเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ แล้วปิดประตู ทิ้งต้นให้นั่งจมอยู่บนโซฟาคนเดียว            เวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆ ในห้องมีแต่ความเงียบจนน่าอึดอัด ชายหนุ่มถอนหายใจยาวออกมา คิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไรกับวนา  หล่อนถึงจะยอมยกโทษให้เขา            เห็นทีจะต้องสารภาพความจริงทั้งหมดกับหล่อน จะปล่อยให้เจ้าใจผิดแบบนี้ต่อไปไม่ได้            “ออกมาเถดครับคุณวนา ผมรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ตัดสินใจลุกขึ้นยืน ส่งเสียงเรียกออกไป  ผมมีเรื่องต้องพูดกับคุณ            ไม่มีเสียงตอบ  หล่อนอาจจะไม่ได้กลับมาที่ห้อง หรือไม่ก็ยังไม่หายโกรธเขา
            “ได้โปรดเถอะครับคุณวนา โปรดฟังผมก่อน  คุณกำลังเข้าใจผมผิดโดยไม่ยอมรับฟังเหตุผลบ้างเลย
            นางไม้สาวปรากฎตัวขึ้น นั่งกอดอกอยู่บนเตียงสีหน้าเรียบเฉย            “ผมรู้ตัวว่าทำให้คุณไม่พอใจ แต่ทั้งหมดนี้มันเกิดจากความจำเป็น ผมโดนบีบบังคับจนไม่มีทางเลือกต้องบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากคุณอรอนงค์  ทั้งๆที่ไม่อยากจะไปเลยจริงๆ            “นี่น่ะหรือคะ ข้อแก้ตัวของคุณต้น มันฟังไม่ขึ้นหรอกค่ะ
            “โปรดเชื่อผมเถอะครับ ทุกอย่างที่ผมพูดมาเป็นความจริงบอกแล้วทรุดตัวลงนั่งตามเดิม   สีหน้าเต็มไปด้วยความหนักอกหนักใจ  มันอาจจะฟังดูมันเหลือเชื่อ  แต่คุณวนาคงไม่รู้หรอกว่า  ผมกำลังถูกเพ่งเล็งหาเหตุไล่ออกจากงาน
            หยุดพูดเพื่อสังเกตอากัปกิริยาของผู้ฟัง  เห็นหล่อนยังคงมีท่าทางที่เฉยเมย            “ผู้จัดการของผม แกไม่ชอบขี้หน้าผมมานานแล้ว เลยแกล้งหางานที่ยากๆ ให้ทำ ตั้งข้อแม้ไว้ด้วยว่า  ถ้าผมทำไม่ได้จะต้องพิจารณาตัวเองลาออก  ผมจึงพยายามที่จะทำให้มันสำเร็จ
            “เพื่องาน คุณต้นถึงกับยอมทำทุกอย่าง ทั้งๆ ที่ได้ให้สัญญากับวนาเอาไว้แล้ว อย่างงั้นเหรอคะ?”
            “ผมไม่เคยคิดจะผิดคำสัญญากับคุณเลย  ทีแรกผมตัดสินใจจะยื่นใบลาออกเสียด้วยซ้ำไป  เมื่อรู้ตัวว่าไม่มีทางทำงานชิ้นนี้ได้สำเร็จ  แต่เพื่อนที่ทำงานเป็นคนแนะนำให้ผมสู้ต่อไปอย่ายอมแพ้  จนกว่าจะถึงที่สุดแล้ว ผมจึงต้องไปหาคุณอรอนงค์ คิดว่าจะขอร้องเธอให้ช่วย ไม่นึกเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา            “ไม่ใช่คุณต้นเป็นฝ่ายเสนอข้อแลกเปลี่ยนกับเธอหรอกหรือ?”
            “เปล่าจริงๆ นะครับ ผมก็มีศักดิ์ศรีของผมพอที่จะไม่ทำอย่างนั้นแน่ เชื่อผมเถอะครับคุณวนา
            “จะให้วนาเชื่อ คุณต้นต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้เสียก่อน ไม่งั้นแล้ววนาจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีกเลย
            พูดจบ นางไม้สาวก็หายตัวไป  ไม่ยอมอยู่ฟังคำแก้ตัวใดๆ อีก                        ************            “ตุ่มว่า พี่ต้นต้องชอบคุณวนาแหง๋เลย”     
            หญิงสาวเปรยออกมา  เมื่อปื๊ดพาหล่อนลงมานั่งลงที่ม้าหินข้างสนามหญ้าหน้าอพาร์ตเม้นท์เรียบร้อยแล้ว
            “คงงั้นมั้งครับคุณตุ่ม เพราะรู้สึกว่าพี่ต้นจะแคร์คุณวนาเสียเหลือเกิน
            “แปลกจังเลยนะ คนกับผีไม่รู้รักกันเข้าไปได้ยังไง?”
            “แต่คุณวนาเขาไม่ใช่ผีธรรมดานะ แล้วอีกอย่างเขาก็น่ารัก มีน้ำใจโอบอ้อมอารี อาจเป็นเพราะสาเหตุนี่ล่ะมั้งที่ทำให้พี่ต้นเกิดรักคุณวนาขึ้นมา            “ฮื่อตุ่มพยักหน้ารับเห็นพ้องด้วย คุณวนาเธอน่ารักจริงๆ อย่างที่ปื๊ดว่านั่นแหละ  นี่คงโกรธพี่ต้นมากเลยซี เมื่อรู้ว่าไปมีอะไรๆ กับคุณอรอนงค์            “พี่ต้นไม่ควรไปยุ่งกับผู้หญิงแบบนั้นเลยนี่นา
            “ความจริงพี่ต้นไม่ใช่คนมีนิสัยเจ้าชู้หรอกค่ะ  ตุ่มรู้ดีน่าจะเป็นเพราะถูกผู้หญิงคนนั้นยั่วยวนอย่างที่คุณปื๊ดบอกมากกว่า            “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเตี่ยผมคนเดียวแท้ๆ  น่าจะเซ็นสัญญาให้พี่ต้นไปเสียก็หมดเรื่อง  ไม่รู้ทำไมถึงต้องให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย  ผมจนปัญญาที่จะช่วยพี่ต้นแล้วจริงๆ            ปื๊ดปรารภอย่างหนักอกหนักใจ  แต่ตุ่มกลับไม่คิดเช่นนั้น            “มีซี่….คุณปื๊ดยังพอมีทางช่วยพี่ต้นอยู่
            “หมายความว่ายังไง?”
            “คุณปื๊ดเคยบอกกับตุ่มว่า  เตี่ยกลัวแม่นักไม่ใช่เหรอ  ทำไมไม่ลองพูดกับแม่ขอให้ช่วย
พี่ต้นล่ะ?”
            “เป็นความคิดที่เข้าที่ดีนี่ จริงซีครับคุณตุ่ม  แหม,คุณนี่ช่างหัวไบร์จริงๆ!”
                        *************            คุณนายลิ้นจี่กุลีกุจอให้การต้อนรับเพื่อนของลูกชายเป็นอย่างดี  เมื่อปื๊ดพามาแนะนำให้รู้จักกัน            “ต๊ายตายหนูตุ่มอุ๊ย, ตุ่ยนุ้ยน่ารักจริงๆ  เชิญค่ะเชิญ
            หล่อนชอบคนเจ้าเนื้อสมบูรณ์อยู่แล้ว จึงรู้สึกถูกชะตาทันทีที่ได้เห็นหน้า จูงไม้จูงมือไปนั่งในห้องรับแขกสั่งคนรับใช้หาน้ำหาท่ามาต้อนรับ            “หิวหรือยังจ๊ะหนูป้าจะสั่งให้คนหาขนมของว่างมาให้ทานนะจ๊ะ
            “ยังหรอกคุณป้า ขอบคุณค่ะ
            “งั้นเย็นนี้ต้องอยู่ทานข้าวด้วยกันที่นี่ก่อน แล้วค่อยกลับนะจ๊ะ
            เป็นห่วงอยู่อย่างเดียวคือเรื่องกิน พยายามจะขะยั้นคะยอให้เด็กสาวอยู่กินข้าวเป็นเพื่อน            “โธ่, แม่ก้อ….เรามาธุระแค่นั้นเอง  เดี๋ยวก็กลับกันแล้ว”  ปื๊ดแย้งขึ้นมา            “อะไรกันวะ นานๆ มึงจะกลับมาให้กูเห็นหน้าที อยู่กินข้าวกับแม่ของมึงสักมื้อไม่ได้เลยหรือไงวะไอ้ปื๊ด! ”อารมณ์กำลังดีๆอยู่  เปลี่ยนเป็นโมโหฉุนเฉียวขึ้นมาในทันที            “อย่าไปขัดใจคุณแม่เลยค่ะคุณปื๊ด อยู่ทานข้าวกันก่อนแล้วค่อยกลับก็ได้นะคะ”  ตุ่มต้องรีบแก้ไขสถานการณ์            “อุ้ย, ดีจัง”   คุณนายลิ้นจี่ค่อยยิ้มออกมาได้ หนูอยากทานอะไรมั่งล่ะ บอกมาเลย ป้าจะสั่งให้แม่ครัวทำมาให้?”
            “อะไรก็ได้ค่ะคุณป้า หนูทานได้ทั้งนั้น
            “งั้นเดี๋ยวป้าจะสั่งให้เขาจัดเตรียมอาหารพิเศษสำหรับต้อนรับหนูโดยเฉพาะเลยทีเดียว บอกอย่างดีอกดีใจแล้วหันไปทางลูกหัวแก้วหัวแหวน “เมื่อกี้มึงบอกว่ามาธุระ  มึงมีธุระอะไรวะไอ้ตี๋?”
            “แม่จำพี่ต้น  เพื่อนของผมได้หรือเปล่า?”
            เด็กหนุ่มย้อนถาม  รู้สึกเคืองแม่อยู่ในใจนิดๆ ที่เรียกว่าไอ้ตี๋ต่อหน้าเพื่อนสาว            “จำได้ซี่….เด็กคนนี้นิสัยดีเรียบร้อย  ทำไมกูจะจำไม่ได้
            “เขากำลังลำบาก อยากจะให้แม่ช่วยเขาหน่อย
            “จะให้กูช่วยอะไร  ไหนมึงลองบอกมาซิ?”
            “คืออย่างงี้นะแม่  พี่ต้นเขาทำงานอยู่บริษัทประกันแม่รู้อยู่แล้วใช่มั้ย ทีนี้เขาไปขอประกันกับเตี่ย  ซึ่งเดิมทีเตี่ยก็ประกันโรงงานกับบริษัทของพี่ต้นอยู่แล้ว  แต่ยังไม่ได้ต่อสัญญากรมธรรม์   แทนที่เตี่ยจะเซ็นสัญญาให้ แม่รู้มั้ยว่าเตี่ยกลับโยนเรื่องไปให้ใคร?”
            “กูจะไปรู้มันเหรอ
            “ยัยอรอนงค์
            “ห๊าจริงหรือวะไอ้ตี๋?” ได้ยินชื่อนี้ถึงกับตาลุกวาว  ชิงชังยิงกว่าอะไรทั้งหมด
            “จริวค่ะคุณป้า”   ตุ่มช่วยพูดสนับสนุน พี่ต้นกำลังลำบากมาก คุณอรอนงค์พยายามดึงเรื่อเอาไว้เป็นข้อต่อรองกับพี่ต้น  เพราะรู้ว่า ถ้าพี่ต้นไม่ได้สัญญาฉบับนี้ไปให้เจ้านาย เขาจะต้องถูกไล่ออกค่ะคุณป้า
             “อีนังนั่นมันจะทำอย่างงั้นไปทำไม?” คุณนายลิ้นจี่แสดงอาการข้องใจ
            “มันอยากได้พี่ต้นเป็นผัวน่ะแม่ปื๊ดพูดอย่างหยาบๆ            “ต๊ายหน้าด้านสิ้นดี !” หญิงสูงวัยกลางคนบอกผาง ผู้หญิงอะไรร่านผู้ชายซะไม่มี นี่น่ะเหรอเมียน้อยที่เตี่ยมึงหลงรักหัวปักปัวปำ...เช๊อะ!”
            “พี่ต้นเขามีคนรักอยู่แล้ว  ไม่ได้สนใจคุณอรอนงค์หรอกคุณป้าตุ่มบอกช่วยหน่อยเถอะนะคะ  ถ้าไม่ได้งานชิ้นนี้พี่ต้นมีหวังแย่แน่เลย            “แม่ต้องช่วยเขานะ  พี่ต้นนี่แหละที่ช่วยพูดให้อีนังนั่นมันยอมเลิกยุ่งเกี่ยวกับเตี่ย  แล้วมันก็เกิดไปชอบเขาแทน   ถ้าแม่ไม่ช่วยมีหวังยุ่งตายห่า”  ปื๊ดยกความดีของชายหนุ่มขึ้นมาอ้าง เพื่อขอความเห็นใจจากแม่            “แล้วมึงจะให้กูช่วยยังไงวะ?”
            “บีบบังคับให้เตี่ยยอมเซ็นสัญญา  แค่นี้ทุกอย่างก็จบ
            “ได้ซี่คนดีๆ  กูต้องช่วยแน่นอน  พรุ่งนี้ตอนสายๆ กูจะเอาเตี่ยมึงไปทำสัญญากันถึงที่บริษัทเลย  มึงไม่ต้องห่วง
            “จริงๆนะแม่?” ปื๊ดย้ำเพื่อความแน่ใจ
            “จริงซีวะไอ้ตี๋
            “แหม,ดีจังเลยขอบคุณมากค่ะคุณป้า
            ตุ่มรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก  รีบประนมมือก้มกราบงามๆ ลงบนตักของผู้หญิงสูงอายุ                        ************            เพราะอยากให้ต้นแปลกใจ ปื๊ดกับตุ่มจึงเก็บเรื่องนี้ไว้ยังไม่บอกกับชายหนุ่ม  ตอนเช้าเมื่อต้นไปทำงานได้สักพักใหญ่ๆ  ทั้งคู่จึงโผล่ไปหาถึงที่ทำงาน            “อ้าว, จะไปไหนกันแต่เช้าเชียว?”
            “มาหาพี่ต้นนั่นแหละ  มีข่าวจะมาบอก”   ตุ่มยิ้มหน้าระรื่น            “ข่าวดีอะไรเหรอเมื่อวานต้องขอโทษด้วยนะ  ใจมันมัวพะวงแต่งานเลยลืมเสียสนิท  ทำให้อดไปเที่ยวกัน
            “เรื่องนั้นช่างมันเถอะนะพี่ต้น  เอาไว้เสร็จงานก่อนแล้วค่อยฉลองกันก็ได้”  ปื๊ดบอก            “เอ๊ะ,งานอะไรกันหรือ?” ต้นย่นหัวคิ้ว   มองหน้าคนทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ
            “เรื่องสัญญาของพี่ต้นยังไงล่ะคะตุ่มเป็นคนบอกแทนปื๊ด สบายใจได้แล้วล่ะพี่ต้น  วันนี้เตี่ยของคุณปื๊ดจะมาเซ็นสัญญาที่นี่            “ฮ้า, จริงเหรอ?”  ชายหนุ่มอุทานเสียงดัง แทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง
            “ชัวร์เด๊ะเลยพี่ต้นเด็กหนุ่มรับรองด้วยความภูมิใจ ยืดอกอย่างเต็มที่  ผมจัดการให้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวแม่จะพาเตี่ยมาที่นี่
            “ขอบใจมากเลยปื๊ด ของใจจริงๆ!” ต้นจับมือเด็กหนุ่มเขย่าอย่างดีใจ ปื๊ดไปทำยังไงเตี่ยถึงยอมมาเซ็นสัญญาง่ายๆ
            “อาศัยบารมีแม่น่ะพี่ต้น เป็นความคิดของคุณตุ่มเขา ชวนไปขอความช่วยเหลือจากแม่   พี่ต้นจะได้ไม่ต้องไปง้อยัยอรอนงค์นั่นอีก
            ได้ยินปื๊ดบอกเช่นนั้น  ต้นรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูกในความห่วงใยของเพื่อนรุ่นน้องทั้งสองคนที่มีต่อเขา            เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้  เขาก็หมดห่วงเรื่องงาน และวนาคงจะเข้าใจเขาดีในไม่ช้า  เมื่อไม่ต้องไปข้องแวะยุ่งเกี่ยวกับอรอนงค์อีก            แต่ดูเหมือนเรื่องราวยังจะไม่จบง่ายๆ ขณะที่ทุกคนกำลังรอการมาของคุณนายลิ้นจี่และเสี่ยกำชัยอย่างใจจดใจจ่อ  คนที่ไม่มีใครอยากพบก็เดินออกมาจากลิฟท์            อรอนงค์นั่นเอง            พอเห็นต้นเข้าเท่านั้น  หล่อนรีบย้ายสะโพกเดินลิ่วเข้ามาหา  โผกอดอย่างไม่แคร์สายตาใคร            “คุณต้นขาเมื่อวานอยู่ดีๆ ทำไมต้องหนีอรไปด้วยคะ  แหม,ไม่อยากเชียวปล่อยให้อรต้องนอนเหงาคอยเก้อคนอะไรไม่รู้ใจด้ำดำ!”
            “เอ้อบังเอิญผมมีธุระด่วนน่ะครับ  ต้องขอโทษด้วย
            “ไม่ยอมล่ะ คุณต้นทำให้อรอารมณ์ค้าง วันนี้ต้องถูกทำโทษ  อรจะไม่ยอมให้พี่ต้นหนีอรไปอีก  คอยดูซี่!”
            จีบปากจีบคอใส่จริตจก้านแพรวพราว  จนปื๊ดรู้สึกหมั่นไส้ทนฟังต่อไปไม่ไหว            “นี่ๆ เจ๊ที่นี่มันที่ทำงานนะไม่ใช่ผับ  หัดรู้จักเกรงใจคนอื่นมั้งซี่
            “ทำไมแล้วมันไปหนักหัวกะบาลแกเหรอ?”  หล่อนมองปื๊ดตาขวาง
            “เปล่าแต่มันทุเรศว่ะ!”
            “ต๊าย,ไอ้เด็กปากเสีย!”  ได้ผล หล่อนเต้นเร่าๆ เป็นเจ้าเข้า “มันเรื่องของฉันกับคุณต้น  คนอื่นไม่ต้องมาเสือก”            “ไอ้ผมน่ะไม่อยากจะเสือกหรอก  แต่บังเอิญคุณเองนั่นแหละที่แส่มาทำลายครอบครัวของผมก่อน  แล้วยังคิดจะทำลายพี่ต้นอีกด้วย   ผมยอมให้ไม่ได้เลยต้องขอเสือกหน่อย!”
            คำพูดของปื๊ดทำให้หญิงสาวเกิดเอะใจหยุดคิด  ดูเหมือนจะเคยเห็นหน้าเด็กหนุ่มคนนี้ที่ไหนมาก่อน            “อ๋อ,ที่แท้แกก็คือลูกของเสี่ยนั่นเอง นึกว่าใคร
            “ใช่แล้วเจ๊รีบไปให้พ้นๆ เลย ที่นี่ไม่มีใครอยากเขาเห็นหน้าเจ๊หรอก
            “เช๊อะ,ไอ้เด็กเมื่อวานซืน  แกมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉัน  คุณต้นเขาไม่ใช่เตี่ยของแกนะ  ถึงได้ต้องเดือกร้อนแทนด้วย!”            “พี่ต้นเป็นเพื่อนของผมคนหนึ่ง  ผมไม่ยอมให้คุณมาหลอกเขา  เหมือนที่ทำกับเตี่ยผมแน่ !”
            “ใครบอกล่ะยะว่าฉันจะหลอกคุณต้น  ฉันจะมาช่วยเขาต่างหากย่ะไปกันเถอะค่ะคุณต้น
            ตัดความรำคาญ  ฉุดรั้งแขนชายหนุ่มจะให้ไปด้วย เพราะขี้เกียจต่อปากคำกับปื๊ดอีก  แต่ต้นกลับสั่นหน้า            “ไม่หรอกครับ ผมยังมีงานต้องทำ ไปไหนไม่ได้จริงๆ ต้องขอโทษด้วย
            “เถอะน่าคุณต้นไปกับอรก็เหมือนกับไปทำธุระให้บริษัท จริงมั้ยล่ะคะ?”   หล่อนคะยั้นคะยอ
            “เสียใจด้วยครับ ผมไปไม่ได้จริงๆคุณอรอนงค์
            “แล้วเรื่องสัญญาประกันล่ะคะ จะเอายังไง?” หญิงสาวชักเคืองที่ถูกขัดใจ ยกเอาเรื่องงานขึ้นมาอ้างหวังจะใช้เป็นเครื่องต่อรอง ให้ต้นต้องยอมทำตามหล่อน
            “ขอบคุณที่คิดจะช่วยเหลือผม  แต่ผมไม่รบกวนคุณอรอนงค์อีกต่อไปแล้วล่ะครับ
            “แน่ใจหรือคะคุณต้น?”   ตะลึงไปเลยเพราะไม่คาดคิดว่าจะได้ยินต้นพูดออกมาเช่นนี้            “ครับชายหนุ่มตอบรับคำเดียวสั้นๆ            “ได้ยินชัดหรือยังคะ ที่นี่เขาไม่มีใครต้อนรับคุณหรอกค่ะตุ่มยิ้มเยาะ เมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มหน้าถอดสี            “ดีล่ะแล้วพวกแกจะต้องเสียใจ  คอยดู!”
            หล่อนขู่อาฆาตแล้วรีบสะบัดหน้า  เดินผละไปอย่างไม่พอใจ นึกไม่ถึงว่าต้นจะกล้าปฏิเสธ            อารมณ์โมโหทำให้หล่อนก้าวเดินฉับๆไม่”โดูตาม้าตาเรือ ฌ,ญชนเข้าอย่างจังกับมานพ  ซึ่งกำลังเดินออกมาจากลิฟท์พอดี            “อ้าว หนูอร จะรีบร้อนไปไหนล่ะ?”
            “อุ๊ยตาย,ขอโทษค่ะป๋าอรกำลังโมโหเลยไม่ทันมอง ขอโทษจริงๆค่ะ!”
            “ไปโมโหใครมาหรือจ๊ะหนู?”
            “ลูกน้องของป๋าน่ะซีคะ อรมาติดต่อธุระเรื่องประกัน ยังทำเล่นตัวอีก
            ฟ้องฉอดๆ  พร้อมกับมองค้อนขวับไปที่ต้น  มานพเหลือบตามองนิดหนึ่ง ชักอยากรู้ว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร รีบเอามือโอบไหล่ของหญิงสาว            “ไปคุยกันที่ห้องป๋าดีกว่านะจ๊ะหนูอร