เตียงนางไม้ ตอนที่ 46
๔๖… “คุณวนายังไม่กลับมาอีกหรือ?” ต้นถามขึ้น
เมื่อกลับมาถึงห้องพักกับปื๊ดแล้วเจอแต่ตุ่มอยู่คนเดียว “ยังนี่คะ เห็นบอกว่าจะไปตามพี่ต้น ไม่ได้มาพร้อมกันหรอกหรือ?”
“เปล่า”
ชายหนุ่มสั่นหน้า เดินไปนั่งลงที่โซฟารับแขกอย่างหงออยๆ สีหน้าดูเป็นกังวลเอามากๆเลยทำให้ตุ่มสงสัย “เกิดอะไรกันขึ้นล่ะเนี่ย?”
“พี่ต้นทะเลาะกับคุณวนามา” ปื๊ดบอก
“คุณวนาไปเห็นพี่ต้นอยู่กับแม่อรอนงค์นั่น เลยโมโหใหญ่”
“อ้าว,ทำไมล่ะ พี่ต้นไปทำรุ่มร่ามอะไรให้คุณวนาเห็นเหรอ?”
“พี่ต้นไม่ได้เป็นคนทำ แต่แม่นั่นแหละที่เป็นคนยั่วยวน ปลุกปล้ำทำมิดีมิร้ายกับพี่ต้น”
“ต๊าย! ผู้หญิงอะไร ใจกล้าหน้าด้านชะมัด อย่างงี้นี่เอง มิน่าล่ะยัยแตนถึงต้องคอยตามคุมแจ”
หลุดปากออกไปแล้ว เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ควรพูดถึงแตน ต่อหน้าต้นในเวลานี้ ตุ่มแทบอยากจะตบปากตัวเอง ที่เผลอพูดออกมาแบบนั้น “ออกไปข้างนอกกันดีกว่าคุณตุ่ม อย่ากวนใจพี่ต้นเลย” ปื๊ดชวน
เพราะรู้ดีว่านางไม้สาวต้องอยู่ในห้องนี้แน่ เพียงแต่ยังไม่ยอมปรากฎตัวออกมาให้เห็นเท่านั้น
จึงอยากให้ต้นปรับความเข้าใจกับหล่อนตามลำพัง เด็กสาวหุ่นจ้ำม่ำพยักหน้าเห็นด้วย พากันเดินออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ แล้วปิดประตู
ทิ้งต้นให้นั่งจมอยู่บนโซฟาคนเดียว เวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่ๆ ในห้องมีแต่ความเงียบจนน่าอึดอัด ชายหนุ่มถอนหายใจยาวออกมา
คิดไม่ตกว่าจะพูดอย่างไรกับวนา หล่อนถึงจะยอมยกโทษให้เขา เห็นทีจะต้องสารภาพความจริงทั้งหมดกับหล่อน จะปล่อยให้เจ้าใจผิดแบบนี้ต่อไปไม่ได้ “ออกมาเถดครับคุณวนา ผมรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่” ตัดสินใจลุกขึ้นยืน ส่งเสียงเรียกออกไป
“ผมมีเรื่องต้องพูดกับคุณ” ไม่มีเสียงตอบ หล่อนอาจจะไม่ได้กลับมาที่ห้อง
หรือไม่ก็ยังไม่หายโกรธเขา
“ได้โปรดเถอะครับคุณวนา โปรดฟังผมก่อน
คุณกำลังเข้าใจผมผิดโดยไม่ยอมรับฟังเหตุผลบ้างเลย”
นางไม้สาวปรากฎตัวขึ้น นั่งกอดอกอยู่บนเตียงสีหน้าเรียบเฉย “ผมรู้ตัวว่าทำให้คุณไม่พอใจ แต่ทั้งหมดนี้มันเกิดจากความจำเป็น ผมโดนบีบบังคับจนไม่มีทางเลือกต้องบากหน้าไปขอความช่วยเหลือจากคุณอรอนงค์ ทั้งๆที่ไม่อยากจะไปเลยจริงๆ” “นี่น่ะหรือคะ ข้อแก้ตัวของคุณต้น มันฟังไม่ขึ้นหรอกค่ะ”
“โปรดเชื่อผมเถอะครับ ทุกอย่างที่ผมพูดมาเป็นความจริง” บอกแล้วทรุดตัวลงนั่งตามเดิม สีหน้าเต็มไปด้วยความหนักอกหนักใจ “มันอาจจะฟังดูมันเหลือเชื่อ
แต่คุณวนาคงไม่รู้หรอกว่า
ผมกำลังถูกเพ่งเล็งหาเหตุไล่ออกจากงาน”
หยุดพูดเพื่อสังเกตอากัปกิริยาของผู้ฟัง เห็นหล่อนยังคงมีท่าทางที่เฉยเมย “ผู้จัดการของผม แกไม่ชอบขี้หน้าผมมานานแล้ว เลยแกล้งหางานที่ยากๆ ให้ทำ ตั้งข้อแม้ไว้ด้วยว่า ถ้าผมทำไม่ได้จะต้องพิจารณาตัวเองลาออก ผมจึงพยายามที่จะทำให้มันสำเร็จ”
“เพื่องาน คุณต้นถึงกับยอมทำทุกอย่าง ทั้งๆ ที่ได้ให้สัญญากับวนาเอาไว้แล้ว อย่างงั้นเหรอคะ?”
“ผมไม่เคยคิดจะผิดคำสัญญากับคุณเลย
ทีแรกผมตัดสินใจจะยื่นใบลาออกเสียด้วยซ้ำไป เมื่อรู้ตัวว่าไม่มีทางทำงานชิ้นนี้ได้สำเร็จ แต่เพื่อนที่ทำงานเป็นคนแนะนำให้ผมสู้ต่อไปอย่ายอมแพ้ จนกว่าจะถึงที่สุดแล้ว ผมจึงต้องไปหาคุณอรอนงค์
คิดว่าจะขอร้องเธอให้ช่วย ไม่นึกเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมา” “ไม่ใช่คุณต้นเป็นฝ่ายเสนอข้อแลกเปลี่ยนกับเธอหรอกหรือ?”
“เปล่าจริงๆ นะครับ ผมก็มีศักดิ์ศรีของผมพอที่จะไม่ทำอย่างนั้นแน่ เชื่อผมเถอะครับคุณวนา”
“จะให้วนาเชื่อ คุณต้นต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้เสียก่อน ไม่งั้นแล้ววนาจะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีกเลย”
พูดจบ นางไม้สาวก็หายตัวไป ไม่ยอมอยู่ฟังคำแก้ตัวใดๆ
อีก ************ “ตุ่มว่า พี่ต้นต้องชอบคุณวนาแหง๋เลย”
หญิงสาวเปรยออกมา
เมื่อปื๊ดพาหล่อนลงมานั่งลงที่ม้าหินข้างสนามหญ้าหน้าอพาร์ตเม้นท์เรียบร้อยแล้ว
“คงงั้นมั้งครับคุณตุ่ม เพราะรู้สึกว่าพี่ต้นจะแคร์คุณวนาเสียเหลือเกิน”
“แปลกจังเลยนะ คนกับผีไม่รู้รักกันเข้าไปได้ยังไง?”
“แต่คุณวนาเขาไม่ใช่ผีธรรมดานะ แล้วอีกอย่างเขาก็น่ารัก มีน้ำใจโอบอ้อมอารี อาจเป็นเพราะสาเหตุนี่ล่ะมั้งที่ทำให้พี่ต้นเกิดรักคุณวนาขึ้นมา” “ฮื่อ” ตุ่มพยักหน้ารับเห็นพ้องด้วย “คุณวนาเธอน่ารักจริงๆ อย่างที่ปื๊ดว่านั่นแหละ
นี่คงโกรธพี่ต้นมากเลยซี เมื่อรู้ว่าไปมีอะไรๆ กับคุณอรอนงค์” “พี่ต้นไม่ควรไปยุ่งกับผู้หญิงแบบนั้นเลยนี่นา”
“ความจริงพี่ต้นไม่ใช่คนมีนิสัยเจ้าชู้หรอกค่ะ
ตุ่มรู้ดี…น่าจะเป็นเพราะถูกผู้หญิงคนนั้นยั่วยวนอย่างที่คุณปื๊ดบอกมากกว่า” “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเตี่ยผมคนเดียวแท้ๆ
น่าจะเซ็นสัญญาให้พี่ต้นไปเสียก็หมดเรื่อง
ไม่รู้ทำไมถึงต้องให้ผู้หญิงคนนี้เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย ผมจนปัญญาที่จะช่วยพี่ต้นแล้วจริงๆ” ปื๊ดปรารภอย่างหนักอกหนักใจ
แต่ตุ่มกลับไม่คิดเช่นนั้น “มีซี่….คุณปื๊ดยังพอมีทางช่วยพี่ต้นอยู่”
“หมายความว่ายังไง?”
“คุณปื๊ดเคยบอกกับตุ่มว่า เตี่ยกลัวแม่นักไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ลองพูดกับแม่ขอให้ช่วย
พี่ต้นล่ะ?”
“เป็นความคิดที่เข้าที่ดีนี่ จริงซีครับคุณตุ่ม แหม,คุณนี่ช่างหัวไบร์จริงๆ!”
************* คุณนายลิ้นจี่กุลีกุจอให้การต้อนรับเพื่อนของลูกชายเป็นอย่างดี เมื่อปื๊ดพามาแนะนำให้รู้จักกัน “ต๊ายตายหนูตุ่ม…อุ๊ย, ตุ่ยนุ้ยน่ารักจริงๆ เชิญค่ะเชิญ”
หล่อนชอบคนเจ้าเนื้อสมบูรณ์อยู่แล้ว จึงรู้สึกถูกชะตาทันทีที่ได้เห็นหน้า
จูงไม้จูงมือไปนั่งในห้องรับแขกสั่งคนรับใช้หาน้ำหาท่ามาต้อนรับ “หิวหรือยังจ๊ะหนู…ป้าจะสั่งให้คนหาขนมของว่างมาให้ทานนะจ๊ะ”
“ยังหรอกคุณป้า ขอบคุณค่ะ”
“งั้นเย็นนี้ต้องอยู่ทานข้าวด้วยกันที่นี่ก่อน แล้วค่อยกลับนะจ๊ะ”
เป็นห่วงอยู่อย่างเดียวคือเรื่องกิน พยายามจะขะยั้นคะยอให้เด็กสาวอยู่กินข้าวเป็นเพื่อน “โธ่, แม่ก้อ….เรามาธุระแค่นั้นเอง เดี๋ยวก็กลับกันแล้ว” ปื๊ดแย้งขึ้นมา “อะไรกันวะ นานๆ มึงจะกลับมาให้กูเห็นหน้าที อยู่กินข้าวกับแม่ของมึงสักมื้อไม่ได้เลยหรือไงวะไอ้ปื๊ด! ”อารมณ์กำลังดีๆอยู่
เปลี่ยนเป็นโมโหฉุนเฉียวขึ้นมาในทันที “อย่าไปขัดใจคุณแม่เลยค่ะคุณปื๊ด อยู่ทานข้าวกันก่อนแล้วค่อยกลับก็ได้นะคะ” ตุ่มต้องรีบแก้ไขสถานการณ์ “อุ้ย, ดีจัง” คุณนายลิ้นจี่ค่อยยิ้มออกมาได้ “หนูอยากทานอะไรมั่งล่ะ บอกมาเลย ป้าจะสั่งให้แม่ครัวทำมาให้?”
“อะไรก็ได้ค่ะคุณป้า หนูทานได้ทั้งนั้น”
“งั้นเดี๋ยวป้าจะสั่งให้เขาจัดเตรียมอาหารพิเศษสำหรับต้อนรับหนูโดยเฉพาะเลยทีเดียว
”บอกอย่างดีอกดีใจแล้วหันไปทางลูกหัวแก้วหัวแหวน
“เมื่อกี้มึงบอกว่ามาธุระ มึงมีธุระอะไรวะไอ้ตี๋?”
“แม่จำพี่ต้น เพื่อนของผมได้หรือเปล่า?”
เด็กหนุ่มย้อนถาม รู้สึกเคืองแม่อยู่ในใจนิดๆ ที่เรียกว่าไอ้ตี๋ต่อหน้าเพื่อนสาว “จำได้ซี่….เด็กคนนี้นิสัยดีเรียบร้อย ทำไมกูจะจำไม่ได้”
“เขากำลังลำบาก อยากจะให้แม่ช่วยเขาหน่อย”
“จะให้กูช่วยอะไร ไหนมึงลองบอกมาซิ?”
“คืออย่างงี้นะแม่
พี่ต้นเขาทำงานอยู่บริษัทประกันแม่รู้อยู่แล้วใช่มั้ย ทีนี้เขาไปขอประกันกับเตี่ย ซึ่งเดิมทีเตี่ยก็ประกันโรงงานกับบริษัทของพี่ต้นอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้ต่อสัญญากรมธรรม์ แทนที่เตี่ยจะเซ็นสัญญาให้ แม่รู้มั้ยว่าเตี่ยกลับโยนเรื่องไปให้ใคร?”
“กูจะไปรู้มันเหรอ”
“ยัยอรอนงค์”
“ห๊า…จริงหรือวะไอ้ตี๋?” ได้ยินชื่อนี้ถึงกับตาลุกวาว ชิงชังยิงกว่าอะไรทั้งหมด
“จริวค่ะคุณป้า” ตุ่มช่วยพูดสนับสนุน “พี่ต้นกำลังลำบากมาก
คุณอรอนงค์พยายามดึงเรื่อเอาไว้เป็นข้อต่อรองกับพี่ต้น เพราะรู้ว่า ถ้าพี่ต้นไม่ได้สัญญาฉบับนี้ไปให้เจ้านาย
เขาจะต้องถูกไล่ออกค่ะคุณป้า”
“อีนังนั่นมันจะทำอย่างงั้นไปทำไม?” คุณนายลิ้นจี่แสดงอาการข้องใจ
“มันอยากได้พี่ต้นเป็นผัวน่ะแม่” ปื๊ดพูดอย่างหยาบๆ “ต๊าย…หน้าด้านสิ้นดี !” หญิงสูงวัยกลางคนบอกผาง
“ผู้หญิงอะไรร่านผู้ชายซะไม่มี
นี่น่ะเหรอเมียน้อยที่เตี่ยมึงหลงรักหัวปักปัวปำ...เช๊อะ!”
“พี่ต้นเขามีคนรักอยู่แล้ว ไม่ได้สนใจคุณอรอนงค์หรอกคุณป้า” ตุ่มบอก“ช่วยหน่อยเถอะนะคะ ถ้าไม่ได้งานชิ้นนี้พี่ต้นมีหวังแย่แน่เลย” “แม่ต้องช่วยเขานะ
พี่ต้นนี่แหละที่ช่วยพูดให้อีนังนั่นมันยอมเลิกยุ่งเกี่ยวกับเตี่ย แล้วมันก็เกิดไปชอบเขาแทน ถ้าแม่ไม่ช่วยมีหวังยุ่งตายห่า” ปื๊ดยกความดีของชายหนุ่มขึ้นมาอ้าง
เพื่อขอความเห็นใจจากแม่ “แล้วมึงจะให้กูช่วยยังไงวะ?”
“บีบบังคับให้เตี่ยยอมเซ็นสัญญา แค่นี้ทุกอย่างก็จบ”
“ได้ซี่…คนดีๆ กูต้องช่วยแน่นอน พรุ่งนี้ตอนสายๆ กูจะเอาเตี่ยมึงไปทำสัญญากันถึงที่บริษัทเลย มึงไม่ต้องห่วง”
“จริงๆนะแม่?” ปื๊ดย้ำเพื่อความแน่ใจ
“จริงซีวะไอ้ตี๋”
“แหม,ดีจังเลย…ขอบคุณมากค่ะคุณป้า”
ตุ่มรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก รีบประนมมือก้มกราบงามๆ
ลงบนตักของผู้หญิงสูงอายุ ************ เพราะอยากให้ต้นแปลกใจ ปื๊ดกับตุ่มจึงเก็บเรื่องนี้ไว้ยังไม่บอกกับชายหนุ่ม ตอนเช้าเมื่อต้นไปทำงานได้สักพักใหญ่ๆ ทั้งคู่จึงโผล่ไปหาถึงที่ทำงาน “อ้าว, จะไปไหนกันแต่เช้าเชียว?”
“มาหาพี่ต้นนั่นแหละ มีข่าวจะมาบอก” ตุ่มยิ้มหน้าระรื่น “ข่าวดีอะไรเหรอ…เมื่อวานต้องขอโทษด้วยนะ ใจมันมัวพะวงแต่งานเลยลืมเสียสนิท ทำให้อดไปเที่ยวกัน”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะนะพี่ต้น เอาไว้เสร็จงานก่อนแล้วค่อยฉลองกันก็ได้” ปื๊ดบอก “เอ๊ะ,งานอะไรกันหรือ?” ต้นย่นหัวคิ้ว มองหน้าคนทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ
“เรื่องสัญญาของพี่ต้นยังไงล่ะคะ” ตุ่มเป็นคนบอกแทนปื๊ด
“สบายใจได้แล้วล่ะพี่ต้น วันนี้เตี่ยของคุณปื๊ดจะมาเซ็นสัญญาที่นี่” “ฮ้า, จริงเหรอ?” ชายหนุ่มอุทานเสียงดัง แทบไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง
“ชัวร์เด๊ะเลยพี่ต้น” เด็กหนุ่มรับรองด้วยความภูมิใจ ยืดอกอย่างเต็มที่ “ผมจัดการให้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวแม่จะพาเตี่ยมาที่นี่”
“ขอบใจมากเลยปื๊ด ของใจจริงๆ!” ต้นจับมือเด็กหนุ่มเขย่าอย่างดีใจ
“ปื๊ดไปทำยังไงเตี่ยถึงยอมมาเซ็นสัญญาง่ายๆ”
“อาศัยบารมีแม่น่ะพี่ต้น เป็นความคิดของคุณตุ่มเขา ชวนไปขอความช่วยเหลือจากแม่ พี่ต้นจะได้ไม่ต้องไปง้อยัยอรอนงค์นั่นอีก”
ได้ยินปื๊ดบอกเช่นนั้น ต้นรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูกในความห่วงใยของเพื่อนรุ่นน้องทั้งสองคนที่มีต่อเขา เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้
เขาก็หมดห่วงเรื่องงาน และวนาคงจะเข้าใจเขาดีในไม่ช้า เมื่อไม่ต้องไปข้องแวะยุ่งเกี่ยวกับอรอนงค์อีก แต่ดูเหมือนเรื่องราวยังจะไม่จบง่ายๆ ขณะที่ทุกคนกำลังรอการมาของคุณนายลิ้นจี่และเสี่ยกำชัยอย่างใจจดใจจ่อ คนที่ไม่มีใครอยากพบก็เดินออกมาจากลิฟท์ อรอนงค์นั่นเอง พอเห็นต้นเข้าเท่านั้น
หล่อนรีบย้ายสะโพกเดินลิ่วเข้ามาหา
โผกอดอย่างไม่แคร์สายตาใคร “คุณต้นขา…เมื่อวานอยู่ดีๆ ทำไมต้องหนีอรไปด้วยคะ แหม,ไม่อยากเชียวปล่อยให้อรต้องนอนเหงาคอยเก้อคนอะไรไม่รู้ใจด้ำ…ดำ!”
“เอ้อ…บังเอิญผมมีธุระด่วนน่ะครับ
ต้องขอโทษด้วย”
“ไม่ยอมล่ะ คุณต้นทำให้อรอารมณ์ค้าง วันนี้ต้องถูกทำโทษ อรจะไม่ยอมให้พี่ต้นหนีอรไปอีก คอยดูซี่!”
จีบปากจีบคอใส่จริตจก้านแพรวพราว
จนปื๊ดรู้สึกหมั่นไส้ทนฟังต่อไปไม่ไหว “นี่ๆ เจ๊…ที่นี่มันที่ทำงานนะไม่ใช่ผับ หัดรู้จักเกรงใจคนอื่นมั้งซี่”
“ทำไม…แล้วมันไปหนักหัวกะบาลแกเหรอ?” หล่อนมองปื๊ดตาขวาง
“เปล่า…แต่มันทุเรศว่ะ!”
“ต๊าย,ไอ้เด็กปากเสีย!” ได้ผล หล่อนเต้นเร่าๆ เป็นเจ้าเข้า “มันเรื่องของฉันกับคุณต้น คนอื่นไม่ต้องมาเสือก” “ไอ้ผมน่ะไม่อยากจะเสือกหรอก แต่บังเอิญคุณเองนั่นแหละที่แส่มาทำลายครอบครัวของผมก่อน แล้วยังคิดจะทำลายพี่ต้นอีกด้วย ผมยอมให้ไม่ได้เลยต้องขอเสือกหน่อย!”
คำพูดของปื๊ดทำให้หญิงสาวเกิดเอะใจหยุดคิด
ดูเหมือนจะเคยเห็นหน้าเด็กหนุ่มคนนี้ที่ไหนมาก่อน “อ๋อ,ที่แท้แกก็คือลูกของเสี่ยนั่นเอง นึกว่าใคร”
“ใช่แล้วเจ๊…รีบไปให้พ้นๆ เลย ที่นี่ไม่มีใครอยากเขาเห็นหน้าเจ๊หรอก”
“เช๊อะ,ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉัน คุณต้นเขาไม่ใช่เตี่ยของแกนะ ถึงได้ต้องเดือกร้อนแทนด้วย!” “พี่ต้นเป็นเพื่อนของผมคนหนึ่ง
ผมไม่ยอมให้คุณมาหลอกเขา เหมือนที่ทำกับเตี่ยผมแน่
!”
“ใครบอกล่ะยะว่าฉันจะหลอกคุณต้น ฉันจะมาช่วยเขาต่างหากย่ะ…ไปกันเถอะค่ะคุณต้น”
ตัดความรำคาญ ฉุดรั้งแขนชายหนุ่มจะให้ไปด้วย
เพราะขี้เกียจต่อปากคำกับปื๊ดอีก
แต่ต้นกลับสั่นหน้า “ไม่หรอกครับ ผมยังมีงานต้องทำ ไปไหนไม่ได้จริงๆ ต้องขอโทษด้วย”
“เถอะน่าคุณต้น…ไปกับอรก็เหมือนกับไปทำธุระให้บริษัท
จริงมั้ยล่ะคะ?” หล่อนคะยั้นคะยอ
“เสียใจด้วยครับ ผมไปไม่ได้จริงๆคุณอรอนงค์”
“แล้วเรื่องสัญญาประกันล่ะคะ จะเอายังไง?” หญิงสาวชักเคืองที่ถูกขัดใจ ยกเอาเรื่องงานขึ้นมาอ้างหวังจะใช้เป็นเครื่องต่อรอง
ให้ต้นต้องยอมทำตามหล่อน
“ขอบคุณที่คิดจะช่วยเหลือผม แต่ผมไม่รบกวนคุณอรอนงค์อีกต่อไปแล้วล่ะครับ”
“แน่ใจหรือคะคุณต้น?” ตะลึงไปเลยเพราะไม่คาดคิดว่าจะได้ยินต้นพูดออกมาเช่นนี้ “ครับ” ชายหนุ่มตอบรับคำเดียวสั้นๆ “ได้ยินชัดหรือยังคะ ที่นี่เขาไม่มีใครต้อนรับคุณหรอกค่ะ” ตุ่มยิ้มเยาะ
เมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มหน้าถอดสี “ดีล่ะ…แล้วพวกแกจะต้องเสียใจ คอยดู!”
หล่อนขู่อาฆาตแล้วรีบสะบัดหน้า เดินผละไปอย่างไม่พอใจ นึกไม่ถึงว่าต้นจะกล้าปฏิเสธ อารมณ์โมโหทำให้หล่อนก้าวเดินฉับๆไม่”โดูตาม้าตาเรือ
ฌ,ญชนเข้าอย่างจังกับมานพ ซึ่งกำลังเดินออกมาจากลิฟท์พอดี “อ้าว หนูอร …จะรีบร้อนไปไหนล่ะ?”
“อุ๊ยตาย,ขอโทษค่ะป๋า…อรกำลังโมโหเลยไม่ทันมอง ขอโทษจริงๆค่ะ!”
“ไปโมโหใครมาหรือจ๊ะหนู?”
“ลูกน้องของป๋าน่ะซีคะ อรมาติดต่อธุระเรื่องประกัน ยังทำเล่นตัวอีก”
ฟ้องฉอดๆ พร้อมกับมองค้อนขวับไปที่ต้น มานพเหลือบตามองนิดหนึ่ง ชักอยากรู้ว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร
รีบเอามือโอบไหล่ของหญิงสาว “ไปคุยกันที่ห้องป๋าดีกว่านะจ๊ะหนูอร”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น