วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เตียงนางไม้ ตอนที่ 9

โดย...เจิด จินตนา
. . .
อุ้ม อิษยา ฮอสุวรรณ เป็น วนา


          “มีที่ไหนกันเล่า…” ต้นโอดครวญ  คุณก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่าในห้องนี้มีแต่เราแค่สามคน…”
          “ฉันไม่เชื่อหรอก!!”
          แตนพูดเสียงสะบัด ผลุนพลันไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้าดู ใช้มือกวาดเสื้อผ้าที่แขวนไว้บนราวไปรวมกันอยู่เป็นกระจุกเดียว เมื่อสำรวจดูจนแน่ใจว่าไม่มีใครซ่อนอยู่ จึงปิดประตูตู้เสื้อผ้าดังปัง แล้วสะบัดก้นเดินไปเปิดประตูห้องน้ำชะโงกหน้าเข้าไปมอง
          ในห้องน้ำมีแต่ความว่างเปล่า
          หล่อนขมวดคิ้วเรียวงามอย่างสงสัย แล้วเหลียวมองกลับไปที่เตียงนอน
          ใช่แล้วใต้เตียง ต้องซ่อนอยู่ใต้เตียงแน่ ๆ
            หญิงสาวไม่รอช้า  รีบเดินมาคุกเข่าก้มลงมองสำรวจดูใต้เตียง           
            แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น แตนรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมายันเข้าที่บั้นท้ายของหล่อนเต็มเหนี่ยวจนถลาพรวดหน้าทิ่มเข้าไปใต้เตียง
            ว้าย!”
            เสียงหวีดร้องของแตนดังลั่น ต้นกับตุ่มยืนตะลึงพอตั้งสติได้ทั้งคู่รีบช่วยกันดึงร่างแตนออกจากใต้เตียง
            แตนเป็นยังไงบ้างเป็นยังไงบ้าง?” ตุ่มลนลานถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
            หญิงสาวนั่งงงอยู่เป็นครู่ใหญ่ปักใจเชื่อว่าเป็นการกระทำของต้นแน่ หันขวับมาทางชายหนุ่มแล้วตบหน้าเขาเต็มแรง         
            เลวบัดซบที่สุดยังไม่เคยมีใครกล้าบังอาจทำกับฉันแบบนี้….พอกันที!”  สะบัดหน้าลุกขึ้นคว้ามือเพื่อนสาว  กลับได้แล้วยัยตุ่ม กลับ!”
            ตุ่มนั่งทำหน้าแปลกใจ ยังไม่ยอมลุกขึ้น
            “เฮ้ย ! บ้าน่าเพิ่งจะมาถึงก็จะกลับแล้วเหรอยัยแตน…”
            “ถ้าตัวอยากอยู่ก็ตามใจฉันไปล่ะ!”
            แตนปล่อยมือเพื่อน หันหลังก้าวฉับ ๆ ไปที่ประตู ตุ่มรีบลุกขึ้นวิ่งตามไป
            เดี๋ยวซี่เดี๋ยวรอด้วย
            ไม่อยากให้แฟนสาวต้องจากไปด้วยความเข้าใจผิดต้นลุกพรวดพราดตามไปคว้ามือของแตนเอาไว้
            อย่าเพิ่งไปคุณแตนฟังผมอธิบายก่อน
            “ไม่ฟัง!” หญิงสาวสะบัดมือเต็มแรงจนต้นต้องปล่อย หล่อนยกมือขึ้นชี้หน้าเขาตาขวาง อย่ามาแก้ตัวหน่อยเลย แกนะแก นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าแกจะกล้าทำกับฉันอย่างหยาบคายแบบนี้
            “ผมเปล่า!”
            เพียงแค่อ้าปากปฏิเสธ ก็ถูกแตนตบหน้าเข้าให้อีกฉาดใหญ่
            นี่แน่ะเปล่าเชอะ!”
            ชายหนุ่มหน้าชายืนเซ่อ ปล่อยให้แตนสะบัดหน้าก้าวพรวดพราดออกจากห้องไป
            ยัยแตนกำลังเฮิร์ทหนัก คงมีการเข้าใจผิดอะไรสักอย่างไว้หายโมโหแล้วตุ่มจะช่วยพูดปรับความเข้าใจให้เองนะพี่ต้น
            หญิงสาวร่างตุ้ยนุ้ยบอกกับต้นแล้วรีบวิ่งตามเพื่อนสาวของหล่อนไป ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนคลำแก้มที่ถูกตบอย่างมึนงง
            ตั้งแต่รู้จักคบหากันมา แตนยังไม่เคยลงมือลงไม้กับเขาเช่นนี้มาก่อน เพิ่งจะได้เห็นฤทธิ์โมโหร้ายของคนรักวันนี้เอง ทำเอาต้นถึงกับยืนซึม
            วนาปรากฏกายขึ้น ยืนกอดอกพิงตู้เสื้อผ้า มองดูชายหนุ่มอย่างนึกขำ
            นี่น่ะหรือแฟนคุณต้น แหม! ดุยังกับแม่เสือแน่ะ โมโหร้ายน่าดูจริง ๆ
            ชายหนุ่มหันขวับมองหล่อนตาเขียว
            เพราะคุณนั่นแหละ คุณวนาไม่น่าไปทำกับคุณแตนเขาแบบนั้นเลย
            “ก็ใครใช้ให้แฟนของคุณต้นอยากมาลองดีกับข้า เอ๊ย วนาก่อนทำไมล่ะ?”
            หล่อนเถียงฉอด ๆ แล้วค้อนชายหนุ่มด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู จนโกรธไม่ลง ได้แต่ส่ายหน้าดิก
            ไม่ว่าใครจะมาแตะต้องเตียงของคุณไม่ได้เลยเชียวนะผมเชื่อแล้วล่ะว่าคุณเป็นนางไม้หวงเตียงจริง ๆ
            ชะรอยวนาจะรู้ตัวว่าผิด เดินหน้าม่อยเข้ามาหาชายหนุ่ม
            วนาขอโทษที่ทำรุนแรงกับแฟนของคุณต้น
            เขาหัวเราะหึๆ ยื่นมือไปแตะไหล่รุกขเทวดาสาวอย่างแผ่วเบา
            ช่างมันเถอะนะเรื่องมันแล้วไปแล้ว อย่าไปเก็บมาคิดให้เป็นกังวลเลย คุณแตนเขาเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวแบบนี้แหละ พอหายโมโหก็ดีเอง
            “วนาคิดว่าจะขอโทษคุณแตนดีมั้ย?”
            หล่อนถามซื่อๆ แต่ทำเอาต้นถึงกับสะดุ้งโหยง
            หา ! อย่าเชียวนาคุณวนา ถ้าคุณไปหาคุณแตน มีหวังเกิดเรื่องใหญ่สางไม่จบแน่ ผมขอร้องล่ะ
            เห็นสีหน้าอาการตื่นตกใจของชายหนุ่ม นางไม้สาวต้องอมยิ้มอย่างนึกขำ
            จริงซินะ….หากหล่อนจะไปขอโทษแฟนของต้นแล้วจะไปอธิบายกับแตนยังไง ว่าหล่อนเป็นใคร ทำไมถึงได้มาอยู่ในห้องนี้กับคนรักของแตนลำพังสองต่อสอง หญิงสาวท่าทางหึงรุนแรงขนาดนั้น คงจะไม่ยอมเชื่ออะไรง่าย ๆ แน่
            “ถามจริง ๆ เถอะคุณวนา คุณทำอีท่าไหนคุณแตนถึงได้หัวทิ่มเข้าไปใต้เตียงแบบนั้น?” ต้นยังรู้สึกข้องใจอยู่
            อยากรู้จริง ๆ หรือ…?” หล่อนย้อนถาม
            ชายหนุ่มพยักหน้าหงึก นางไม้สาวทำท่าลังเลใจนิดหนึ่ง แล้วชี้มือไปทีเท้าของตนเอง
            ใช้นี่ไง…”
            ต้นยืนทำตาปริบ ๆ แล้วหัวเราะก๊ากออกมา
                        **********
            แตนยังคงไม่มีทีท่าว่าจะยอมหายโกรธต้นได้ง่าย ๆ บ่ายวันนั้น หล่อนนั่งโต้เถียงอยู่กับตุ่มเพื่อนซี้ปึก ที่โต๊ะนั่งเล่นรับลมหน้าเทอเรซ ในคฤหาสน์หลังโอ่อ่า
            ไม่ไกลกันนัก คุณพิทักษ์กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องรับแขก เสียงพูดคุยกันของสองสาวดังลั่นบ้านจนได้ยินมาถึงหูของท่านปลัดกระทรวงพาณิชย์ พอหนัก ๆ เข้าชายสูงอายุต้องเลิกแว่น  ใช้สายตามองปรามมาที่บุตรเสียทีหนึ่ง
            เธอคิดดูให้ดีนะแตน…” ตุ่มพยายามลดเสียงลงให้เบาที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนสมาธิของคนอื่น พี่ต้นเขามีเหตุผลอะไรถึงต้องทำกับเธอแบบนั้น?”
            “ไม่รู้ล่ะเขายืนอยู่ใกล้ฉันที่สุดถ้าไม่ใช่เขาแล้วใครล่ะ ที่เป็นคนถีบฉันมุดเข้าไปใต้เตียง?” เสียงของแตนยังคงแผดดังด้วยอารมณ์อันฉุนเฉียว
            เธอเห็นหรือว่าพี่ต้นเขาเป็นคนถีบเธอฉันซี่เห็นกับตาว่าพี่ต้นเขา ยืนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย เธออาจจะลื่นล้มไปเองต่างหาก
            “ตัวฉันเองฉันรู้ดีว่าไม่ใช่ลื่นล้ม จะต้องให้บอกสักกี่ครั้งเธอถึงจะยอมเชื่อ ห๊า! ยัยตุ่ม?”
            “โธ่เว้ย!” ตุ่มชักจะมีโมโหขึ้นเสียงดังมั่ง ถ้ายังงั้นใครเป็นคนทำกันล่ะ ไม่ใช่พี่ต้นแน่ฉันกล้ารับรอง หรือว่าผีทำ?”
            พูดถึงผีตุ่มต้องชะงักพรืด รีบเอามือปิดปาก
            หล่อนเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า ตัวเองก็โดนใครไม่รู้ตีมือเอาเหมือนกัน เมื่อตอนจะหยิบอาหารในถาดทอง หญิงสาวเจ้าเนื้อทำหน้าทำตาเลิ่กลัก
            เฮ้! หรือว่าในห้องพี่ต้นจะมีผีจริง ๆ
            “ฉันไม่เชื่อหรอก…” แตนสะบัดหน้าพรืด ฉันว่าเขาต้องเอาผู้หญิงซ่อนไว้ในห้องนั้นแน่เมื่อตอนเดินเข้าไปทีแรก ฉันได้กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงชัด ๆ ฮึ่ม! คอยดูซิฉันจะต้องจับให้ได้คาหนังคาเขาเลย!”
            ตุ่มส่ายหน้าอย่างรู้สึกอิดเหนาระอาใจในตัวเพื่อนของหล่อน
            เธอนี่ขี้หึงเสียจนไม่ยอมรับรู้เหตุผลความจริงอะไรเลยนะแตน
            เสียงออดที่หน้าบ้านดังขึ้น ขัดจังหวะการโต้เถียงของสองสาว
            ไปดูซิลูกว่าใครมา…” คุณพิทักษ์ชะโงกหน้าบอกบุตรสาว
            หนูไปดูให้เองค่ะคุณลุงตุ่มขานอาสาแล้วลุกขึ้นหันบอกกับเพื่อนสาว ต้องเป็นพี่ต้นมาขอปรับความเข้าใจกับเธอแน่ รอเดี๋ยวนะแตน ฉันจะไปเปิดประตูให้
            ยัยตุ่มย้ายร่างอันอุดมสมบูรณ์ด้วยไขมันวิ่งปุเลง ๆไปที่ประตู
            เป็นต้นจริง ๆ ด้วย  ชายหนุ่มแต่งกายสุภาพเรียบร้อย มือหนึ่งหอบถุงใส่ของกิน ที่สองสาวไปลืมทิ้งไว้ในห้องของเขา ส่วนอีกมือถือดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ ห่อด้วยกระดาษแก้วและผูกโบอย่างสวยงาม เขากำลังยืนส่งยิ้มให้กับตุ่มที่หน้าประตูรั้ว
            “หวัดดีพี่ต้น  นึกแล้วว่าพี่ต้องมา  ตุ่มทายถูกเผงเลย….” หล่อนส่งเสียงทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเปิดประตูรั้วบานเล็กให้
            คุณแตนล่ะ?”
            ต้นถามเมื่อก้าวเข้าไปข้างใน ยัยตุ่มทำมือทำไม้ชี้โบ้ยไปที่หญิงสาว ซึ่งกับลังนั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ที่เทอเรซชายหนุ่มตามองไปนิดหนึ่งแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนที่จะขยับเดินไปหา ตุ่มรีบปิดประตูรั้วแล้วเดินตามหลังต้นไป
            พอเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้แตนรีบแกล้งหันหลังให้อย่างไม่สนใจใยดี ต้นชะงักนิดหนึ่ง วางข้าวของที่หอบพะรุงพะรังมาลงบนโต๊ะ แล้วยื่นช่อดอกกุหลาบไปตรงหน้าหญิงสาว
            คุณแตนยังไม่หายโกรธผมอยู่อีกหรือครับนี่กุหลาบสีแดงที่คุณแตนชอบ ผมซื้อมาฝาก
            “เอาวางไว้ตรงนั้นแหละหล่อนชี้นิ้วไปบนโต๊ะโดยไม่ยอมหันมามองหน้าเขา
            โดยแสดงกิริยาเช่นนี้  ชายหนุ่มถึงกับสะอึกเล็กน้อย แต่ยังคงทำใจบรรจงวางช่อกุหลาบแดงลงบนโต๊ะกระจกใสตุ่มรู้สึกไม่พอใจในการแสดงออกของเพื่อนสาว ได้แต่ยืนดูอยู่ห่างๆไม่อยากเข้าไปสอด
            คุณแตนกำลังเข้าใจผิด ผมไม่เคยคิดที่จะทำร้ายคุณแตนเลย พื้นคงจะลื่นเลยทำให้คุณแตนหกล้มลงไปเอง เลิกโกรธผมทีเถอะนะครับ
            เขาพยายามพูดกับหล่อนอย่างนุ่มนวลที่สุด เพื่อให้หล่อนหายโกรธแต่คราวนี้มันไม่ได้ผล คำพูดของเขายิ่งทำให้แตนฉุนเฉียวหนักขึ้น เหมือนเอาน้ำมันราดเข้าไปในกองไฟ
            หญิงสาวหันขวับมามองตาขวางลุกพรวดขึ้นยกมือขึ้นชี้หน้าเขา
            แกแกยังจะมีหน้ามาแก้ตัวอีกไอ้ผู้ร้ายปากแข็งทำผิดแล้วไม่ยอมรับ มากล่าวหาว่าฉันปรักปรำแกยังงั้นซิไปให้พ้นนะ!” หล่อนออกปากไล่อย่างไม่ไว้หน้า
            ผมไม่ได้แก้ตัวแต่ถ้าคุณแตนไม่เชื่อที่ผมพูดก็ไม่เป็นไรหรอกนะครับ
            “ไปให้พ้นไปให้พ้นเดี๋ยวนี้นะ!!” แตนยิ่งแผดเสียงดังขึ้น
            เสียงเกรี้ยวกราดของบุตรสาว ทำให้คุณพิทักษ์ตกอกตกใจ ต้องลุกเดินออกมาดู
            อะไรกันลูกอย่าใช้วาจาหยาบคายแบบนั้นกับพี่เค้าซิ่ มีอะไรค่อย ๆ พูดค่อย ๆ จากันได้นี่นา…”
            ต้นรีบยกมือไหว้ชายสูงอายุ
            สวัสดีครับคุณอาคุณแตนเข้าใจผมผิดน่ะครับ
            “อาได้ยินแตนกับตุ่มเขานั่งถกเถียงเรื่องนี้กันมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว ว่าจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยแต่มันอดไม่ได้…” ชายสูงอายุหันมามองหน้าลูกสาว เรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้ ไม่เห็นจะต้องทำเอะอะโวยวายเสียงดังน่าจะปรับความเข้าใจกันดี ๆ ได้นี่นา ลูกแตน
            “คุณพ่อว่าเรื่องเล็กน้อยหรือคะแตนเถียงคอเป็นเอ็น แม้แต่คุณพ่อเองยังไม่เคยทุบตีลูกเลยสักหนเดียว แล้วไอ้ผู้ชายคนนี้มันถือดีมาจากไหน ถึงได้กล้าเตะถีบลูกทำกับลูกเหมือนไอ้พวกคนไพร่ ๆ สันดานหยาบช้า!”
            “พี่ต้นเขาคงไม่ได้ตั้งใจล่ะมั้งลูก!”
            “คุณพ่อไม่ต้องมาช่วยพูดเข้าข้างมัน…” หล่อนพูดไปร้องไห้ไป น้ำตาไหลทะลักออกมาอาบสองแก้ม ผู้ร้ายปากแข็ง ทำผิดแล้วจะขอโทษลูกสักคำยังไม่มี เห็นแตนเป็นคนยังไง….แตนเป็นลูกผู้ดีมีเกียรตินะคะคุณพ่อไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนน ถึงได้มาทำนิสัยไพร่ ๆ แบบนี้กับแตน
            “ผมผมไม่ได้ทำจริงๆ แต่เอ้อ...ผมก็ไม่รู้จะพูดว่ายังไงดี!!”
            ชายหนุ่มเกือบจะพลั้งปากความจริงออกไป แต่เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอหอย ทำให้ต้องยืนอ้ำอึ้งเป็นที่หมั่นไส้ของหญิงสาว
            ยังมีหน้ามาปฏิเสธอีก แกมันไม่ใช่ลูกผู้ชายไปให้พ้นนะ แล้วไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีกไปซี่ไป๊
            หล่อนกวาดมือไปบนโต๊ะ ทำให้ข้าวของต่างๆและช่อดอกกุหลาบที่ต้นวางเอาไว้หล่นลงมากระจายกับพื้นจากนั้นจึงร้องไห้โฮวิ่งเข้าบ้านไป
            ลูกแตน!!”
            คุณพิทักษ์ร้องเรียกเสียงดัง แต่แตนไม่ยอมหยุดหันมา กลับวิ่งตรงดิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบน ตุ่มยืนเก้ ๆ กัง ๆ มองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที ทำอะไรไม่ถูกแล้วจึงตัดสินใจวิ่งเข้าบ้านตามแตนไป
            ชายสูงอายุส่ายหน้าช้า ๆ หันมามองหน้าต้นอย่างรู้สึกเห็นอกเห็นใจ
            อาต้องขอโทษด้วยนะต้นลูกสาวอาเป็นคนไม่ยอมรับฟังเหตุผลเอาซะเลย
            “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณอา คุณแตนกำลังโมโหผมมากเลยเป็นแบบนี้ ผมไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ
            “กลับไปก่อนเถอะนะ….เอาไว้แตนหายโมโหแล้วอาจะให้ไปขอโทษเธอเอง
            “ครับคุณอา ผมกลับก่อนล่ะครับ”         
            ต้นยกมือไหว้คุณพิทักษ์ แล้วก้มลงเก็บช่อกุหลาบขึ้นมาปัดฝุ่นที่เกาะอยู่ เดินจากไปด้วยท่าทางเชื่องช้าหงอยเหงาชายสูงอายุยืนมองตามอย่างรู้สึกเวทนาจนอดไม่ได้ที่จะต้องถอนหายใจยาวออกมา
            เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนนิสัยดีในสายตาของท่าน แต่เพราะนิสัยชอบเอาแต่ใจตัวเองของบุตรสาว ท่านจึงเกรงว่าหนุ่มสาวคู่นี้อาจจะคบกันไม่ได้ยืดนัก
                        **********
            กลับมาถึงห้องพัก ต้นเห็นนางไม้เพื่อนร่วมห้องจำเป็นของเขากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงนอน ชี้นิ้วบังคับให้เสื้อผ้าที่ซักตากไว้บนราวตรงระเบียงจนแห้งแล้วพากันลอยเป็นขบวนพาเหรดเข้าไปในตู้เสื้อผ้า
            ชิ้นไหนที่ต้องแขวน ก็ลอยเข้าสู่ราวแขวนเสื้อนอกนั้นพับตัวเองแล้วลอยเข้าไปตามจุดต่าง ๆ แยกเป็นเสื้อกางเกงและถุงเท้า ที่ใครที่มันอย่างเป็นระเบียงเรียบร้อยไม่ปะปนกัน
            เสร็จเรียบร้อย วนาจึงชี้นิ้วอีกทีให้ประตูตู้เสื้อผ้าปิดสนิทลง เหลียวมามองทางต้น เห็นเขายืนนิ่งอยู่ตรงประตูไม่ยอมพูดยอมจาอะไร
            ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะ ไม่พบแฟนของคุณต้นหรือ?”
            เงียบกริบไม่มีเสียงตอบจากปากของชายหนุ่มเขาเดินคอตกไปนั่งลงบนเก้าอี้ ตรงส่วนหน้าที่ถูกจัดให้เป็นห้องนั่งเล่น
            เห็นท่าทางอันหงอยเหงาเซื่องซึและช่อกุหลาบเหี่ยวเฉาที่ยังคงถืออยู่ในมือ วนาพอจะเดาเหตุการณ์ออกหล่อนลุกจากเตียงก้าวเดินช้า ๆ ไปนั่ง ที่เก้าอี้ว่างอีกตัวหนึ่งข้างชายหนุ่ม แล้วเอ่ยปากถาม
            คุณแตนเธอว่ายังไงบ้างล่ะ?”
            “เธอโกรธผมมากโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่ยอมพูดดีด้วยเลย
            ต้นบอกทั้งๆที่ยังก้มหน้า  ทำให้หล่อนเริ่มเกิดอาการเศร้าซึมเสียใจขึ้นมาบ้าง
            ไหนคุณต้นว่าไม่ช้าเธอจะดีเอง…”
            “หนนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเสียแล้วคุณแตนเธอเข้าใจผิดผมไปอย่างใหญ่โต ด่าว่าผมเสียๆหายๆคุณไม่น่าทำรุนแรงกับเธอเลยชายหนุ่มตัดพ้อต่อว่า
            คุณแตนต่างหากล่ะเป็นคนมาหาเรื่องอยากลองดีกับวนาก่อน ซ้ำยังวางท่ายโสโอหังไม่มีความเกรงใจใครวนาเลยรู้สึกนึกหมั่นไส้ขึ้นมา เท่านั้นเองแหละ…”
            “เท่านั้นเองของคุณวนา แต่ทำให้ผมกับคุณแตนต้องมองหน้ากันไม่ติด แล้วผมไม่รู้จะบอกความจริงกับคุณแตนยังไงด้วยซิ
            เขาพูดเหมือนจะโยนความผิดทั้งหมดมาให้ที่หล่อนคนเดียว วนาเกิดความน้อยใจขึ้นมาในทันที
            จริงอยู่หล่อนผิดเองที่ไม่น่าไปทำรุนแรงกับแตน แต่ผู้หญิงแบบนี้น่ะหรือคือคนที่ต้นรัก….แตนมีกิริยามารยาทที่ไม่ดีงามเอาเสียเลย ซ้ำยังมีท่าทางยโสพูดจากระโชกโฮกฮากเอากับต้น ไม่รู้เหมือนกันว่า คนดีๆอย่างต้น เกิดไปชอบผู้หญิงแบบแตนเข้าที่ตรงไหน
            แต่สังเกตดูท่าทางต้นคงจะรักแตนเอามากๆ ถึงได้มานั่งเศร้าเสียใจอยู่แบบนี้
            เป็นความผิดของวนาเองที่เห็นเธอทำท่าเกรี้ยวกราดเอากับคุณต้น แล้วอดนึกหมั่นไส้ไม่ได้…” นางไม้สาวบอกพร้อมกับลุกขึ้นยืนต้องขอโทษด้วย ไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะลุกลามไปใหญ่โตเช่นนี้….วนารู้สึกเสียใจจริงๆที่เป็นคนทำให้คุณต้นต้องไม่สบายใจ วนารู้ตัวดีว่าเป็นฝ่ายผิด จะขอไปจากที่นี่ไม่มาอยู่รบกวนสร้างความยุ่งยากใจให้กับคุณต้นอีกต่อไป
            เห็นเขายังคงนั่งวางเฉยเหมือนไม่สนใจ คิดว่าในใจของเขายังคงหายโกรธหล่อนที่เป็นตัวการทำให้ความรักของเขาต้องพังทลายลง วนาเดินกลับไปที่เตียงช้า ๆ จากนั้นร่างของหล่อนก็เลือนหายไป
            อีกนานกว่าชายหนุ่มจะตื่นจากภวังค์ เขานั่งคิดอะไรเพลินจนลืมหล่อนเสียสนิท พอนึกขึ้นมาได้รีบหันมองไปรอบห้อง
            คุณวาคุณวนา! !”
            ไม่มีร่างของนางไม้สาวอยู่ในห้องนี้เสียแล้ว
            ชายหนุ่มรู้สึกตกอกตกใจยิ่งนัก เขาไม่ได้โกรธเคืองอะไรหล่อนเลย และไม่ได้ต้องการที่จะขับไล่ไสส่งหล่อนให้ออกไปจากห้องนี้ด้วย รีบลุกพรวดพราดไปดูที่เตียง
            คุณวนาครับคุณยังอยู่หรือเปล่า?”
            ใช้มือควานหาไปรอบๆเตียง มือของเขาสัมผัสแต่อากาศอันว่างเปล่า
            ออกมาเถอะครับคุณวนา….ผมไม่ได้โกรธคุณหรอกนะ ออกมาพูดกันก่อน…”
            เมื่อบนเตียงไม่มี ต้นรีบก้มลงมองดูใต้เตียงอย่างลนลาน
            ผมขอโทษที่ทำให้คุณเกิดความเข้าใจผิด  มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกนะ อย่าไปจากที่นี่เลยคุณวนา! !”
            พร่ำพูดอยู่ตั้งนาน ยังไม่มีเสียงตอบใดๆ ทั้งสิ้นหรือว่าหล่อนจะไปจากห้องนี้แล้ว
            ต้นทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างรู้สึกห่อเหี่ยว เสียใจที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้วนาต้องจากไป
            แล้วหล่อนจะไปอยู่ที่ไหนกัน  ในเมื่อที่สิงสถิตของหล่อนก็มีเพียงเตียงตัวนี้เท่านั้น! !







วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เตียงนางไม้ ตอนที่ 8

โดย...เจิด จินตนา
….


          หล่อนเข้ามาในห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่  แล้วทำไมเขาถึงไม่ได้ยินซุ่มเสียงอะไรเลย  ตอนที่เขาเข้ามาในห้องทีแรก  ก็ไม่เห็นเจอหล่อน
          ต้นค่อยๆลุกขึ้น  เดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ
          “คุณคุณยังไม่ไปอีกหรือนี่…?”
          “ข้า….ข้าไม่รู้จะไปที่ไหน  เพราะข้าต้องอยู่กับเตียงนี้…”  นำเสียงที่ตอบฟังดูเศร้าสร้อย  หล่อนยังคงนั่งก้มหน้านิ่งอยู่เหมือนเดิม
          “หมายความว่า  คุณอยู่ที่นี่เป็นเจ้าของเตียงตัวนี้…?”   ต้นถามย้ำเพื่อความแน่ใจ  หญิงสาวพยักหน้า รับแทนคำตอบ
            “ถ้าอย่างงั้น…”   ต้นกลืนน้ำลายเอื๊อก  “….ถ้าอย่างนั้น….คุณก็ไม่ใช่คนจริงๆน่ะซี….?
            “ถูกแล้ว”  หล่อนค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองสบตาเขา ใบหน้าที่เคยผุดผ่องนั้นกลับดูหมองหม่นชอบกล ชายหนุ่มเพ่งพิศดูแล้วให้นึกข้องใจ
            นี่น่ะหรือผี….รูปร่างหน้าตาเหมือนคนดีๆนี่เอง  แถมยังจัดว่า  เป็นผู้หญิงสวยน่ารักเอามากๆอีกด้วย
            ค่อยๆยืนมือไปแตะแขนของหล่อนดูเพื่อให้แน่ใจ ผิวเนื้อนุ่มเนียนน่าสัมผัส  หล่อนมีตัวตนจริงๆ
            หญิงสาวตบมือเขาดังเผี๊ยะมองตาเขียว  ต้นเลยยิ้มแหยๆ
            “ปะ….เปล่า….ไม่ได้คิดที่จะแต๊ะอั๋ง  อยากรู้ว่าใช่คนหรือผีเท่านั้นแหละ  แล้วเอ้อ…..แล้วทำไมถึงไม่ได้มีรูปร่างหน้าน่าเกลียดน่ากลัว  แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกแบบในหนังล่ะ…?”
            “บ้าน่ะซีข้าไม่ใช่ผีนี่   จะได้แลบลิ้นปลิ้นตาหลอก
            “ไม่ใช่ผี   ไม่ใช่คนถ้ายังงั้นคุณเป็นอะไรกันแน่…?”
            “ข้าเป็นเทพารักษ์ มีหน้าที่ดูแลรักษาป่าแต่ต้นไม้ที่ข้าสิงสถิตอยู่ ถูกมนุษย์ใจบาปเห็นแก่ได้ ลอบตัดเอามาทำเตียงตัวนี้ ข้าเลยต้องมาอยู่ที่นี่ ไปไหนไม่ได้…”
            “คุณเลยต้องแกล้งทำเป็นผีหลอกให้คนกลัวเพราะไม่อยากให้ใครมายุ่มย่ามกับเตียงตัวนี้งั้นใช่ไหมครับ…?”
            “นี่มันเตียงของข้า ข้านอนอยู่ที่นี่ จะให้ใครมานอนด้วยได้ยังไง…”
            หล่อนพูดถูก ต้นพยักหน้าหงึกเห็นด้วย ค่อยยังชั่วหน่อยที่หล่อนไม่ใช่ผี ท่าทางไม่ได้ดุร้ายอะไรมากนัก คงจะพอพูดกันรู้เรื่องบ้าง แต่พอจะเชื่อถือเรื่องที่หล่อนพูดสักแค่ไหน ต้นต้องขอลองพิสูจน์ดู
            “แล้วนี่ผมจะรู้ได้ยังไง ว่าคุณไม่ใช่คนจริง…?”
            “ได้ข้าจะทำอะไรให้ดู…”
            วนายกมือขึ้นกอดอก ประกายรัศมีเปล่งออกมาจนสว่างจ้า แล้วร่างของหล่อนก็เลือนหายวับไปจากเตียงและไปปรากฏอยู่ข้างประตูแทน
ชายหนุ่มยืนมองการกระทำของหล่อนอย่างตื่นตะลึง เห็นร่างนั้นขยับลอยขึ้นจากพื้น จากนั้นจึงค่อย ๆ ลอยอย่างช้า ๆ กลับมาที่เตียง กระโปรงยาวสีชมพูที่หล่อนสวมใส่อยู่ สะบัดพลิ้วดูงดงามยิ่งนัก
            หล่อนทิ้งตัวลงนั่งขัดสมาธิบนเตียงอย่างนิ่มนวลหันมองไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง เห็นกระป๋องแป้งฝุ่นโรยตัวตั้งอยู่ หล่อนชี้มือไปที่กระป๋องใบนั้น มันค่อย ๆ ลอยจากโต๊ะมาหาชายหนุ่ม
            ต้นยื่นมือออกมารับ แล้วยกขึ้นพลิกดู ไม่เห็นมีเส้นเชือก หรือสิ่งแปลกปลอมใด ๆ ผูกติดอยู่
            เจ้าทำแบบนี้ได้หรือเปล่าล่ะ?” เสียงวนาถาม ชายหนุ่มสั่นหน้า เขาเชื่องอย่างสนิทใจแล้วว่าหล่อนไม่ใช่คน แต่เป็นเทพารักษ์หรือนางไม้ อย่างที่หล่อนบอกจริง ๆ เอากระป๋องแป้งวางกลับที่เดิม แล้วทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครืองแป้ง
            แล้วนี่คุณจะเอายังไงต่อไปคุณวนา….จะคอยแกล้งหลอกหลอนคนอยู่แบบนี้ตลอดไปหรือ…?”
            “ยังไม่รู้เหมือนกันข้าคงไม่มีทางเลือก….”
            หล่อนนั่งก้มหน้าหลบสายตาของเขา ทำให้ต้นชักเริ่มอึดอัดใจขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานี้ด้วยวิธีไหน
            ถ้าผมยอมย้ายออกจากห้องนี้ไป คุณโฉมศรีแกคงจะเอาห้องให้คนอื่นเช่าต่อ แล้วคุณก็ต้องคอยตามหลอกคนที่มาเช่า เป็นอย่างนี้ตลอดไปไม่มีวันสิ้นสุด..." ชายหนุ่มถอนหายใจยาว “…อีกอย่างหนึ่งปัญหาของผมมันมีอยู่ว่า เวลานี้ผมมีเงินไม่พอที่จะไปหาเช่าห้องใหม่อยู่ คุณโฉมศรีไม่ยอมคืนเงินมัดจำค่าเช่าห้องล่วงหน้าให้ผมแน่  เพราะเราได้สัญญากันเอาไว้แล้ว….”
            ต่างคนต่างนั่งนิ่งเงียบไปพักใหญ่ วนาจึงตัดสินใจบอกกับชายหนุ่ม
            ข้ายินดีเป็นฝ่ายไป เพื่อให้เจ้าได้อยู่ที่นี่…”
            “ไม่ได้หรอก…”ชายหนุ่มสั่นหน้า “…คุณเป็นผู้หญิง ผมจะปล่อยให้คุณต้องออกไปร่อนเร่ เป็นวิญญาณพเนจรได้ยังไง ถึงคุณจะเป็นเทพารักษ์นางไม้ก็ตามเถอะ….”
            เขาเคยอ่านพบในหนังสือ เทพารักษ์ก็คือเทวดาจำพวกหนึ่ง มีชื่อเรียกว่า รุกขเทวดาทำหน้าที่ดูแลรักษาป่าและต้นน้ำลำธาร ให้คงความชุ่มชื้นร่มเย็นไว้ตลอดกาล อีกทั้งยังคอยช่วยเหลือมนุษย์หรือสัตว์ที่หลงป่า ให้พ้นจากภัยอันตราย
            เทวดาพวกนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงเรียกกันว่า นางไม้เนรมิตวิมานอยู่บนต้นไม้ใหญ่ในป่า แต่ปัจจุบันนี้ ต้นไม้ใหญ่ๆ ถูกคนบุกรุกโค่นล้มลงจนเกือบจะหมดสิ้นแล้วรุกขเทวดาจึงต้องหนีเตลิดเปิดเปิง ไร้ที่พักพิงอาศัยบางรายยังคงไม่ยอมหนีจากต้นไม้ที่ถูกโค่นล้มนั้น และแทรกกายเข้าอาศัยอยู่ แม้ต้นไม้นั้นจะถูกนำมาแปรรูปแล้วก็ตาม อย่างเช่นรายวนานี้
            เขาไม่เคยคิดเลยว่า เรื่องเหล่านี้จะมีจริงได้ แต่จากประจักษ์พยานหลักฐาน ที่กำลังนั่งอยู่บนเตียงเบื้องหน้าเขานี้  จะให้เขาคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหลได้อย่างไร
            ต้นค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน เอามือกอดอก เดินวนเวียนไปมาอย่างใช้ความคิด
            วนายังคงนั่งก้มหน้านิ่งอยู่ นึกดูอีกที ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนดี หล่อนควรจะเป็นฝ่ายเสียสละ ยอมไปเสียจากที่นี่ เพื่อให้เขาได้อยู่อย่างสงบ ถึงแม้หล่อนจะต้องกลายเป็นผีเร่ร่อนก็ตามที
            อันที่จริง หล่อนไม่มีสิทธิ์อะไรในเตียงตัวนี้ นับตั้งแต่ต้นไม้ที่หล่อนสิงสถิตอยู่ ถูกโค่นล้มลงมาทำเป็นเตียงแล้ว แต่เพราะหล่อนไม่มีที่จะไป จึงต้องยึดเกาะติด อยู่ที่นี่ และสร้างความเดือดร้อนให้กับพวกมนุษย์มามากต่อมากแล้ว
            หล่อนควรจะยอมรับความจริง และเลิกหวงเตียงตัวนี้อีกต่อไปเสียที
            ผมนึกออกแล้ว….”
            เสียงต้นร้องอย่างดีใจ  ทำให้วนาต้องเงยหน้าขึ้นมอง
            ทำไมเราไม่อยู่ร่วมกันอย่างสันติวิธีล่ะ…?”
            เขาลากเก้าอี้จากหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง มานั่งลงข้างเตียง
            “….คุณอยู่ส่วนคุณผมก็อยู่ส่วนผม เราต่างคนต่างอยู่โดยไม่ต้องข้องแวะยุ่งเกี่ยวกัน คุณเป็นนางไม้จะหายตัวแทรกอยู่ที่เตียงนี้ก็ได้ไม่ใช่เหรอ?”
            “ข้าทำได้ แต่เจ้านะซีจะอยู่ได้ยังไง…?”
            “ได้ซิ….” ต้นยืนยันหนักแน่น เตียงตัวนี้เป็นของคุณ คุณเอาไปเลยผมยกให้ ตัวผมเองนอนที่ไหนก็ได้อยู่แล้ว เมื่อตอนผมเรียนหนังสือ อาศัยอยู่กับวัดผมยังเคยนอนบนพื้นศาลาเสียด้วยซ้ำไป…”
            “แต่ว่า…” วนาจ้องหน้าชายหนุ่ม อย่างรู้สึกไม่ค่อยไว้วางใจนัก
            ขอรับรองด้วยเกียรติผมไม่คิดทำบ้า ๆ อะไรกับคุณหรอก คนอย่างผมไม่ชอบการเอารัดเอาเปรียบหากำไรจากผู้หญิง ผมมีคนรักอยู่แล้วด้วย เรื่องนี้คุณไว้ใจได้ผมให้สัญญา
            “ข้าจะลองเชื่อเจ้าดู…”
            หญิงสาวยิ้มให้กับเขา เป็นรอยยิ้มที่งดงามอ่อนหวานเสียนี่กระไร
            ผมรู้สึกยินดีมากที่ได้รู้จักกับคุณคงจะไม่มีใครยอมเชื่ออย่างเด็ดขาดว่า ผมได้รู้จักเป็นเพื่อนกับนางไม้
            “ข้าก็เช่นกัน
            ชายหนุ่มลุกขึ้น ลากเก้าอี้กกลับไปเก็บไว้ในซอกใต้โต๊ะเครื่องแป้งตามเดิม ตั้งแต่กลับมาจากที่ทำงานเขายังไม่ได้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำชำระเหงื่อไคล
            เขาแกะเน็คไทที่คอออก ทำท่าจะปลดกระดุมเสื้อแต่แล้วกลับหยุดชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ในห้องนี้มีผู้หญิงอยู่ด้วย และหล่อนกำลังคอยจับตาดูการกระทำของเขาอยู่ จึงเปลี่ยนความตั้งใจ
            เปิดตู้เสื้อผ้า หยิบผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนออกมาแล้วเดินตรงดิ่งเข้าห้องน้ำไป
            ไม่ถึงสิบห้านาที ต้นกลับออกมาจากห้องน้ำเขาใส่ชุดนอนออกมาด้วยเรียบร้อย ยืนผลัดแป้งหวีผมที่หน้ากระจก แล้วหาเศษผ้าขี้ริ้วมาปัดถูกข้างเตียง ทำเป็นที่นอน วนานั่งมองเขาอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าที่ยิ้มน้อย ๆ
            บนเตียงมีหมอนสองใบ หล่อนหยิบส่งต่อให้เขาใบหนึ่ง ต้นรับไปวางไว้บนพื้น ตบหมอสองสามทีให้นุ่มฟู จากนั้นจึงล้มตัวลงนอนหนุนหมอนใบนั้น
            ราตรีสวัสดิ์ครับ คุณวนา…”
            หันหน้ามาบอกนิดหนึ่ง แล้วพลิกนอนหันหลังให้ไม่นานนักต้นก็หลับผล็อยลง
            วนายังคงนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว สายตาจับจ้องอยู่ที่ร่างชายหนุ่ม ที่กำลังนอนหลับปุ๋ยอยู่ตรงหน้า
            ผู้ชายคนนี้มีอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจ เขาเป็นคนกล้าไม่มีความหวาดกลัวผีสางนางไม้ ผิดกับมนุษย์คนอื่น ๆ ซึ่งล้วนแต่ขี้ขลาดตาขาว โดนหล่อนหลอกเข้าหน่อย ก็โวยวายเปิดแน่บกันไปแล้ว
            ดู ๆ ไปแล้วเขาเป็นคนดีมีน้ำใจคนหนึ่ง คงจะไม่มีอะไรเสียหาย ถ้าหล่อนจะลองคบมนุษย์คนนี้เป็นเพื่อนสักคน
            เห็นเขาขยับเปลี่ยนท่าเป็นนอนขดตัว เพราะอากาศเริ่มหนาวเย็นลง วนาจึงหยิบผ้าห่มบนเตียงลุกเดินไปห่มให้กับชายหนุ่ม แล้วยืนดูเขาอย่างชื่นชมในน้ำใจที่ยอมเป็นฝ่ายเสียสละ ลงมานอนทรมานตัวเองบนพื้นต้นยังคงหลับสนิทไม่รู้สึกตัวใด ๆ ทั้งสิ้น อาจเป็นเพราะฤทธิ์ของเบียร์ที่เขาดื่มเมื่อตอนหัวค่ำ จึงทำให้เขาหลับสนิทอย่างง่ายดายเช่นนี้
            วนาชี้มือไปที่สวิตซ์ไฟ บังคับให้ไฟในห้องดับมืดลง  แล้วเดินกลับไปที่เตียง เอนตัวลงนอนหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
            คืนนี้ช่างเป็นคืนที่วิเศษอะไรเช่นนี้ที่หล่อนกับมนุษย์สามารถทำความเข้าใจอย่างสันติได้นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หล่อนคงไม่ต้องไปคอยคิดหาวิธีหลอกคนที่มาเช่าห้องนี้อีกต่อไปแล้ว
                        **********
            ในตอนเช้าของวันใหม่ เมื่อตื่นขึ้นมาต้นถึงได้รู้ว่ามีคนเอาผ้าห่มมาห่มให้ รีบสลัดผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นนั่ง
            วนาไม่ได้อยู่บนเตียงเสียแล้ว
            เหลียวมองไปรอบ ๆ ห้อง เห็นทุกอย่างสะอาดสะอ้านเรียบร้อย เสื้อผ้าที่เขากองเอาไว้ ตั้งใจจะรวบรวมซักในวันนี้ ถูกซักตากขึ้นราวบนระเบียงเรียบร้อยแล้วต้องเป็นฝีมือของวนาแน่ ไม่ใช่ใครอื่น
            ชายหนุ่มลุกไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำเสร็จ นุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกหาชุดใส่ มองไปที่พื้นอีกที หมอนและผ้าห่มที่เขาสลัดทิ้งไว้ ระเห็จขึ้นไปอยู่บนเตียง ผ้าห่มถูกพับไว้อย่างเรียบร้อย ไม่แน่ใจว่าวนาจะยังอยู่ในห้องนี้หรือเปล่าจึงหยิบเสื้อผ้าที่จะใส่เดินกลับเข้าไปแต่งตัวในห้องน้ำ
            เมื่อกลับออกมาอีกครั้งต้นเห็นวนายืนยิ้มให้กับเขาอยู่ข้างโต๊ะกินข้าวตัวเล็ก ๆ ตรงซอกครัว บนโต๊ะมีถาดสีทองพร้อมด้วยพานเล็ก ๆ ตั้งอยู่
            ด้วยความสงสัยต้นจึงเดินเข้าไปดู เห็นในพานมีก้อนอะไรสีเหลือง ๆ คล้ายข้าวตูปั้นเป็นรูปกลม ๆวางเรียงซ้อนกันอยู่อย่างมีระเบียบ ส่งกลิ้นหอมนุ่มนวลชวนเย้ายวนใจ อดก้มลงพิจารณาดูใกล้ ๆ ไม่ได้
            นี่อะไรหรือ…?”
            “อาหารทิพย์ข้ารู้ว่าเจ้าคงจะหิวจึงเนรมิตให้
            “นี่น่ะหรืออาหารทิพย์…?” ต้นมองดูด้วยความแปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
            ถูกแล้ว….นี่แหละอาหารทิพย์ที่เทวดากินกัน มนุษย์น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้ลองลิ้มชิมรสเจ้าลองกินดูซิ
            ต้นลองหยิบใส่ปากเคี้ยวดู
            อืมม์อร่อยรสชาติแปลกดีนี่ หอมนุ่มเหมือนทำจากเกสรดอกไม้ อร่อยจริง ๆ ขอบคุณมากครับคุณวนา….”
            วนายิ้มอย่างรู้สึกภูมิใจ
            ข้าดีใจที่เจ้าชอบ อยากกินเมื่อไหร่อีกบอกข้าได้เลย ข้าจะเนรมิตให้อีก
            ชายหนุ่มจ้องมองรุกขเทวดาสาว แล้วทำคิ้วขมวดหน้าย่น
            เลิกพูดข้า ๆ เจ้า ๆ แบบนี้เสียทีเถอะนะคุณวนามันโบราณเต็มที….ฟังแล้วดูรู้สึกทะแม่ง ๆ ยังไงชอบกล
            “ข้าพูดแบบนี้ของข้ามานานแล้ว เจ้าจะให้ข้าพูดว่านยังไงล่ะ…?”
            “สมัยนี้เขาเลิกพูดแบบนี้มานานแล้ว ส่วนใหญ่จะใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าฉัน หรือเรียกชื่อตัวเองเฉย ๆ กัน ผมว่าฟังดูจะเข้าท่ากว่า แล้วเรียกผมว่าคุณต้น หรือต้นเฉย ๆ ก็ได้
            “ได้ซี่คุณต้น  ข้าเอ๊ยวนาจะพยายามทำตามที่เจ้าเอ๊ย คุณต้นบอก
            รู้สึกขัดเคืองใจตัวเองที่พูดผิดพูดถูกเพราะไม่เคยปาก แต่ก็ดูน่ารักดีสำหรับต้น จนชายหนุ่มอดหัวเราะหึ ๆ อย่างนึกขำไม่ได้
            พี่ต้นพี่ต้นช่วยเปิดประตูให้ทีเร็ว!”
            มีเสียงเคาะประตูพร้อมกับร้องเรียก เป็นเสียงของแตน ต้นจำได้ไม่ผิด
            เปิดประตูทีพี่ต้นสายจนป่านนี้แล้ว ยังนอนตูดโด่งอยู่อีกหรือไง…?”
            อีกเสียงหนึ่งดังตามมา เป็นเสียงยัยตุ่มเพื่อนซี้ของแตน
            แฟนผมมาแล้ว คุณช่วยหลบไปก่อนเถอะนะครับ คุณวนา
            ต้นหันไปบอกกับนางไม้สาว หล่อนพยักหน้าแล้วร่างก็เลือนหายไป ต้นจึงรีบเปิดประตู
            แตนยืนหน้างอง้ำอยู่ตรงหน้าประตู มียัยตุ่มหอบข้าวของพะรุงพะรังยืนอยู่ข้าง ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นของกินทั้งสิ้น  หญิงสาวรูปร่างตุ้ยนุ้ยยิ้มแฉ่งให้กับชายหนุ่ม
            หวัดดีพี่ต้น
            “ทำไมเปิดประตูช้านักล่ะ มัวทำอะไรอยู่เหรอ…?”  แตนต่อว่า
            เปล่านี่….ผมเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ…” ต้นโกหกไปเรื่อยเปื่อย…” ใครจะไปรู้ล่ะว่าคุณแตนจะมาแต่เช้าตรู่อย่างนี้
            “เช้าตรู่ที่ไหนกัน นี่มันสามโมงกว่าเข้าไปแล้วนะยะยายต้นตุ่มว่าแดก
            ชายหนุ่มหลีกทางให้สองสาวเดินเข้าประตูมา พอเหยียบย่างเข้ามาในห้อง กลิ่นหอมนวลอันแปลกประหลาดคล้ายกลิ่นดอกไม้ป่า ก็โชยมากระทบจมูกของแตน
            กลิ่นอะไรนี่…?” แตนทำจมูกย่นสงสัย “…พี่ต้นไม่เคยใช้น้ำหอมนี่นา…?”
            ต้นใจหายวาบ วนาต้องกำลังยืนดูอยู่ใกล้ๆ กับแตนแน่ ถึงจะหายตัวอยู่แต่กลิ่นกายของหล่อนมันฟ้อง เขารีบหาข้ออ้างแก้ตัวเป็นพัลวัน
            น้ำหอมที่ไหนกลิ่นแป้งหอมโรยตัวของผมน่ะ
            แตนไม่ยอมเชื่อ ยื่นจมูกเข้าไปดมดูใกล้ ๆ แถวซอกคอต้น
            ไม่ใช่กลิ่นเดียวกันนี่…” ตาชักเริ่มขวาง “…บอกมานะ กลิ่นน้ำหอมของใคร…?”
            ชายหนุ่มหน้าถอดสี ไม่รู้จะแก้ตัวว่าอย่างไร นึกภาวนาอยู่ในใจ ขอให้วนารีบออกไปพ้น ๆ หล่อนเสียโดยเร็วไว ชะรอยนางไม้สาวคงจะอ่านใจของเขาออกกลิ่นหอมนั้นจึงหายไป
            ฉันไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลย…” ยัยตุ่มทำจมูกฟุตฟิต  พอเจอหน้าก็จะหาเรื่องทะเลาะกันเชียวประสาท!”
            หล่อนว่าแดกดันเพื่อน เพราะรู้ซึ้งในความเป็นคนขี้หึงของแตนอย่างดี ต้นได้โอกาสรีบสวมรอย
            นั่นน่ะซิ..ผมก็ไม่เห็นได้กลิ่นอะไรเลย นอกจากกลิ่นแป้งที่ตัวของผมเท่านั้นเอง
            เขาบอกพน้อมกับทำท่ายกคอเสื้อขึ้นดมประกอบแต่แตนยังไม่ยอมหายข้องใจ หล่อนยืนมองค้อนอยู่หลายตลบ
            เอ้า….จะยืนแง่งกันอีกนานมั้ย หลีก ๆ ขอทางหน่อย
            ตุ่มรู้สึกรำคาญเพื่อนสาวของหล่อนเต็มทน ใช้สะโพกขนาดมหึมาเบียดกระแทกแตน เดินตรงไปที่โต๊ะกินข้าวข้างซอกครัว เอาห่อของที่หอบมาพะรุงพะรังนั้นวางลง พลันสายตาเหลือบไปเห็นถาดใส่อาหารทิพย์เข้า
            แม่เจ้าโว้ยเล่นถาดทองเชียวหรือนี่ ฟู่ฟ่าไม่เบาเลยนะพี่ต้นนี่อะไรน่ะ…?”
            ยื่นมือจะไปหยิบอาหารทิพย์ในพานทอง แต่รู้สึกเหมือนถูกใครตีเผี๊ยะเข้าที่หลังมือ ต้องสะดุ้งตกใจ รีบชักมือกลับ
            อุ้ย! ใครตีมือตุ่ม…?”
            มองไปรอบตัวไม่เห็นมีใครยืนอยู่เลย คิดว่าคงเป็นอุปาทานมากกว่า จึงยื่นมือจะไปหยิบใหม่ แต่กลับโดนตีเผี๊ยะเข้าให้อีก ตุ่มชักหน้าเสีย
            ต้นเหลียวมาเห็นสีหน้าของตุ่มเข้า ใจหายวูบรีบเข้ามาห้ามทันที
            อย่า ๆ นั่นของสำหรับไหว้เจ้าที่เจ้าทาง อย่าไปแตะต้องเป็นอันขาดเชียวนะ ยัยตุ่ม!”
            มิน่าเล่า ถึงได้รู้สึกเหมือนถูกตีมือ สงสัยเจ้าที่เจ้าทางของที่นี่ คงจะเฮี้ยนเอามาก ๆ คิดขึ้นมาแล้วตุ่มชักรู้สึกขนลุกขนพอง รีบถอยห่างออกมาจากโต๊ะ ทำหน้าแหยงๆ
            ในขณะที่ตุ่มกับต้นกำลังวุ่นอยู่ที่โต๊ะกินข้าว แตนเดินไปที่เตียงนอนมองดูอย่างสนอกสนใจ
            อื้อฮือเตียงนอนห้องพี่ต้นสวยจังเลย….สวยจริงๆ….”
            ลองลูบคลำแล้วทำท่าจะทรุดตัวลงนั่งบนเตียง
            ต้นหันมาเห็นพอดี ชายหนุ่มตาเหลือก รีบเข้ามาโบกมือร้องห้าม
            อย่าๆ..อย่านั่ง! !”
            หญิงสาวไม่ยอมฟังเสียง หย่อนก้นนั่งแหมะลงไปทันที
            ทำไมล่ะขอลองนั่งดูแค่เนี้ยะ ต้องหวงด้วยหรือ….?” เชิดหน้าพูดเสียงห้วนแบบไม่พอใจ
            ทันใดนั้น แตนรู้สึกเหมือนมีใครมาผลักเข้าที่กลางหลังเต็มที่ จนหล่อนเซถลาลงไปนั่งก้นกระแทกพื้น หวีดร้องอย่างตกเอาตกใจ
            ว้ายยยยย….!!!”
            หญิงสาวหันขวับมองต้นตาเขียวปั๊ด
            เอ๊ะพี่ต้นนี่ยังไงนะ….ทำไมต้องทำรุนแรงแบบนี้ด้วย….”
            ชายหนุ่มหน้าซีด พาลจะเป็นลมเสียให้ได้ เรื่องมันชักไปกันใหญ่แล้ว
            ปะ….ปะ….เปล่านะ ผมไม่ได้ทำ ผมไม่ได้ทำอะไรคุณแตนเลย”  รีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
            พี่ต้นเค้าไม่ได้ทำอะไรเลยสักหน่อยตุ่มซึ่งเห็นเหตุการณ์ดี ช่วยยืนยัน เขายืนอยูเฉย ๆ ตัวน่ะล้มลงไปเอง แล้วไปโทษเขา
            “ฉันไม่ได้ล้มลงมาเองนะยัยตุ่ม  มีคนผลักฉันจริง ๆ….ถ้าไม่ใช่พี่ต้นงั้นใครล่ะ…?”
            “ฉันฉันจะไปรู้เหรอถามพี่ต้นดูเองซี่!” ตุ่มมองหน้าต้น ทำท่าเลิ่กลั่ก
            อ้อ !....หรือว่าพี่ต้นแอบซ่อนใครเอาไว้ในห้องนี้หือ??”
            หญิงสาวลุกพรวดพราดขึ้นยืนจ้องมองชายหนุ่มเขม็ง