โดย...เจิด
จินตนา
๙
. . .
![]() |
อุ้ม อิษยา ฮอสุวรรณ เป็น วนา |
“มีที่ไหนกันเล่า…”
ต้นโอดครวญ “คุณก็เห็นอยู่ชัดๆ ว่าในห้องนี้มีแต่เราแค่สามคน…”
“ฉันไม่เชื่อหรอก!!”
แตนพูดเสียงสะบัด
ผลุนพลันไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้าดู
ใช้มือกวาดเสื้อผ้าที่แขวนไว้บนราวไปรวมกันอยู่เป็นกระจุกเดียว
เมื่อสำรวจดูจนแน่ใจว่าไม่มีใครซ่อนอยู่ จึงปิดประตูตู้เสื้อผ้าดังปัง
แล้วสะบัดก้นเดินไปเปิดประตูห้องน้ำชะโงกหน้าเข้าไปมอง
ในห้องน้ำมีแต่ความว่างเปล่า
หล่อนขมวดคิ้วเรียวงามอย่างสงสัย
แล้วเหลียวมองกลับไปที่เตียงนอน
“ใช่แล้ว…ใต้เตียง ต้องซ่อนอยู่ใต้เตียงแน่ ๆ
หญิงสาวไม่รอช้า รีบเดินมาคุกเข่าก้มลงมองสำรวจดูใต้เตียง
แล้วสิ่งที่ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น
แตนรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมายันเข้าที่บั้นท้ายของหล่อนเต็มเหนี่ยวจนถลาพรวดหน้าทิ่มเข้าไปใต้เตียง
“ว้าย!”
เสียงหวีดร้องของแตนดังลั่น
ต้นกับตุ่มยืนตะลึงพอตั้งสติได้ทั้งคู่รีบช่วยกันดึงร่างแตนออกจากใต้เตียง
“แตน…เป็นยังไงบ้าง…เป็นยังไงบ้าง?” ตุ่มลนลานถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
หญิงสาวนั่งงงอยู่เป็นครู่ใหญ่ปักใจเชื่อว่าเป็นการกระทำของต้นแน่
หันขวับมาทางชายหนุ่มแล้วตบหน้าเขาเต็มแรง
“เลวบัดซบที่สุด…ยังไม่เคยมีใครกล้าบังอาจทำกับฉันแบบนี้….พอกันที!” สะบัดหน้าลุกขึ้นคว้ามือเพื่อนสาว “กลับได้แล้วยัยตุ่ม กลับ!”
ตุ่มนั่งทำหน้าแปลกใจ
ยังไม่ยอมลุกขึ้น
“เฮ้ย ! บ้าน่า…เพิ่งจะมาถึงก็จะกลับแล้วเหรอยัยแตน…”
“ถ้าตัวอยากอยู่ก็ตามใจ…ฉันไปล่ะ!”
แตนปล่อยมือเพื่อน
หันหลังก้าวฉับ ๆ ไปที่ประตู ตุ่มรีบลุกขึ้นวิ่งตามไป
“เดี๋ยวซี่…เดี๋ยว…รอด้วย”
ไม่อยากให้แฟนสาวต้องจากไปด้วยความเข้าใจผิดต้นลุกพรวดพราดตามไปคว้ามือของแตนเอาไว้
“อย่าเพิ่งไปคุณแตน…ฟังผมอธิบายก่อน”
“ไม่ฟัง!” หญิงสาวสะบัดมือเต็มแรงจนต้นต้องปล่อย หล่อนยกมือขึ้นชี้หน้าเขาตาขวาง “อย่ามาแก้ตัวหน่อยเลย แกนะแก นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าแกจะกล้าทำกับฉันอย่างหยาบคายแบบนี้”
“ผมเปล่า!”
เพียงแค่อ้าปากปฏิเสธ
ก็ถูกแตนตบหน้าเข้าให้อีกฉาดใหญ่
“นี่แน่ะเปล่า…เชอะ!”
ชายหนุ่มหน้าชายืนเซ่อ
ปล่อยให้แตนสะบัดหน้าก้าวพรวดพราดออกจากห้องไป
“ยัยแตนกำลังเฮิร์ทหนัก
คงมีการเข้าใจผิดอะไรสักอย่างไว้หายโมโหแล้วตุ่มจะช่วยพูดปรับความเข้าใจให้เองนะพี่ต้น”
หญิงสาวร่างตุ้ยนุ้ยบอกกับต้นแล้วรีบวิ่งตามเพื่อนสาวของหล่อนไป
ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนคลำแก้มที่ถูกตบอย่างมึนงง
ตั้งแต่รู้จักคบหากันมา
แตนยังไม่เคยลงมือลงไม้กับเขาเช่นนี้มาก่อน เพิ่งจะได้เห็นฤทธิ์โมโหร้ายของคนรักวันนี้เอง
ทำเอาต้นถึงกับยืนซึม
วนาปรากฏกายขึ้น
ยืนกอดอกพิงตู้เสื้อผ้า มองดูชายหนุ่มอย่างนึกขำ
“นี่น่ะหรือแฟนคุณต้น
แหม! ดุยังกับแม่เสือแน่ะ โมโหร้ายน่าดูจริง ๆ”
ชายหนุ่มหันขวับมองหล่อนตาเขียว
“เพราะคุณนั่นแหละ
คุณวนาไม่น่าไปทำกับคุณแตนเขาแบบนั้นเลย”
“ก็ใครใช้ให้แฟนของคุณต้นอยากมาลองดีกับข้า
เอ๊ย วนาก่อนทำไมล่ะ?”
หล่อนเถียงฉอด ๆ
แล้วค้อนชายหนุ่มด้วยท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู จนโกรธไม่ลง ได้แต่ส่ายหน้าดิก
“ไม่ว่าใครจะมาแตะต้องเตียงของคุณไม่ได้เลยเชียวนะ…ผมเชื่อแล้วล่ะว่าคุณเป็นนางไม้หวงเตียงจริง ๆ”
ชะรอยวนาจะรู้ตัวว่าผิด
เดินหน้าม่อยเข้ามาหาชายหนุ่ม
“วนาขอโทษ…ที่ทำรุนแรงกับแฟนของคุณต้น”
เขาหัวเราะหึๆ
ยื่นมือไปแตะไหล่รุกขเทวดาสาวอย่างแผ่วเบา
“ช่างมันเถอะนะ…เรื่องมันแล้วไปแล้ว อย่าไปเก็บมาคิดให้เป็นกังวลเลย
คุณแตนเขาเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียวแบบนี้แหละ พอหายโมโหก็ดีเอง”
“วนาคิดว่าจะขอโทษคุณแตนดีมั้ย?”
หล่อนถามซื่อๆ
แต่ทำเอาต้นถึงกับสะดุ้งโหยง
“หา ! อย่าเชียวนาคุณวนา ถ้าคุณไปหาคุณแตน มีหวังเกิดเรื่องใหญ่สางไม่จบแน่
ผมขอร้องล่ะ”
เห็นสีหน้าอาการตื่นตกใจของชายหนุ่ม
นางไม้สาวต้องอมยิ้มอย่างนึกขำ
จริงซินะ….หากหล่อนจะไปขอโทษแฟนของต้นแล้วจะไปอธิบายกับแตนยังไง ว่าหล่อนเป็นใคร
ทำไมถึงได้มาอยู่ในห้องนี้กับคนรักของแตนลำพังสองต่อสอง หญิงสาวท่าทางหึงรุนแรงขนาดนั้น
คงจะไม่ยอมเชื่ออะไรง่าย ๆ แน่
“ถามจริง ๆ เถอะคุณวนา
คุณทำอีท่าไหนคุณแตนถึงได้หัวทิ่มเข้าไปใต้เตียงแบบนั้น?” ต้นยังรู้สึกข้องใจอยู่
“อยากรู้จริง ๆ หรือ…?”
หล่อนย้อนถาม
ชายหนุ่มพยักหน้าหงึก
นางไม้สาวทำท่าลังเลใจนิดหนึ่ง แล้วชี้มือไปทีเท้าของตนเอง
“ใช้นี่ไง…”
ต้นยืนทำตาปริบ ๆ
แล้วหัวเราะก๊ากออกมา
**********
แตนยังคงไม่มีทีท่าว่าจะยอมหายโกรธต้นได้ง่าย
ๆ บ่ายวันนั้น หล่อนนั่งโต้เถียงอยู่กับตุ่มเพื่อนซี้ปึก
ที่โต๊ะนั่งเล่นรับลมหน้าเทอเรซ ในคฤหาสน์หลังโอ่อ่า
ไม่ไกลกันนัก
คุณพิทักษ์กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องรับแขก
เสียงพูดคุยกันของสองสาวดังลั่นบ้านจนได้ยินมาถึงหูของท่านปลัดกระทรวงพาณิชย์
พอหนัก ๆ เข้าชายสูงอายุต้องเลิกแว่น
ใช้สายตามองปรามมาที่บุตรเสียทีหนึ่ง
“เธอคิดดูให้ดีนะแตน…”
ตุ่มพยายามลดเสียงลงให้เบาที่สุด
เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนสมาธิของคนอื่น “พี่ต้นเขามีเหตุผลอะไรถึงต้องทำกับเธอแบบนั้น?”
“ไม่รู้ล่ะ…เขายืนอยู่ใกล้ฉันที่สุดถ้าไม่ใช่เขาแล้วใครล่ะ ที่เป็นคนถีบฉันมุดเข้าไปใต้เตียง?”
เสียงของแตนยังคงแผดดังด้วยอารมณ์อันฉุนเฉียว
“เธอเห็นหรือว่าพี่ต้นเขาเป็นคนถีบเธอ…ฉันซี่เห็นกับตาว่าพี่ต้นเขา ยืนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย
เธออาจจะลื่นล้มไปเองต่างหาก”
“ตัวฉันเองฉันรู้ดีว่าไม่ใช่ลื่นล้ม
จะต้องให้บอกสักกี่ครั้งเธอถึงจะยอมเชื่อ ห๊า! ยัยตุ่ม?”
“โธ่เว้ย!” ตุ่มชักจะมีโมโหขึ้นเสียงดังมั่ง “ถ้ายังงั้นใครเป็นคนทำกันล่ะ
ไม่ใช่พี่ต้นแน่ฉันกล้ารับรอง หรือว่าผีทำ?”
พูดถึงผีตุ่มต้องชะงักพรืด
รีบเอามือปิดปาก
หล่อนเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า
ตัวเองก็โดนใครไม่รู้ตีมือเอาเหมือนกัน เมื่อตอนจะหยิบอาหารในถาดทอง หญิงสาวเจ้าเนื้อทำหน้าทำตาเลิ่กลัก
“เฮ้! หรือว่าในห้องพี่ต้นจะมีผีจริง ๆ”
“ฉันไม่เชื่อหรอก…”
แตนสะบัดหน้าพรืด “ฉันว่าเขาต้องเอาผู้หญิงซ่อนไว้ในห้องนั้นแน่เมื่อตอนเดินเข้าไปทีแรก
ฉันได้กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงชัด ๆ ฮึ่ม! คอยดูซิ…ฉันจะต้องจับให้ได้คาหนังคาเขาเลย!”
ตุ่มส่ายหน้าอย่างรู้สึกอิดเหนาระอาใจในตัวเพื่อนของหล่อน
“เธอนี่ขี้หึงเสียจนไม่ยอมรับรู้เหตุผลความจริงอะไรเลยนะแตน”
เสียงออดที่หน้าบ้านดังขึ้น
ขัดจังหวะการโต้เถียงของสองสาว
“ไปดูซิลูกว่าใครมา…”
คุณพิทักษ์ชะโงกหน้าบอกบุตรสาว
“หนูไปดูให้เองค่ะคุณลุง”
ตุ่มขานอาสาแล้วลุกขึ้นหันบอกกับเพื่อนสาว “ต้องเป็นพี่ต้นมาขอปรับความเข้าใจกับเธอแน่
รอเดี๋ยวนะแตน ฉันจะไปเปิดประตูให้”
ยัยตุ่มย้ายร่างอันอุดมสมบูรณ์ด้วยไขมันวิ่งปุเลง
ๆไปที่ประตู
เป็นต้นจริง ๆ ด้วย ชายหนุ่มแต่งกายสุภาพเรียบร้อย
มือหนึ่งหอบถุงใส่ของกิน ที่สองสาวไปลืมทิ้งไว้ในห้องของเขา
ส่วนอีกมือถือดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ ห่อด้วยกระดาษแก้วและผูกโบอย่างสวยงาม
เขากำลังยืนส่งยิ้มให้กับตุ่มที่หน้าประตูรั้ว
“หวัดดี…พี่ต้น นึกแล้วว่าพี่ต้องมา ตุ่มทายถูกเผงเลย….” หล่อนส่งเสียงทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเปิดประตูรั้วบานเล็กให้
“คุณแตนล่ะ?”
ต้นถามเมื่อก้าวเข้าไปข้างใน
ยัยตุ่มทำมือทำไม้ชี้โบ้ยไปที่หญิงสาว
ซึ่งกับลังนั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ที่เทอเรซชายหนุ่มตามองไปนิดหนึ่งแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึก
ๆ ก่อนที่จะขยับเดินไปหา ตุ่มรีบปิดประตูรั้วแล้วเดินตามหลังต้นไป
พอเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้แตนรีบแกล้งหันหลังให้อย่างไม่สนใจใยดี
ต้นชะงักนิดหนึ่ง วางข้าวของที่หอบพะรุงพะรังมาลงบนโต๊ะ
แล้วยื่นช่อดอกกุหลาบไปตรงหน้าหญิงสาว
“คุณแตนยังไม่หายโกรธผมอยู่อีกหรือครับ…นี่กุหลาบสีแดงที่คุณแตนชอบ ผมซื้อมาฝาก”
“เอาวางไว้ตรงนั้นแหละ”
หล่อนชี้นิ้วไปบนโต๊ะโดยไม่ยอมหันมามองหน้าเขา
โดยแสดงกิริยาเช่นนี้ ชายหนุ่มถึงกับสะอึกเล็กน้อย
แต่ยังคงทำใจบรรจงวางช่อกุหลาบแดงลงบนโต๊ะกระจกใสตุ่มรู้สึกไม่พอใจในการแสดงออกของเพื่อนสาว
ได้แต่ยืนดูอยู่ห่างๆไม่อยากเข้าไปสอด
“คุณแตนกำลังเข้าใจผิด
ผมไม่เคยคิดที่จะทำร้ายคุณแตนเลย พื้นคงจะลื่นเลยทำให้คุณแตนหกล้มลงไปเอง
เลิกโกรธผมทีเถอะนะครับ”
เขาพยายามพูดกับหล่อนอย่างนุ่มนวลที่สุด
เพื่อให้หล่อนหายโกรธแต่คราวนี้มันไม่ได้ผล คำพูดของเขายิ่งทำให้แตนฉุนเฉียวหนักขึ้น
เหมือนเอาน้ำมันราดเข้าไปในกองไฟ
หญิงสาวหันขวับมามองตาขวางลุกพรวดขึ้นยกมือขึ้นชี้หน้าเขา
“แก…แกยังจะมีหน้ามาแก้ตัวอีกไอ้ผู้ร้ายปากแข็งทำผิดแล้วไม่ยอมรับ มากล่าวหาว่าฉันปรักปรำแกยังงั้นซิ…ไปให้พ้นนะ!” หล่อนออกปากไล่อย่างไม่ไว้หน้า
“ผมไม่ได้แก้ตัว…แต่ถ้าคุณแตนไม่เชื่อที่ผมพูดก็ไม่เป็นไรหรอกนะครับ”
“ไปให้พ้น…ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้นะ!!” แตนยิ่งแผดเสียงดังขึ้น
เสียงเกรี้ยวกราดของบุตรสาว
ทำให้คุณพิทักษ์ตกอกตกใจ ต้องลุกเดินออกมาดู
“อะไรกันลูก…อย่าใช้วาจาหยาบคายแบบนั้นกับพี่เค้าซิ่ มีอะไรค่อย ๆ พูดค่อย ๆ
จากันได้นี่นา…”
ต้นรีบยกมือไหว้ชายสูงอายุ
“สวัสดีครับคุณอา…คุณแตนเข้าใจผมผิดน่ะครับ”
“อาได้ยินแตนกับตุ่มเขานั่งถกเถียงเรื่องนี้กันมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว
ว่าจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยแต่มันอดไม่ได้…” ชายสูงอายุหันมามองหน้าลูกสาว
เรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้ ไม่เห็นจะต้องทำเอะอะโวยวายเสียงดังน่าจะปรับความเข้าใจกันดี
ๆ ได้นี่นา ลูกแตน”
“คุณพ่อว่าเรื่องเล็กน้อยหรือคะ”
แตนเถียงคอเป็นเอ็น “แม้แต่คุณพ่อเองยังไม่เคยทุบตีลูกเลยสักหนเดียว
แล้วไอ้ผู้ชายคนนี้มันถือดีมาจากไหน ถึงได้กล้าเตะถีบลูก…ทำกับลูกเหมือนไอ้พวกคนไพร่
ๆ สันดานหยาบช้า!”
“พี่ต้นเขาคงไม่ได้ตั้งใจล่ะมั้งลูก!”
“คุณพ่อไม่ต้องมาช่วยพูดเข้าข้างมัน…”
หล่อนพูดไปร้องไห้ไป น้ำตาไหลทะลักออกมาอาบสองแก้ม “ผู้ร้ายปากแข็ง ทำผิดแล้วจะขอโทษลูกสักคำยังไม่มี เห็นแตนเป็นคนยังไง….แตนเป็นลูกผู้ดีมีเกียรตินะคะคุณพ่อไม่ใช่ผู้หญิงข้างถนน
ถึงได้มาทำนิสัยไพร่ ๆ แบบนี้กับแตน”
“ผม…ผมไม่ได้ทำจริงๆ แต่เอ้อ...ผมก็ไม่รู้จะพูดว่ายังไงดี!!”
ชายหนุ่มเกือบจะพลั้งปากความจริงออกไป
แต่เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอหอย ทำให้ต้องยืนอ้ำอึ้งเป็นที่หมั่นไส้ของหญิงสาว
“ยังมีหน้ามาปฏิเสธอีก
แกมันไม่ใช่ลูกผู้ชายไปให้พ้นนะ แล้วไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก…ไปซี่ไป๊”
หล่อนกวาดมือไปบนโต๊ะ
ทำให้ข้าวของต่างๆและช่อดอกกุหลาบที่ต้นวางเอาไว้หล่นลงมากระจายกับพื้นจากนั้นจึงร้องไห้โฮวิ่งเข้าบ้านไป
“ลูกแตน!!”
คุณพิทักษ์ร้องเรียกเสียงดัง
แต่แตนไม่ยอมหยุดหันมา กลับวิ่งตรงดิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบน ตุ่มยืนเก้ ๆ กัง ๆ
มองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที ทำอะไรไม่ถูกแล้วจึงตัดสินใจวิ่งเข้าบ้านตามแตนไป
ชายสูงอายุส่ายหน้าช้า ๆ
หันมามองหน้าต้นอย่างรู้สึกเห็นอกเห็นใจ
“อาต้องขอโทษด้วยนะต้น…ลูกสาวอาเป็นคนไม่ยอมรับฟังเหตุผลเอาซะเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณอา
คุณแตนกำลังโมโหผมมากเลยเป็นแบบนี้ ผมไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ”
“กลับไปก่อนเถอะนะ….เอาไว้แตนหายโมโหแล้วอาจะให้ไปขอโทษเธอเอง”
“ครับ…คุณอา ผมกลับก่อนล่ะครับ”
ต้นยกมือไหว้คุณพิทักษ์
แล้วก้มลงเก็บช่อกุหลาบขึ้นมาปัดฝุ่นที่เกาะอยู่
เดินจากไปด้วยท่าทางเชื่องช้าหงอยเหงาชายสูงอายุยืนมองตามอย่างรู้สึกเวทนาจนอดไม่ได้ที่จะต้องถอนหายใจยาวออกมา
เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนนิสัยดีในสายตาของท่าน
แต่เพราะนิสัยชอบเอาแต่ใจตัวเองของบุตรสาว
ท่านจึงเกรงว่าหนุ่มสาวคู่นี้อาจจะคบกันไม่ได้ยืดนัก
**********
กลับมาถึงห้องพัก
ต้นเห็นนางไม้เพื่อนร่วมห้องจำเป็นของเขากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงนอน
ชี้นิ้วบังคับให้เสื้อผ้าที่ซักตากไว้บนราวตรงระเบียงจนแห้งแล้วพากันลอยเป็นขบวนพาเหรดเข้าไปในตู้เสื้อผ้า
ชิ้นไหนที่ต้องแขวน
ก็ลอยเข้าสู่ราวแขวนเสื้อนอกนั้นพับตัวเองแล้วลอยเข้าไปตามจุดต่าง ๆ
แยกเป็นเสื้อกางเกงและถุงเท้า ที่ใครที่มันอย่างเป็นระเบียงเรียบร้อยไม่ปะปนกัน
เสร็จเรียบร้อย
วนาจึงชี้นิ้วอีกทีให้ประตูตู้เสื้อผ้าปิดสนิทลง เหลียวมามองทางต้น เห็นเขายืนนิ่งอยู่ตรงประตูไม่ยอมพูดยอมจาอะไร
“ทำไมกลับมาเร็วนักล่ะ
ไม่พบแฟนของคุณต้นหรือ?”
เงียบกริบ…ไม่มีเสียงตอบจากปากของชายหนุ่มเขาเดินคอตกไปนั่งลงบนเก้าอี้
ตรงส่วนหน้าที่ถูกจัดให้เป็นห้องนั่งเล่น
เห็นท่าทางอันหงอยเหงาเซื่องซึและช่อกุหลาบเหี่ยวเฉาที่ยังคงถืออยู่ในมือ
วนาพอจะเดาเหตุการณ์ออกหล่อนลุกจากเตียงก้าวเดินช้า ๆ ไปนั่ง
ที่เก้าอี้ว่างอีกตัวหนึ่งข้างชายหนุ่ม แล้วเอ่ยปากถาม
“คุณแตนเธอว่ายังไงบ้างล่ะ?”
“เธอโกรธผมมาก…โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่ยอมพูดดีด้วยเลย”
ต้นบอกทั้งๆที่ยังก้มหน้า
ทำให้หล่อนเริ่มเกิดอาการเศร้าซึมเสียใจขึ้นมาบ้าง
“ไหนคุณต้นว่าไม่ช้าเธอจะดีเอง…”
“หนนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเสียแล้ว…คุณแตนเธอเข้าใจผิดผมไปอย่างใหญ่โต
ด่าว่าผมเสียๆหายๆคุณไม่น่าทำรุนแรงกับเธอเลย” ชายหนุ่มตัดพ้อต่อว่า
“คุณแตนต่างหากล่ะเป็นคนมาหาเรื่องอยากลองดีกับวนาก่อน
ซ้ำยังวางท่ายโสโอหังไม่มีความเกรงใจใครวนาเลยรู้สึกนึกหมั่นไส้ขึ้นมา
เท่านั้นเองแหละ…”
“เท่านั้นเองของคุณวนา
แต่ทำให้ผมกับคุณแตนต้องมองหน้ากันไม่ติด แล้วผมไม่รู้จะบอกความจริงกับคุณแตนยังไงด้วยซิ”
เขาพูดเหมือนจะโยนความผิดทั้งหมดมาให้ที่หล่อนคนเดียว
วนาเกิดความน้อยใจขึ้นมาในทันที
จริงอยู่…หล่อนผิดเองที่ไม่น่าไปทำรุนแรงกับแตน แต่ผู้หญิงแบบนี้น่ะหรือคือคนที่ต้นรัก….แตนมีกิริยามารยาทที่ไม่ดีงามเอาเสียเลย
ซ้ำยังมีท่าทางยโสพูดจากระโชกโฮกฮากเอากับต้น ไม่รู้เหมือนกันว่า คนดีๆอย่างต้น
เกิดไปชอบผู้หญิงแบบแตนเข้าที่ตรงไหน
แต่สังเกตดูท่าทางต้นคงจะรักแตนเอามากๆ
ถึงได้มานั่งเศร้าเสียใจอยู่แบบนี้
“เป็นความผิดของวนาเองที่เห็นเธอทำท่าเกรี้ยวกราดเอากับคุณต้น
แล้วอดนึกหมั่นไส้ไม่ได้…” นางไม้สาวบอกพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“ต้องขอโทษด้วย ไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะลุกลามไปใหญ่โตเช่นนี้….วนารู้สึกเสียใจจริงๆที่เป็นคนทำให้คุณต้นต้องไม่สบายใจ
วนารู้ตัวดีว่าเป็นฝ่ายผิด
จะขอไปจากที่นี่ไม่มาอยู่รบกวนสร้างความยุ่งยากใจให้กับคุณต้นอีกต่อไป”
เห็นเขายังคงนั่งวางเฉยเหมือนไม่สนใจ
คิดว่าในใจของเขายังคงหายโกรธหล่อนที่เป็นตัวการทำให้ความรักของเขาต้องพังทลายลง
วนาเดินกลับไปที่เตียงช้า ๆ จากนั้นร่างของหล่อนก็เลือนหายไป
อีกนานกว่าชายหนุ่มจะตื่นจากภวังค์
เขานั่งคิดอะไรเพลินจนลืมหล่อนเสียสนิท พอนึกขึ้นมาได้รีบหันมองไปรอบห้อง
“คุณวา…คุณวนา! !”
ไม่มีร่างของนางไม้สาวอยู่ในห้องนี้เสียแล้ว
ชายหนุ่มรู้สึกตกอกตกใจยิ่งนัก
เขาไม่ได้โกรธเคืองอะไรหล่อนเลย และไม่ได้ต้องการที่จะขับไล่ไสส่งหล่อนให้ออกไปจากห้องนี้ด้วย
รีบลุกพรวดพราดไปดูที่เตียง
“คุณวนาครับ…คุณยังอยู่หรือเปล่า?”
ใช้มือควานหาไปรอบๆเตียง
มือของเขาสัมผัสแต่อากาศอันว่างเปล่า
“ออกมาเถอะครับคุณวนา….ผมไม่ได้โกรธคุณหรอกนะ ออกมาพูดกันก่อน…”
เมื่อบนเตียงไม่มี
ต้นรีบก้มลงมองดูใต้เตียงอย่างลนลาน
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณเกิดความเข้าใจผิด มันไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกนะ
อย่าไปจากที่นี่เลยคุณวนา! !”
พร่ำพูดอยู่ตั้งนาน
ยังไม่มีเสียงตอบใดๆ ทั้งสิ้นหรือว่าหล่อนจะไปจากห้องนี้แล้ว
ต้นทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างรู้สึกห่อเหี่ยว
เสียใจที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้วนาต้องจากไป
แล้วหล่อนจะไปอยู่ที่ไหนกัน ในเมื่อที่สิงสถิตของหล่อนก็มีเพียงเตียงตัวนี้เท่านั้น!
!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น