โดย...เจิด จินตนา
๑๙ . . .
ปื๊ดกับเพื่อน ๆ กำลังเดินกลับมาที่ลานจอดรถ
ในมือของเด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์ถือท่อเหล็กแป๊บน้ำมาด้วยท่อนหนึ่ง
เขาอุตส่าห์ไปขอยืมจากลุงชม คนดูแลอพาร์ตเม้นท์มา เพื่อใช้เป็นเครื่องทุ่นแรงในการดัดแกนล้อรถมอเตอร์ไซค์
ทุกคนต่างพากันงุนงงอย่างหนัก
เมื่อเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของปื๊ดเป็นปกติดีทุกอย่าง
ไม่มีร่องรอยเสียหายอะไรปรากฏให้เห็นเลย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้มันยังอยู่ในสภาพที่พังยู่ยี่
“เฮ้ย ทำไมเป็นยังงี้ไปได้ล่ะ”
ไอ้เอกตรงเข้าไปลูบคลำดูอย่างรู้สึกแปลกใจ “เมื่อกี้นี้ล้อหน้ามันยังคดอยู่
บังโคลนหงิอกงอเห็นกันชัดๆ ทำไมกลับดีเหมือนเดินขึ้นมาได้ล่ะหว่า?”
“นั่นน่ะซิวะ เหมือนกับมีปาฏิหาริย์แน่ะเฮ้ย !” ไอ้โจรู้สึกข้องใจเหมือนกัน
“ใครมาทำอะไรกับมันหรือเปล่าวะ?”
หนึ่งตั้งคำถาม กวาดสายตามองหน้าเพื่อน ๆ ทุกคน แล้วมาลงที่อ๊อด “หรือว่าเป็นมึง?”
“ธ่อ ไอ้บ้า…กูเปล่านะ เจ็บจะตายห่าแล้ว
มีแรงที่ไหนไปทำมัน”
“ถ้างั้นต้องเป็นพี่ต้นแน่…..” หนึ่งเดาสุ่มไปเรื่อย
ๆ “เมื่อกี้เห็นพี่ต้นลงมาที่นี่กับผู้หญิงคนหนึ่ง…ต้องใช่แหงเลย”
“มึงอย่าเพ้อเจ้อไปหน่อยเลยน่า
พี่ต้นเขาไม่ใช่เทวดา จะได้เนรมิตรถของกูให้กลับคืนดีได้ในพริบตา”
ปื๊ดรีบพูดแย้งขึ้นมา ความจริงเขาพอจะนึกออกแล้วว่าเป็นฝีมือของใคร
แต่ไม่ยอมบอกกับเพื่อน ๆ เพราะขี้เกียจต้องมานั่งอธิบายกันยืดยาว อีกประการหนึ่ง
หากความลับเรื่องวนาเป็นนางไม้ถูกแพร่กระจายออกไป
ย่อมไม่เป็นผลดีแก่ตัวของหล่อนแน่
ดีที่ต้นกับวนาไม่อยู่เสียแล้ว
มิเช่นนั้นเรื่องมันคงจะบานปลายยิ่งไปกว่านี้
“เอ้อ…เฮ้ย!
งั้นแล้วใครที่ไหนมันแอบมาซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ให้มึงล่ะ?” ไอ้โจยังไม่หายสงสัย
“กูจะไปรู้ได้ยังไง?” ปื๊ดแกล้งตีหน้าตาย “แต่ดีเหมือนกันว่ะ
จะได้ไม่ต้องเสียเวลาซ่อมมันอีก”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ทั้ง ๆ ที่ยังรู้สึกข้องใจไม่หาย
“เออ ! แล้วผู้หญิงคนที่มากับพี่ต้นเมื่อกี้
เป็นใครกันวะ สวยดีนี่หว่า?” เอกเพิ่งนึกขึ้นได้
หันมาถามเอากับปื๊ด
“เพื่อนของพี่ต้น ชื่อวนา…กูรู้แค่นี้เองแหละวะ”
เพื่อไม่ให้ถูกซักถามมากไปกว่านี้ ปื๊ดจึงพูดตัดบท
**********
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ คุณวนา…ผมขอร้องล่ะ”
ต้นบอกกับนางไม้สาว เมื่อกลับขึ้นมาถึงในห้องและปิดประตูเรียบร้อยแล้ว
“ทำไมหรือคะ คุณต้น
การช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก เป็นสิ่งดีงาม ไม่เห็นน่าเสียหายที่ตรงไหนเลย”
“เสียหายแน่นอนคุณวนา ถ้าเกิดมีคนมาเห็นคุณกำลังแสดงอิทธิฤทธิ์เข้า
จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที
ผมไม่อยากให้ใครต่อใครรู้กันทั่วเมืองว่าคุณไม่ใช่มนุษย์ มันจะมีปัญหายุ่งยากติดตามมาไม่รู้จบ
แค่คุณแตนกับยัยตุ่มผมยังไม่รู้เลยว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ได้ยังไง”
“คุณต้นบอกความจริงเกี่ยวกับคุณวนา ให้คุณแตนเธอรู้แล้วหรือคะ?”
“ครับ…” เขาพยักหน้ารับ สีหน้าไม่ค่อยสู้สบายใจนัก “เพราะผมอยากให้คุณแตนเลิกเข้าใจผิดในตัวคุณเสียที”
“แล้วคุณแตนเธอว่ายังไงบ้างคะ?”
“เธอไม่ยอมรับฟังเหตุผลอะไรเลย…” ต้นถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างรู้สึกหนักอกหนักใจเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
“ผมกลัวใจคุณแตนจริง ๆ เธอเป็นคนชอบเอาชนะ
คิดว่าคงไม่ยอมเลิกรามีเรื่องราวกับคุณง่าย ๆ แน่”
“วนาเสียใจจริงๆ ค่ะที่ก่อเรื่อง ทำให้คุณต้นไม่สบายใจ”
นางไม้สาวถึงกับนิ่งอึ้งไป ยืนก้มหน้าด้วยอาการซึมเศร้า
นึกไม่ถึงว่าเรื่องราวมันจะลุกลามไปใหญ่โตแบบนี้ ทั้งๆ ที่หล่อนเป็นฝ่ายยอมทุกอย่างด้วยความปารถนาดี
อยากให้ชายหนุ่มกับคนรักได้เข้าใจกัน
แต่ดูเหมือนว่า
เหตุการณ์มันจะไม่เป็นไปตามที่หล่อนคิดเอาไว้
ผู้หญิงคนนี้เอาแต่ใจตนเอง
ชอบมองคนอื่นในแง่ร้าย แต่แตนเป็นคนที่ต้นรัก
ทางที่ดีหล่อนควรจะเลิกพาตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนคู่นี้
ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบกันอยู่นาน
แล้ววนาจึงเป็นฝ่ายตัดสินใจพูดขึ้นมาก่อน
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ตั้งแต่นี้ไป
ถ้าคุณแตนเธอมาที่นี่ วนาจะออกไปจากห้องนี้ ไม่มาปรากฏตัวให้เธอได้เห็นอีก
คุณต้นกับคุณแตนจะได้ไม่ต้องเข้าใจผิดกันอีกต่อไป”
“มันจะได้ผลหรือ?” ชายหนุ่มพึมพำเบา ๆ
อย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก
“ต้องได้ผลซิคะ ถ้าคุณต้นจะบอกกับเธอว่า วนายอมไปจากที่นี่แล้ว คุณแตนเธอคงจะหายโกรธคุณเอง”
ความคิดนี้เข้าทีดีเหมือนกัน
ชายหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วยแล้วยิ้มออกมาได้
“แต่คุณวนาต้องสัญญาอะไรกับผมอย่างหนึ่ง”
“อะไรหรือคะ?”
“คุณต้องไม่ไปเที่ยวปรากฏตัวให้ใครเห็นและใช้อิทธิฤทธิ์นางไม้ของคุณพร่ำเพรื่อ…สัญญาได้ไหมครับ?”
“ได้ค่ะ วนาจะปฏิบัติตามคำสั่งของคุณต้นอย่างเคร่งครัด
หล่อนยกมือขึ้นทำท่าให้สัตว์ปฏิญาณ
พร้อมกับถอนสายบัวอย่างอ่อนช้อย เป็นทีว่ายอมรับฟังความเห็นของเขาทุกอย่าง
ทำให้ต้นต้องอมยิ้มนิดๆ ในท่าทางอันน่ารักของหล่อน
“พี่ต้นครับ พี่ต้น!
เสียงปื๊ดมาเคาะประตูเรียกดังขัดจังหวะขึ้น
ชายหนุ่มหันไปมองสบตานางไม้สาว หล่อนพยักหน้าแล้วรีบหายตัวแว้บไปทันที
ต้นเดินไปเปิดประตูให้ปื๊ด
“เข้ามาก่อนซิปื๊ด มีอะไรหรือ?”
“คุณวนาไม่อยู่หรือครับ?” เด็กหนุ่มเจ้าเนื้อย้อนถาม
เมื่อชะโงกหน้ามองเข้ามา ไม่เห็นนางไม้สาวอยู่ในห้อง
“เธอออกไปเมื่อกี้นี้เอง
ไม่อยากให้ปื๊ดกลัว ทำไมล่ะ?”
“คือว่า ผมอยากจะมาขอบคุณ ที่คุณวนาช่วยทำให้รถมอเตอร์ไซค์ของผม กลับมาคืนสู่สภาพเหมือนเดิมน่ะครับ”
“ปื๊ดบอกเรื่องนี้กับใครไปหรือเปล่า?”
“เปล่าครับพี่ต้น เพราะผมรู้ดีว่า
ต้องเป็นฝีมือของคุณวนาแน่เลยไม่ยอมบอกให้ใครรู้ เดี๋ยวพวกมันจะหาว่าผมบ้า”
“ดีแล้วล่ะ เราจะให้ใครรู้ไม่ได้เป็นอันขาดว่าคุณวนาเป็นนางไม้
ไม่งั้นเกิดเรื่องใหญ่แน่”
“ผมคิดอย่างงั้นเหมือนกันครับพี่ต้น….แต่คุณวนาทำให้พวกเพื่อน
ๆ ของผมเป็นเง็งไปหมดเลย ผมอยากจะมาบอกแค่นี้แหละครับ
ต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงานแล้ว เพื่อนๆ มันรอผมอยู่ข้างล่าง
ผมไปก่อนนะครับพี่ต้น”
ปื๊ดขอตัวกลับออกจากห้องไป ชายหนุ่มเดินตามหลังมาปิดประตู
แล้วยิ้มให้กับตัวเองอย่างรู้สึกสบายใจ นางไม้สาวปรากฏร่างขึ้นบนเตียงนอน
หล่อนกำลังนั่งชันเข่าเอียงคอมองดูเขาพร้อมกับอมยิ้มนิด ๆ
“เห็นมั้ยล่ะ…การกระทำของวนา เป็นผลดีต่อคุณปื๊ดเหมือนกันนะ!”
ชายหนุ่มได้แต่สั่นหน้าช้า ๆ ไม่พูดจาโต้ตอบแต่อย่างใด
**********
คุณนายลิ้นจี่รู้สึกดีใจยิ่งนัก
ที่เห็นลูกชายเอาเบอร์โทรศัพท์ของอรอนงค์มาให้แต่เช้า
“ลื้อไปได้มาจากไหนวะไอ้ตี๋?”
“ผมขอจากพี่ต้นมาน่ะครับแม่” ปื๊ดตอบด้วยท่าทางรู้สึกภูมิใจ
“พี่ต้น….อ๋อ
คนที่มากับลื้อวันก่อนนั่นใช่ไหม?”
“ใช่แล้วครับแม่…พี่ต้นเขารู้จักกับผู้หญิงคนนั้นโดยบังเอิญ
ตอนไปติดต่อเรื่องประกันกับเตี่ยที่โรงงาน
ผู้หญิงคนนั้นเลยให้เบอร์โทรศัพท์พี่ต้นเอาไว้”
“ใช่เมียน้อยของเตี่ยลื้อ ไม่ผิดตัวแน่นะไอ้ตี๋?” คุณนายลิ้นจี่ถามเพื่อความแน่ใจก่อน
“ไม่ผิดหรอกครับแม่ ผมบุกขึ้นไปดูจนเห็นกับตา
ว่าผู้หญิงคนนี้อยู่กันสองต่อสองกับเตี่ยในห้องที่โรงงาน
เขาชื่ออรอนงค์หุ่นยังกะนางงามแน่ะแม่”
“มันจะสวยแค่ไหนอั๊วไม่สนใจ แต่มันมาแย่งเตี่ยลื้ออั๊วยอมไม่ได้
ต้องสั่งสอนให้มันรู้สำนึก ไอ้ตี๋…ลื้อรีบจัดการลองแกล้งโทร.ไปถามดูก่อน อั๊วอยากรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน…”
“ได้ครับแม่”
ปื๊ดรับปากแล้วจัดแจงยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา
กดปุ่มที่หน้าปัดตามหมายเลขในแผ่นกระดาษ รออยู่สักครู่ก็มีคนรับสาย
“ลาวัลย์คอนโดทาวน์ค่ะ”
“ประทานโทษนะครับ…คือผมมีนัดกับเพื่อนไว้ที่นี่
แต่ไปไม่ถูก กรุณาช่วยบอกที่อยู่ให้ผมทราบหน่อยจะได้ไหมครับ?”
เสียงหวาน ๆของโอปะเรเตอร์บอกที่อยู่
ปื๊ดรีบจดเอาไว้ในเศษกนะดาษแผ่นเดียวกันนั้น
“ขอบคุณมากนะครับ…” เขาวางหูโทรศัพท์ลงแล้วหันมาบอกกับคุณนายลิ้นจี่
ซึ่งกำลังรอฟังคำตอบอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ “เขาพักอยู่ที่คอนโดมิเนียมแถวรัชดาน่ะแม่”
“ดีแล้ว พาอั๊วไปดูหนังหน้ามันหน่อยไอ้ตี๋ อั๊วจะฉะกับมันเอง”
**********
ลาวัลย์คอนโดทาวน์ เป็นอาคารชุดทันสมัยสูงสิบแปดชั้น
ตั้งโดดเด่นอยู่ย่านถนนรัชดาภิเษก ใกล้กับสี่แยกสุทธิสาร
เพียบพร้อมไปด้วยสระว่ายน้ำและสโมสร
สำหรับอยู่อาศัยมีระดับที่ชอบความหรูหราและสะดวกสบาย
มอเตอร์ไซค์ของปื๊ดถูกแม่บังคับให้จอดทิ้งไว้ที่บ้าน
แล้วเอารถวอลโว่คันใหญ่มาแทน โดยมิปื๊ดเป็นคนขับ
และคุณนายลิ้นจี่นั่งคู่มาตามลำพังเพียงสองคน
ปื๊ดเลี้ยวรถเข้าไปจอดในลานจอดรถอันกว้างขวางดับเครื่องแล้วหันไปถามแม่
“ถึงแล้ว…ที่นี่แหละครับแม่
จะเอายังไง?”
“บุกขึ้นไปหามันเลย อั๊วจะบังคับให้มันเลิกมายุ่งเกี่ยวกับเตี่ยของลื้อ
ไม่อย่างงั้นเป็นได้เห็นดีกัน”
คุณนายลิ้นจี่ทำท่าทางขึงขัง
หยิบปืนพกกระบอกเล็กๆในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาสำรวจตรวจตราความเรียบร้อยของกระสุน
ปื๊ดชักหน้าถอดสี กลืนน้ำลายดังเอื๊อกรู้สึกหวั่นใจว่าจะต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่
“อย่าทำอะไรรุนแรงนะแม่ ติดคุกเชียวนา”
“อั๊วรู้น่า ลื้อไม่ต้องห่วง…ไปกันได้แล้ว”
ทั้งคู่ก้าวลงจากรถ เด็กหนุ่มล็อคกุญแจแล้วพาแม่เดินไปที่ตัวอาคาร
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า
เห็นเป็นคนแปลกหน้าจึงเข้ามาถาม
“ประทานโทษ มาพบใครครับ?”
“พบคุณอรอนงค์ห้อง 124 ครับ” ปื๊ดบอกไปตามที่รู้มาจากเบอร์โทรศัพท์ที่อรอนงค์ให้ไว้กับต้น
“เชิญติดต่อที่เคาร์เตอร์ก่อนนะครับ”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหนุ่ม
พาคนทั้งสองมาที่เคาน์เตอร์ผู้ดูแลคอนโดมิเนียมแห่งนี้
แล้วแจ้งจุดประสงค์ให้พนักงานสาว ซึ่งทำหน้าที่ทั้งผู้ดูแลและโอปะเรเตอร์
“จะให้เรียนคุณอรอนงค์ว่า
ใครต้องการพบมิทราบคะ?”
“บอกว่าคนชื่อลิ้นจี่มีธุระด่วน” หญิงสูงอายุพูดเสียงห้วน
ชักรู้สึกไม่พอใจที่เห็นมีกฎระเบียบหยุมหยิมมากมาย
“รอสักครู่นะคะ”
พนักงานสาวยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส จัดแจงติดต่อโทรศัพท์ภายในขึ้นไปที่ห้องพักของอรอนงค์
รออยู่สักครู่ใหญ่ ๆ จึงขมวดคิ้ว แล้ววางหูโทรศัพท์กลับคืนอย่างเดิม
“ไม่มีใครรับสาย คุณอนอนงค์คงจะไม่อยู่กระมังคะ”
“อาจจะยังไม่ตื่น ลองเรียกดูอีกทีซิครับ” ปื๊ดให้ความเห็น
หญิงสาวลองต่อโทรศัพท์ติดต่อภายในอีกครั้ง แต่ยังไม่มีคนมารับสายเหมือนเดิม
“สมชาย
วานไปดูให้ทีซิว่ารถของคุณอรอนงค์อยู่หรือเปล่า?”
หล่อนบอกกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหนุ่มเขาเดินออกไปนอกตัวอาคารสักครู่หนึ่ง
จึงย้อนกลับเข้ามาส่ายหน้า
“ไม่อยู่ครับ”
“คุณอรอนงค์คงจะออกไปทำธุระข้างนอก มีอะไรจะสั่งไว้มั้ยคะ?” พนักงานสาวหันมาบอกต่อ
สีหน้าของคุณนายลิ้นจี่
แสดงความผิดหวังขึ้นมาทันที
“อีฉันเป็นญาติของเขาเอง
ขอขึ้นไปรอที่ห้องจะได้ไหมคะ?” หญิงสูงอายุยังไม่ยอมละความพยายามอยากให้เห็นกับตาว่าอรอนงค์มีความเป็นอยู่อย่างไร
เสี่ยกำชัยมาประเคนปรนเปรอความสุขให้กับหล่อนยังไงบ้าง
“ขอโทษนะคะ เราอนุญาตให้คุณขึ้นไปไม่ได้
ต้องรอคุณอรอนงค์กลับมาก่อนค่ะ”
“แต่อั๊วมีสิทธิ์เป็นเจ้าของห้องนี้นะ” คุณนายลิ้นจี่ชักเสียงดัง
“ถึงยังไงเราให้คุณเข้าไปรอในห้องไม่ได้
เพราะกุญแจห้องอยู่ที่คุณอรอนงค์น่ะครับ”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามพูดกับหญิงสูงอายุอย่างสุภาพที่สุด
“แล้วกุญแจสำรองไม่มีบ้างหรือยังไง?”
“เสียใจจริง ๆ นะคะ เธอไม่ได้ฝากไว้เลยค่ะ”
คุณนายลิ้นจี่ยืนหันรีหันขวางทำท่าทางฮึดฮัด
ปื๊ดกลัวว่าจะมีเรื่องราวเสียก่อน จึงสะกิดเตือน
“กลับกันก่อนด้วยความหวังดี วันหลังค่อยมาใหม่ดีกว่า”
เขาบอกด้วยความหวังดี แต่หญิงสูงอายุกลับไม่ยอมฟังเสียง
“ไม่กลับ ยังไงอั๊วก็ต้องรอพบมันให้ได้!”
แม่ของปื๊ดยืนยันเสียงดัง
แล้วสะบัดหน้าย้ายสะโพกอันใหญ่โตมโหฬารก้าวฉับ ๆ ออกไปนอกตัวอาคาร
เด็กหนุ่มต้องรีบก้าวเดินตามหลังแม่ไปติด ๆ
ข้างลานจอดรถเป็นสวนหย่อมร่มเย็นด้วยแมกไม้นานาพรรณ
ถัดไปเป็นสระว่ายน้ำ มีโต๊ะเหล็กติดตั้งเรียงราย อยู่ริมสระ
คุณนายลิ้นจี่เดินนำหน้าลูกชายไปนั่งแหมะลงที่เก้าอี้ว่างซึ่งจัดเป็นชุดริมน้ำนี้
ตรงจุดที่สามารถมองเห็นลานจอดรถได้อย่างถนัดชัดเจน
“เสียเวลาเปล่าน่าแม่…เมื่อไหร่เขาจะกลับมายังไม่รู้เลย” ปื๊ดบ่น
“เสียเวลายังไงก็ต้องรอ…..ไหน ๆ มาถึงนี่แล้วต้องพูดกับมันให้แตกหัก”
คุณนายลิ้นจี่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันทำตาลุกวาว รู้สึกเสียดายโอกาสยิ่งนัก
ไม่น่าคลาดกันไปได้ มิฉะนั้นป่านนี้คงได้เห็นดำเห็นแดงกันไปแล้ว
หล่อนพยายามนั่งสงบสติอารมณ์อยู่สักครู่ใหญ่แล้วทำท่าเหมือนเพิ่งจะนึกอะไรขึ้นมาได้
หันมามองหน้าลูกชาย
“หรือว่าอีนังแพศยานั่นมันจะไปหาเตี่ยของลื้อที่โรงงาน?”
**********
“ผมมีนัดกับลูกค้ารายใหญ่ไว้ ถ้ามีใครโทร.มาหาช่วยโน้ตไว้ด้วย
บอกว่าผมจะกลับมาตอนบ่าย”
มานพเดินออกมาสั่งเลขาหน้าห้องของเขา
“ค่ะ ผู้จัดการ” นุชพยักหน้ารับทราบ จากนั้นจึงก้มหน้าทำงานที่ค้างอยู่ต่อไป
“เอ...แต่ผมว่าเอายังงี้ดีกว่า”
หนุ่มใหญ่เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน “คุณนุชไปกับผมแล้วกัน
เสร็จธุระแล้วผมจะพาไปเลี้ยวข้าวเที่ยง”
“ขอบคุณค่ะ….แต่นุชมีนัดกับคุณต้นเอาไว้แล้วหล่อนหาทางบ่ายเบี่ยง
โดยการยกเอาต้นมาอ้างอีกตามเคย
ต้นกำลังง่วงอยู่กับงานบนโต๊ะ
จึงไม่ทันสังเกตเห็นผู้จัดการของเขากำลังมองด้วยสายตาแปลก ๆ มานพยิ้มนิด ๆ
อย่างมีเลศนัย พร้อมกับเดินตรงรี่เข้ามาหา
“เป็นยังไง เรื่องเสี่ยกำชัยไปถึงไหนแล้ว?”
เสียงทักทำให้ชายหนุ่มซึ่งกำลังทำงานเพลินอยู่สะดุ้ง
เงยหน้าขึ้นมองพอเห็นว่าเป็นใคร เขารีบวางปากกาลงแล้วลุกขึ้นยืนตัวตรง
“คิดว่าอีกไม่กี่วันก็คงจะได้เรื่องแล้วล่ะครับ
ผู้จัดการ”
“ดีมาก….หวังว่าคงจะสำเร็จนะคุณคงเข้าใจแล้วว่างานชิ้นนี้มันมีความสำคัญสำหรับคุณแค่ไหนใช่ไหม?”
มานพถามย้ำ
“ครับ ผู้จัดการ
ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด”
“โชคดีนะครับคุณต้น”
ผู้จัดการของเขาพูดทิ้งไว้แค่นั้น
แล้วหันหลังกลับเดินผละจากไปอย่างไม่แยแสอีก ต้นยืนมองตามหลังไปสักครู่
ทำท่าจะนั่งลงอย่างเดิม
พลันสายตาเหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังก้าวออกมาจากลิฟท์
อรอนงค์นั่นเอง
หล่อนอยู่ในชุดกระโปรงสั้นจู๋โชว์ขาอ่อนอวบขวบและน่องเรียวงามคอเสื้อคว้านลึกอีกตามเคย
ทำให้ทุกคนในสำนักงานต่างพากันหันมองไปที่หล่อนเป็นตาเดียว
“อ้าว หนูอร…ไม่ได้เจอกันเสียตั้งนานแน่ะ!”
เสียงมานพร้องทักหญิงสาวอย่างดีอกดีใจ หล่อนคงจะมาหาผู้จัดการของเขา
ต้นคิดแล้วนั่งลงทำงานต่ออย่างไม่สนใจ
“สวัสดีค่ะป๋า” อรอนงค์ยกมือไหว้หนุ่มใหญ่แต่ตากลับชำเลืองมองมาที่ต้น
“เป็นยังไง สบายดีเหรอ?”
“ค่ะป๋า แต่ถึงยังไงอรยังคิดถึงป๋าอยู่นะคะ”
“แล้วมาทำไมที่นี่ล่ะ?”
“ธุระเกี่ยวกับประกันค่ะ ป๋ากำลังจะออกไปข้างนอกหรือคะ?”
“ฮื่อ มีธุระ…เชิญตามสบายนะ ไว้วันหลังค่อยพบกัน”
“ค่ะ ป๋า”
หล่อนยืนรอ จนมานพลงลิฟท์ไปแล้ว จึงเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะทำงานของต้น
“สวัสดีค่ะ คุณต้น!”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง ตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าหล่อนจะมาหาเขา