วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559

เตียงนางไม้ ตอนที่ 19

โดย...เจิด จินตนา
๑๙ . . .



          ปื๊ดกับเพื่อน ๆ กำลังเดินกลับมาที่ลานจอดรถ ในมือของเด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์ถือท่อเหล็กแป๊บน้ำมาด้วยท่อนหนึ่ง เขาอุตส่าห์ไปขอยืมจากลุงชม คนดูแลอพาร์ตเม้นท์มา เพื่อใช้เป็นเครื่องทุ่นแรงในการดัดแกนล้อรถมอเตอร์ไซค์
          ทุกคนต่างพากันงุนงงอย่างหนัก เมื่อเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของปื๊ดเป็นปกติดีทุกอย่าง ไม่มีร่องรอยเสียหายอะไรปรากฏให้เห็นเลย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้มันยังอยู่ในสภาพที่พังยู่ยี่
          เฮ้ย ทำไมเป็นยังงี้ไปได้ล่ะไอ้เอกตรงเข้าไปลูบคลำดูอย่างรู้สึกแปลกใจ เมื่อกี้นี้ล้อหน้ามันยังคดอยู่ บังโคลนหงิอกงอเห็นกันชัดๆ ทำไมกลับดีเหมือนเดินขึ้นมาได้ล่ะหว่า?
          “นั่นน่ะซิวะ เหมือนกับมีปาฏิหาริย์แน่ะเฮ้ย !” ไอ้โจรู้สึกข้องใจเหมือนกัน
          ใครมาทำอะไรกับมันหรือเปล่าวะ?” หนึ่งตั้งคำถาม กวาดสายตามองหน้าเพื่อน ๆ ทุกคน แล้วมาลงที่อ๊อด หรือว่าเป็นมึง?”
          “ธ่อ ไอ้บ้ากูเปล่านะ เจ็บจะตายห่าแล้ว มีแรงที่ไหนไปทำมัน
          “ถ้างั้นต้องเป็นพี่ต้นแน่…..” หนึ่งเดาสุ่มไปเรื่อย ๆ เมื่อกี้เห็นพี่ต้นลงมาที่นี่กับผู้หญิงคนหนึ่งต้องใช่แหงเลย
          “มึงอย่าเพ้อเจ้อไปหน่อยเลยน่า  พี่ต้นเขาไม่ใช่เทวดา จะได้เนรมิตรถของกูให้กลับคืนดีได้ในพริบตา
          ปื๊ดรีบพูดแย้งขึ้นมา ความจริงเขาพอจะนึกออกแล้วว่าเป็นฝีมือของใคร แต่ไม่ยอมบอกกับเพื่อน ๆ เพราะขี้เกียจต้องมานั่งอธิบายกันยืดยาว อีกประการหนึ่ง หากความลับเรื่องวนาเป็นนางไม้ถูกแพร่กระจายออกไป ย่อมไม่เป็นผลดีแก่ตัวของหล่อนแน่
          ดีที่ต้นกับวนาไม่อยู่เสียแล้ว มิเช่นนั้นเรื่องมันคงจะบานปลายยิ่งไปกว่านี้
          เอ้อเฮ้ย! งั้นแล้วใครที่ไหนมันแอบมาซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ให้มึงล่ะ?” ไอ้โจยังไม่หายสงสัย
          กูจะไปรู้ได้ยังไง?” ปื๊ดแกล้งตีหน้าตาย แต่ดีเหมือนกันว่ะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาซ่อมมันอีก
          ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ทั้ง ๆ ที่ยังรู้สึกข้องใจไม่หาย
          เออ ! แล้วผู้หญิงคนที่มากับพี่ต้นเมื่อกี้ เป็นใครกันวะ สวยดีนี่หว่า?” เอกเพิ่งนึกขึ้นได้ หันมาถามเอากับปื๊ด
          เพื่อนของพี่ต้น ชื่อวนากูรู้แค่นี้เองแหละวะ
          เพื่อไม่ให้ถูกซักถามมากไปกว่านี้ ปื๊ดจึงพูดตัดบท
                   **********
          “ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ คุณวนาผมขอร้องล่ะ
          ต้นบอกกับนางไม้สาว เมื่อกลับขึ้นมาถึงในห้องและปิดประตูเรียบร้อยแล้ว
          ทำไมหรือคะ คุณต้น การช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก เป็นสิ่งดีงาม ไม่เห็นน่าเสียหายที่ตรงไหนเลย
          “เสียหายแน่นอนคุณวนา ถ้าเกิดมีคนมาเห็นคุณกำลังแสดงอิทธิฤทธิ์เข้า จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที ผมไม่อยากให้ใครต่อใครรู้กันทั่วเมืองว่าคุณไม่ใช่มนุษย์ มันจะมีปัญหายุ่งยากติดตามมาไม่รู้จบ แค่คุณแตนกับยัยตุ่มผมยังไม่รู้เลยว่าจะแก้ไขเรื่องนี้ได้ยังไง
          “คุณต้นบอกความจริงเกี่ยวกับคุณวนา ให้คุณแตนเธอรู้แล้วหรือคะ?”
          “ครับ…” เขาพยักหน้ารับ สีหน้าไม่ค่อยสู้สบายใจนัก เพราะผมอยากให้คุณแตนเลิกเข้าใจผิดในตัวคุณเสียที
          “แล้วคุณแตนเธอว่ายังไงบ้างคะ?”
          “เธอไม่ยอมรับฟังเหตุผลอะไรเลย…” ต้นถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างรู้สึกหนักอกหนักใจเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ผมกลัวใจคุณแตนจริง ๆ เธอเป็นคนชอบเอาชนะ คิดว่าคงไม่ยอมเลิกรามีเรื่องราวกับคุณง่าย ๆ แน่
          “วนาเสียใจจริงๆ ค่ะที่ก่อเรื่อง ทำให้คุณต้นไม่สบายใจ
          นางไม้สาวถึงกับนิ่งอึ้งไป ยืนก้มหน้าด้วยอาการซึมเศร้า นึกไม่ถึงว่าเรื่องราวมันจะลุกลามไปใหญ่โตแบบนี้ ทั้งๆ ที่หล่อนเป็นฝ่ายยอมทุกอย่างด้วยความปารถนาดี อยากให้ชายหนุ่มกับคนรักได้เข้าใจกัน
          แต่ดูเหมือนว่า เหตุการณ์มันจะไม่เป็นไปตามที่หล่อนคิดเอาไว้
          ผู้หญิงคนนี้เอาแต่ใจตนเอง ชอบมองคนอื่นในแง่ร้าย แต่แตนเป็นคนที่ต้นรัก ทางที่ดีหล่อนควรจะเลิกพาตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนคู่นี้
          ต่างฝ่ายต่างนิ่งเงียบกันอยู่นาน แล้ววนาจึงเป็นฝ่ายตัดสินใจพูดขึ้นมาก่อน
          เอาอย่างนี้แล้วกัน ตั้งแต่นี้ไป ถ้าคุณแตนเธอมาที่นี่ วนาจะออกไปจากห้องนี้ ไม่มาปรากฏตัวให้เธอได้เห็นอีก คุณต้นกับคุณแตนจะได้ไม่ต้องเข้าใจผิดกันอีกต่อไป
          “มันจะได้ผลหรือ?” ชายหนุ่มพึมพำเบา ๆ อย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก
          “ต้องได้ผลซิคะ ถ้าคุณต้นจะบอกกับเธอว่า วนายอมไปจากที่นี่แล้ว คุณแตนเธอคงจะหายโกรธคุณเอง
          ความคิดนี้เข้าทีดีเหมือนกัน ชายหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วยแล้วยิ้มออกมาได้
          แต่คุณวนาต้องสัญญาอะไรกับผมอย่างหนึ่ง
          “อะไรหรือคะ?”
          “คุณต้องไม่ไปเที่ยวปรากฏตัวให้ใครเห็นและใช้อิทธิฤทธิ์นางไม้ของคุณพร่ำเพรื่อสัญญาได้ไหมครับ?”
          “ได้ค่ะ วนาจะปฏิบัติตามคำสั่งของคุณต้นอย่างเคร่งครัด
          หล่อนยกมือขึ้นทำท่าให้สัตว์ปฏิญาณ พร้อมกับถอนสายบัวอย่างอ่อนช้อย เป็นทีว่ายอมรับฟังความเห็นของเขาทุกอย่าง ทำให้ต้นต้องอมยิ้มนิดๆ ในท่าทางอันน่ารักของหล่อน
          พี่ต้นครับ พี่ต้น!       
          เสียงปื๊ดมาเคาะประตูเรียกดังขัดจังหวะขึ้น ชายหนุ่มหันไปมองสบตานางไม้สาว หล่อนพยักหน้าแล้วรีบหายตัวแว้บไปทันที
          ต้นเดินไปเปิดประตูให้ปื๊ด
          เข้ามาก่อนซิปื๊ด มีอะไรหรือ?”          
          “คุณวนาไม่อยู่หรือครับ?” เด็กหนุ่มเจ้าเนื้อย้อนถาม เมื่อชะโงกหน้ามองเข้ามา ไม่เห็นนางไม้สาวอยู่ในห้อง
          เธอออกไปเมื่อกี้นี้เอง ไม่อยากให้ปื๊ดกลัว ทำไมล่ะ?”  
          “คือว่า ผมอยากจะมาขอบคุณ ที่คุณวนาช่วยทำให้รถมอเตอร์ไซค์ของผม กลับมาคืนสู่สภาพเหมือนเดิมน่ะครับ
          “ปื๊ดบอกเรื่องนี้กับใครไปหรือเปล่า?”
          “เปล่าครับพี่ต้น เพราะผมรู้ดีว่า ต้องเป็นฝีมือของคุณวนาแน่เลยไม่ยอมบอกให้ใครรู้ เดี๋ยวพวกมันจะหาว่าผมบ้า
          “ดีแล้วล่ะ เราจะให้ใครรู้ไม่ได้เป็นอันขาดว่าคุณวนาเป็นนางไม้ ไม่งั้นเกิดเรื่องใหญ่แน่
          “ผมคิดอย่างงั้นเหมือนกันครับพี่ต้น….แต่คุณวนาทำให้พวกเพื่อน ๆ ของผมเป็นเง็งไปหมดเลย ผมอยากจะมาบอกแค่นี้แหละครับ ต้องรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าไปทำงานแล้ว เพื่อนๆ มันรอผมอยู่ข้างล่าง ผมไปก่อนนะครับพี่ต้น
          ปื๊ดขอตัวกลับออกจากห้องไป ชายหนุ่มเดินตามหลังมาปิดประตู แล้วยิ้มให้กับตัวเองอย่างรู้สึกสบายใจ นางไม้สาวปรากฏร่างขึ้นบนเตียงนอน หล่อนกำลังนั่งชันเข่าเอียงคอมองดูเขาพร้อมกับอมยิ้มนิด ๆ
          เห็นมั้ยล่ะการกระทำของวนา เป็นผลดีต่อคุณปื๊ดเหมือนกันนะ!”
          ชายหนุ่มได้แต่สั่นหน้าช้า ๆ ไม่พูดจาโต้ตอบแต่อย่างใด
                   **********
          คุณนายลิ้นจี่รู้สึกดีใจยิ่งนัก ที่เห็นลูกชายเอาเบอร์โทรศัพท์ของอรอนงค์มาให้แต่เช้า
          ลื้อไปได้มาจากไหนวะไอ้ตี๋?”
          “ผมขอจากพี่ต้นมาน่ะครับแม่ปื๊ดตอบด้วยท่าทางรู้สึกภูมิใจ
          พี่ต้น….อ๋อ คนที่มากับลื้อวันก่อนนั่นใช่ไหม?”
          “ใช่แล้วครับแม่พี่ต้นเขารู้จักกับผู้หญิงคนนั้นโดยบังเอิญ ตอนไปติดต่อเรื่องประกันกับเตี่ยที่โรงงาน ผู้หญิงคนนั้นเลยให้เบอร์โทรศัพท์พี่ต้นเอาไว้
          “ใช่เมียน้อยของเตี่ยลื้อ ไม่ผิดตัวแน่นะไอ้ตี๋?” คุณนายลิ้นจี่ถามเพื่อความแน่ใจก่อน
          ไม่ผิดหรอกครับแม่ ผมบุกขึ้นไปดูจนเห็นกับตา ว่าผู้หญิงคนนี้อยู่กันสองต่อสองกับเตี่ยในห้องที่โรงงาน เขาชื่ออรอนงค์หุ่นยังกะนางงามแน่ะแม่
          “มันจะสวยแค่ไหนอั๊วไม่สนใจ แต่มันมาแย่งเตี่ยลื้ออั๊วยอมไม่ได้ ต้องสั่งสอนให้มันรู้สำนึก ไอ้ตี๋ลื้อรีบจัดการลองแกล้งโทร.ไปถามดูก่อน อั๊วอยากรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน…”
          “ได้ครับแม่
          ปื๊ดรับปากแล้วจัดแจงยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา กดปุ่มที่หน้าปัดตามหมายเลขในแผ่นกระดาษ รออยู่สักครู่ก็มีคนรับสาย
          ลาวัลย์คอนโดทาวน์ค่ะ
          “ประทานโทษนะครับคือผมมีนัดกับเพื่อนไว้ที่นี่ แต่ไปไม่ถูก กรุณาช่วยบอกที่อยู่ให้ผมทราบหน่อยจะได้ไหมครับ?”
          เสียงหวาน ๆของโอปะเรเตอร์บอกที่อยู่ ปื๊ดรีบจดเอาไว้ในเศษกนะดาษแผ่นเดียวกันนั้น
          ขอบคุณมากนะครับ…” เขาวางหูโทรศัพท์ลงแล้วหันมาบอกกับคุณนายลิ้นจี่ ซึ่งกำลังรอฟังคำตอบอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ เขาพักอยู่ที่คอนโดมิเนียมแถวรัชดาน่ะแม่
          “ดีแล้ว พาอั๊วไปดูหนังหน้ามันหน่อยไอ้ตี๋ อั๊วจะฉะกับมันเอง
                   **********
          ลาวัลย์คอนโดทาวน์ เป็นอาคารชุดทันสมัยสูงสิบแปดชั้น ตั้งโดดเด่นอยู่ย่านถนนรัชดาภิเษก ใกล้กับสี่แยกสุทธิสาร เพียบพร้อมไปด้วยสระว่ายน้ำและสโมสร สำหรับอยู่อาศัยมีระดับที่ชอบความหรูหราและสะดวกสบาย
          มอเตอร์ไซค์ของปื๊ดถูกแม่บังคับให้จอดทิ้งไว้ที่บ้าน แล้วเอารถวอลโว่คันใหญ่มาแทน โดยมิปื๊ดเป็นคนขับ และคุณนายลิ้นจี่นั่งคู่มาตามลำพังเพียงสองคน
          ปื๊ดเลี้ยวรถเข้าไปจอดในลานจอดรถอันกว้างขวางดับเครื่องแล้วหันไปถามแม่
          ถึงแล้วที่นี่แหละครับแม่ จะเอายังไง?”
          “บุกขึ้นไปหามันเลย อั๊วจะบังคับให้มันเลิกมายุ่งเกี่ยวกับเตี่ยของลื้อ ไม่อย่างงั้นเป็นได้เห็นดีกัน
          คุณนายลิ้นจี่ทำท่าทางขึงขัง หยิบปืนพกกระบอกเล็กๆในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาสำรวจตรวจตราความเรียบร้อยของกระสุน ปื๊ดชักหน้าถอดสี กลืนน้ำลายดังเอื๊อกรู้สึกหวั่นใจว่าจะต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่
          อย่าทำอะไรรุนแรงนะแม่ ติดคุกเชียวนา
          “อั๊วรู้น่า ลื้อไม่ต้องห่วงไปกันได้แล้ว
          ทั้งคู่ก้าวลงจากรถ เด็กหนุ่มล็อคกุญแจแล้วพาแม่เดินไปที่ตัวอาคาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า เห็นเป็นคนแปลกหน้าจึงเข้ามาถาม
          ประทานโทษ มาพบใครครับ?”
          พบคุณอรอนงค์ห้อง 124 ครับปื๊ดบอกไปตามที่รู้มาจากเบอร์โทรศัพท์ที่อรอนงค์ให้ไว้กับต้น
          เชิญติดต่อที่เคาร์เตอร์ก่อนนะครับ
          เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหนุ่ม พาคนทั้งสองมาที่เคาน์เตอร์ผู้ดูแลคอนโดมิเนียมแห่งนี้ แล้วแจ้งจุดประสงค์ให้พนักงานสาว ซึ่งทำหน้าที่ทั้งผู้ดูแลและโอปะเรเตอร์
          จะให้เรียนคุณอรอนงค์ว่า ใครต้องการพบมิทราบคะ?”
          “บอกว่าคนชื่อลิ้นจี่มีธุระด่วนหญิงสูงอายุพูดเสียงห้วน ชักรู้สึกไม่พอใจที่เห็นมีกฎระเบียบหยุมหยิมมากมาย
          รอสักครู่นะคะ
          พนักงานสาวยังคงยิ้มแย้มแจ่มใส จัดแจงติดต่อโทรศัพท์ภายในขึ้นไปที่ห้องพักของอรอนงค์ รออยู่สักครู่ใหญ่ ๆ จึงขมวดคิ้ว แล้ววางหูโทรศัพท์กลับคืนอย่างเดิม
          ไม่มีใครรับสาย คุณอนอนงค์คงจะไม่อยู่กระมังคะ
          “อาจจะยังไม่ตื่น ลองเรียกดูอีกทีซิครับปื๊ดให้ความเห็น
          หญิงสาวลองต่อโทรศัพท์ติดต่อภายในอีกครั้ง แต่ยังไม่มีคนมารับสายเหมือนเดิม
          สมชาย วานไปดูให้ทีซิว่ารถของคุณอรอนงค์อยู่หรือเปล่า?”
          หล่อนบอกกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหนุ่มเขาเดินออกไปนอกตัวอาคารสักครู่หนึ่ง จึงย้อนกลับเข้ามาส่ายหน้า
          ไม่อยู่ครับ
          “คุณอรอนงค์คงจะออกไปทำธุระข้างนอก มีอะไรจะสั่งไว้มั้ยคะ?” พนักงานสาวหันมาบอกต่อ
          สีหน้าของคุณนายลิ้นจี่ แสดงความผิดหวังขึ้นมาทันที
          อีฉันเป็นญาติของเขาเอง ขอขึ้นไปรอที่ห้องจะได้ไหมคะ?” หญิงสูงอายุยังไม่ยอมละความพยายามอยากให้เห็นกับตาว่าอรอนงค์มีความเป็นอยู่อย่างไร เสี่ยกำชัยมาประเคนปรนเปรอความสุขให้กับหล่อนยังไงบ้าง
          ขอโทษนะคะ เราอนุญาตให้คุณขึ้นไปไม่ได้ ต้องรอคุณอรอนงค์กลับมาก่อนค่ะ
          “แต่อั๊วมีสิทธิ์เป็นเจ้าของห้องนี้นะคุณนายลิ้นจี่ชักเสียงดัง
          ถึงยังไงเราให้คุณเข้าไปรอในห้องไม่ได้ เพราะกุญแจห้องอยู่ที่คุณอรอนงค์น่ะครับ
          เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามพูดกับหญิงสูงอายุอย่างสุภาพที่สุด
          แล้วกุญแจสำรองไม่มีบ้างหรือยังไง?”
          “เสียใจจริง ๆ นะคะ เธอไม่ได้ฝากไว้เลยค่ะ
          คุณนายลิ้นจี่ยืนหันรีหันขวางทำท่าทางฮึดฮัด ปื๊ดกลัวว่าจะมีเรื่องราวเสียก่อน จึงสะกิดเตือน
          กลับกันก่อนด้วยความหวังดี วันหลังค่อยมาใหม่ดีกว่า
          เขาบอกด้วยความหวังดี แต่หญิงสูงอายุกลับไม่ยอมฟังเสียง
          ไม่กลับ ยังไงอั๊วก็ต้องรอพบมันให้ได้!”
          แม่ของปื๊ดยืนยันเสียงดัง แล้วสะบัดหน้าย้ายสะโพกอันใหญ่โตมโหฬารก้าวฉับ ๆ ออกไปนอกตัวอาคาร เด็กหนุ่มต้องรีบก้าวเดินตามหลังแม่ไปติด ๆ
          ข้างลานจอดรถเป็นสวนหย่อมร่มเย็นด้วยแมกไม้นานาพรรณ ถัดไปเป็นสระว่ายน้ำ มีโต๊ะเหล็กติดตั้งเรียงราย อยู่ริมสระ คุณนายลิ้นจี่เดินนำหน้าลูกชายไปนั่งแหมะลงที่เก้าอี้ว่างซึ่งจัดเป็นชุดริมน้ำนี้ ตรงจุดที่สามารถมองเห็นลานจอดรถได้อย่างถนัดชัดเจน
          เสียเวลาเปล่าน่าแม่เมื่อไหร่เขาจะกลับมายังไม่รู้เลย ปื๊ดบ่น
          เสียเวลายังไงก็ต้องรอ…..ไหน ๆ มาถึงนี่แล้วต้องพูดกับมันให้แตกหัก
          คุณนายลิ้นจี่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันทำตาลุกวาว รู้สึกเสียดายโอกาสยิ่งนัก ไม่น่าคลาดกันไปได้ มิฉะนั้นป่านนี้คงได้เห็นดำเห็นแดงกันไปแล้ว     
          หล่อนพยายามนั่งสงบสติอารมณ์อยู่สักครู่ใหญ่แล้วทำท่าเหมือนเพิ่งจะนึกอะไรขึ้นมาได้ หันมามองหน้าลูกชาย
          หรือว่าอีนังแพศยานั่นมันจะไปหาเตี่ยของลื้อที่โรงงาน?”
                   **********
          “ผมมีนัดกับลูกค้ารายใหญ่ไว้ ถ้ามีใครโทร.มาหาช่วยโน้ตไว้ด้วย บอกว่าผมจะกลับมาตอนบ่าย
          มานพเดินออกมาสั่งเลขาหน้าห้องของเขา
          ค่ะ ผู้จัดการนุชพยักหน้ารับทราบ จากนั้นจึงก้มหน้าทำงานที่ค้างอยู่ต่อไป
          เอ...แต่ผมว่าเอายังงี้ดีกว่าหนุ่มใหญ่เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน  คุณนุชไปกับผมแล้วกัน เสร็จธุระแล้วผมจะพาไปเลี้ยวข้าวเที่ยง
          “ขอบคุณค่ะ….แต่นุชมีนัดกับคุณต้นเอาไว้แล้วหล่อนหาทางบ่ายเบี่ยง โดยการยกเอาต้นมาอ้างอีกตามเคย
          ต้นกำลังง่วงอยู่กับงานบนโต๊ะ จึงไม่ทันสังเกตเห็นผู้จัดการของเขากำลังมองด้วยสายตาแปลก ๆ มานพยิ้มนิด ๆ อย่างมีเลศนัย พร้อมกับเดินตรงรี่เข้ามาหา
          เป็นยังไง เรื่องเสี่ยกำชัยไปถึงไหนแล้ว?”
          เสียงทักทำให้ชายหนุ่มซึ่งกำลังทำงานเพลินอยู่สะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมองพอเห็นว่าเป็นใคร เขารีบวางปากกาลงแล้วลุกขึ้นยืนตัวตรง
          คิดว่าอีกไม่กี่วันก็คงจะได้เรื่องแล้วล่ะครับ ผู้จัดการ
          “ดีมาก….หวังว่าคงจะสำเร็จนะคุณคงเข้าใจแล้วว่างานชิ้นนี้มันมีความสำคัญสำหรับคุณแค่ไหนใช่ไหม?” มานพถามย้ำ
          ครับ ผู้จัดการ ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด
          “โชคดีนะครับคุณต้น
          ผู้จัดการของเขาพูดทิ้งไว้แค่นั้น แล้วหันหลังกลับเดินผละจากไปอย่างไม่แยแสอีก ต้นยืนมองตามหลังไปสักครู่ ทำท่าจะนั่งลงอย่างเดิม พลันสายตาเหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังก้าวออกมาจากลิฟท์
          อรอนงค์นั่นเอง
          หล่อนอยู่ในชุดกระโปรงสั้นจู๋โชว์ขาอ่อนอวบขวบและน่องเรียวงามคอเสื้อคว้านลึกอีกตามเคย ทำให้ทุกคนในสำนักงานต่างพากันหันมองไปที่หล่อนเป็นตาเดียว
          อ้าว หนูอรไม่ได้เจอกันเสียตั้งนานแน่ะ!”
          เสียงมานพร้องทักหญิงสาวอย่างดีอกดีใจ หล่อนคงจะมาหาผู้จัดการของเขา ต้นคิดแล้วนั่งลงทำงานต่ออย่างไม่สนใจ
          สวัสดีค่ะป๋าอรอนงค์ยกมือไหว้หนุ่มใหญ่แต่ตากลับชำเลืองมองมาที่ต้น
          เป็นยังไง สบายดีเหรอ?”
          “ค่ะป๋า แต่ถึงยังไงอรยังคิดถึงป๋าอยู่นะคะ
          “แล้วมาทำไมที่นี่ล่ะ?”
          “ธุระเกี่ยวกับประกันค่ะ ป๋ากำลังจะออกไปข้างนอกหรือคะ?”
          “ฮื่อ มีธุระเชิญตามสบายนะ ไว้วันหลังค่อยพบกัน
          “ค่ะ ป๋า
          หล่อนยืนรอ จนมานพลงลิฟท์ไปแล้ว จึงเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะทำงานของต้น
          สวัสดีค่ะ คุณต้น!”
          ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง ตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าหล่อนจะมาหาเขา






















วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559

เตียงนางไม้ ตอนที่ 18

โดย...เจิด จินตนา
๑๘ . . .



          ทีแรกผมไม่เชื่อเหมือนกับคุณนี่แหละแต่เมื่อเห็นเธอแสดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ออกมาถึงต้องยอมรับว่าเธอเป็นนางไม้จริง เพราะคนธรรมดาคงไม่สามารถทำอะไรแปลกๆ อย่างเช่นการล่องหนหายตัว หรือเคลื่อนย้ายสิ่งของโดยที่ไม่ได้จับต้องเลยไม่ได้อย่างแน่นอน
            ชายหนุ่มพยายามอธิบาย จนสองสาวชักมีความรู้สึกคล้อยเห็นตาม เพราะทั้งคู่เคยเห็นวนาทำในสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ ตามที่ต้นบอกมาแล้วเหมือนกัน            จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้พบประสบมากับตัวเอง เป็นสิ่งยืนยันคำพูดของเขา วนาต้องไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่            “แล้วทำไมคุณวนาถึงยอมให้พี่ต้นอยู่ด้วยล่ะ? ตุ่มถามด้วยความรู้สึกข้องใจ            ผมกับเธอเราทำความตกลงกันว่าเราจะต่างคนต่างอยู่ ไม่ก้าวก่ายล้วงล้ำสิทธิซึ่งกันและกัน ถึงได้อยู่ร่วมกันได้ คุณวนาเธอไม่ได้มีจิตใจโหดร้ายอะไรหรอกครับถ้าคุณแตนกับตุ่มได้ทำความรู้จักกับเธอ อาจจะเกิดชอบธอขึ้นมา
            “เชอะ ! จ้างให้แตนไม่เอาด้วยหรอก แตนไม่บ้าเหมือนพี่ต้นนี่อยู่ดีๆ ไปคบกับผีสางนางไม้ ไว้วางใจมันได้แค่ไหนกัน            “แต่คุณวนาเธอเป็นนางไม้ที่ใจดีจริง ๆนะครับคุณแตน เธอไม่ทำอะไรใครหรอก ถ้าไม่ไปทำให้เธอโกรธขึ้นมาเสียก่อน             ชายหนุ่มพูดโน้มน้าวจิตใจให้สองสาวมองวนาในแง่ดี แต่แตนกลับคิดไปอีกอย่างหนึ่ง            พี่ต้นคงจะเกิดหลังรักมันขึ้นมาแล้วใช่ไหมล่ะ?”
            “พูดเป็นเล่นไปได้คุณแตนผมเป็นคนจะไปรักกับนางไม้ได้ยังไงกัน คุณนี่ช่างหึงไม่เข้าเรื่องเอาเลยจริงๆ            “อย่ามาแก้ตัวดีกว่า เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าพี่ต้นพยายามช่วยปกป้องมัน แตนบอกให้ไล่มันไปพี่ต้นไม่ยอมไล่ เรื่องกิ๊บติดผมนั่นก็เหมือนกัน แตนเพิ่งรู้ความจริงว่าพี่ต้นซื้อให้มันไม่ใช่แตน พี่ต้นเห็นนังผีตนนั้นมีความสำคัญมากกว่าแตน แล้วจะให้คิดว่ายังไง?”            “เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วเรื่องกิ๊บติดผมนั่น ผมซื้อให้คุณวนาจริง แต่มันเป็นของฝากเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมให้กับเธออย่างเป็นมิตรเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรนอกเหนือไปกว่านั้นเลยในเมื่อคุณอยากได้จริง ๆ คุณวนาเลยให้ผมเอามาให้คุณแล้วอยู่นี่ไง            เขาล้วงกิ๊บติดผมคู่นั้นออกมาจากกะเป๋าเสื้อ ยื่นส่งให้หญิงสาว แต่แตนกลับปัดมือของเขาอย่างแรงจนกระเด็นหล่นไปที่พื้น            อะไรกันนี่คุณแตน?
            “แตนไม่อยากได้ของเหลือเดนจากใคร…”            เขาแทบสะอึก ที่หญิงคนรักดูท่าทางไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย แต่พยายามระงับความรู้สึกไม่แสดงอะไรออกมา       
            มันไม่ใช่ของมีค่าอะไร ดีเหมือนกันทิ้งมันไปเสียจะได้หมดเรื่องหมดราว
            เห็นเพื่อนทำกิริยาไม่ดีงามเช่นนั้นกับชายหนุ่มตุ่มรู้สึกตกใจไม่น้อยเช่นกัน ได้แต่ช่วยพูดเพื่อคลี่คลายสถานการณ์อันเลวร้ายให้มันดีขึ้น แต่แตนยังคงไม่ยอมลดละ กลับทำท่าทางกระฟัดกระเฟียด            ไม่รู้ล่ะ….พี่ต้นต้องย้ายออกจากห้องนั้นแล้วเลิกติดต่อกับมันอีกอย่างเด็ดขาด
            หล่อนยื่นคำขาดด้วยน้ำเสียงที่เอาจริงเอาจัง จนชายหนุ่มต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ได้แต่นั่งส่ายหน้า            ผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับคุณแตน
            “ก็แสดงว่าพี่ต้นหลงรักมันจริงแตนพูดไปทำตาแดง ๆ เหมือนกับจะร้องไห้ น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือ พี่ต้นนะพี่ต้นแตนนึกไม่ถึงเลยว่าพี่ต้นจะทำกับแตนแบบนี้            “โธ่ ผมบอกคุณแล้วยังไงว่า ผมไม่ได้รักคุณวนาเลยจริง ๆ คุณแตนอย่าเข้าใจผิดซี่”            “แล้วพี่ต้นมีเหตุผลอะไรล่ะ ถึงไม่ยอมย้ายออกมา?ตุ่มถามอย่างข้องใจ            ถ้าผมย้ายออกมา ห้องนั้นจะต้องมีคนเข้าไปเช่าอยู่ใหม่ แล้วมีเรื่องุว่นวายกันไปอีกอย่างไม่รู้จบเพราะคุณวนาไม่ยอมให้ใครเข้าไปจุ้นจ้านในห้องของเธอ
            “ช่างหัวมันไปซี่….” ตุ่มพูดเสียงห้วนชักรู้สึกไม่พอใจขึ้นแล้วเหมือนกัน  “คุณวนาเธอไม่ใช่คนยังไงคงเอาตัวรอดได้แน่ ทำไมพี่ต้นจะต้องไปแคร์ด้วยเล่า?”            “เธอมีความจำเป็นจะต้องอยู่เฉพาะในห้องนั้น เพราะไม่มีที่อื่นจะไปอย่างน้อยที่สุดพี่ควรมีน้ำใจช่วยเหลือเธอบ้าง…..เลิกคิดตั้งแง่รังเกียจคุณวนาเสียเถอะนะยัยตุ่ม คุณแตน ปล่อยให้เธอได้อยู่อย่างสงบสุขในห้องนั้นเถอะผมขอร้องล่ะ”
            แตนลุกพรวดยืนทำตาขวาง            ให้พี่ต้นอยู่กับมันน่ะเหรอ เป็นตายยังไงแตนก็ไม่ยอม ถ้าพี่ต้นไม่ยอมย้ายออกมาจากห้องนั้น และยังคิดที่จะปกป้องอีนังผีร้ายนั่นอยู่อีก เราจะได้เห็นดีกันแน่กลับได้แล้วยัยตุ่ม
            หล่อนหันไปบอกเพื่อนสาวแล้ว ชวนกันลุกออกจากโต๊ะไป ปล่อยให้ต้นนั่งซึ่มอยู่ตรงนั้นคนเดียว มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อพนักงานในร้านเดินเข้ามาถาม            จะรับอะไรดีครับคุณ?”
            ต้นสะดุ้งนิด ๆ เงยหน้าขึ้นมองแล้วรีบปฏิเสธ            ไม่หรอกครับช่วยเช็คบิลให้ด้วย
            พนักงานคนนั้นหายไปสักครู่ จึงกลับมาพร้อมกับบิลค่าอาหาร ชายหนุ่มควักกระเป๋าหยิบเงินจ่ายไป แล้วลุกเดินออกมาที่หน้าร้าน เขาเห็นแตนกำลังจะถอยรถออกจากที่จอดริมฟุตบาธพอดี            เดี๋ยวก่อนคุณแตน
            ชายหนุ่มโบกมือเรียก แต่หล่อนไม่ยอมหยุดรถกลับเร่งเครื่องขับปราดออกไปทันที            ต้นยืนมองตามหลังฮอนด้าซีวิคสีแดงคันนั้นไปจนลับสายตา เขายืนนิ่งอยู่ตรงริมฟุตบาธนั้น สมองรู้สึกอื้ออึงสับสนไปหมด            เขากับแตนคงจะไม่มีอันพูดจากันเข้าใจแน่ สำหรับเรื่องนี้ชักรู้สึกหวั่นใจในคำพูดที่หล่อนทิ้งท้ายเอาไว้ ต้นรู้นิสัยของหญิงคนรักดี หล่อนเป็นคนไม่มีทางยอมแพ้อะไรใครง่าย ๆ คงต้องคิดหาหนทางอะไรสักอย่าง เพื่อทำการตอบโต้วนาตามคำขู่อย่างแน่นอน                        **********            ปื๊ดนั่งเอามือเท้าคางซึมอยู่หน้าโต๊ะไม้หินขัด ข้างสนามหญ้าหน้าอพาร์ตเม้นท์ ข้างกายเขาคือหนึ่ง โจและเอกแต่ละคนต่างมีอาการคล้าย ๆ กัน สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล            อ๊อดรับอาสาขี่มอเตอร์ไซค์ของปื๊ด สะกดรอยตามอรอนงค์แต่กลับเงียบหายต๋อมไปเลย ทุกคนเฝ้ารอคอยการกลับมาส่งข่าวของเขาอยู่ในห้องปื๊ดอย่างใจจดใจจ่อ รอแล้วเฝ้ารอเล่าจนอดรนทนไม่ไหว ต้องยกโขยงลงมานั่งรอต่อ ที่สนามหญ้าหน้าอพาร์ตเม้นท์นี้            เวลาผ่านพ้นไปตั้งเกือบครึ่งค่อนวัน ยังไม่เห็นมีวี่แววเลยสักนิดว่าอ๊อดจะกลับมา            ไอ้หอกอ๊อดมันหายหัวไปไหนของมันวะ จนป่านนี้แล้วยังไม่ยอมกลับมาเสียที
            ทนรอหน้าเข้าปื๊ดชักหัวเสีย นึกเคืองใจในความเป็นคนเหลวไหลของเพื่อน            มันอาจจะถือโอกาส เอารถมึงไปโฉบอวดสาว ๆ น่ะซีวะไอ้ปื๊ดหนึ่งคาดคะเนเอาตามความรู้สึก เมื่อเห็นว่ามันชักจะนานจนผิดปกติ            เฮ้ย ไม่หรอกน้าไอ้บ้าใช้มันไปทำธุระสำคัญขนาดนี้ มันคงไม่กล้าเถลไถลไปไหนหรอกวะ” โจออกความเห็น            หรือมันโดนตำรวจซิวไปซะแล้ว…” เอกพูดโพล่งขึ้นมาลอย ๆ ไอ้อ๊อดมันไม่มีใบขับขี่เสียด้วยซิ
            โจพยักหน้าหงึกเห็นคล้อยตามหันไปมองหน้าปื๊ด            จริงซิวะไอ้ปื๊ด ลองโทร.ไปถามที่โรงพักดูกันดีกว่า
            พูดแล้วทำท่าจะลุกขึ้น แต่เด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์กลับกดไหล่ของเขาเอาไว้            มึงไม่น่าเซ่อเลยไอ้โจ ถ้ามันอยู่โรงพักจริง ๆ ต้องโทร.มาบอกเราแล้วซิวะ
            จริงอย่างที่ปื๊ดว่า โจเลยต้องทิ้งตัวลงนั่งตามเดินสี่สหายนั่งเท้าคางมองหน้ากันทำตาปริบ ๆ เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีไปกว่านี้ แต่คนต่างไม่เข้าใจเพราะสาเหตุอะไรอ๊อดถึงไม่รีบกลับมา            ตะวันบ่ายคล้อยไปมากแล้ว ต้นเดินเข้าประตูรั้วอพาร์ตเม้นท์มาอย่างเนือยๆ ด้วยความกลัดกลุ้มใจ ที่ไม่สามารถคลี่คลายปัญหาความขัดแย้ง ระหว่างวนากับแตนได้ เขาเหลือบเห็นเด็กหนุ่มทั้งสี่ นั่งจับกลุ่มทำอากัปกิริยาแปลกๆ อยู่ที่โต๊ะม้าหินขัด รู้สึกแปลกใจจนต้องเดินเข้าไปหา            เป็นอะไรไปกันหมดน่ะ นั่งซึมเชียว?”
            ปื๊ดกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย พอได้ยินต้นร้องทักจึงเงยหน้าขึ้นมอง            อ้าว พี่ต้นกลับมาแล้วเหรอนั่งก่อนซิครับ
            เขาขยับที่ให้ชายหนุ่มนั่งลงบนม้าหินขัดตัวเดียวกัน            “กำลังประชุมวางแผนอะไรกันอยู่หรือไง?”
            ใช่….” ปื๊ดพยักหน้ารับ เรื่องที่ผมบอกกับพี่ต้นเมื่อเช้านี้แหละครับ
            “แล้วเป็นไงสืบได้เรื่องว่ายังไงบ้างล่ะ?”            “รู้ตัวแล้วครับพี่ต้น…” เจ้าเอกแย่งตอบ เมียน้อยของเตี่ยไอ้ปื๊ดชื่ออรอนงค์ หุ่นเซ็กซี่น่าฟัดเป็นบ้าเลยพี่            “ชื่ออรอนงค์เหรอ?” ต้นพึมพำเบา ๆ ขมวดคิ้วนั่งนึก ดูเหมือนเขาจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน            ถูกแล้ว….พี่ต้นรู้จักเหรอ?” โจเกิดความสงสัยเพราะเห็นชายหนุ่มนั่งทำท่าหน้านิ้วคิ้วขมวด            ใช่….ดูเหมือนจะเคยเห็นที่โรงงานของเตี่ยปื๊ดขับรถบีเอ็มสีเปลือกมังคุด
            “นั่นแหละๆ คนนั้นแหละปื๊ดหยักหน้ารับหงึกหงัก แล้วจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างสงสัย  พี่ต้นรู้จักได้ยังไง?”            “วันแรกที่ไปติดต่อเรื่องประกันกับเตี่ยของปื๊ด พี่เกือบถูกเธอขับรถชนเอาตรงหน้าออฟฟิศ เลยรู้จักกัน            ต้นนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ที่แท้ผู้หญิงคนนี้เองที่เป็นเมียน้อยของเสี่ยกำชัย เขายอมรับว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากจริง ๆ มิน่าล่ะ เตี่ยของปื๊ดจึงได้หลงใหลในตัวหล่อนนัก            ผมให้ไอ้อ๊อดมันเอารถมอเตอร์ไซค์ของผมสะกดรอยตามไปดู ว่าผู้หญิงคนนี้อยู่ที่ไหน แต่จนป่านนี้ไอ้อ๊อดยังไม่เห็นกลับมาเลยเด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์บอกกับต้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าแสดงความกังวล            ดูเหมือนว่าเธอจะให้เบอร์โทรศัพท์ของเธอเอาไว้ด้วยต้นดึงกระเป๋าสตางค์ออกมา ค้นหากระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่อรอนงค์จดเบอร์โทรศัพท์ให้เขา แล้วหยิบออกมาให้ปื๊ดดู นี่ยไงไงล่ะ
            “ว้าว! เยี่ยมจริง ๆ พี่ต้นปื๊ดอุทานออกมาอย่างดีใจ  ถ้ารู้อย่างงี้เสียแต่แรก เราคงไม่ต้องมานั่งเสียเวลา ให้ไอ้อ๊อดมันคอยสะกดรอยตามให้เมื่อยหรอก….ขอผมเลยนะครับพี่ต้น            “เอาไปเถอะปื๊ด….พี่ไม่รู้จะเก็บเอาไว้ทำไมเหมือนกัน            เด็กหนุ่มเก็บเบอร์โทรศัพท์ใส่กระเป๋า นึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ กระดาษแผ่นเล็ก ๆ แผ่นนี้จะเป็นกุญแจเปิดเผยโฉมหน้าผู้หญิงที่จะมาสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของตนได้เป็นอย่างดี เมื่อสามารถกำจัดหล่อนจนพ้นทางแล้ว แม่คงจะอนุญาตให้เขาเล่นดนตรีได้อย่างสบายใจ ตามที่รับปากเอาไว้            เสียงรถตุ๊ก ๆ แผดลั่นคับซอยสักครู่หนึ่งจึงเลี้ยวเข้ามาในอพาร์ตเม้นท์แล้วดับเครื่องจอดใกล้ ๆ กับโต๊ะม้าหินขัด ที่เด็กหนุ่มกลุ่มนี้นั่งอยู่            ทุกคนต่างพากันเบิกตาโพลงเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งมาในรถตุ๊ก ๆ คืออ๊อดนั่นเอง            ตามเนื้อตามตัวของเขามีพลาสเตอร์ปิดแผลปิดอยู่เสื้อผ้าขาดวิ่นมอมแมม และที่สำคัญคือ รถมอเตอร์ไซค์ของปื๊ด ถูกวางนอนมาในรถ ล้อหน้าบิดงอ ชิ้นส่วนประกอบต่าง ๆ พังยับจนแทบจะจำสารรูปไม่ได้            ไอ้อ๊อด….มึงทำอะไรกับรถของกู?”
            แทนที่จะห่วงเพื่อน ปื๊ดกลับเป็นห่วงรถมอเตอร์ไซค์มากกว่า รีบลุกพรวดพราดมาดู เห็นสภาพอันเละเทะของรถคันโปรดแล้วแทบจะเข่าอ่อน กระโดดขึ้นรถตุ๊ก ๆ ไล่ทุบอ๊อดอุตลุดด้วยความโมโหจัด            เฮ้ย ! อย่าไอ้ปื๊ด! เดี๋ยวมันตายห่าเสียก่อนหรอก!”
            เอกร้องห้ามเสียงหลง พวกเพื่อน ๆ วิ่งเข้ามาช่วยกันดึงตัวปื๊ดลงจากรถตุ๊ก ๆ แล้วยกรถมอเตอร์ไซค์ลงมาตั้งบนพื้น ต้นเข้าไปช่วยประคองอ๊อดลงจากรถมองดูสารรูปของเขาอย่างรู้สึกสมเพชเวทนา            ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะอ๊อด ไปโดนอะไร?”
            “ผมถูกผู้หญิงคนนั้นเล่นงานเอาครับพี่ต้น            “แล้วทำไมมีงไม่โทร.มาบอกวะ ปล่อยให้เรานั่งเป็นห่วงกันทั้งวัน ?” เจ้าโจตัดพ้อต่อว่า            กูไม่มีเงินติดตัวเลยสักแดงเดียวกระเป๋าตังค์ไม่รู้หล่นหายไปไหน  ยังดีที่มีคนใจบุญพากูไปส่งโรงพยาบาล
            ต้นควักกระเป๋าเอาเงินค่ารถตุ๊กๆ จ่ายให้กับคนขับ พอได้เงินแล้วโชเฟอร์รถตุ๊กๆ คันนั้นจึงขับออกไปทันที ทุกคนช่วยกันประคับประคองอ๊อด พามานั่งลงที่โต๊ะม้าหินขัด ปล่อยให้ปื๊ดยืนลูบ ๆ คลำ ๆ สำรวจความเสียหายรถมอเตอร์ไซค์ของเขาไปคนเดียว            เรื่องมันเป็นยังไงไหนลองเล่าให้ฟังหน่อยซิ?” ต้นถามแล้วหย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ อ๊อด คนอื่น ๆ ซึ่งอยากรู้เรื่องเหมือนกันต่างพากันนั่งล้อมวงคอยฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ            เด็กหนุ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที้เกิดขึ้นให้ทุกคนฟังจนหมดสิ้น ตั้งแต่ขี่มอเตอร์ไซค์ของปื๊ดสะกดรอยตามอรอนงค์ไปจากหน้าโรงงานทอผ้า จนกระทั่งถูกหล่อนถอยรถออกมาขวางถนน เป็นเหตุให้ต้องหักหลบลงคูข้างทางไป            โม้เหรอเปล่าวะไอ้อ๊อด มันไม่เว่อร์ไปหน่อยหรือ?” เจ้าเอกตั้งข้อกังขา เพราะเรื่องที่เพื่อนเล่ามาเหมือนกับในหนังประเภทบู๊ล้างผลาญไม่มีผิด            ให้ตายโหงตายห่าซีเอ้า อีนังคนนี้มันใจเด็ดจริงๆ”            เด็กหนุ่มดวงซวยลงทุนยกมือท่วมหัวสาบาน ทำให้ทุกคนทึ่งไปตาม ๆ กัน ปื๊ดซึ่งคอยเงี่ยหูฟังอยู่เดินเข้ามาตบไหล่อ๊อดเบาๆ            มึงทำดีสุดแล้วอ๊อด กูขอโทษโว้ย เพราะไม่นึกว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้
            “กูต้องขอโทษเหมือนกัน ที่ทำให้รถมึงพังเสียก่อน เลยไม่รู้ว่าอีนังคนนี้มันอยู่ที่ไหน            “ไม่เป็นไรหรอก พี่ต้นรู้จักกับมันดี ให้เบอร์โทรศัพท์กูไว้แล้ว เรื่องนี้กูจะจัดการเอง จะหาทางแก้เผ็ดมันให้สาสมเชียวมึง            “แล้วรถล่ะ จะทำยัง?”            ปื๊ดเหลียวไปมองดูรถมอเตอร์ไซค์คันโปรด ด้วยความรู้สึกสลดหดหู่ใจ            เงินกูมีไม่พอจะส่งไปซ่อมเสียด้วยซิ เห็นท่าจะต้องลงมือซ่อมเองให้พอใช้ได้ไปก่อน
            “พวกกูจะช่วยมึงเอง…” เจ้าโจขานอาสา  ก่อนอื่นช่วยกันถอดล้อออกมา ให้ไอ้เอกกับไอ้หนึ่งเอาไปตัดที่ร้านตรงปากซอย            ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกัน ช่วยกันยกรถมอเตอร์ไซค์คันนั้น เข้าไปในลานจอดรถที่ใต้ถุนอพาร์ตเม้นท์เพื่อไม่ให้เป็นที่เกะกะของรถคันอื่นที่จะเข้าออก แล้วลงมือช่วยกันรื้อชิ้นส่วนที่ชำรุดเสียหายอย่างขะมักเขม้น            พี่ขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวจะลงมาช่วยนะปื๊ด
            ต้นบอกเด็กหนุ่มร่างอ้วน แล้วรีบเดินผละขึ้นบันไดอพาร์ตเม้นท์ไป            ชายหนุ่มไขกุญแจห้องของเขา เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเปิดหยิบกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตัวเก่า ๆ ออกมาหันมองดูรอบๆ ไม่เห็นนางไม้สาวอยู่ในห้องแต่ยังไม่ค่อยอยากไว้ใจ เพราะหล่อนอาจจะหายตัวแฝงอยู่ที่ไหนสักแห่ง จึงเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ            พอกลับออกมา เขาจึงเห็นวนากำลังนั่งจ้องมองอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าสงสัย            จะไปไหนหรือคะ คุณต้น?”
            “ไปช่วยปื๊ดซ่อมรถมอเตอร์ไซค์หน่อยน่ะครับ            “อ้าว รถของคุณปื๊ดเป็นอะไรไปหรือคะ?”            นางไม้สาวก้าวลงจากเตียงเดินเข้ามาหา ชายหนุ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้หล่อนฟังอย่างคร่าว ๆ             นับว่าอ๊อดโชคดียังดีเพียงแค่บาดเจ็บเล็กน้อย แต่รถมอเตอร์ไซค์ของปื๊ดน่ะซิ เสียหายเยอะเลย ค่าซ่อมยังไม่มี เลยต้องลงมือทำกันเอง
            “น่าสงสารนะ วนาขอไปด้วย เดี๋ยวจะไปช่วยเองหล่อนรับอาสาเมื่อรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว            ผมว่าอย่าดีกว่านะครับ คุณวนาทำไม่เป็นหรอกเลอะเทอะเปล่าๆต้นตั้งท่าดูถูก เพราะเห็นหล่อนเป็นผู้หญิง            เอาเถอะน่า เดี๋ยวก็รู้หล่อนยังยืนกรานความตั้งใจ            แล้วจะไปยังไง แต่งชุดนี้น่ะหรือ?”
            ต้นถาม พร้อมกับมองดูกระโปรงยาวสีชมพูเรืองแสงที่หล่อนสวมใส่อยู่ วนายิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก แล้วหมุนตัวไปรอบ ๆ กระโปรงยาวชุดนั้นพลันแปรเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืด แบบเดียวกับชุดของต้นไม่มีผิด                        **********            ปื๊ดกับหนึ่งเอก และโจกำลังช่วยกันปลุกปล้ำถอดล้อรถมอเตอร์ไซค์อยู่ อ๊อดซึ่งยังบาดเจ็บอยู่ได้แต่นั่งยองๆ คอยเอาใจช่วย แต่แกนล้อซึ่งบิดงอ ทำให้ไม่ได้สามารถขันน็อตออกมาได้ แม้จะพยายามดูแล้วทุกวิถีทาง            ไอ้ห่า ทำไมถอดยากถอดเย็นนักวะ?” ปื๊ดบ่นพึมพำอย่างหัวเสีย            เกลียวมันขัดอยู่ ต้องหาอะไรมาเคาะแกนล้อให้มันตรงถึงจะถอดออกได้มั้งกูว่าเจ้าโจออกความเห็น            เออจริงด้วย!” งั้นเราไปช่วยกันหาอะไรมาเคาะมันก่อนดีกว่า
            ปื๊ดวางปากตายลงแล้วลุกขึ้นยืน พอดีต้นกับวนาเดินเข้ามา            ไปถึงไหนแล้วล่ะ?” ชายหนุ่มถาม เมื่อเห็นทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิม            แกนล้อมันคด ถอดน็อตไม่ออกน่ะพี่ต้น ผมจะไปหาอะไรมาจัดการกับมันก่อน
            ปื๊ดบอก  แล้วชวนเพื่อน ๆ เดินออกจากลานจอดรถ ทิ้งให้ต้นอยู่ข้างรถมอเตอร์ไซค์กับวนาตามลำพัง            นางไม้สาวยื่นมือไปจับบังโลนที่บิดงอยู่ยี่ ลองโยกดูแล้วทำหน้าเบ้            เสียหายมากไม่น้อยเลยทีเดียวนะคะคุณต้น
            “ยังดีที่ไม่กลายเป็นเศษเหล็กไป คุณปื๊ดรักรถคันนี้มากเสียด้วยซิครับ            “งั้นหรือคะ?”            วนาหันมายิ้มให้กับเขา แล้วยกมือแตะเบา ๆ ที๋แฮนด์มอเตอร์ไซค์มีประกายแสงระยิบระยับ คล้ายกับสะเก็ดดาวไหลพรั่งพรูออกมาจากฝ่ามือของหล่อน เข้าครอบคลุมมอเตอร์ไซค์คันนั้น จนแลดูสว่างไสว            ในบัดดล มอเตอร์ไซค์ทั้งคันก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ไม่มีร่องรอยของความเสียหายปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่น้อย            แทนที่ต้นจะดีใจ วนากลับเห็นต้นยืนทำหน้าพิกล            นี่หรือวิธีช่วยซ่อมของคุณ แล้วจะบอกปื๊ดกับเพื่อนๆ ว่ายังไงล่ะ?”