วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2559

เตียงนางไม้ ตอนที่ 18

โดย...เจิด จินตนา
๑๘ . . .



          ทีแรกผมไม่เชื่อเหมือนกับคุณนี่แหละแต่เมื่อเห็นเธอแสดงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ออกมาถึงต้องยอมรับว่าเธอเป็นนางไม้จริง เพราะคนธรรมดาคงไม่สามารถทำอะไรแปลกๆ อย่างเช่นการล่องหนหายตัว หรือเคลื่อนย้ายสิ่งของโดยที่ไม่ได้จับต้องเลยไม่ได้อย่างแน่นอน
            ชายหนุ่มพยายามอธิบาย จนสองสาวชักมีความรู้สึกคล้อยเห็นตาม เพราะทั้งคู่เคยเห็นวนาทำในสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ ตามที่ต้นบอกมาแล้วเหมือนกัน            จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ได้พบประสบมากับตัวเอง เป็นสิ่งยืนยันคำพูดของเขา วนาต้องไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาแน่            “แล้วทำไมคุณวนาถึงยอมให้พี่ต้นอยู่ด้วยล่ะ? ตุ่มถามด้วยความรู้สึกข้องใจ            ผมกับเธอเราทำความตกลงกันว่าเราจะต่างคนต่างอยู่ ไม่ก้าวก่ายล้วงล้ำสิทธิซึ่งกันและกัน ถึงได้อยู่ร่วมกันได้ คุณวนาเธอไม่ได้มีจิตใจโหดร้ายอะไรหรอกครับถ้าคุณแตนกับตุ่มได้ทำความรู้จักกับเธอ อาจจะเกิดชอบธอขึ้นมา
            “เชอะ ! จ้างให้แตนไม่เอาด้วยหรอก แตนไม่บ้าเหมือนพี่ต้นนี่อยู่ดีๆ ไปคบกับผีสางนางไม้ ไว้วางใจมันได้แค่ไหนกัน            “แต่คุณวนาเธอเป็นนางไม้ที่ใจดีจริง ๆนะครับคุณแตน เธอไม่ทำอะไรใครหรอก ถ้าไม่ไปทำให้เธอโกรธขึ้นมาเสียก่อน             ชายหนุ่มพูดโน้มน้าวจิตใจให้สองสาวมองวนาในแง่ดี แต่แตนกลับคิดไปอีกอย่างหนึ่ง            พี่ต้นคงจะเกิดหลังรักมันขึ้นมาแล้วใช่ไหมล่ะ?”
            “พูดเป็นเล่นไปได้คุณแตนผมเป็นคนจะไปรักกับนางไม้ได้ยังไงกัน คุณนี่ช่างหึงไม่เข้าเรื่องเอาเลยจริงๆ            “อย่ามาแก้ตัวดีกว่า เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าพี่ต้นพยายามช่วยปกป้องมัน แตนบอกให้ไล่มันไปพี่ต้นไม่ยอมไล่ เรื่องกิ๊บติดผมนั่นก็เหมือนกัน แตนเพิ่งรู้ความจริงว่าพี่ต้นซื้อให้มันไม่ใช่แตน พี่ต้นเห็นนังผีตนนั้นมีความสำคัญมากกว่าแตน แล้วจะให้คิดว่ายังไง?”            “เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วเรื่องกิ๊บติดผมนั่น ผมซื้อให้คุณวนาจริง แต่มันเป็นของฝากเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมให้กับเธออย่างเป็นมิตรเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรนอกเหนือไปกว่านั้นเลยในเมื่อคุณอยากได้จริง ๆ คุณวนาเลยให้ผมเอามาให้คุณแล้วอยู่นี่ไง            เขาล้วงกิ๊บติดผมคู่นั้นออกมาจากกะเป๋าเสื้อ ยื่นส่งให้หญิงสาว แต่แตนกลับปัดมือของเขาอย่างแรงจนกระเด็นหล่นไปที่พื้น            อะไรกันนี่คุณแตน?
            “แตนไม่อยากได้ของเหลือเดนจากใคร…”            เขาแทบสะอึก ที่หญิงคนรักดูท่าทางไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย แต่พยายามระงับความรู้สึกไม่แสดงอะไรออกมา       
            มันไม่ใช่ของมีค่าอะไร ดีเหมือนกันทิ้งมันไปเสียจะได้หมดเรื่องหมดราว
            เห็นเพื่อนทำกิริยาไม่ดีงามเช่นนั้นกับชายหนุ่มตุ่มรู้สึกตกใจไม่น้อยเช่นกัน ได้แต่ช่วยพูดเพื่อคลี่คลายสถานการณ์อันเลวร้ายให้มันดีขึ้น แต่แตนยังคงไม่ยอมลดละ กลับทำท่าทางกระฟัดกระเฟียด            ไม่รู้ล่ะ….พี่ต้นต้องย้ายออกจากห้องนั้นแล้วเลิกติดต่อกับมันอีกอย่างเด็ดขาด
            หล่อนยื่นคำขาดด้วยน้ำเสียงที่เอาจริงเอาจัง จนชายหนุ่มต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ ได้แต่นั่งส่ายหน้า            ผมทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกครับคุณแตน
            “ก็แสดงว่าพี่ต้นหลงรักมันจริงแตนพูดไปทำตาแดง ๆ เหมือนกับจะร้องไห้ น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือ พี่ต้นนะพี่ต้นแตนนึกไม่ถึงเลยว่าพี่ต้นจะทำกับแตนแบบนี้            “โธ่ ผมบอกคุณแล้วยังไงว่า ผมไม่ได้รักคุณวนาเลยจริง ๆ คุณแตนอย่าเข้าใจผิดซี่”            “แล้วพี่ต้นมีเหตุผลอะไรล่ะ ถึงไม่ยอมย้ายออกมา?ตุ่มถามอย่างข้องใจ            ถ้าผมย้ายออกมา ห้องนั้นจะต้องมีคนเข้าไปเช่าอยู่ใหม่ แล้วมีเรื่องุว่นวายกันไปอีกอย่างไม่รู้จบเพราะคุณวนาไม่ยอมให้ใครเข้าไปจุ้นจ้านในห้องของเธอ
            “ช่างหัวมันไปซี่….” ตุ่มพูดเสียงห้วนชักรู้สึกไม่พอใจขึ้นแล้วเหมือนกัน  “คุณวนาเธอไม่ใช่คนยังไงคงเอาตัวรอดได้แน่ ทำไมพี่ต้นจะต้องไปแคร์ด้วยเล่า?”            “เธอมีความจำเป็นจะต้องอยู่เฉพาะในห้องนั้น เพราะไม่มีที่อื่นจะไปอย่างน้อยที่สุดพี่ควรมีน้ำใจช่วยเหลือเธอบ้าง…..เลิกคิดตั้งแง่รังเกียจคุณวนาเสียเถอะนะยัยตุ่ม คุณแตน ปล่อยให้เธอได้อยู่อย่างสงบสุขในห้องนั้นเถอะผมขอร้องล่ะ”
            แตนลุกพรวดยืนทำตาขวาง            ให้พี่ต้นอยู่กับมันน่ะเหรอ เป็นตายยังไงแตนก็ไม่ยอม ถ้าพี่ต้นไม่ยอมย้ายออกมาจากห้องนั้น และยังคิดที่จะปกป้องอีนังผีร้ายนั่นอยู่อีก เราจะได้เห็นดีกันแน่กลับได้แล้วยัยตุ่ม
            หล่อนหันไปบอกเพื่อนสาวแล้ว ชวนกันลุกออกจากโต๊ะไป ปล่อยให้ต้นนั่งซึ่มอยู่ตรงนั้นคนเดียว มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อพนักงานในร้านเดินเข้ามาถาม            จะรับอะไรดีครับคุณ?”
            ต้นสะดุ้งนิด ๆ เงยหน้าขึ้นมองแล้วรีบปฏิเสธ            ไม่หรอกครับช่วยเช็คบิลให้ด้วย
            พนักงานคนนั้นหายไปสักครู่ จึงกลับมาพร้อมกับบิลค่าอาหาร ชายหนุ่มควักกระเป๋าหยิบเงินจ่ายไป แล้วลุกเดินออกมาที่หน้าร้าน เขาเห็นแตนกำลังจะถอยรถออกจากที่จอดริมฟุตบาธพอดี            เดี๋ยวก่อนคุณแตน
            ชายหนุ่มโบกมือเรียก แต่หล่อนไม่ยอมหยุดรถกลับเร่งเครื่องขับปราดออกไปทันที            ต้นยืนมองตามหลังฮอนด้าซีวิคสีแดงคันนั้นไปจนลับสายตา เขายืนนิ่งอยู่ตรงริมฟุตบาธนั้น สมองรู้สึกอื้ออึงสับสนไปหมด            เขากับแตนคงจะไม่มีอันพูดจากันเข้าใจแน่ สำหรับเรื่องนี้ชักรู้สึกหวั่นใจในคำพูดที่หล่อนทิ้งท้ายเอาไว้ ต้นรู้นิสัยของหญิงคนรักดี หล่อนเป็นคนไม่มีทางยอมแพ้อะไรใครง่าย ๆ คงต้องคิดหาหนทางอะไรสักอย่าง เพื่อทำการตอบโต้วนาตามคำขู่อย่างแน่นอน                        **********            ปื๊ดนั่งเอามือเท้าคางซึมอยู่หน้าโต๊ะไม้หินขัด ข้างสนามหญ้าหน้าอพาร์ตเม้นท์ ข้างกายเขาคือหนึ่ง โจและเอกแต่ละคนต่างมีอาการคล้าย ๆ กัน สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล            อ๊อดรับอาสาขี่มอเตอร์ไซค์ของปื๊ด สะกดรอยตามอรอนงค์แต่กลับเงียบหายต๋อมไปเลย ทุกคนเฝ้ารอคอยการกลับมาส่งข่าวของเขาอยู่ในห้องปื๊ดอย่างใจจดใจจ่อ รอแล้วเฝ้ารอเล่าจนอดรนทนไม่ไหว ต้องยกโขยงลงมานั่งรอต่อ ที่สนามหญ้าหน้าอพาร์ตเม้นท์นี้            เวลาผ่านพ้นไปตั้งเกือบครึ่งค่อนวัน ยังไม่เห็นมีวี่แววเลยสักนิดว่าอ๊อดจะกลับมา            ไอ้หอกอ๊อดมันหายหัวไปไหนของมันวะ จนป่านนี้แล้วยังไม่ยอมกลับมาเสียที
            ทนรอหน้าเข้าปื๊ดชักหัวเสีย นึกเคืองใจในความเป็นคนเหลวไหลของเพื่อน            มันอาจจะถือโอกาส เอารถมึงไปโฉบอวดสาว ๆ น่ะซีวะไอ้ปื๊ดหนึ่งคาดคะเนเอาตามความรู้สึก เมื่อเห็นว่ามันชักจะนานจนผิดปกติ            เฮ้ย ไม่หรอกน้าไอ้บ้าใช้มันไปทำธุระสำคัญขนาดนี้ มันคงไม่กล้าเถลไถลไปไหนหรอกวะ” โจออกความเห็น            หรือมันโดนตำรวจซิวไปซะแล้ว…” เอกพูดโพล่งขึ้นมาลอย ๆ ไอ้อ๊อดมันไม่มีใบขับขี่เสียด้วยซิ
            โจพยักหน้าหงึกเห็นคล้อยตามหันไปมองหน้าปื๊ด            จริงซิวะไอ้ปื๊ด ลองโทร.ไปถามที่โรงพักดูกันดีกว่า
            พูดแล้วทำท่าจะลุกขึ้น แต่เด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์กลับกดไหล่ของเขาเอาไว้            มึงไม่น่าเซ่อเลยไอ้โจ ถ้ามันอยู่โรงพักจริง ๆ ต้องโทร.มาบอกเราแล้วซิวะ
            จริงอย่างที่ปื๊ดว่า โจเลยต้องทิ้งตัวลงนั่งตามเดินสี่สหายนั่งเท้าคางมองหน้ากันทำตาปริบ ๆ เพราะไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีไปกว่านี้ แต่คนต่างไม่เข้าใจเพราะสาเหตุอะไรอ๊อดถึงไม่รีบกลับมา            ตะวันบ่ายคล้อยไปมากแล้ว ต้นเดินเข้าประตูรั้วอพาร์ตเม้นท์มาอย่างเนือยๆ ด้วยความกลัดกลุ้มใจ ที่ไม่สามารถคลี่คลายปัญหาความขัดแย้ง ระหว่างวนากับแตนได้ เขาเหลือบเห็นเด็กหนุ่มทั้งสี่ นั่งจับกลุ่มทำอากัปกิริยาแปลกๆ อยู่ที่โต๊ะม้าหินขัด รู้สึกแปลกใจจนต้องเดินเข้าไปหา            เป็นอะไรไปกันหมดน่ะ นั่งซึมเชียว?”
            ปื๊ดกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย พอได้ยินต้นร้องทักจึงเงยหน้าขึ้นมอง            อ้าว พี่ต้นกลับมาแล้วเหรอนั่งก่อนซิครับ
            เขาขยับที่ให้ชายหนุ่มนั่งลงบนม้าหินขัดตัวเดียวกัน            “กำลังประชุมวางแผนอะไรกันอยู่หรือไง?”
            ใช่….” ปื๊ดพยักหน้ารับ เรื่องที่ผมบอกกับพี่ต้นเมื่อเช้านี้แหละครับ
            “แล้วเป็นไงสืบได้เรื่องว่ายังไงบ้างล่ะ?”            “รู้ตัวแล้วครับพี่ต้น…” เจ้าเอกแย่งตอบ เมียน้อยของเตี่ยไอ้ปื๊ดชื่ออรอนงค์ หุ่นเซ็กซี่น่าฟัดเป็นบ้าเลยพี่            “ชื่ออรอนงค์เหรอ?” ต้นพึมพำเบา ๆ ขมวดคิ้วนั่งนึก ดูเหมือนเขาจะเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน            ถูกแล้ว….พี่ต้นรู้จักเหรอ?” โจเกิดความสงสัยเพราะเห็นชายหนุ่มนั่งทำท่าหน้านิ้วคิ้วขมวด            ใช่….ดูเหมือนจะเคยเห็นที่โรงงานของเตี่ยปื๊ดขับรถบีเอ็มสีเปลือกมังคุด
            “นั่นแหละๆ คนนั้นแหละปื๊ดหยักหน้ารับหงึกหงัก แล้วจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างสงสัย  พี่ต้นรู้จักได้ยังไง?”            “วันแรกที่ไปติดต่อเรื่องประกันกับเตี่ยของปื๊ด พี่เกือบถูกเธอขับรถชนเอาตรงหน้าออฟฟิศ เลยรู้จักกัน            ต้นนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ที่แท้ผู้หญิงคนนี้เองที่เป็นเมียน้อยของเสี่ยกำชัย เขายอมรับว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากจริง ๆ มิน่าล่ะ เตี่ยของปื๊ดจึงได้หลงใหลในตัวหล่อนนัก            ผมให้ไอ้อ๊อดมันเอารถมอเตอร์ไซค์ของผมสะกดรอยตามไปดู ว่าผู้หญิงคนนี้อยู่ที่ไหน แต่จนป่านนี้ไอ้อ๊อดยังไม่เห็นกลับมาเลยเด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์บอกกับต้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าแสดงความกังวล            ดูเหมือนว่าเธอจะให้เบอร์โทรศัพท์ของเธอเอาไว้ด้วยต้นดึงกระเป๋าสตางค์ออกมา ค้นหากระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่อรอนงค์จดเบอร์โทรศัพท์ให้เขา แล้วหยิบออกมาให้ปื๊ดดู นี่ยไงไงล่ะ
            “ว้าว! เยี่ยมจริง ๆ พี่ต้นปื๊ดอุทานออกมาอย่างดีใจ  ถ้ารู้อย่างงี้เสียแต่แรก เราคงไม่ต้องมานั่งเสียเวลา ให้ไอ้อ๊อดมันคอยสะกดรอยตามให้เมื่อยหรอก….ขอผมเลยนะครับพี่ต้น            “เอาไปเถอะปื๊ด….พี่ไม่รู้จะเก็บเอาไว้ทำไมเหมือนกัน            เด็กหนุ่มเก็บเบอร์โทรศัพท์ใส่กระเป๋า นึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ กระดาษแผ่นเล็ก ๆ แผ่นนี้จะเป็นกุญแจเปิดเผยโฉมหน้าผู้หญิงที่จะมาสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของตนได้เป็นอย่างดี เมื่อสามารถกำจัดหล่อนจนพ้นทางแล้ว แม่คงจะอนุญาตให้เขาเล่นดนตรีได้อย่างสบายใจ ตามที่รับปากเอาไว้            เสียงรถตุ๊ก ๆ แผดลั่นคับซอยสักครู่หนึ่งจึงเลี้ยวเข้ามาในอพาร์ตเม้นท์แล้วดับเครื่องจอดใกล้ ๆ กับโต๊ะม้าหินขัด ที่เด็กหนุ่มกลุ่มนี้นั่งอยู่            ทุกคนต่างพากันเบิกตาโพลงเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งมาในรถตุ๊ก ๆ คืออ๊อดนั่นเอง            ตามเนื้อตามตัวของเขามีพลาสเตอร์ปิดแผลปิดอยู่เสื้อผ้าขาดวิ่นมอมแมม และที่สำคัญคือ รถมอเตอร์ไซค์ของปื๊ด ถูกวางนอนมาในรถ ล้อหน้าบิดงอ ชิ้นส่วนประกอบต่าง ๆ พังยับจนแทบจะจำสารรูปไม่ได้            ไอ้อ๊อด….มึงทำอะไรกับรถของกู?”
            แทนที่จะห่วงเพื่อน ปื๊ดกลับเป็นห่วงรถมอเตอร์ไซค์มากกว่า รีบลุกพรวดพราดมาดู เห็นสภาพอันเละเทะของรถคันโปรดแล้วแทบจะเข่าอ่อน กระโดดขึ้นรถตุ๊ก ๆ ไล่ทุบอ๊อดอุตลุดด้วยความโมโหจัด            เฮ้ย ! อย่าไอ้ปื๊ด! เดี๋ยวมันตายห่าเสียก่อนหรอก!”
            เอกร้องห้ามเสียงหลง พวกเพื่อน ๆ วิ่งเข้ามาช่วยกันดึงตัวปื๊ดลงจากรถตุ๊ก ๆ แล้วยกรถมอเตอร์ไซค์ลงมาตั้งบนพื้น ต้นเข้าไปช่วยประคองอ๊อดลงจากรถมองดูสารรูปของเขาอย่างรู้สึกสมเพชเวทนา            ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะอ๊อด ไปโดนอะไร?”
            “ผมถูกผู้หญิงคนนั้นเล่นงานเอาครับพี่ต้น            “แล้วทำไมมีงไม่โทร.มาบอกวะ ปล่อยให้เรานั่งเป็นห่วงกันทั้งวัน ?” เจ้าโจตัดพ้อต่อว่า            กูไม่มีเงินติดตัวเลยสักแดงเดียวกระเป๋าตังค์ไม่รู้หล่นหายไปไหน  ยังดีที่มีคนใจบุญพากูไปส่งโรงพยาบาล
            ต้นควักกระเป๋าเอาเงินค่ารถตุ๊กๆ จ่ายให้กับคนขับ พอได้เงินแล้วโชเฟอร์รถตุ๊กๆ คันนั้นจึงขับออกไปทันที ทุกคนช่วยกันประคับประคองอ๊อด พามานั่งลงที่โต๊ะม้าหินขัด ปล่อยให้ปื๊ดยืนลูบ ๆ คลำ ๆ สำรวจความเสียหายรถมอเตอร์ไซค์ของเขาไปคนเดียว            เรื่องมันเป็นยังไงไหนลองเล่าให้ฟังหน่อยซิ?” ต้นถามแล้วหย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ อ๊อด คนอื่น ๆ ซึ่งอยากรู้เรื่องเหมือนกันต่างพากันนั่งล้อมวงคอยฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ            เด็กหนุ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที้เกิดขึ้นให้ทุกคนฟังจนหมดสิ้น ตั้งแต่ขี่มอเตอร์ไซค์ของปื๊ดสะกดรอยตามอรอนงค์ไปจากหน้าโรงงานทอผ้า จนกระทั่งถูกหล่อนถอยรถออกมาขวางถนน เป็นเหตุให้ต้องหักหลบลงคูข้างทางไป            โม้เหรอเปล่าวะไอ้อ๊อด มันไม่เว่อร์ไปหน่อยหรือ?” เจ้าเอกตั้งข้อกังขา เพราะเรื่องที่เพื่อนเล่ามาเหมือนกับในหนังประเภทบู๊ล้างผลาญไม่มีผิด            ให้ตายโหงตายห่าซีเอ้า อีนังคนนี้มันใจเด็ดจริงๆ”            เด็กหนุ่มดวงซวยลงทุนยกมือท่วมหัวสาบาน ทำให้ทุกคนทึ่งไปตาม ๆ กัน ปื๊ดซึ่งคอยเงี่ยหูฟังอยู่เดินเข้ามาตบไหล่อ๊อดเบาๆ            มึงทำดีสุดแล้วอ๊อด กูขอโทษโว้ย เพราะไม่นึกว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้
            “กูต้องขอโทษเหมือนกัน ที่ทำให้รถมึงพังเสียก่อน เลยไม่รู้ว่าอีนังคนนี้มันอยู่ที่ไหน            “ไม่เป็นไรหรอก พี่ต้นรู้จักกับมันดี ให้เบอร์โทรศัพท์กูไว้แล้ว เรื่องนี้กูจะจัดการเอง จะหาทางแก้เผ็ดมันให้สาสมเชียวมึง            “แล้วรถล่ะ จะทำยัง?”            ปื๊ดเหลียวไปมองดูรถมอเตอร์ไซค์คันโปรด ด้วยความรู้สึกสลดหดหู่ใจ            เงินกูมีไม่พอจะส่งไปซ่อมเสียด้วยซิ เห็นท่าจะต้องลงมือซ่อมเองให้พอใช้ได้ไปก่อน
            “พวกกูจะช่วยมึงเอง…” เจ้าโจขานอาสา  ก่อนอื่นช่วยกันถอดล้อออกมา ให้ไอ้เอกกับไอ้หนึ่งเอาไปตัดที่ร้านตรงปากซอย            ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกัน ช่วยกันยกรถมอเตอร์ไซค์คันนั้น เข้าไปในลานจอดรถที่ใต้ถุนอพาร์ตเม้นท์เพื่อไม่ให้เป็นที่เกะกะของรถคันอื่นที่จะเข้าออก แล้วลงมือช่วยกันรื้อชิ้นส่วนที่ชำรุดเสียหายอย่างขะมักเขม้น            พี่ขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เดี๋ยวจะลงมาช่วยนะปื๊ด
            ต้นบอกเด็กหนุ่มร่างอ้วน แล้วรีบเดินผละขึ้นบันไดอพาร์ตเม้นท์ไป            ชายหนุ่มไขกุญแจห้องของเขา เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเปิดหยิบกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตัวเก่า ๆ ออกมาหันมองดูรอบๆ ไม่เห็นนางไม้สาวอยู่ในห้องแต่ยังไม่ค่อยอยากไว้ใจ เพราะหล่อนอาจจะหายตัวแฝงอยู่ที่ไหนสักแห่ง จึงเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ            พอกลับออกมา เขาจึงเห็นวนากำลังนั่งจ้องมองอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าสงสัย            จะไปไหนหรือคะ คุณต้น?”
            “ไปช่วยปื๊ดซ่อมรถมอเตอร์ไซค์หน่อยน่ะครับ            “อ้าว รถของคุณปื๊ดเป็นอะไรไปหรือคะ?”            นางไม้สาวก้าวลงจากเตียงเดินเข้ามาหา ชายหนุ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้หล่อนฟังอย่างคร่าว ๆ             นับว่าอ๊อดโชคดียังดีเพียงแค่บาดเจ็บเล็กน้อย แต่รถมอเตอร์ไซค์ของปื๊ดน่ะซิ เสียหายเยอะเลย ค่าซ่อมยังไม่มี เลยต้องลงมือทำกันเอง
            “น่าสงสารนะ วนาขอไปด้วย เดี๋ยวจะไปช่วยเองหล่อนรับอาสาเมื่อรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว            ผมว่าอย่าดีกว่านะครับ คุณวนาทำไม่เป็นหรอกเลอะเทอะเปล่าๆต้นตั้งท่าดูถูก เพราะเห็นหล่อนเป็นผู้หญิง            เอาเถอะน่า เดี๋ยวก็รู้หล่อนยังยืนกรานความตั้งใจ            แล้วจะไปยังไง แต่งชุดนี้น่ะหรือ?”
            ต้นถาม พร้อมกับมองดูกระโปรงยาวสีชมพูเรืองแสงที่หล่อนสวมใส่อยู่ วนายิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก แล้วหมุนตัวไปรอบ ๆ กระโปรงยาวชุดนั้นพลันแปรเปลี่ยนเป็นกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืด แบบเดียวกับชุดของต้นไม่มีผิด                        **********            ปื๊ดกับหนึ่งเอก และโจกำลังช่วยกันปลุกปล้ำถอดล้อรถมอเตอร์ไซค์อยู่ อ๊อดซึ่งยังบาดเจ็บอยู่ได้แต่นั่งยองๆ คอยเอาใจช่วย แต่แกนล้อซึ่งบิดงอ ทำให้ไม่ได้สามารถขันน็อตออกมาได้ แม้จะพยายามดูแล้วทุกวิถีทาง            ไอ้ห่า ทำไมถอดยากถอดเย็นนักวะ?” ปื๊ดบ่นพึมพำอย่างหัวเสีย            เกลียวมันขัดอยู่ ต้องหาอะไรมาเคาะแกนล้อให้มันตรงถึงจะถอดออกได้มั้งกูว่าเจ้าโจออกความเห็น            เออจริงด้วย!” งั้นเราไปช่วยกันหาอะไรมาเคาะมันก่อนดีกว่า
            ปื๊ดวางปากตายลงแล้วลุกขึ้นยืน พอดีต้นกับวนาเดินเข้ามา            ไปถึงไหนแล้วล่ะ?” ชายหนุ่มถาม เมื่อเห็นทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิม            แกนล้อมันคด ถอดน็อตไม่ออกน่ะพี่ต้น ผมจะไปหาอะไรมาจัดการกับมันก่อน
            ปื๊ดบอก  แล้วชวนเพื่อน ๆ เดินออกจากลานจอดรถ ทิ้งให้ต้นอยู่ข้างรถมอเตอร์ไซค์กับวนาตามลำพัง            นางไม้สาวยื่นมือไปจับบังโลนที่บิดงอยู่ยี่ ลองโยกดูแล้วทำหน้าเบ้            เสียหายมากไม่น้อยเลยทีเดียวนะคะคุณต้น
            “ยังดีที่ไม่กลายเป็นเศษเหล็กไป คุณปื๊ดรักรถคันนี้มากเสียด้วยซิครับ            “งั้นหรือคะ?”            วนาหันมายิ้มให้กับเขา แล้วยกมือแตะเบา ๆ ที๋แฮนด์มอเตอร์ไซค์มีประกายแสงระยิบระยับ คล้ายกับสะเก็ดดาวไหลพรั่งพรูออกมาจากฝ่ามือของหล่อน เข้าครอบคลุมมอเตอร์ไซค์คันนั้น จนแลดูสว่างไสว            ในบัดดล มอเตอร์ไซค์ทั้งคันก็กลับคืนสู่สภาพเดิม ไม่มีร่องรอยของความเสียหายปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่น้อย            แทนที่ต้นจะดีใจ วนากลับเห็นต้นยืนทำหน้าพิกล            นี่หรือวิธีช่วยซ่อมของคุณ แล้วจะบอกปื๊ดกับเพื่อนๆ ว่ายังไงล่ะ?”
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น