วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เตียงนางไม้
โดย... เจิด จินตนา
ตอนที่ 1




          “กรี๊ด ด ด ด…!!”
          เสียงหวีดร้องแสดงอาการหวาดกลัวอย่างสุดขีด ดังลั่นได้ยินไปทั่วทั้งโฉมศรีอพาร์ตเม้นท์ในกลางดึกสงัด
          ในห้อง316 ซึ่งอยู่สุดทางเดินของชั้นที่สาม หญิงสาวคนหนึ่งในชุดแต่งกายแบบนักร้องตามคาเฟ่กำลังนั่งซุกตัวอยู่ตรงมุมห้อง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ตาเหลือกลาน ยกมือขึ้นปัดป้องไปมาพร้อมกับส่งเสียงหวีดร้องอยู่ตลอดเวลา ด้วยอาการหวาดผวา
          ข้าวของทุกอย่างที่อยู่ภายในห้องนั้นเหมือนถูกพายุหมุนโหมซัดกระหน่ำ ปลิวว่อนลอยกระจัดกระจายไปมาทั่วห้องอย่างโกลาหลอลม่าน
          เสียงหวีดร้องประสานกับเสียงลมที่กำลังปั่นป่วนดังอื้ออึง ข้าวของลอยกระทบกันแตกเปรื่องปร่าง เศษถ้วยชามปลิวว่อนมากระทบฝาผนัง จนหญิงสาวต้องปิดปัดเป็นชุลมุน
            นี่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ ทั้งห้องดูเหมือนว่ากำลังถูกครอบงำด้วยพลังอำนาจอันเร้นลับอะไรสักอย่าง จึงทำให้มีอันเป็นไปแบบนี้
            ตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ก็เพิ่งจะเคยเห็นปรากฏการณ์อันเหลือเชื่อเช่นนี้ หญิงสาวแทบช็อคหมดสติ รู้สึกหวาดกลัวจนลนลาน ทำอะไรไม่ถูก
            แม้แต่ตู้เตียงโต๊ะเก้าอี้ตัวใหญ่ ยังลอยเคว้งคว้างไปมาเป็นที่น่าหวาดเสียว
            ไปเสียจงไปให้พ้น!”
            เสียงแหลมเล็กเยือกเย็น ดังแทรกเสียงพายุอื้ออึงขึ้นมา หญิงสาวเหลียวมองล่อกแล่ก นอกจากหล่อนแล้วไม่เห็นมีใครอื่นอีกในห้องนี้ ขนลุกเกรียวขึ้นมาในทันที
            เสียงเยือกเย็นแบบนี้ เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก...เสียงของภูตผีที่มองไม่เห็นตัวตน
            ฉันกลัวแล้วอย่า….อย่ามาหลอกมาหลอนฉันเลย…”
            หล่อนร้องตะโกนเสียงแหบพร่า ยกมืออันสั่นเทาขึ้นไหว้ปลกๆ ท่วมหัว
            คุณอ๋อยคุณอ๋อยคะ…!”
            มีเสียงเรียกชื่อหญิงสาว และเสียงทุบประตูปึงปังดังมาจากหน้าห้อง
            เป็นอะไรไปคะเปิดประตูทีค่ะคุณอ๋อย…!”
            หล่อนรีบถลันลุกขึ้นวิ่งพรวดพราดไปที่ประตู กระชากลูกบิดเปิดผัวะออกมา
            พอเห็นคุณโฉมศรีเจ้าของอพาร์ตเม้นท์ยืนอยู่ตรงหน้าประตู หญิงสาวรีบผวาเข้ากอดตัวสั่นระริก
            ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วยผีหลอก ผีหลอก…! !”
            “ทำใจดีๆ ไว้ผีที่ไหนกันคะ…?” คุณโฉมศรีปลอบ
            ในห้องค่ะในห้องหล่อนหลับตาปี๋ ชี้มือเข้าไปในห้อง มีผีอยู่ในห้อง ทำให้ข้าวของลอยไปมา น่ากลัวจริงๆ ดูซิ
            สาวใหญ่เจ้าของอพาร์ตเม้นท์ชะโงกหน้ามองเข้าไปแล้วขมวดคิ้วสงสัย
            ไหนคะไม่เห็นมีอะไรเลยนี่คะคุณอ๋อย…?”
            หญิงสาวที่กำลังอยู่ในอาการหวาดกลัว ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา แข็งใจเหลียวกลับไปมองในห้องช้าๆ แล้วก็ต้องทำตาเหลือก อ้าปากหวอ แทบจะไม่เชื่อสายตาของตนเอง
            ภายในห้องทุกอย่างกลับเป็นปกติเรียบร้อยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
            โต๊ะเก้าอี้ ตู้เสื้อผ้าและเตียงนอนอยู่ในตำแหน่งของมัน เหมือนกับไม่ได้ถูกขยับเขยี้อนไปไหน แม้แต่ข้าวของที่แตกหักเสียหาย ก็ไม่มีปรากฏให้เห็นเลยสักชิ้นเดียว
            หญิงสาวยืนงง มันเกิดอะไรกันขึ้นละนี่ เมื่อสักครู่นี้เอง หล่อนยังเห็นกับตาอยู่ว่าของเหล่านี้ลอยกันเคว้งคว้างอยู่เต็มห้อง ไม่น่าเชื่อว่าทุกอย่างจะกลับเป็นปกติได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้
            ใครต่อใครพากันมายืนมุงดูที่หน้าห้องสลอนไปหมด คนเหล่านั้นกำลังจ้องมองมาที่หญิงสาวด้วยสายตาแปลกๆ หลายคนแสดงอาการไม่พอใจที่ต้องถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมากลางดึก ด้วยเสียงร้องเอะอะโวยวายของหล่อน
            คุณอ๋อยคงจะฝันไปมากกว่าล่ะมังครับ…!”
            ปื๊ดเด็กหนุ่มรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ซึ่งพักอยู่ห้องติดกันพูดออกความคิดเห็น
            ไม่ไม่ใช่หรอก….ฉันยังไม่ได้เข้านอนเลย หล่อนเถียง ฉันเพิ่งกลับมาจากทำงาน กำลังยืนอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง คิดจะเปลี่ยนเสื้อผ้าไปอาบน้ำก็เห็นของทุกอย่างในห้องมันลอยขึ้นจากพื้น มีเสียงลมพายุพัดปั่นป่วนไปหมดมันช่างน่ากลัวจริงๆ
            “ถ้าจะเมาหนักล่ะซี่…”
            เสียงใครคนหนึ่งตะโกนว่าแดกขึ้นมา
            ฉันไม่ได้เมานะคืนนี้ยังไม่ได้เลยสักกะดริ๊งค์เดียว แขกไม่ค่อยมี พอเลิกงานฉันก็รีบกลับ ไม่ได้แตะต้องเหล้าเลยสักหยดเดียว…”
            “กลับเข้าไปนอนเสียเถอะค่ะคุณอ๋อยคุณไม่น่าร้องเอะอะโวยวายขึ้นมา พลอยทำให้คนอื่นๆ ตกใจตื่นกันหมด…” คุณโฉมศรีขอร้องแกมต่อว่าต่อขาน
            ไม่ค่ะ…” หล่อนส่ายหน้า ฉันไม่ขอนอนในห้องนี้อีกต่อไปแล้วห้องนี้ต้องมีผีแน่ๆ ไม่เอาแล้วขืนอยู่มีหวังโดนผีหลอกอีกขอคืนห้องดีกว่าค่ะคุณโฉมศรี
            “คุณจะไปยังไงดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้…” ปื๊ดอดแสดงความเป็นห่วงไม่ได้ ผมว่ามันไม่มีอะไรหรอกน่ะครับคุณอ๋อย คุณอาจจะคิดกลัวไปเองจนเกิดประสาทหลอนขึ้นมา
            “คุณไม่ได้พบเห็นกับตาของคุณเอง คุณไม่รู้หรอกว่ามันน่ากลัวยังไง ต่อให้เอาช้างมาฉุดฉันก็ไม่ขอยอมอยู่อีกแล้วฉันจะเก็บเสื้อผ้าไปขออาศัยเพื่อนอยู่ชั่วคราวดีกว่า…”
            “ถ้างั้นตามใจคุณค่ะ คุณอ๋อย…” โฉมศรีพูดตัดบทลุงม้วนกับแม่แจ่มช่วยคุณเขาเก็บข้าวของให้เรียบร้อย แล้วพาลงไปพบฉันที่สำนักงานนะ…”
            ชายหญิงสูงอายุซึ่งมีหน้าที่ดูแลอพาร์ตเม้นท์แห่งนี้รับคำ แล้วเดินตามหลังหญิงสาวเข้าไปในห้อง 316 คุณโฉมศรียืนมองอยู่สักครู่หนึ่ง จึงผละจากไป คนอื่นๆ ต่างทยอยกลับเข้าไปในห้องของตน มีแต่ปื๊ดเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งยังคงยืนงงต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
            เด็กหนุ่มร่างสมบูรณ์รู้สึกข้องใจไม่หายจริงๆ ห้อง316 นี้มีอะไรหรือ ทำไมทุกคนที่มาเช่าถึงได้พูดกันเป็นเสียงเดียวว่าถูกผีหลอก ทั้งๆ ที่เขาพักอยู่ห้องข้างเคียงนี้เอง ยังไม่เคยเห็นมีอะไรผิดปกติกับห้องนี้เลย
 ***************
            “ถามจริงๆ เถอะนะเจ๊โฉมเจ๊ไม่รู้สึกว่าไอ้ห้อง 316 เนี่ย มันมีอะไรพิกลๆ บ้างเลยรึไง?”
            ปื๊ดอดคันปากไม่ได้ พูดโพล่งขึ้นในตอนสายของวันต่อมา คุณโฉมศรีกำลังนั่งตรวจบัญชีอยู่ในห้องทำงานออฟฟิศชั้นล่างของอพาร์ตเม้นท์ สาวใหญ่เงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์แว้บหนึ่ง
            พิกลยังไงตาปื๊ดแกก็เห็นแล้วนี่นาว่ามันไม่มีอะไร
            “แต่มันผิดสังเกตนะเจ๊ทุกคนที่มาเช่าห้องนั้นไม่เคยมีใครอยู่ได้เลยสักราย ผมว่า บางทีมันอาจจะมีสิงอยู่จริงๆ นา...
            “พูดพล่อยๆ ปากเสีย…” โฉมศรีทำตาขุ่นไม่พอใจตั้งแต่สร้างมาโฉมศรีอพาร์ตเม้นท์ยังไม่เคยมีใครตายเลยสักคน แล้วผีที่ไหนล่ะมันจะมาสิงสู่อยู่?”
            “อ้าว! พวกผีร่อนเร่พเนจรยังไงล่ะเจ๊โฉม ไม่แน่นะบางทีมันอาจจะเห็นว่าที่นี่น่าอยู่ เลยเข้ามาขออาศัยอยู่ฟรีเด็กหนุ่มพูดทีเล่นทีจริง
            แกอย่ามาทำสู่รู้ไปหน่อยเลยน่าตาปื๊ดฉันเข้าไปตรวจดูแล้วตั้งหลายหน ไม่เคยเห็นมีผีตัวไหนออกมาหลอกฉันเลย คนพวกนั้นขี้ขลาดตาขาว เห็นอะไรแล้วพากันทึกทักเอาว่าเป็นผีไปเองมากกว่า ไม่มีอะไรหรอก…”
            “เจ๊ลองคิดดูให้ดีซิครับถ้าไม่มีอะไรจริงๆ ทำไมคนที่มาเช่าถึงพูดเป็นเสียงเดียวกันหมดว่าโดนผีหลอก
            “เอ๊ะ! ก็บอกแล้วไงว่ามันเป็นอุปทาน แกอย่ามาเซ้าซี้กวนใจฉันหน่อยเลยน่าตาปื๊ดจะไปไหนรีบเลย ไปฉันจะทำงานสาวใหญ่รำคาญพาลไล่ส่ง
            ได้ครับเจ๊โฉมแต่ผมคิดว่าเจ๊น่าจะนิมนต์พระมาปัดรังควาน ถือโอกาสทำบุญพร้อมกันไปเลยทีเดียวจะดีกว่านะครับ…”
            “แกไม่ต้องมายุให้ฉันเสียเงินเสียทองไม่เข้าเรื่องดีกว่าตาปื๊ดว่าแต่แกเถอะ….ค่าเช่าห้องที่ค้างอยู่ เมื่อไหร่จะเอามาชำระเสียทีล่ะแกไม่ใช่ผีพเนจรนะจะได้มาอาศัยอยู่ฟรีๆ
            โดนตอกกลับเข้า เด็กหนุ่มได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน มองออกไปข้างนอก เห็นรถเก๋งสีเทาเข้มเลี้ยวเข้าประตูรั้วมาจอดที่หน้าสำนักงาน
            ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา หุ่นคล้ายนายแบบโฆษณาเปิดประตูก้าวออกมาจากรถ ติดตามด้วยหญิงสาวในวัยไล่เลี่ยกัน ไว้ผมยาวดัดหยิกฝอย รูปร่างหน้าตาดูเซ็กซี่ อวบอัดไปทุกส่วนสัด โดยเฉพาะหน้าอกหน้าใจ ที่แทบจะล้นทะลักออกมานอกเสื้อ
            ทั้งคู่ยืนมองมาที่สำนักงานติดต่อของอพาร์ตเม้นท์พูดอะไรกันสองสามประโยค แล้วก็พากันตรงมาที่สำนักงาน
            มีคนมาหาแน่ะครับเจ๊โฉมปื๊ดบอก
            สาวใหญ่เงยหน้าขึ้นมอง เห็นชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่นั้นผลักประตูกระจกเดินเข้ามาข้างใน
            เชิญค่ะมาหาห้องเช่าหรือคะ?”
            “เอ้อครับไม่ทราบว่าที่นี่ยังพอมีห้องว่างอยู่หรือเปล่าครับ?” ฝ่ายชายเอ่ยถาม
            อ้อมีค่ะเชิญนั่งก่อนซิคะโฉมศรีเชื้อเชิญหนุ่มสาวทั้งคู่ แล้วทำเป็นหยิบสมุดขึ้นมาพลิกดู ปื๊ดขยับไปยืนดูอยู่ห่างๆ ห้อง 316 ว่างอยู่พอดี ค่าเช่าเดือนละพันห้า มัดจำล่วงหน้าสองเดือน ค่าน้ำค่าไฟต่างหาก
            “ไม่แพงนี่คะพี่บิลลี่เราอยากจะขอดูห้องก่อนได้มั้ยคะ?” ฝ่ายหญิงที่มาด้วยกันแสดงท่าทางดีใจ
            ได้ซิคะฉันจะพาไปดูเอง เอ้อคุณ?”
            “ผมบิลลี่แล้วนี่แอนครับชายหนุ่มแนะนำ
***************
            ตีหนึ่งกว่า
            โฉมศรีอพาร์ตเม้นท์ตกอยู่ในความเงียบสงัด อาคารหลังยาวทอดตัวสงบนิ่งในความมืดสลัว ผู้คนที่พักอาศัยอยู่ในอพาร์ตเม้นท์แห่งนี้ ส่วนใหญ่จะปิดไฟหลับนอนกันหมดแล้วคงมีเพียงไฟนีออนที่ใต้ถุนชั้นล่างสุด ซึ่งถูกจัดไว้เป็นลานจอดรถเท่านั้น ที่ยังคงเปิดสว่างอยู่
            เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่ม ทำลายความเงียบมาแต่ไกล และเพียงชั่วไม่ถึงอึดใจ รถเก๋งญี่ปุ่นสีเทาเข้มก็เลี้ยวเข้าประตูรั้วมา แล่นปราดไปจอดสนิทในลานจอดรถใต้ถุนอพาร์ตเม้นท์ พร้อมกับดับเครื่องและปิดไฟ
            บิลลี่กับแอนเปิดประตูก้าวออกมาจากรถด้วยลักษณะอาการมึนเมาจนแทบจะยืนไม่ติดพื้น ทั้งคู่เพิ่งกลับจากฉลองความยินดีให้กับตนเอง ซึ่งตัดสินใจจะมาอยู่กินเป็นสามีภรรยากันแบบง่ายๆ ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรตามแบบอย่างที่หนุ่มสาวในยุคไฮเทคชอบกระทำกัน
            พี่บิลลี่แอนเห็นจะเดินไม่ไหวแล้วล่ะ ดูดี้เมาจนตาลายไปหมดเลย พี่บิลลี่ช่วยอุ้มแอนไปหน่อยเด้!”
            หญิงสาวออดอ้อนเสียงอ้อแอ้ ยืนโงนเงนทำท่าเหมือนซวนเซจะล้มลง หนุ่มบิลลี่ต้องรีบแอ่นเข้าไปช่วยประคองเอาไว้ แล้วแหงนหน้ามองไปทางบันได
            โหไม่ไหวล่ะมั้งแอนห้องของเราอยู่ถึงชั้นสามเชียวนะ!”
            “แหม! งั้นช่วยประคองแอนไปแล้วกันแอนเดินไม่ไหวจริงๆ นะพี่บิลลี่นะ
            “โอเค..ได้เลยๆ
            ชายหนุ่มพยักหน้าหงึก ประคองหญิงคนรักเดินตุปัดตุเป๋ไปยังบันไดอพาร์ตเม้นท์ที่เพิ่งจะตัดสินใจย้ายเข้ามาอยู่ เมื่อตอนกลางวันนี้เอง
            หลังจากที่ตระเวนดูมาหลายแห่ง โฉมศรีอพาร์ตเม้นท์ดูเหมือนจะมีค่าเช่าถูกที่สุด ถูกจนแทบไม่น่าเชื่อทั้ง ๆ ที่บรรยากาศออกจะแสนดี ห้องหับน่าอยู่
            สิ่งที่ทั้งคู่ชอบอกชอบใจเป็นพิเศษ คือเตียงนอนไม้สักทองขนาดใหญ่ในห้อง ที่ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรและดูแข็งแรงโอ่อ่าสง่างาม
            แอนกับบิลลี่จึงตัดสินใจมาเช่าอยู่ที่นี่ โดยไม่มีการลังเล
            กว่าจะประคับประคองเดินขึ้นบันไดมาจนถึงชั้นสามได้ ทุลักทุเลพอสมควรเลยทีเดียว เพราะว่าต่างคนต่างเมาจนเพียบมาแล้ว หนุ่มบิลลี่ล้วงกุญแจห้องออกมาไขประตู
            พอไฟในห้องถูกเปิดสว่างขึ้น เขาแทบจะหายเมาเป็นปลิดทิ้ง
            ข้าวของเสื้อผ้า ซึ่งทั้งคู่ช่วยกันจัดเก็บเข้าที่เรียบร้อยในตอนกลางวัน พากันระเห็จลงไปกระจายอยู่เกลื่อนเต็มพื้นห้อง ประตูตู้เสื้อผ้าเปิดอ้าอยู่ เหมือนถูกคนเข้ามาทำการรื้อค้น
            ขโมย! มีขโมยเข้าห้องของเรา
            แอนอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าตื่นตระหนก รีบวิ่งพรวดพราดเข้าไป ลนลานตรวจดูที่เก็บข้าวของมีค่าก่อนอื่น
            ทรัพย์สินทุกอย่างยังอยู่ครบในลิ้นชัก ไม่มีอะไรสูญหายไป
            สีหน้าของหญิงสาวแปรเปลี่ยนเป็นงุนงงสงสัย
            เอ๊ะ! มันยังไงกันล่ะเนี่ย?”
            ทั้งคู่หันมองหน้ากันอย่างรู้สึกแปลกใจ จากนั้นจึงรีบแยกย้ายช่วยกันตรวจตราดูเสื้อผ้าข้าวของทุกชิ้น ว่ามีอะไรสูญหายไปบ้าง
            ไม่น่าเชื่อข้าวของยังอยู่ครบทุกอย่างเลย มันเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย…?” บิลลี่ยืนเกาหัวแกรก
            ต้องมีใครเล่นตลกกับเราแน่…” แอนหันมองไปรอบๆ แล้วทำตาโตใจเต้นโครมครามประตูหน้าต่างไม่มีรอยงัดแงะ แล้วใครจะเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไงกัน??”
            จริงอย่างที่หล่อนว่าหน้าต่างทุกบานยังคงปิดสนิท ประตูทางด้านระเบียงถูกใส่กลอนเอาไว้เรียบร้อยเหมือนตอนก่อนที่จะออกจากห้องไป และบิลลี่เองที่เป็นคนถือกุญแจห้อง นอกจากเขาแล้วยังมีใครอีกหรือที่ถือกุญแจห้องนี้
            เอาไว้พรุ่งนี้เช้าค่อยมาถามยายคุณนายเจ้าของอพาร์ตเม้นท์ดูดีกว่า นี่ก็ดึกมากแล้ว..”
            ชายหนุ่มพูดตัดบท จัดแจงก้มลงเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ให้กลับเข้าที่เข้าทาง สองคนช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพียงชั่วประเดี๋ยวเดียวทุกอย่างจึงเรียบร้อย
            ทั้งง่วงและเพลีย ประกอบกับยังไม่สร่างเมา บิลลี่แทบไม่มีกะจิตกะใจคิดอยากจะทำอะไรอีก ล้มตัวลงนอนแผ่หราเหยียดยาวบนเตียง ตาปรือๆ ทำท่าจะหลับ
            “ไปอาบน้ำก่อน แล้วค่อยมานอน…” แอนตรงเข้าฉุดแขนเขาจะให้ลุกขึ้นจากเตียง ดูดี้ตัวเหนียวเหนอะออกอย่างเงี้ย นอนเข้าไปได้ยังไง?”
            แทนที่จะลุกขึ้นทำตาม บิลลี่กลับรั้งร่างของหล่อนจนเสียหลัก ถลาลงมาซบลงบนแผ่นอกของเขา หน้าอกแนบชิดสนิทกัน เขาโอบร่างอวบนั้นเอาไว้ในวงแขน ใบหน้าแอนลอยห่างจากเขาไม่ถึงคืบ กลิ่นเหล้าอ่อนๆ ผสมกับกลิ่นน้ำหอมชวนเย้ายวนใจ จุดไฟราคะชายหนุ่มให้ลุกโชนขึ้นมา
            มาฉลองห้องเรากันก่อนดีกว่านะแอนนะ!!”
            “ไม่เอาเหม็นสาบจะตายชัก ไปอาบน้ำก่อน…”
            หล่อนทำท่าดีดดิ้นพอเป็นพิธี แล้วถูกบิลลี่จับพลิกตัวลงไปนอนหลังแตะฟูก ปากต่อปากประกบกันสนิทเงียบเสียงลงไปทันที
            กำลังดื่มด่ำกับรสจูบที่ทั้งคู่ต่างสนองตอบกันอย่างดูดดื่ม พลันรู้สึกคล้ายเตียงนอนจะเกิดอาการสั่นไหวอย่างรุนแรง
            ว๊าย! ตายแล้วแผ่นดินไหวหรือนี่??”
            แอนกอดบิลลี่ไว้แน่น สีหน้าตื่นตระหนก
            ฉับพลัน เตียงนอนไม้สักค่อยๆ ลอยตัวขึ้นจากพื้นห้อง จากนั้นจึงหมุนไปรอบๆ ตัวเองช้าๆ แล้วค่อยๆ เร็วขึ้นเร็วขึ้น
            หนุ่มสาวทั้งคู่ตาเหลือกลาน รีบยึดเกาะหัวเตียงเอาไว้แน่น
            เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นวะหยุดนะ หยุดซี่…” บิลลี่ร้องเสียงหลง
            เตียงนอนหยุดหมุนอย่างฉับพลันแล้วลอยกลับลงมาตั้งอยู่ที่เก่า ชายหนุ่มมองไปรอบๆ อย่างแปลกใจสงสัย แอนเกิดความหวาดกลัวจนขนลุกซู่ ทำท่าจะลุกออกไปจากเตียง แต่บิลลี่กลับรั้งร่างของหล่อนเอาไว้
            ไม่มีอะไรหรอกน่ะเราคงจะเมากันจนตาลายกันไปเอง…” เขาพูดปลอบใจ
            แอนค่อยๆ ตั้งสติ อาจจะจริงอย่างที่บิลลี่ว่า เตียงนอนตัวใหญ่ออกอย่างนี้ จะลอยขึ้นไปจากพื้นห้องได้ยังไงกัน เป็นไปไม่ได้แน่...
            “เพราะพี่บิลลี่เชียวคะยั้นคะยอให้แอนชนแก้วอยู่เรื่อยทำยังกะแอนเป็นคอทองแดงยังงั้นแหละหล่อนตัดพ้อต่อว่าด้วยท่าทางแง่งอน
            เหอะน่าเพื่อความรักของเรา ประเพณีคนจีนเค้าว่า หนุ่มสาวเมื่อเข้าพิธีวิวาห์ ต้องร่ำสุราร่วมกันคำนับยิ่งมากจอก ชีวิตคู่ยิ่งยืนนาน
            “ประเพณีบ้าบอคอแตกอะไรกัน แอนไม่เคยเห็นได้ยิน พี่บิลลี่ยกเมฆขึ้นมาเองมากกว่า…”
            “เรื่องจริงๆ นะจะบอกให้
            หนุ่มบิลลี่รวบร่างหญิงสาวให้ล้มนอนลง แล้วซุกไซ้จมูกไปตามซอกคอ เริ่มต้นรุกเร้าปลุกอารมณ์อีกครั้งหนึ่ง เพื่อให้หล่อนลืมเรื่องอื่นๆ เสีย
            แต่ทว่าเตียงนอนเจ้ากรรมเกิดแยกตัวหลุดผัวะออกจากกันเป็นชิ้นๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไรหักโหมเลยสักนิด
            ทั้งคู่รีบเผ่นพรวดจากเตียงจนเกือบจะพร้อมกันยืนมองอย่างงงๆ
            มันเป็นไปได้ยังไงกันนี่ที่เตียงนอนท่าทางแข็งแรงออกอย่างนี้ จะหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ อย่างง่ายดายเหมือนของเด็กเล่นยังไงยังงั้น
            ผีผีหลอกห้องนี้ต้องมีผีแน่
            แอนอุทานเสียงลั่น ผวาเข้ากอดหนุ่มบิลลี่ตัวสั่นระริก
            เหลวไหลน่าแอนนี่มันยคไฮเทคแล้วนะผีเผอมีที่ไหนกัน
            เหมือนจะเป็นการท้าพิสูจน์คำของชายหนุ่ม เตียงนอนที่เห็นหลุดจากกันเป็นชิ้นๆ พลันประกอบเข้าหากันอย่างรวดเร็วทั้งๆ ที่ยังไม่มีใครไปแตะต้องถูกอะไรเลย
            “ผี! ใช่แล้วต้องเป็นผีจริงๆ แอนกลัว!!”
            ทั้งคู่ขนหัวลุกซู่ขึ้นมาพร้อมกัน บิลลี่เบิกตากว้างจ้องมองไปที่เตียงนอนเขม็ง
            บนเตียงนั้นค่อยๆ ปรากฏร่างหญิงสาวคนหนึ่งนั่งพับเพียบก้มหน้าอยู่ ผมยาวสยายลงมาปรกใบหน้าหล่อนเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ จ้องมองคนทั้งคู่ด้วยแววตาอันดุดัน
            ว๊าย! ผีหลอก...!!”
            แอนร้องเสียงหลง คอพับคออ่อนสิ้นสติไปในวงแขนของชายหนุ่ม
            ไปให้พ้นรีบออกไปจากห้องนี้อย่ามายุ่งกับเตียงของข้า!!”
            เสียงเยือกเย็นดังออกมาจากปากของหญิงสาวลึกลับคนนั้น


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น