โดย...เจิด จินตนา
๗…
วนายังคงยืนกอดอกนิ่งอยู่ในท่าเดิม
แต่ภายในห้องกลับเริ่มปั่นป่วนด้วยแรงลมที่ค่อยๆปรากฎ ขึ้นหมุนวนอยู่รอบกายหญิงสาว พาให้ชุดกระโปรงยาวสีชมพูเรืองแสง ที่หล่อนสวมใส่อยู่พลิ้วไสว เส้มผมดำขลับยาวสยายปลิวกระจายตามแรงลม
เพียงแค่หล่อนจ้องมองไปที่ประตู แล้วพยักหน้าขึ้นครั้งหนึ่ง ประตูห้องก็เปิดออกมาเอง
จุดประสงค์ของนางไม้สาว หล่อนต้องการจะแสดงอิทธิฤทธิ์เพื่อให้ต้นเกิดความหวาดกลัวแล้วรีบวิ่งหนีออกจาห้องนี้ไปเสียให้พ้นๆ
แต่เห็นเขายังคงยืนเฉยหล่อนจึงเปลี่ยนวิธีการใหม่
สายลมที่หมุนวนอยู่รอบกายหล่อน เคลื่อนเข้ามาปะทะร่างของต้น ผลักคันให้เข้าต้องถอยร่นไปที่ประตู
ชายหนุ่มตาเหลือก รีบคว้าลูกบิดประตูเอาไว้ มืออีกข้างกอดกระเป๋าเสื้อผ้าไว้แน่น
แล้วใช้เท้ายันกันขอบประตูต้านกับแรงลมที่พยายามจะผลักดันเขาออกไปนอกห้อง
เขาไม่รู้หรอกว่าลมนี้มันเกิดขึ้นมาได้ยังไง แต่มันรุนแรงมาก เหมือนอยู่ท่ามกลางการอาละวาด
ของพายุไต้ฝุ่น
เขาต้องออกแรงต่อสู้อย่างเต็มที่
เพื่อจะดึงบานประตูที่เปิดกว้างปิดกลับเข้าไปกั้นกระแสลมแรงนี้ไว้ให้ได้
มือที่จับลูกบิดเกร็งกระชับแน่นดึงบานประตูให้ค่อยๆเขยื้อนทีละนิด…พอได้จังหวะจึงโถมตัวเข้าหาใช้ไหล่ดันประตูให้ปิดกลับอย่างรวดเร็ว
เสียงบานประตูกระแทกกลับวงกบประตูดังโครม
แล้วทุกอย่างพลันสะดุดหยุดนิ่งลง
เขาทำได้สำเร็จแล้ว
ต้นยืนหันหลังพิงประตูระบายลมออกจากปากพรวดใหญ่ รู้สึกงุนงงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ไม่เข้าใจจริงๆว่าผู้หญิงคนนี้ทำเรื่องประหลาดแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไร มันอาจจะเป็นมายากลอะไรสักอย่างเขาคิด ถ้าเช่นนั้น
หล่อนก็ต้องเป็นนักมายากลชั้นยอดแน่
จึงสามารถสะเดาะกลอนประตูห้องเขา เข้าออกได้ตามชอบใจ และทำเรื่องแปลกๆเหล่านี้ขึ้นมาได้
ต้นมองสบตายิ้มให้กับหญิงสาวเหมือนกำลังคิดว่าตัวเขาเองรู้ทันหล่อนทุกอย่าง
“พอกันที…เลิกเล่นกลหลอกผมได้แล้ว ทำยังไงผมก็ไม่ไปจากห้องนี้เด็ดขาด !!”
เงียบ…ไม่มีเสียงโต้ตอบใดๆ
อกมาจากปากของหล่อน
วนากำลังรู้สึกทึ่งในตัวต้น
ผู้ชายคนนี้เป็นคนแบบไหนกันแน่ หล่อนอุตส่าห์แผลงฤทธิ์ถึงขนาดนี้ ยังไม่เห็นมีท่าทีรู้สึกหวาดกลัว
กลับมาทำหน้าทะเล้นใส่อีก
เห็นจะต้องแสดงอิทธิฤทธิ์ให้หนักขึ้นกว่านี้ เอาให้จับไข้หัวโกร๋นไปเสียเลย
แล้ว….ในห้อก็พลันสว่างจ้าด้วยแสงสีชมพูที่เรืองแผ่ออกมาจากเรือนกายของหล่อน
เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นทั้งโต๊ะเก้าอี้และตู้ใบใหญ่ ยกเว้นเตียงนอนเพียงตัวเดียว ต่างพากันลอยขึ้นจากพื้น และหมุนวนไปมารอบห้อง จนดูปั่นป่วนวุ่นวายกันไปหมด
ต้นหัวเราะชอบใจ
เหมือนกำลังรู้สึกสนุกสนานกับการแสดงมายากลของวนา
“ฮะฮะฮ่า….สนุกดีๆ เก่งจริงๆ แหม ! ยอดไปเลย…”
เสียงหัวเราะของเขา
ทำให้วนารู้สึกหมั่นไส้ยิ่งนักหล่อนทำตาขวาง แล้วชี้นิ้วมือมาที่ต้น
ทันใดนั้น…กระเป๋าใบใหญ่ที่เขากอดอยู่แนบอก เหมือนถูกใครมากระชากอย่างรุนแรง จนหลุดจากมือ
“เฮ้ย !!”
ต้นตกใจรีบคว้าตะปรบเอาไว้
แต่ไม่ทันเสียแล้ว
ได้แต่ยืนมองตาค้าง ต้องปล่อยให้กระเป่าสีน้ำตาลใบใหญ่ลอยหวือไปต่อหน้าต่อตา
กรเป่าใบนั้นลอยไปที่กลางห้อง แล้วเปิดออกมาเอง เทเสื้อผ้าข้าวของเขาหลุดกระจายออกจากกระเป๋า และหมุนลอยเคว้งคว้างตามสิ่งของต่างๆที่ลอยอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วไป
สีหน้าของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ
หล่อนชักจะเล่นกันเลยเถิดเกินไปเสียแล้ว
เขาคิดอยู่ในใจ พยายามสงบสติอารมณ์
ทรุดตัวนั่งชันเข่าพิงประตูยกมือเท้าคาง
มองดูความวุ่นวายต่างๆเหล่านั้นอย่างสงบ
สังเกตุอาการของต้นแล้ว
วนาชักเริ่มวิตก อุตส่าห์แสดงอิทธิฤทธิ์เสียแรงเปล่า เป็นผู้เช่าห้องรายอื่นๆ ป่านนี้หนีเตลิดเปิดเปิงกันไปไกลแล้ว ผู้ชายคนนี้พิลึกจริง ไม่มีทีท่าหวาดกลัวเอาเสียเลย
หรือว่าหล่อนเองจะต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ และไปเสียจากห้องนี้
แต่จะให้ไปไหนล่ะ….เพราะนอกจากห้องนี้แล้วหล่อนไม่มีที่อื่นใดจะสิงสถิตอยู่ได้ นางไม้สาวยืนนิ่งยุติการแสดงอิทธิฤทธิ์ลงอย่างฉับพลัน
สักครู่ต่อมา ทุกสิ่งทุกอย่างพลันสงบลง ตู้โต๊ะเก้าอี้ลอยกลับไปตั้งในที่เดิม ยกเว้นกระเป๋าเสื้อผ้าของต้นเท่านั้นที่หล่นตุ้บลงสู่พื้น
ข้าวของเครื่องใช้กระจุกกระจิกและเสื้อผ้าชองเขากระจายเกลื่อนเต็มห้อง
ต้นเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาว
“หมดฤทธิ์แล้วใช่ไหม……ไม่มีอะไรจะแสดงอีกหรือครับ ?”
หล่อนยืนนิ่งไม่ตอบ ชายหนุ่มจึงลุกเดินเข้าไปหา “ คุณเป็นคนทำข้าวของเกลื่อนกลาด เลอะเทอะ กรุณาช่วยเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อยด้วย
ก่อนที่จะออกจากห้องนี้ไป” สั่งเสร็จแล้วเดินไปนั่งลงบนเตียง เอนตัวนอนเอกเขนกทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
วนารู้สึกแค้นใจยิ่งนัก
เป็นครั้งแรกที่มนุษย์อวดดีมาออกคำสั่งเอากับหล่อน เห็นเขานอนกระดิกเท้าเล่นอยู่บนเตียงยิ่งรู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
“นี่....เจ้า ! ลงมาจากเตียงของข้าเดี๋ยวนี้นะ….”
“ไม่ลง….ใครจะทำไม ?”
ต้นบอกโดยไม่หันมามองหน้า ทำเป็นยกมือขึ้นแคะหูอย่างไม่สนใจ
เคยเห็นแต่ผีดื้อ
แต่บัดนี้หล่อนกลับต้องมาเจอเอาคนที่ดื้อกว่าผี วนาสุดที่จะทนดูความอวดดีของเขาได้อีกต่อไป
หล่อนขยับถอยห่างออกมาจากเตียง แล้วยกมือยืนกอดอกพยักหน้าหงึก
ทันใดนั้น…เตียงไม้สักขนาดใหญ่ที่มีร่างของต้นนอนเอกเขนกอยู่ก็ลอยขึ้นจากพื้นห้อง แล้วค่อยๆหมุนรอบตัวเองอย่างเบาๆ จากนั้นจึงเพิ่มความเร็วขึ้นทีละนิด…ทีละนิด
ต้นรีบยึดเกาะหัวเตียงเอาไว้แน่
“เฮ้ ! อย่าเล่นบ้าๆแบบนี้ซีคุณ ผมเวียนหัวนะ….”
วนาไม่สนใจ หล่อนบังคับเตียงให้หมุนเร็วขึ้น แล้วยืนมองอย่างรู้สึกสะใจ
“พอแล้วๆ หยุดทีเถอะ…ผมเวียนหัวตาลายหมดแล้ว….” เสียงต้นร้องตะโกนโหวกเหวก นางไม้สาวพยักหน้าอีกครั้งหนึ่ง เตียงจึงหยุดนิ่งกลางอากาศอย่างฉับพลัน แล้วค่อยๆลอยลงมาตั้งบนพื้นตามเดิม
ต้นนั่งโงนเงนไปมาหัวหมุนติ้วอยู่บนเตียง หญิงสาวก้าวขึ้นนั่งขัดสมาธิบนปลายเท้า มองดูเขาอย่างนึกสมน้ำหน้า
“เจ้าจะยอมลงไปจากเตียงเสียโดยดีไหม?”
“อะไรกันเล่า ?” ชายหนุ่มลากเสียงยาว คล้ายคนเมาที่ยังไม่หายมึน
“ก็นี่มันเป็นเตียงของข้า ไม่ใช่ของเจ้า !”
วนาเถียง
จิ้มนิ้วลงบนฟูก
“เช๊อะ! น่าขำเตียงของคุณแล้วมันเข้ามาอยู่ในห้องของผมได้ยังไง ถ้าคุณว่าเป็นของคุณจริงก็เชิญยกเอาไปซี…”
ต้นท้าทาย
“อย่าท้านะ !”
“เชิญเลย…มีปัญญาก็ยกเอาไป”
“ก็ได้” วนายกมือขึ้นกอดอกแล้วพยักหน้า
เตียงไม้สักตัสใหญ่ที่มีร่างของต้น และวนาอยู่บนนั้น หายวับไปจากห้องในบัดดล
บนถนนที่พลุกพล่าน และขวักไขว่ด้วยรถราในตอนหัวค่ำ เตียงนอนขนาดหกฟุตปรากฎขึ้นมาที่บนกลางถนนพอดิบพอดี
พร้อมกับมีร่างหญิงสาวและชายหนุ่มคู่หนึ่งนั่งกันอยู่ ทำให้รถที่แล่นสัญจรไปมา ต้องเบรกและหักหลบกันเป็นโกลาหล
“เฮ้ย ! เล่นบ้าๆ
อะไรกันโว้ย ?”
“อยากตายโหงกันหรือไง
? ” เสียงคนขับรถยื่นหน้าออกมร้องด่าแช่งชักกันขรม
ต้นหายมึนงงเป็นปลิดทิ้ง ตกใจจนตาหูเหลือกรีบร้องบอกหญิงสาว “บ้าหรือไงคุณ….เดี๋ยวได้ตายกันหมดหรอก
รีบทำให้มันกลับไปที่เก่าเดี๋ยวนี้….เร็วซี !
”
“เจ้าให้ข้ายกเตียงออกจากห้อง ข้าก็เอาออกมาแล้ว จะเอายังไงอีกล่ะ รีบลงไปจากเตียงของข้าเดี๋ยวนี้…”
หญิงสาวยื่นคำขาดไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวรถราเลยแม้แต่น้อย
ต้นทำท่าจะก้าวลงจากเตียงตามที่หล่อนสั่งแต่กลับฉุกคิดขึ้นมาได้
“โธ่ ! อย่าล้อเล่นน่าคุณวนา เดี๋ยวเตียงถูกรถชนพังแหลก ผมมิต้องชดใช้ค่าเตียงเขาป่นปี้หัวโตเลยหรือ…
ขอร้องเถอะนะ”
“เตียงของข้า…ข้ารับผิดชอบเอง”
“เอา…ของคุณก็ของคุณ” ต้นยอมอ่อนข้อ “แต่รีบเอามันกลับไปไว้ที่เก่าก่อนเถอะ”
มีรถสิบล้อเล่นตะบึงมาแต่ไกล
เปิดไฟกระพริบเป็นสัญญาพร้อมกับกดแตรลั่นถนน ท่าทางดูเหมือนว่า คนขับจะไม่ยอมชะลอความเร็วลงเอาเสียเลย
“ได้โปรดเถอะคุณวนา…เร็วๆเข้า!” ต้นยกมือไหว้ หลับตาปี๋อย่างรู้สึกเสียวไส้”
รถสิบล้อพุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นมีสิ่งกีดขวางอยู่บนถนน คนขับจึงรีบเหยียบเบรกจนตัวโก่งแต่น้ำหนักรบ บวกกับความเร็วที่ห้อตะบึงมา
ไม่สามารถทำให้รถหยุดลงได้อย่างฉับพลันตามใจนึก ยังคงพุ่งรี่เข้ามาหา
ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง วนารีบพยักหน้าขึ้น
เตียงหายวับไปทันทีก่อนจะถูกรถสิบล้อพุ่งเข้าบดขยี้
รถสิบล้อคันนั้นพุ่งไถลไปอีกไกลไม่ใช่น้อยกว่าจะหยุดสนิทลงได้ รอยล้อที่ครูดไปกับถนนเป็นทางยาว คนขับกับเด็กรถชะโงกหน้าออกมาหันมองดู
บนถนนมีแค่ความว่างเปล่า เตียงหลังใหญ่ขนาดนั้นน่าจะมีเศษไม้หล่อนกระจายให้เห็น แต่นี่กลับไม่มีอะไรเลย
โชเฟอร์รถสิบล้อรีบตบเกียร์บึ่งออกรถไปอย่างรวดเร็ว
คิดว่าโดนผีหลอกเอาเสียแล้ว
เตียงกลับมาอยู่ที่เก่าในห้องของต้นตามเดิม ชายหนุ่มยังรู้สึกสยดสยองใจไม่หาย นั่งอ้าปากหวอตาค้างอยู่นานกว่าจะหายใจได้ทั่วท้อง
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไงคุณวนา
เล่นเอาใจหายใจคว่ำหมด ไม่น่าล้อเล่นกันรุนแรงขนาดนี้เลยนะคุณ!”
“ข้าไม่ได้ล้อเล่น
เจ้าอยากมาท้าทายข้าเองก่อนทำไมล่ะ?”
“คุณเป็นใครกันแน่?” ต้นชักสงสัย
“ไม่ใช่คนแล้วกัน…”
ชายหนุ่มก้าวลงจากเตียง แข้งขายังไม่หายสั่น “คุณจะเป็นผีหรือเป็นคนก็ช่าง แต่ขอร้องเถอะนะ รีบออกไปจากห้องของผมเสียที อย่ามากวนประสาทผมอยู่อีเลย…ผมจะออกไปหาอะไรกินข้างนอก
กลับมาหวังว่าจะไม่ได้พบคุณอยู่ในห้องนี้อีกนะครับ” สั่งเสร็จ ต้นหันหลังเดินออกไปจากห้องแต่ยังไม่วายชะโงกหน้ากลับเข้ามาอีก
“ไปแล้วอย่าลืมช่วยปิดประตูด้วยล่ะ !”
วนาฉุนกึกขึ้นมาทันที รีบบังคับให้ประตูปิดใส่หน้าต้นดังปังด้วยความหมั่นไส้ แล้วนั่งแสดงอาการฮึกอัดอยู่บนเตียง เพราะไม่รู้จะทำอะไรกับผู้ชายคนนี้ดี
**********
เมื่อลงบันไดมาถึงชั้นล่าง ต้นเห็นปื๊ดสะพายกีตาร์นั่งค่อมอยู่บนอานมอเตอร์ไซด์ กำลังสตาร์ทเครื่องอยู่
เด็กหนุ่มเหลือบมาเห็นเขาเข้าพอดี
“อ้าว,พี่ต้น…จะไปไหนน่ะ ?”
“กำลังจะออกไปหาอะไรกินสักหน่อย”
“งั้นเหมาะ…โดดขึ้นมาเลยพี่
ไปด้วยกัน….วันนี้ผมมีตังค์แยะ ขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงพี่ต้นสักมื้อหนึ่ง…ไปซิครับ”
ร้านอาหารที่ปื๊ดเล่นดนตีอยู่ เป็นค็อฟฟี่ช็อปขนาดใหญ่ อยู่ไม่ไกลจากอพาร์ตเม้นท์มากนัก ปื๊ดพาต้นมาที่นี่
และแนะนำให้เขารู้จักกับเพื่อนๆอีกสี่คนที่เล่นดนตรีอยู่ด้วยกัน
มือกลองชื่ออ๊อด ตัวสูงโย่งหน้าแหลม ไว้ผมยาวแสกกลาง กีต้าร์เบสชื่อหนึ่ง รูปหล่อกว่าเพื่อน เป็นนักร้องนำของวง กีต้าร์คอร์ดชื่อโจ หน้าตาออกลูกครึ่งฝรั่ง มือคีย์บอร์ดชื่อเอก หุ่นท้วมๆพอๆกับปื๊ด ส่วนตัวปื๊ดนั้นเป็นมือกีต้าร์โซโล่
ยังหัวค่ำอยู่ไม่ถึงเวลาดนตรีจะเริ่มลงมือเล่น ทุกคนจึงสั่งอาหารมานั่งกินกันที่โต๊ะมุมหนึ่ง ใกล้กับเวที เพื่อนของปื๊ดทุกคนเป็นคนร่าเริงคุยสนุก อายุน้อยกว่าต้นไม่ห่างกันมากนัก
นอกจากอาหารแล้วยังมีเบียร์อีกตั้งหลายขวด วันนี้ปื๊ดเพิ่งได้เงินตากเตี่ยมา จึงเลี้ยงต้นกับเพื่อนๆอย่างไม่มีอั้น
ความจริงต้นเป็นคนไม่กินเหล้าเบียร์ แต่เพราะโดนทุกคนช่วยกันคะยั้นคะยอ ประกอบกับเหตุการณ์วุ่นวานทั้งหลาย ที่เขาต้องผจญมาตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำงาน หรือเรื่องผู้หญิงประหลาดที่คอยมาก่อกวนเขา ทำให้ต้นเสียไม่ได้ ต้องนั่งจิบเบียร์ไปกับทุกคนด้วย
กินกันไปคุยกับไปอย่างสนุกสนาน พอแอลกอฮอล์ในเบียร์เริ่มออกฤทธิ์ ต้นจึงสนิทสนมกับเพื่อนๆของปื๊ดอย่างรวดเร็ว พูดคุยกันเองอย่างเหมือนรู้จักกันมานานแรมปี
“เออนี่,พี่ต้น…วันนี้พี่ไปหาเตี่ยผม
ได้เรื่องว่ายังไงบ้างล่ะ?” ปื๊ดถามด้วยความอยากรู้
“ไม่ได้เรื่อง ถูกท่านไล่เปิดออกมา แต่ช่างมันเถอะนะ” ต้นยักไหล่แบบปลงตก
“อ้าว...
ได้ไง หรือว่าเตี่ยทำประกันกับบริษัทอื่นอยู่แล้ว?”
“ไม่หรอก….” ชายหนุ่มสั่นหน้าแล้วถอนหายใจยาว “เดิมทีท่านก็ทำประกันอยู่กับบริษัทของพี่นี่แหละ แต่บอกยกเลิกไปโดยไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร”
“เอ…ไม่น่าจะเป็นไปได้นี่หว่า ??” ปื๊ดเกาหัวแกรก
“แกคงเสียดายเงินค่าเบี้ยประกันมั้ง ก็เตี่ยของไอ้ปื๊ดแกขี้งกจะตายชัก” เอกมือคีย์บอร์ดพูดแหย่ขึ้นมา
ทำเอาปื๊ดตาเขียวปั๊ด
“ไอ้นี่ปากเสีย..เดี๊ยะ…...เดี๊ยะ โดน….”
“มันจะไปยากอะไรวะ ?” หนุ่มซึ่งนั่งฟังอยู่ออกความเห็น “ให้ปื๊ดช่วยพูดกับเตี่ยของมันซะหน่อยได้เรื่องแน่…”
“เออ....จริงซี่…..” เจ้าโจหนุ่มลูกครึ่งสนับสนุน
“เอ็งนั่นแหละดีแล้วไอ้ปื๊ด ถ้าเอ็งช่วยพูด รับรองว่าต้องสำเร็จแน่ นึกว่าช่วยพี่ต้นเค้าก็แล้วกันวะ”
“อย่าดีกว่ามั้ง พี่ไม่ชอบรบกวนใคร เกรงใจเปล่าๆ”
“อ๊ะ !
ไม่ได้ๆ” ได้ยินต้นออกตัว เอกรีบค้าน
“ไหนๆพี่ต้นเป็นพวกเราแล้ว
มันก็ต้องช่วยกันน่ะซิพี่…จริงมั้ยวะไอ้ปื๊ด”
“เออ…..จริง !” ปื๊ดพยักหน้ารับ “เรื่องนี้พี่ต้นไม่ต้องเป็นห่วง รับรองว่าเตี่ยวต้องยอมทำประกันกับพี่แน่ ไว้วันจันทร์ตอนเช้าพี่ไปที่โรงงานกับผมอีกครั้งแล้วกัน….”
ทุกคนต่างให้การสนับสนุนความคิดนี้ จนต้นไม่อาจปฏิเสธความช่วยเหลือปื๊ดได้
เพราะวิธีนี้ดีที่สุดแล้วถ้าไม่ได้ปื๊ดช่วย เขายังมองไม่เห็นหนทางใดที่จะเข้าถึงตัวเสี่ยกำชัยได้
สองทุ่มตรง ได้เวลาดนตรีเริ่มบรรเลง ปื๊ดกับเพื่อนให้ต้นนั่งกินอยู่ต่อ แล้วขึ้นไปบนเวที ลงมือทำงานตามหน้าที่
วงของเด็กหนุ่มพวกนี้เล่นได้ไม่เลวเลยทีเดียว ทั้งลวดลายฝีมือและซุ่มเสียง
นี่ถ้าได้รับการส่งเสริมสนับสนุนที่ดีอาจจะสามารถไต่เต้าขึ้นสู่วงสตริงชั้นนำวงหนึ่งของเมืองไทยเลยทีเดียว
ชายหนุ่มนั่งฟังเพลงต่ออยู่ได้ไม่นานนั้น จึงขอตัวเรียกแท็กซี่กลับอพาร์ตเม้นท์ก่อน
**********
มาถึงอพาร์ตเม้นท์
ต้นรีบเดินตรงดิ่งขึ้นไปที่ห้องของตน
รู้สึกมึนนิดๆเพราะฤทธิ์เบียร์ ครึ้มอกครึ้มใจจนต้องฮัมเพลงออกมาเบาๆ
เป็นเพลงที่กำลังฮิตซึ่งจำติดหูมาจากการนั่งฟังเพลงวงของปื๊ดเล่น
เรื่องงานสบายใจไปได้เปราะหนึ่งแล้ว
เมื่อได้ปื๊ดรับปากว่าจะเป็นคนช่วยพูดกับเตี่ยของเขา
แต่อีกเรื่องหนึ่งนั่นซิ เรื่องของผู้หญิงสาวสวยที่ทำอะไรได้แปลกๆ ต้นยังไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย
ป่านนี้หล่อนจะยอมออกไปจากห้องของเขาแล้วหรือยัง
นึกแปลกใจไม่หายที่คุณนายโฉมศรีอุตส่าห์ยอมลงทุนมาตั้งมากมายถึงเพียงนี้ กลั่นแกล้งให้เขาทนอยู่ไม่ได้ต้องย้ายออกไป เพียงเพื่ออยากจะริบเงินมัดจำล่วงหน้าของเขาเท่านั้นเองหรอกหรือ
แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ
สร้างเหตุการณ์ต่างๆที่เห็นให้เกิดขึ้นมาได้อย่างไรกัน
นึกถึงภาพเตียงที่หายวับจากห้อง แล้วไปปรากฎอยู่บนท้องถนน จนเกือบจะถูกสิบล้อพุ่งชนแล้วต้นยังรู้สึกเสียวสันหลังไม่หาย หรือว่ามีอะไรเกี่ยวกับเตียงตัวนั้น
จริงซิ…ผู้หญิงคนนั้นมักจะคอยย้ำอยู่ตลอดเวลาว่าเตียงนั้นเป็นของหล่อนทุกครั้งที่เขานั่งหรือสัมผัสถูกเตียง หล่อนจะมีอาการฉุนเฉียวอย่างมาก และทำทุกวิถีทางที่จะกำจัดเขาไปให้พ้นเตียง
บางที…หล่อนอาจจะเป็นเจ้าของเตียงนั้นจริงๆ และไม่ได้รับจ้างใครให้มากลั่นแกล้งเขา
ถ้าเช่นนั้นแล้ว…หล่อนเป็นใครล่ะ
ทำไมทั้งๆ
ที่รู้ว่ารถสิบล้อจะพุ่งเข้ามาชน
ยังไม่เห็นหล่อนมีอาการสะทกสะท้านแต่ประการใด
หรือว่าหล่อไม่ใช่คน แต่เป็นภูตผีวิญญาณ ?
ต้นซึ่งไม่เคยเชื่อถือเรื่องภูติผีปีศาจมาก่อน อดนึกสะท้านเยือกขึ้นมาในใจไม่ได้
สิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่นี้เป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือธรรมชาติ สิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้กระนั้นหรือ ?
ไฟในห้องยังคงเปิดสว่างอยู่ ทำให้แลเห็นทุกสิ่งทึกอย่างถนัดชัดเจน บนพื้นไม่มีข้าวของเสื้อผ้าเลอะเทอะกระจัดกระจายให้เห็นอยู่อีก
ทุกซอกทุกมุมดูสะอาดเรียบร้อย โต๊ะเก้าอี้
ตู้เตียงยังคงตั้งอยู่ที่เดิม
บนโต๊ะเครื่องแป้งมีของใช้ส่วนตัวของต้นวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ ลองเปิดตู้เสื้อผ้าดู เห็นเสื้อกางเกงถูกแขวนอยู่ในตู้
ต้นถอนหายใจโล่งอก หล่อนคงยอมแพ้เปิดหนีไปแล้ว น่าขอบใจที่ยังอุตส่าห์ช่วยจัดเก็บข้าวของให้
เข้าที่เข้าทางเหมือนเดิม ก่อนที่จะไป
ชายหนุ่มเดินไปที่เตียง
ลองลูบคลำดูตามมุมต่างๆอยากรู้ว่ามีกลไลอะไรซ่อนอยู่หรือไม่ ถึงได้สามารถทำสิ่งแปลกๆเหล่านั้นได้
ตรวจดูจนทั่วทุกซอกทุกมุมแล้ว ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ เพื่อความแน่ใจ ลองก้มมองสำรวจใต้เตียงดูอีกที ไม่เห็นมีอะไรผิดสังเกต กวาดสายตามองไปเรื่อยๆจนไปสะดุดเจอสิ่งหนึ่งเข้า
ขาของใครกำลังนั่งห้อยเท้าลงมาที่ขอบเตียงด้านตรงข้าม ?
ต้นรีบถอยออกจากใต้เตียง เงยหน้ามองดูผ้หญิงคนนั้นนั่นเอง….หล่อนกำลังนั่งก้มหน้านั่งหลังให้เขาอยู่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น