โดย...เจิด
จินตนา
๑๐
. . .
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้หญิงสาวในชุดนอนสีแดงกำมะหยี่ที่กำลังนอนซบหน้ากอดหมอนอยู่บนเตียงตัวใหญ่สะดุ้งแล้วเงยหน้าขึ้นถาม
“ใครน่ะ?”
“แหววเองค่ะ…” เด็กรับใช้ร้องบอกที่หน้าประตู “มีโทรศัพท์ถึงคุณแตนค่ะ…”
“ฉันไม่ต้องการรับสาย
ไปบอกว่าฉันไม่อยู่…ไป๊”
“แต่ว่าคุณต้น…”
“ไม่มีแต่…ฉันสั่งก็ไปทำตามซี่”
“คุณต้นแกโทร.มาตั้งหลายหนแล้ว
นายท่านสั่งแหววให้มาบอกคุณแตน ช่วยพูดกับคุณต้นหน่อยน่ะค่ะ…”
หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่ง
คว้านาฬิกาปลุกบนหัวเตียงขว้างไปกระทบกับประตูเสียงดังโครม ด้วยอารมณ์อันฉุนเฉียว
ข้างนอกเงียบเสียงลงในทันที
กว่าสิบครั้งที่ต้นเพียรต่อโทรศัพท์หาแตน
แต่หล่อนกลับไม่ยอมรับสาย
คนที่น่าสงสารที่สุดเห็นจะเป็นแม่แหววเด็กรับใช้ซึ่งเป็นคนรับโทรศัพท์
และต้องวิ่งขึ้นลงบันไดมาคอยรายงานนายสาวจนน่องแทบโป่ง แถมยังเป็นที่ระบายอารมณ์ของคุณแตน
ที่ดุด่าใส่เธออย่างเกรี้ยวกาดอีกด้วย
อะไรไม่ว่า
ทุกครั้งที่ที่แหววกำลังนั่งลุ้นพระเอกนางเอกคนโปรดในละครหลังข่าวภาคค่ำ เสียงโทรศัพท์เป็นต้องดังขึ้นมาขัดจังหวะ
ทำให้เด็กสาวเสียความรู้สึกชะมัด
ต้นวางหูโทรศัพท์ลงเมื่อได้ยินเสียงแจ๋ว
ๆ ของแม่แหววบอกมาว่า คุณแตนเธอไม่ต้องการจะพูดด้วย
ดอกกุหลาบสีแดงที่เริ่มเหี่ยวเฉาแล้ว
เขายังเอามาปักใส่แจกัน
วางไว้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งข้างเครื่องโทรศัพท์
ชายหนุ่มมองดูกลีบกุหลาบที่บอบช้ำด้วยและโรยรานิ่งอยู่นาน
กุหลาบช่อนี้ก็เหมือนความรักของเขาในยามนี้
เขาจะยอมให้ความรักของเขากับแตนต้องพังทลายลงด้วยความเข้าใจผิดแบบนี้ไม่ได้
ตัดสินใจยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาใหม่
“ขอสายนอกหน่อยครับ…”
“คุณโทร.ออกเป็นครั้งที่สิบกว่าแล้วนะคะคุณต้น…”
เสียงคุณโฉมศรีซึ่งทำหน้าที่เป็นโอปะเรเตอร์ด้วยดังมาตามสาย “ถามจริงๆเหอะคุณต้น…คุณโทรหาใครค่ำมืดดึกดื่นอย่างนี้
มีธุระอะไรกันนักกันหนาเชียว?”
“ธุระสำคัญมากครับ
เรื่องคอขาดบาดตาย ช่วยต่อให้ทีเถอะครับคุณโฉมศรี…”
“ได้ค่ะ…”
เงียบไปสักครู่
เสียงสัญญาณว่างให้โทร.ออกได้ก็ดังขึ้น
ต้นรีบหมุนหมายเลขต่อไปที่บ้านของแตน
เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังติดต่อกันอยู่นาน
ยังไม่มีวี่แววว่าใครจะมารับสาย แม่แหววคงจะกำลังลุ้นกับละครทีวีเพลินอยู่
เลยไม่ได้ใส่ใจ หรืออาจจะขี้เกียจรับสายอีกแล้ว
แตนนอนฟังเสียงโทรศัพท์ที่ดังติดต่อกันตลอดเวลาบนหัวเตียงอย่างรำคาญใจ
เมื่อทนไม่ได้หนักเข้าหล่อนจึงกระชากหูโทรศัพท์ขึ้นมา
“เลิกกวนใจเสียทีได้มั้ย…ไปลงนรกเสียเถอะไป๊!”
ตะคอกใส่ลงไปแล้วกระแทกหูโทรศัพท์ดังโครมจนแก้วหูของต้นแทบชา
เขานั่งมึนอยู่สักพักใหญ่ จึงค่อย ๆ
วางหูโทรศัพท์กลับเข้าที่เดิมถอนหายใจเฮือกใหญ่
นึกไม่ถึงจริงๆว่าแตนจะเป็นคนถือทิฐิรุนแรงขนาดนี้
หล่อนไม่ยอมรับฟังอะไรเอาเสียเลย
มีบ่อยครั้งเหมือนกันที่แตนทำกระฟัดกระเฟียดปึงปังกับเขา
ซึ่งสาเหตุมักจะมาจากความขี้ระแวงสงสัยของหล่อนเสียเป็นส่วนใหญ่
แต่เพียงชั่วไม่นานนัก หล่อนจะเป็นฝ่ายมางอนง้อขอคืนดีกับเขาเอง ผิดกับครั้งนี้
ซึ่งหล่อนมีท่าทีโมโหรุนแรงเอามาก ๆ กิริยาวาจาก้าวร้าวหยาบคายต่อเขา
อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ชายหนุ่มไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมหญิงสาวที่เคยเอาอกเอาใจเขา
แสดงทีท่าว่ามีความรักในตัวเขามากมายอย่างล้นเหลือ
ในยามโกรธถึงได้ไม่ยอมเข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้น ทั้งยังมีแต่ความเกรี้ยวกราด
แสดงกิริยาต่าง ๆที่ไม่น่าดูออกมา
หรือว่า…นี่คือนิสัยที่แท้จริงของหล่อน?
เมื่ออารมณ์ดี
ดูหล่อนเป็นคนช่างออดอ้อนฉอเลาะน่ารักอยู่หรอกแต่ในยามร้าย
หล่อนกลับเหมือนฟืนไฟที่ลุกโหมกระพือ ไม่ยอมดับลงง่าย ๆ
อาจเป็นเพราะหล่อนถือว่าเป็นลูกผู้ที่มีอำนาจศักดิ์ใหญ่
และถูกเลี้ยงดูตามใจมาตั้งแต่เด็ก จึงชอบที่จะเอาชนะคะคาน โดยไม่ยอมคำนึงถึงเหตุผล
แค่เป็นเพียงคนรักยังแสดงอาการถึงขนาดนี้ หากต้องแต่งงานอยู่กินด้วยกัน
เขามิต้องโดนหล่อนข่มจนไม่มีทางจะโงหัวได้เลยหรือ
คิดขึ้นมาแล้วชายหนุ่มชักหนาวสะท้านใจ
ความรู้สึกที่เคยมีต่อหญิงคนรักค่อย ๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงไป
น่าขอบใจลูกถีบของแม่นางไม้จอมยุ่ง
ที่ทำให้เขาได้มีโอกาสรู้ธาตุแท้ของใครบางคน
**********
เช้าของวันใหม่
สิ่งแรกที่ต้นทำเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาคือ
ผงกศีรษะขึ้นมองบนเตียงด้วยปรารถนาที่จะได้เห็นนางไม้ผู้น่ารักนอนอยู่บนนั้น
แต่เตียงยังคงว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงา
หรือกลิ่นนวลเนื้อหอมละมุนดุจดอกไม้ป่าจากกายของหล่อนหลงเหลืออยู่เลย
เขาไม่ได้แตะต้องหรือทำอะไรกับเตียงนั้น
คงปล่อยให้ว่างเปล่าเอาไว้ ด้วยคิดว่าหล่อนจะต้องกลับมา
ชายหนุ่มลุกจากพื้นห้องซึ่งใช้อาศัยเป็นที่นอนพับผ้าห่มและเก็บหมอนกลับขึ้นไปวางไว้บนเตียง
เห็นเตียงนอนไม้สักแล้ว อดคิดถึงเจ้าของผู้มีความงดงามอย่างประหลาดเสียมิได้
ป่านนี้หล่อนไปอยู่เสียที่ไหนหนอ
จะเป็นอย่างไรบ้างก็อยากที่จะหยั่งรู้
วันนี้เป็นวันอาทิตย์
ต้นเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวอย่างสบาย ไม่ต้องเร่งร้อนอะไรนัก
ตั้งใจเอาไว้ว่าเมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วจะออกไปเดินเล่นหรือหาหนังดูสักรอบให้เกิดความสบายใจ
เสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น
ต้นนุ่งผ้าเช็ดตัววิ่งออกจากห้องน้ำมารับ คิดในใจว่าต้องเป็นแตนโทร.มาแน่
“ฮัลโหล…ห้องสามหนึ่งหกครับ”
“พี่ต้นเหรอ?” เสียงดังมาตามสาย แต่ไม่ใช่แตนกลับเป็นยัยตุ่ม
“วันนี้พี่ต้นว่างหรือเปล่า?”
“ว่าง…ทำไมหรือ?”
“เที่ยงนี้พบกันที่ค็อฟฟี่ช็อปเซ็นทรัลพลาซ่านะมีเรื่องจะปรึกษาเกี่ยวกับยายแตน”
ต้นยืนลังเลใจไม่ตอบรับ
จนฝ่ายโน้นต้องย้ำมา
“ไปหน่อยน่า…พี่ต้น…นะ!”
“ก็ได้…แล้วผมจะไป แค่นี้นะตุ่ม”
ชายหนุ่มรับคำแล้ววางหูโทรศัพท์ลง
คิ้วขมวดเข้าหากัน
ตุ่มบอกว่ามีเรื่องจะปรึกษาเกี่ยวกับแตน
คงไม่พ้นเรื่องที่จะขอร้องให้เขาไปงอนง้อแตน ซึ่งไม่มีท่าทางเป็นไปได้แน่
เพราะเขาได้พยายามทำอย่างดีที่สุด ยังถูกตอบแทนด้วยการกล่าวประฌามดูถูกเหยียดหยาม
แค่นี้ก็เป็นการทำลายน้ำใจของเขามากพอแล้ว
ไม่อยากให้ต้องถูกหล่อนเยียบย่ำซ้ำเติมหนักไปกว่านี้อีก
**********
ตอนสายปื๊ดกำลังเช็ดถูรถมอเตอร์ไซค์ของเขาอยู่เหลือบเห็นต้นลงบันไดมา
รีบวางผ้าเช็ดรถลุกเดินไปทักอย่างดีใจ
“เฮ้ ! หวัดดี…พี่ต้น…”
ชายหนุ่มส่งรอยยิ้มเจื่อน
ๆ ให้ จนเด็กหนุ่มนึกสงสัย
“ทำไมหน้าตาไม่เสบยแบบนั้นล่ะพี่…รถไฟชนกันเหรอ?”
“หมายความว่ายังไง?”
ต้นขมวดคิ้วเข้าหากัน
“อ้าว ! เมื่อวานผมเห็นคุณแตนเดินหน้าบึ้งออกมาจากห้องของพี่กับเพื่อนอีกคนที่ชื่อตุ่ม
แฟนพี่คงไปเจอผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมล่ะ?”
“ผู้หญิงคนไหน?”
“คนที่ผมเคยเจอหน้าห้องของพี่ในคืนแรกที่พี่ย้ายมาไง”
ต้นเหลียวหน้าเหลียวหลัง
แล้วดึงมือปื๊ดเดินไปนั่งที่ม้าหินข้างสนามหญ้า
“ไหน…ลองบอกมาซิ
รูปร่างหน้าตาของเธอเป็นยังไง?”
ปื๊ดทำหน้างงเต๊ก
เมื่อโดนย้อนถามกลับมาเช่นนี้
“ผมยาว ๆ ผิวขาวสวย…สวยมากเสียด้วยซิพี่…ใส่ชุดนอนสีชมพูยาวเธอไม่ใช่แฟนของพี่หรอกเหรอ?”
“ไม่ใช่หรอก…” ต้นสั่นหน้า
“อ้าว….แล้วนั้นเธอเป็นใครกัน ผมคิดว่าเป็นแฟนของพี่ต้นอีกคนนะเนี่ย…ยังนึกอยู่เลยว่า
พี่ต้นเก่งชะมัดมีแฟนสวย ๆ ได้ทีเดียวตั้งสองคนแน่ะ”
ชายหนุ่มลังเลใจไม่รู้จะบอกความจริงกับปื๊ดดีหรือไม่
เด็กหนุ่มคนนี้คงจะเห็นวนาเข้า ตอนที่หล่อนถูกเขาอุ้มโยนออกมาจากห้อง
“ปื๊ดเชื่อมั้ย…ถ้าพี่จะบอกกับปื๊ดว่า…เธอไม่ใช่คน!”
“ฮ้า ! อย่าล้อเล่นน่าพี่ต้น…”
“ไม่ได้ล้อเล่นล่ะ…เธอเป็นนางไม้ที่อยู่ในห้องของพี่นั้นเอง…”
ปื๊ดยั่งตาค้างอ้าปากหวอ
“นะ.นะ..นางไม้ที่เที่ยวหลอกใครต่อใครจนต้องย้ายหนีเตลิดเปิดเปิงกันนั้นน่ะเหรอ…แล้วไม่ได้ทำอะไรพี่ต้นหรือ…?” พูดไปขนลุกซู่ไป
“ไม่หรอก….” ต้นเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับตัววนาให้ปื๊ดฟังจนหมดสิ้น
ตลอดเวลาเด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์นั่งฟังอย่างรู้สึกทึ่งเอามาก
ๆ ที่ต้นสามารถเอาชนะใจนางไม่ได้ เขาเชื่อว่าทุกสิ่งที่ต้นพูดมาเป็นความจริง
“เธอไม่ได้น่าเกลียดน่ากลัวหรือดุร้ายอะไรเลย
เธอเป็นนางไม้ที่น่ารัก น่ารักเอามาก ๆ แต่เวลานี้เธอไปจากที่นี่แล้ว…และคงไม่หวนกลับมาอีก” ต้นกล่าวเสริมในตอนท้าย
“สาธุ!” ปื๊ดยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว “อย่าได้กลับมาอีกเลยนั้นแหละดีแล้ว
พี่ต้นจะคิดยังไงกไม่รู้ แต่ผมไม่เอาด้วยหรอก….แค่นึกก็ขนหัวลุกแล้ว….มันน่ากลัวง้ะ…”
ต้นหัวเราะหึ ๆ
เพราะนึกขำที่เห็นท่าทางหวดกลัวของปื๊ด แล้วฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
“เออ..ปื๊ดว่างอยู่ใช่มั้ย ไปธุระกับพี่หน่อยซี่…”
“ไปไหนหรือพี่?”
“เซ็นทรัลพลาซ่า
เมื่อคืนก่อนปื๊ดเป็นเจ้ามือเลี้ยงพี่ วันนี้พี่จะเลี้ยงเอง”
“ได้เลยๆ พี่ต้น…ไม่ขัดศรัทธาอยู่แล้ว เอารถของผมไปแล้วกันนะ”
**********
สองหนุ่มซึ่งมีรูปร่างแตกต่างกันลิบลับ
มาถึงเซ็นทรัลลาดพร้าวก่อนเที่ยงเล็กน้อย รีบตรงดิ่งขึ้นไปสั่งอะไรกินรองท้อง
รออยู่ในค็อฟฟี่ช็อป
สักพักใหญ่ ๆ ตุ่มจึงเดินย้ายเซพเข้ามา
กวาดตามองหาจนเจอ โบกมือโบกไม้อย่างดีใจ
“พี่ต้น…หวัดดี…” ถือวิสาสะเดินรี่เข้ามานั่งแหมะลงตรงข้ามกับปื๊ดแล้วส่งยิ้มให้ “หวัดดีฮ่ะคุณปื๊ด…ตุ่มดีใจที่ได้เจอคุณอีก”
“ผมก็เหมือนกันครับคุณตุ่ม…แหม! วันนี้คุณแต่งตัวเช้งเสียจนผมจำไม่ได้แน่ะ”
ปื๊ดหยอดยาหอมเข้าให้
“อุ๊ยต๊าย..ตาย! คุณปื๊ด…” ยัยตุ่มทำเป็นเขินอายม้วน “มดขึ้นปากแล้วมั้ง พูดผิดพูดใหม่ได้นะคะ”
“ไม่ผิดหรอกคุณตุ่ม….นับตั้งแต่คืนนั้นที่พบกัน ผมก็ปิ๊งคุณทันที
คุณเป็นสาพสตรีคนแรกที่เข้าสเป็คของผมเปี๊ยบ…เราน่านะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะครับ…”
“อ๋อ….แน่นอน ด้วยความยินดีค่ะ”
แม่สาวจ้ำม่ำนั่งบิดไปบิดมา
ม้วนต้วนด้วยความเขิน ตั้งแต่แตกเนื้อสาวจนฉุ เพิ่งจะมีชายหนุ่มมาพูดจาเกี้ยวพาราสีแบบนี้กับหล่อนเป็นหนแรก
จะไม่ให้รู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไรกัน
“อ้าว ๆ
มัวแต่นั่งบิดอยู่นั่นแหละแม่ตุ่ม…” ต้นทนนั่งดูไม่ไหวต้องพูดเบรก
“ไหนว่ามีเรื่องจะปรึกษายังไงล่ะ?”
“ชะอุ๋ย!”
ยัยตุ่มชะงักพรืด
ค้อนต้นปะหลับปะเหลือก
“เดี๋ยวซี่พี่ต้น…ท้องยังหิวอยู่ ขอกินอะไรก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน…” หล่อนเรียกเด็กเสิร์ฟมาสั่งอาหาร
“ขอสเต็คเนื้อที่นึง
เอาขนาดมีเดี้ยมนะ…แล้วก็ฟีเลมียองที่นึง สปาเก็ตตี้หอยลาย…สลัดกุ้งใส่ผักเยอะๆ แล้วก็…เอ้อ…น้ำส้มแก้วนึง..” หันมองมาทางสองหนุ่ม “ของคุณปื๊ดกับพี่ต้นจะเอาอะไรอีกมั้ย?”
ทั้งคู่สั่นหน้า
“งั้นเอาแค่นี้แหละ..เร็ว ๆด้วยนะ”
เด็กเสิร์ฟจดรายการตามที่ตุ่มสั่งยิก
ๆ ลงในสมุดฉีกเล่มเล็ก ๆ นึกสงสัยอยู่ในใจไม่หายว่า สั่งของตั้งเยอะแยะ
จะกินเข้าไปคนเดียวยังไงไหว แต่พอเหลือบตาดูรูปร่างของคนสั่งจึงหายข้องใจ
รีบนำรายการอาหารที่จดไว้ไปยื่นที่เคาน์เตอร์ทันที
“คุณเจริญอาหารแบบนี้ทุกมื้อเลยหรือครับ?”
ปื๊ดถามตุ่มอย่างแปลกใจ
“ค่ะ….ปกติทานมากกว่านี้
แต่วันนี้ต้องลดลงหน่อย ต่อหน้าคุณไม่กล้าสั่งอะไรมาก มันรู้สึกเขินน่ะ”
นี่ขนาดเขินนะ
ถ้าไม่เขินแม่สาวผู้นี้คงจะสวาปามช้างได้ทั้งตัว ปื๊ดคิดในใจ
อาหารทุกอย่างถูกทยอยมาตั้งโต๊ะ
ยัยตุ่มตั้งหน้าตั้งตาหม่ำจนหมดเกลี้ยง แทบไม่มีอะไรเหลืออยู่ติดก้นจาน ปื๊ดนั่งมองดูแล้วได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ…รู้สึกเหลือเชื่อในความสามารถของหล่อนจริง ๆ
รอจนตุ่มกินอิ่มหนำสำราญเป็นที่พอใจแล้ว
ต้นจึงเริ่มถามอย่างเป็นงานเป็นการ
“ตุ่มมีเรื่องอะไรจะปรึกษาพี่เกี่ยวกับคุณแตน?”
“คือว่า…” หล่อนหยุดกระแอมนิดหนึ่ง “เมื่อเช้านี้ยัยแตนโทร.ไปหาตุ่มแต่มืดเลย ปรับทุกข์กับตุ่มว่าอยากให้พี่ต้นไปขอโทษเขา..พี่ต้นว่ายังไงล่ะ?”
ได้ยินเช่นนั้น
ชายหนุ่มถึงกับอึ้งนิ่งไป มันเรื่องอะไรที่จะต้องห้เขาไปขอโทษก่อน
ในเมื่อเขาไม่ได้เป็นคนผิดนี่นา….หล่อนต่าหากต้องเป็นฝ่ายมาขอโทษ
ที่แสดงกิริยาก้าวร้าวต่อเขาเช่นนั้น
“ไม่หรอกตุ่ม…พี่ไม่ใช่คนผิด”
“โธ่ ! พี่ต้น….แค่พูดคำว่าขอโทษเท่านั้นนะ….”
ชายหนุ่มสั่นหน้า
นั่งถอนหายใจยาว
“ตุ่มเองก็รู้ดีว่าพี่ไม่ได้ทำอะไรคุณแตนเลย
ตัวพี่เสียอีกที่ถูกคุณแตนตบหน้าอย่างไม่มีเหตุผล ซ้ำยังด่าว่าอย่างเสีย ๆ หาย ๆไม่ยอมรับฟังคำชี้แจงด
ๆ ทั้งสิ้น แล้วแบบนี้ตุ่มว่าใครล่ะ ที่เป็นฝ่ายผิด?”
“ยัยแตนรู้ตัวแล้วว่าทำกับพี่ต้นรุนแรงเกินไป…ตอนนี้กำลังเสียใจใหญ่เลย…”
“แล้วทำไมคุณแตนถึงไม่ยอมมาพูดกับพี่เองล่ะ
โทรศัพท์ไปหาก็ไม่ยอมรับ?”
“ตุ่มชวนแล้ว
เธอไม่ยอมมา บอกแต่เพียงว่าขอให้พี่ต้นไปขอโทษเธอก่อน ไปหน่อยน่าพี่นะ…นะ…นะ!” หล่อนคะยั้นคะยอ
“เสียใจจริง ๆ ตุ่ม พี่จะไม่มีวันขอโทษคุณแตนอย่างเด็ดขาด
เพราะพี่ไม่ผิด!”
ชายหนุ่มยืนยันเสียงหนักแน่นทำให้ยัยตุ่มกับนั่งงง
วันนี้ต้นดูแปลกไปมาก มีท่าทีแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ทุกครั้งที่มีเรื่องบาดหมางใจกัน ต้นมักจะเป็นฝ่ายยอมแตนเสมอ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
หรือว่าเรื่องใหญ่โตแค่ไหน แต่คราวนี้เขาทำท่าเหมือนกับว่า
ไม่ได้แคร์อะไรในตัวเพื่อนสาวของหล่อนอีกต่อไป
คิดขึ้นมาแล้วตุ่มชักเริ่มรู้สึกใจหาย
ยัยแตนก็เช่นกัน ทั้ง ๆ
ที่รู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดน่าจะมาขอโทษต้นเสีย
มันก็หมดเรื่องหมดราวไม่ควรถือทิฐิแบบนั้น
ในเมื่อต่างฝ่ายต่างตั้งแง่เข้าใส่กันอย่างนี้ ดูท่าเรื่องมันจะไม่มีทางยุติลงง่าย ๆ
เสียแล้ว
“ตามใจพี่ต้นเถอะนะ…ที่ตุ่มรับอาสายัยแตนมาพูดกับพี่ต้น เพราะตุ่มหวังดี ไม่อยากให้พี่ต้นกับยัยแตนต้องผิดใจกัน
ในเมื่อพี่ต้นยืนยันแบบนี้ ตุ่มก็ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดอีกต่อไปแล้ว…”
ต่างฝ่ายต่างนั่งนิ่งเงียบกันไป
จนบรรยากาศชักเริ่มอึดอัด ปื๊ดซึ่งนั่งฟังอยู่นานอดคันปากยิบๆ ไม่ได้
“ขอโทษเถอะนะคุณตุ่ม อย่าหาว่าผมสอดเลย พี่ต้นเค้าผิดใจกับคุณแตนด้วยเรื่องอะไรหรือครับ?”
“ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ
เมื่อวานนี้ตอนเช้าตุ่มกับแตนไปหาพี่ต้นที่ห้อง
ยัยแตนเกิดประสาทอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ หาว่าพี่ต้นเป็นคนผลักเธอตกเตียงมั่ง ถีบเธอเข้าใต้เตียงมั่ง
ทั้ง ๆ ที่ตุ่มเห็นกับตาว่าพี่ต้นไม่ได้ทำอะไรยัยแตนเลย..”
ปื๊ดได้ยินแล้วทำตาเหลือกขึ้นมาทันที
“ฮ้า ! ใช่แล้วล่ะ…ถ้างั้นคุณแตนเธอคงจะ…”
ต้นรีบยกข้อศอกกระทุ้งสีข้างให้ปื๊ดหยุดพูด
เขาตั้งใจอยู่เหมือนกันว่า หากแตนจะยอมเป็นฝ่ายมาขอโทษเขาก่อน เขาจะให้ปื๊ดเป็นคนช่วยอธิบายความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น
แต่ในเมื่อแตนเล่นแง่วางท่ากับเขาเช่นนี้ ชายหนุ่มจึงเกิดเปลี่ยนใจอย่างกะทันหัน
ไม่มีความจำเป็นอันใด ที่จะแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครได้รู้อีกต่อไป
ยัยตุ่มสังเกตเห็นท่าทางที่ต้นแสดงออก
ชักรู้สึกสงสัยว่าต้นมีพิรุธอะไรบางอย่างที่ปิดบังหล่อนอยู่แน่ ๆ
“ทำไมล่ะ…มีอะไรหรือคะคุณปื๊ด?”
“เอ้อ…คือว่า…เอ้อ….เอ้อ….” ปื๊ดชายหางตาไปทางต้น พูดอึก ๆ อัก ๆ
“จะมีอะไร…คุณแตนสะดุดล้มไปเองเท่านั้นแหละ”
ต้นพูดนำทางให้ปื๊ดรีบพยักหน้ารับทันที
“ใช่แล้วครับ….ใช่….คุณแตนคงจะสะดุดหกล้มเองอย่างที่พี่ต้นว่า
เป็นไปไม่ได้หรอกนะครับที่คนอย่างพี้ต้นจะกล้าทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นกับคุณแตน
!” พูดจบเด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์จึงรู้สึกสบายใจ
เหมือนได้ยกภูเขาออกไปจากอก
แต่ท่าทางยัยตุ่มจะไม่เชื่อว่า ปื๊ดจะพูดความจริงสองคนนี้ต้องสุมหัวกันปิดบังซ่อนเร้นความจริงอะไรสักอย่างแน่
หล่อนนั่งมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ทีเหมือนต้องการคาดคั้นเอาความจริง จนปื๊ดต้องรีบเฉไฉชวนเปลี่ยนเรื่องคุย
“อย่าไปคิดอะไรมากเลยนะครับคุณตุ่ม
ทานอาหารเสร็จแล้วผมขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงหนังคุณสักรอบเพื่อเป็นการฉลองมิตรภาพของเรา…ดีมั้ยครับ?”
“แต่ว่า…ตุ่มจะต้องกลับไปหายัยแตน….”
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปแล้วกันตุ่ม
ปื๊ดเขาอุตส่าห์ออกปากชวนทั้งที อย่าให้เขาต้องเสียความตั้งใจซี่…”
ต้นช่วยพูดสนับสนุน
ทำให้หญิงสาวต้องนั่งคิดหนักอยู่พักหนึ่ง
ในเมื่อต้นยืนยันความตั้งใจที่จะไม่ยอมไปขอโทษแตนกับหล่อน
จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่หล่อนจะต้องไปนั่งทนดูแตนออกท่างิ้วใส่ ให้เป็นที่รกหูรำคาญใจ
“ตกลงค่ะ…คุณปื๊ด!”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น