วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เตียงนางไม้ ตอนที่ 10

โดย...เจิด จินตนา
๑๐ . . .


          เสียงเคาะประตูดังขึ้น  ทำให้หญิงสาวในชุดนอนสีแดงกำมะหยี่ที่กำลังนอนซบหน้ากอดหมอนอยู่บนเตียงตัวใหญ่สะดุ้งแล้วเงยหน้าขึ้นถาม
          ใครน่ะ?”
          “แหววเองค่ะ…” เด็กรับใช้ร้องบอกที่หน้าประตู มีโทรศัพท์ถึงคุณแตนค่ะ…”
          “ฉันไม่ต้องการรับสาย ไปบอกว่าฉันไม่อยู่ไป๊
          “แต่ว่าคุณต้น…”
          “ไม่มีแต่ฉันสั่งก็ไปทำตามซี่
          คุณต้นแกโทร.มาตั้งหลายหนแล้ว นายท่านสั่งแหววให้มาบอกคุณแตน ช่วยพูดกับคุณต้นหน่อยน่ะค่ะ…”
            หญิงสาวรีบลุกขึ้นนั่ง คว้านาฬิกาปลุกบนหัวเตียงขว้างไปกระทบกับประตูเสียงดังโครม ด้วยอารมณ์อันฉุนเฉียว
            ข้างนอกเงียบเสียงลงในทันที
            กว่าสิบครั้งที่ต้นเพียรต่อโทรศัพท์หาแตน แต่หล่อนกลับไม่ยอมรับสาย คนที่น่าสงสารที่สุดเห็นจะเป็นแม่แหววเด็กรับใช้ซึ่งเป็นคนรับโทรศัพท์ และต้องวิ่งขึ้นลงบันไดมาคอยรายงานนายสาวจนน่องแทบโป่ง แถมยังเป็นที่ระบายอารมณ์ของคุณแตน ที่ดุด่าใส่เธออย่างเกรี้ยวกาดอีกด้วย
            อะไรไม่ว่า ทุกครั้งที่ที่แหววกำลังนั่งลุ้นพระเอกนางเอกคนโปรดในละครหลังข่าวภาคค่ำ เสียงโทรศัพท์เป็นต้องดังขึ้นมาขัดจังหวะ ทำให้เด็กสาวเสียความรู้สึกชะมัด
            ต้นวางหูโทรศัพท์ลงเมื่อได้ยินเสียงแจ๋ว ๆ ของแม่แหววบอกมาว่า คุณแตนเธอไม่ต้องการจะพูดด้วย
            ดอกกุหลาบสีแดงที่เริ่มเหี่ยวเฉาแล้ว เขายังเอามาปักใส่แจกัน  วางไว้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งข้างเครื่องโทรศัพท์
            ชายหนุ่มมองดูกลีบกุหลาบที่บอบช้ำด้วยและโรยรานิ่งอยู่นาน กุหลาบช่อนี้ก็เหมือนความรักของเขาในยามนี้
            เขาจะยอมให้ความรักของเขากับแตนต้องพังทลายลงด้วยความเข้าใจผิดแบบนี้ไม่ได้ ตัดสินใจยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาใหม่
            ขอสายนอกหน่อยครับ…”
            “คุณโทร.ออกเป็นครั้งที่สิบกว่าแล้วนะคะคุณต้น…” เสียงคุณโฉมศรีซึ่งทำหน้าที่เป็นโอปะเรเตอร์ด้วยดังมาตามสาย ถามจริงๆเหอะคุณต้นคุณโทรหาใครค่ำมืดดึกดื่นอย่างนี้ มีธุระอะไรกันนักกันหนาเชียว?”
            “ธุระสำคัญมากครับ เรื่องคอขาดบาดตาย ช่วยต่อให้ทีเถอะครับคุณโฉมศรี…”
            “ได้ค่ะ…”
            เงียบไปสักครู่ เสียงสัญญาณว่างให้โทร.ออกได้ก็ดังขึ้น ต้นรีบหมุนหมายเลขต่อไปที่บ้านของแตน
            เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังติดต่อกันอยู่นาน ยังไม่มีวี่แววว่าใครจะมารับสาย แม่แหววคงจะกำลังลุ้นกับละครทีวีเพลินอยู่ เลยไม่ได้ใส่ใจ หรืออาจจะขี้เกียจรับสายอีกแล้ว
            แตนนอนฟังเสียงโทรศัพท์ที่ดังติดต่อกันตลอดเวลาบนหัวเตียงอย่างรำคาญใจ เมื่อทนไม่ได้หนักเข้าหล่อนจึงกระชากหูโทรศัพท์ขึ้นมา
            เลิกกวนใจเสียทีได้มั้ยไปลงนรกเสียเถอะไป๊!”
            ตะคอกใส่ลงไปแล้วกระแทกหูโทรศัพท์ดังโครมจนแก้วหูของต้นแทบชา
            เขานั่งมึนอยู่สักพักใหญ่ จึงค่อย ๆ วางหูโทรศัพท์กลับเข้าที่เดิมถอนหายใจเฮือกใหญ่ นึกไม่ถึงจริงๆว่าแตนจะเป็นคนถือทิฐิรุนแรงขนาดนี้ หล่อนไม่ยอมรับฟังอะไรเอาเสียเลย
            มีบ่อยครั้งเหมือนกันที่แตนทำกระฟัดกระเฟียดปึงปังกับเขา ซึ่งสาเหตุมักจะมาจากความขี้ระแวงสงสัยของหล่อนเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่เพียงชั่วไม่นานนัก หล่อนจะเป็นฝ่ายมางอนง้อขอคืนดีกับเขาเอง ผิดกับครั้งนี้ ซึ่งหล่อนมีท่าทีโมโหรุนแรงเอามาก ๆ กิริยาวาจาก้าวร้าวหยาบคายต่อเขา อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
            ชายหนุ่มไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมหญิงสาวที่เคยเอาอกเอาใจเขา แสดงทีท่าว่ามีความรักในตัวเขามากมายอย่างล้นเหลือ ในยามโกรธถึงได้ไม่ยอมเข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้น ทั้งยังมีแต่ความเกรี้ยวกราด แสดงกิริยาต่าง ๆที่ไม่น่าดูออกมา
            หรือว่านี่คือนิสัยที่แท้จริงของหล่อน?
            เมื่ออารมณ์ดี ดูหล่อนเป็นคนช่างออดอ้อนฉอเลาะน่ารักอยู่หรอกแต่ในยามร้าย หล่อนกลับเหมือนฟืนไฟที่ลุกโหมกระพือ ไม่ยอมดับลงง่าย ๆ
            อาจเป็นเพราะหล่อนถือว่าเป็นลูกผู้ที่มีอำนาจศักดิ์ใหญ่ และถูกเลี้ยงดูตามใจมาตั้งแต่เด็ก จึงชอบที่จะเอาชนะคะคาน โดยไม่ยอมคำนึงถึงเหตุผล แค่เป็นเพียงคนรักยังแสดงอาการถึงขนาดนี้ หากต้องแต่งงานอยู่กินด้วยกัน เขามิต้องโดนหล่อนข่มจนไม่มีทางจะโงหัวได้เลยหรือ
            คิดขึ้นมาแล้วชายหนุ่มชักหนาวสะท้านใจ ความรู้สึกที่เคยมีต่อหญิงคนรักค่อย ๆ เริ่มเปลี่ยนแปลงไป
            น่าขอบใจลูกถีบของแม่นางไม้จอมยุ่ง ที่ทำให้เขาได้มีโอกาสรู้ธาตุแท้ของใครบางคน
                        **********
            เช้าของวันใหม่ สิ่งแรกที่ต้นทำเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาคือ ผงกศีรษะขึ้นมองบนเตียงด้วยปรารถนาที่จะได้เห็นนางไม้ผู้น่ารักนอนอยู่บนนั้น แต่เตียงยังคงว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงา หรือกลิ่นนวลเนื้อหอมละมุนดุจดอกไม้ป่าจากกายของหล่อนหลงเหลืออยู่เลย
            เขาไม่ได้แตะต้องหรือทำอะไรกับเตียงนั้น คงปล่อยให้ว่างเปล่าเอาไว้ ด้วยคิดว่าหล่อนจะต้องกลับมา
            ชายหนุ่มลุกจากพื้นห้องซึ่งใช้อาศัยเป็นที่นอนพับผ้าห่มและเก็บหมอนกลับขึ้นไปวางไว้บนเตียง เห็นเตียงนอนไม้สักแล้ว อดคิดถึงเจ้าของผู้มีความงดงามอย่างประหลาดเสียมิได้
            ป่านนี้หล่อนไปอยู่เสียที่ไหนหนอ จะเป็นอย่างไรบ้างก็อยากที่จะหยั่งรู้
            วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ต้นเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวอย่างสบาย ไม่ต้องเร่งร้อนอะไรนัก ตั้งใจเอาไว้ว่าเมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วจะออกไปเดินเล่นหรือหาหนังดูสักรอบให้เกิดความสบายใจ
            เสียงโทรศัพท์ในห้องดังขึ้น ต้นนุ่งผ้าเช็ดตัววิ่งออกจากห้องน้ำมารับ คิดในใจว่าต้องเป็นแตนโทร.มาแน่
            ฮัลโหลห้องสามหนึ่งหกครับ
            “พี่ต้นเหรอ?” เสียงดังมาตามสาย แต่ไม่ใช่แตนกลับเป็นยัยตุ่ม
            “วันนี้พี่ต้นว่างหรือเปล่า?”
            “ว่างทำไมหรือ?”
            “เที่ยงนี้พบกันที่ค็อฟฟี่ช็อปเซ็นทรัลพลาซ่านะมีเรื่องจะปรึกษาเกี่ยวกับยายแตน
            ต้นยืนลังเลใจไม่ตอบรับ จนฝ่ายโน้นต้องย้ำมา
            ไปหน่อยน่าพี่ต้นนะ!”
            “ก็ได้แล้วผมจะไป แค่นี้นะตุ่ม
            ชายหนุ่มรับคำแล้ววางหูโทรศัพท์ลง คิ้วขมวดเข้าหากัน
            ตุ่มบอกว่ามีเรื่องจะปรึกษาเกี่ยวกับแตน คงไม่พ้นเรื่องที่จะขอร้องให้เขาไปงอนง้อแตน ซึ่งไม่มีท่าทางเป็นไปได้แน่ เพราะเขาได้พยายามทำอย่างดีที่สุด ยังถูกตอบแทนด้วยการกล่าวประฌามดูถูกเหยียดหยาม
            แค่นี้ก็เป็นการทำลายน้ำใจของเขามากพอแล้ว ไม่อยากให้ต้องถูกหล่อนเยียบย่ำซ้ำเติมหนักไปกว่านี้อีก
                        **********
            ตอนสายปื๊ดกำลังเช็ดถูรถมอเตอร์ไซค์ของเขาอยู่เหลือบเห็นต้นลงบันไดมา รีบวางผ้าเช็ดรถลุกเดินไปทักอย่างดีใจ
            เฮ้ ! หวัดดีพี่ต้น…”
            ชายหนุ่มส่งรอยยิ้มเจื่อน ๆ ให้ จนเด็กหนุ่มนึกสงสัย
            ทำไมหน้าตาไม่เสบยแบบนั้นล่ะพี่รถไฟชนกันเหรอ?”
            “หมายความว่ายังไง?” ต้นขมวดคิ้วเข้าหากัน
            อ้าว ! เมื่อวานผมเห็นคุณแตนเดินหน้าบึ้งออกมาจากห้องของพี่กับเพื่อนอีกคนที่ชื่อตุ่ม แฟนพี่คงไปเจอผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมล่ะ?”
            “ผู้หญิงคนไหน?”
            “คนที่ผมเคยเจอหน้าห้องของพี่ในคืนแรกที่พี่ย้ายมาไง
            ต้นเหลียวหน้าเหลียวหลัง แล้วดึงมือปื๊ดเดินไปนั่งที่ม้าหินข้างสนามหญ้า
            ไหนลองบอกมาซิ  รูปร่างหน้าตาของเธอเป็นยังไง?”
            ปื๊ดทำหน้างงเต๊ก เมื่อโดนย้อนถามกลับมาเช่นนี้
            ผมยาว ๆ ผิวขาวสวยสวยมากเสียด้วยซิพี่ใส่ชุดนอนสีชมพูยาวเธอไม่ใช่แฟนของพี่หรอกเหรอ?”
            “ไม่ใช่หรอก…” ต้นสั่นหน้า
            อ้าว….แล้วนั้นเธอเป็นใครกัน ผมคิดว่าเป็นแฟนของพี่ต้นอีกคนนะเนี่ยยังนึกอยู่เลยว่า  พี่ต้นเก่งชะมัดมีแฟนสวย ๆ ได้ทีเดียวตั้งสองคนแน่ะ
            ชายหนุ่มลังเลใจไม่รู้จะบอกความจริงกับปื๊ดดีหรือไม่ เด็กหนุ่มคนนี้คงจะเห็นวนาเข้า ตอนที่หล่อนถูกเขาอุ้มโยนออกมาจากห้อง
            ปื๊ดเชื่อมั้ยถ้าพี่จะบอกกับปื๊ดว่าเธอไม่ใช่คน!”
            “ฮ้า ! อย่าล้อเล่นน่าพี่ต้น…”
            “ไม่ได้ล้อเล่นล่ะเธอเป็นนางไม้ที่อยู่ในห้องของพี่นั้นเอง…”
            ปื๊ดยั่งตาค้างอ้าปากหวอ
            นะ.นะ..นางไม้ที่เที่ยวหลอกใครต่อใครจนต้องย้ายหนีเตลิดเปิดเปิงกันนั้นน่ะเหรอแล้วไม่ได้ทำอะไรพี่ต้นหรือ…?” พูดไปขนลุกซู่ไป
            ไม่หรอก….” ต้นเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับตัววนาให้ปื๊ดฟังจนหมดสิ้น
            ตลอดเวลาเด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์นั่งฟังอย่างรู้สึกทึ่งเอามาก ๆ ที่ต้นสามารถเอาชนะใจนางไม่ได้ เขาเชื่อว่าทุกสิ่งที่ต้นพูดมาเป็นความจริง
            เธอไม่ได้น่าเกลียดน่ากลัวหรือดุร้ายอะไรเลย เธอเป็นนางไม้ที่น่ารัก น่ารักเอามาก ๆ แต่เวลานี้เธอไปจากที่นี่แล้วและคงไม่หวนกลับมาอีกต้นกล่าวเสริมในตอนท้าย
            สาธุ!” ปื๊ดยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว อย่าได้กลับมาอีกเลยนั้นแหละดีแล้ว พี่ต้นจะคิดยังไงกไม่รู้ แต่ผมไม่เอาด้วยหรอก….แค่นึกก็ขนหัวลุกแล้ว….มันน่ากลัวง้ะ…”
            ต้นหัวเราะหึ ๆ เพราะนึกขำที่เห็นท่าทางหวดกลัวของปื๊ด แล้วฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
            เออ..ปื๊ดว่างอยู่ใช่มั้ย ไปธุระกับพี่หน่อยซี่…”
            “ไปไหนหรือพี่?”
            “เซ็นทรัลพลาซ่า เมื่อคืนก่อนปื๊ดเป็นเจ้ามือเลี้ยงพี่ วันนี้พี่จะเลี้ยงเอง
            “ได้เลยๆ พี่ต้นไม่ขัดศรัทธาอยู่แล้ว เอารถของผมไปแล้วกันนะ
                        **********
            สองหนุ่มซึ่งมีรูปร่างแตกต่างกันลิบลับ มาถึงเซ็นทรัลลาดพร้าวก่อนเที่ยงเล็กน้อย รีบตรงดิ่งขึ้นไปสั่งอะไรกินรองท้อง รออยู่ในค็อฟฟี่ช็อป
            สักพักใหญ่ ๆ ตุ่มจึงเดินย้ายเซพเข้ามา กวาดตามองหาจนเจอ โบกมือโบกไม้อย่างดีใจ
            พี่ต้นหวัดดี…” ถือวิสาสะเดินรี่เข้ามานั่งแหมะลงตรงข้ามกับปื๊ดแล้วส่งยิ้มให้  หวัดดีฮ่ะคุณปื๊ดตุ่มดีใจที่ได้เจอคุณอีก
            “ผมก็เหมือนกันครับคุณตุ่มแหม! วันนี้คุณแต่งตัวเช้งเสียจนผมจำไม่ได้แน่ะปื๊ดหยอดยาหอมเข้าให้
            อุ๊ยต๊าย..ตาย! คุณปื๊ด…”  ยัยตุ่มทำเป็นเขินอายม้วน  “มดขึ้นปากแล้วมั้ง  พูดผิดพูดใหม่ได้นะคะ
            “ไม่ผิดหรอกคุณตุ่ม….นับตั้งแต่คืนนั้นที่พบกัน ผมก็ปิ๊งคุณทันที คุณเป็นสาพสตรีคนแรกที่เข้าสเป็คของผมเปี๊ยบเราน่านะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะครับ…”
            “อ๋อ….แน่นอน ด้วยความยินดีค่ะ
            แม่สาวจ้ำม่ำนั่งบิดไปบิดมา ม้วนต้วนด้วยความเขิน ตั้งแต่แตกเนื้อสาวจนฉุ เพิ่งจะมีชายหนุ่มมาพูดจาเกี้ยวพาราสีแบบนี้กับหล่อนเป็นหนแรก จะไม่ให้รู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไรกัน
            อ้าว ๆ มัวแต่นั่งบิดอยู่นั่นแหละแม่ตุ่ม…” ต้นทนนั่งดูไม่ไหวต้องพูดเบรก ไหนว่ามีเรื่องจะปรึกษายังไงล่ะ?”
            “ชะอุ๋ย!”
            ยัยตุ่มชะงักพรืด ค้อนต้นปะหลับปะเหลือก
            เดี๋ยวซี่พี่ต้นท้องยังหิวอยู่ ขอกินอะไรก่อนแล้วค่อยมาว่ากัน…” หล่อนเรียกเด็กเสิร์ฟมาสั่งอาหาร
            ขอสเต็คเนื้อที่นึง เอาขนาดมีเดี้ยมนะแล้วก็ฟีเลมียองที่นึง สปาเก็ตตี้หอยลายสลัดกุ้งใส่ผักเยอะๆ แล้วก็เอ้อน้ำส้มแก้วนึง..” หันมองมาทางสองหนุ่ม  ของคุณปื๊ดกับพี่ต้นจะเอาอะไรอีกมั้ย?”
            ทั้งคู่สั่นหน้า
            งั้นเอาแค่นี้แหละ..เร็ว ๆด้วยนะ
            เด็กเสิร์ฟจดรายการตามที่ตุ่มสั่งยิก ๆ ลงในสมุดฉีกเล่มเล็ก ๆ นึกสงสัยอยู่ในใจไม่หายว่า สั่งของตั้งเยอะแยะ จะกินเข้าไปคนเดียวยังไงไหว แต่พอเหลือบตาดูรูปร่างของคนสั่งจึงหายข้องใจ รีบนำรายการอาหารที่จดไว้ไปยื่นที่เคาน์เตอร์ทันที
            คุณเจริญอาหารแบบนี้ทุกมื้อเลยหรือครับ?” ปื๊ดถามตุ่มอย่างแปลกใจ
            ค่ะ….ปกติทานมากกว่านี้  แต่วันนี้ต้องลดลงหน่อย ต่อหน้าคุณไม่กล้าสั่งอะไรมาก มันรู้สึกเขินน่ะ
            นี่ขนาดเขินนะ ถ้าไม่เขินแม่สาวผู้นี้คงจะสวาปามช้างได้ทั้งตัว ปื๊ดคิดในใจ
            อาหารทุกอย่างถูกทยอยมาตั้งโต๊ะ ยัยตุ่มตั้งหน้าตั้งตาหม่ำจนหมดเกลี้ยง แทบไม่มีอะไรเหลืออยู่ติดก้นจาน ปื๊ดนั่งมองดูแล้วได้แต่กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอรู้สึกเหลือเชื่อในความสามารถของหล่อนจริง ๆ
            รอจนตุ่มกินอิ่มหนำสำราญเป็นที่พอใจแล้ว ต้นจึงเริ่มถามอย่างเป็นงานเป็นการ
            ตุ่มมีเรื่องอะไรจะปรึกษาพี่เกี่ยวกับคุณแตน?”
            “คือว่า…” หล่อนหยุดกระแอมนิดหนึ่ง เมื่อเช้านี้ยัยแตนโทร.ไปหาตุ่มแต่มืดเลย ปรับทุกข์กับตุ่มว่าอยากให้พี่ต้นไปขอโทษเขา..พี่ต้นว่ายังไงล่ะ?”
            ได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มถึงกับอึ้งนิ่งไป มันเรื่องอะไรที่จะต้องห้เขาไปขอโทษก่อน ในเมื่อเขาไม่ได้เป็นคนผิดนี่นา….หล่อนต่าหากต้องเป็นฝ่ายมาขอโทษ ที่แสดงกิริยาก้าวร้าวต่อเขาเช่นนั้น
            ไม่หรอกตุ่มพี่ไม่ใช่คนผิด
            “โธ่ ! พี่ต้น….แค่พูดคำว่าขอโทษเท่านั้นนะ….”
            ชายหนุ่มสั่นหน้า นั่งถอนหายใจยาว
            ตุ่มเองก็รู้ดีว่าพี่ไม่ได้ทำอะไรคุณแตนเลย ตัวพี่เสียอีกที่ถูกคุณแตนตบหน้าอย่างไม่มีเหตุผล ซ้ำยังด่าว่าอย่างเสีย ๆ หาย ๆไม่ยอมรับฟังคำชี้แจงด ๆ ทั้งสิ้น แล้วแบบนี้ตุ่มว่าใครล่ะ ที่เป็นฝ่ายผิด?”
            “ยัยแตนรู้ตัวแล้วว่าทำกับพี่ต้นรุนแรงเกินไปตอนนี้กำลังเสียใจใหญ่เลย…”
            “แล้วทำไมคุณแตนถึงไม่ยอมมาพูดกับพี่เองล่ะ โทรศัพท์ไปหาก็ไม่ยอมรับ?”
            “ตุ่มชวนแล้ว เธอไม่ยอมมา บอกแต่เพียงว่าขอให้พี่ต้นไปขอโทษเธอก่อน ไปหน่อยน่าพี่นะนะนะ!” หล่อนคะยั้นคะยอ
            เสียใจจริง ๆ ตุ่ม พี่จะไม่มีวันขอโทษคุณแตนอย่างเด็ดขาด เพราะพี่ไม่ผิด!”
            ชายหนุ่มยืนยันเสียงหนักแน่นทำให้ยัยตุ่มกับนั่งงง
            วันนี้ต้นดูแปลกไปมาก  มีท่าทีแข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทุกครั้งที่มีเรื่องบาดหมางใจกัน ต้นมักจะเป็นฝ่ายยอมแตนเสมอ แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย หรือว่าเรื่องใหญ่โตแค่ไหน แต่คราวนี้เขาทำท่าเหมือนกับว่า ไม่ได้แคร์อะไรในตัวเพื่อนสาวของหล่อนอีกต่อไป คิดขึ้นมาแล้วตุ่มชักเริ่มรู้สึกใจหาย
            ยัยแตนก็เช่นกัน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดน่าจะมาขอโทษต้นเสีย มันก็หมดเรื่องหมดราวไม่ควรถือทิฐิแบบนั้น
            ในเมื่อต่างฝ่ายต่างตั้งแง่เข้าใส่กันอย่างนี้   ดูท่าเรื่องมันจะไม่มีทางยุติลงง่าย ๆ เสียแล้ว
            ตามใจพี่ต้นเถอะนะที่ตุ่มรับอาสายัยแตนมาพูดกับพี่ต้น เพราะตุ่มหวังดี ไม่อยากให้พี่ต้นกับยัยแตนต้องผิดใจกัน ในเมื่อพี่ต้นยืนยันแบบนี้ ตุ่มก็ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดอีกต่อไปแล้ว…”
            ต่างฝ่ายต่างนั่งนิ่งเงียบกันไป จนบรรยากาศชักเริ่มอึดอัด ปื๊ดซึ่งนั่งฟังอยู่นานอดคันปากยิบๆ ไม่ได้
            ขอโทษเถอะนะคุณตุ่ม  อย่าหาว่าผมสอดเลย พี่ต้นเค้าผิดใจกับคุณแตนด้วยเรื่องอะไรหรือครับ?”
            “ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ เมื่อวานนี้ตอนเช้าตุ่มกับแตนไปหาพี่ต้นที่ห้อง ยัยแตนเกิดประสาทอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ หาว่าพี่ต้นเป็นคนผลักเธอตกเตียงมั่ง ถีบเธอเข้าใต้เตียงมั่ง ทั้ง ๆ ที่ตุ่มเห็นกับตาว่าพี่ต้นไม่ได้ทำอะไรยัยแตนเลย..”
            ปื๊ดได้ยินแล้วทำตาเหลือกขึ้นมาทันที
            ฮ้า ! ใช่แล้วล่ะถ้างั้นคุณแตนเธอคงจะ…”
            ต้นรีบยกข้อศอกกระทุ้งสีข้างให้ปื๊ดหยุดพูด เขาตั้งใจอยู่เหมือนกันว่า หากแตนจะยอมเป็นฝ่ายมาขอโทษเขาก่อน เขาจะให้ปื๊ดเป็นคนช่วยอธิบายความจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่ในเมื่อแตนเล่นแง่วางท่ากับเขาเช่นนี้ ชายหนุ่มจึงเกิดเปลี่ยนใจอย่างกะทันหัน ไม่มีความจำเป็นอันใด ที่จะแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครได้รู้อีกต่อไป
            ยัยตุ่มสังเกตเห็นท่าทางที่ต้นแสดงออก ชักรู้สึกสงสัยว่าต้นมีพิรุธอะไรบางอย่างที่ปิดบังหล่อนอยู่แน่ ๆ
            ทำไมล่ะมีอะไรหรือคะคุณปื๊ด?”
            “เอ้อคือว่าเอ้อ….เอ้อ….” ปื๊ดชายหางตาไปทางต้น พูดอึก ๆ อัก ๆ
            จะมีอะไรคุณแตนสะดุดล้มไปเองเท่านั้นแหละ
            ต้นพูดนำทางให้ปื๊ดรีบพยักหน้ารับทันที
            ใช่แล้วครับ….ใช่….คุณแตนคงจะสะดุดหกล้มเองอย่างที่พี่ต้นว่า เป็นไปไม่ได้หรอกนะครับที่คนอย่างพี้ต้นจะกล้าทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นกับคุณแตน !” พูดจบเด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์จึงรู้สึกสบายใจ เหมือนได้ยกภูเขาออกไปจากอก
            แต่ท่าทางยัยตุ่มจะไม่เชื่อว่า ปื๊ดจะพูดความจริงสองคนนี้ต้องสุมหัวกันปิดบังซ่อนเร้นความจริงอะไรสักอย่างแน่ หล่อนนั่งมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ทีเหมือนต้องการคาดคั้นเอาความจริง จนปื๊ดต้องรีบเฉไฉชวนเปลี่ยนเรื่องคุย
            อย่าไปคิดอะไรมากเลยนะครับคุณตุ่ม ทานอาหารเสร็จแล้วผมขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงหนังคุณสักรอบเพื่อเป็นการฉลองมิตรภาพของเราดีมั้ยครับ?”
            “แต่ว่าตุ่มจะต้องกลับไปหายัยแตน….”
            “ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปแล้วกันตุ่ม ปื๊ดเขาอุตส่าห์ออกปากชวนทั้งที อย่าให้เขาต้องเสียความตั้งใจซี่…”
            ต้นช่วยพูดสนับสนุน ทำให้หญิงสาวต้องนั่งคิดหนักอยู่พักหนึ่ง ในเมื่อต้นยืนยันความตั้งใจที่จะไม่ยอมไปขอโทษแตนกับหล่อน จึงไม่มีประโยชน์อะไรที่หล่อนจะต้องไปนั่งทนดูแตนออกท่างิ้วใส่ ให้เป็นที่รกหูรำคาญใจ
            ตกลงค่ะคุณปื๊ด!”









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น