วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เตียงนางไม้ ตอนที่ 12

โดย...เจิด จินตนา
๑๒ . . .


เสียงกรี๊ดโทรศัพท์ในห้องนอนของตุ่มดังขึ้นลั่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ ปลุกให้หญิงสาวต้องงัวเงียลุกขากที่นอนมารับสาย
          "ฮัลโหล"
          "นี่......แม่ตัวดี! หายจ๋อยไปไหนมาตลอดทั้งวันทั้งคืนเลยย่ะหล่อน..?" เสียงแตนต่อว่าฉอดๆดังมาตามสาย
          "อ๋อ ! ไปเที่ยวเธคกับคุณปื๊ด. เพื่อนของพี่ต้นน่ะ" ตุ่มบอกเสียงอู้อี้แบบยังนอนไม่เต็มอิ่มยกมือปิดปากหาวทำตาปรือ
          "อ๋อ ! เที่ยวเพลินจนลืมเพื่อนเลยนะ........แล้วเรื่องที่ให้ไปบอกพี่ต้นล่ะว่ายังไง...ปล่อยให้เรารอคอยอยู่ได้ทั้งวัน
            ตุ่มบอกกับพี่ต้นแล้ว….พี่ต้น เอ้อ !” หญิงสาวมีท่าทางอึก ๆ อัก ๆไม่กล้าบอกความจริงกับเพื่อน
            “แล้วไงแทนที่จะรีบชวนพี่ต้นมาหาฉัน กลับหนีไปเที่ยวกันเสียนี่ มันหมายความว่าไงกันยะ?”
            เสียงต่อว่าอย่างเกรี้ยวกราดตามนิสัยของแตน ทำเอายัยตุ่มชักฉุนกึกขึ้นมาเหมือนกัน    “พี่ต้นเขาไม่ยอมไปขอโทษเธอ แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ ลากตัวเขาไปให้ได้หรือไงกันยะ?”
            ได้พูดโพล่งออกไปแล้ว ค่อยรู้สึกโล่งอกขึ้นเยอะอีกฝ่ายหนึ่งเงียบเสียงลงมันที
            “ฮัลโหลดแตนยังฟังอยู่หรือเปล่า?” ตุ่มถือหูโทรศัพท์รออยู่นานชักสงสัย มีอะไรอีกมั้ย ถ้าไม่มีฉันขอตัวกลับไปนอนต่อก่อนนะยังไม่หายง่วงเลย
            “เดี๋ยวก่อนซิยัยตุ่มอย่าพึ่งวางหูเสียงทางโน้นละล่ำละลักดังมา  แล้วพี่ต้นเขาว่ายังไงบ้างล่ะ?”
            “เขายืนยันว่าไม่ได้เป็นคนทำร้ายเธอ  เขาไม่ใช่คนผิด….เลิกตั้งแง่จะเอาชนะกันเสียทีเถะน่า….ฉันชักรำคาญ เรื่องไม่เป็นเรื่องของเธอเต็มทีแล้ว เดี๋ยวพี่ต้นเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา เธอนั่นแหละจะเป็นฝ่ายร้องไห้ขี้มูกโป่งไม่รู้นะ
            “เชอะ ! ไม่มีวันเสียล่ะคนอย่างฉันจะหาแฟนใหม่อีกกี่คนเมื่อไหร่ก็ได้ถมเถไป!”
            “ถ้าเธอคิดอย่างงั้นก็ตามใจ….แล้วอย่าหาว่าเพื่อนไม่เตือนแล้วกัน
            ตุ่มรีบวางหูโทรศัพท์ด้วยความหมั่นไส้ และขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเพื่อนสาวของหล่อนอีกต่อไป
                        **********                       
            ในห้องทำงานของเสี่ยกำชัย  เสี่ยใหญ่เจ้าของโรงงานทอผ้ารู้สึกแปลกใจที่เห็นหนุ่มจากบริษัทประกันเข้ามาหา จำได้ไม่ผิดว่าพนักงานหาประกันคนนี้ เพิ่งจะถูกเขาไล่กลับไป เมื่อสองสามวันก่อนหน้านี้เอง
            สวัสดีครับท่าน….”
            ชายหนุ่มรีบยกมือไหว้ เสี่ยกำชัยรับไหว้อย่างงง ๆ แล้วหันมองหน้าปื๊ด
            นี่พี่ต้นเพื่อนของผมเองแหละครับเตี่ย!”
            “อ้อ ! นั่งก่อนซิเชิญ
            เจ้าของห้องออกปากตามมารยาท ต้นหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ที่ถูกจ้องมองด้วยสายตาแปลก ๆ
            มีอะไรว่ามา…..”
            “เอ้อ….คือว่าผม….ผม….”
            “พี่ต้นเขาจะมาถามเตี่ยเรื่องประกันน่ะ….”  ปื๊ดชักรำคาญท่าทางเงอะงะของต้นเลยพูดแทน เขาอยากจะรู้เหตุผลว่าทำไมเตี่ยต้องถอนประกัน ไม่ทำประกันต่อกับบริษัทของเขาอีก?”
            เสี่ยใหญ่เงยหน้าขึ้นมองหน้าลูกชาย ซึ่งยังคงยืนกอดอกค้ำหัวโด่อยู่อย่างไม่พอใจ
            แล้วมันเรื่องอะไรของมึงต้องมาเสือกด้วยวะไอ้ตี๋?”
            “อ้าว ! บอกแล้วไงว่าเขาเป็นเพื่อนของผมนะเตี่ยช่วยเขาหน่อยเถอะน่า….พี่ต้นเขาจะได้มีผลงานไปแสดงกับเจ้านายของเขา บริษัทนี้ใหญ่โตมั่นคง เชื่อถือได้แน่ผมไปเห็นกะตามาแล้ว
            ปื๊ดช่วยประชาสัมพันธ์ให้เสร็จสรรพ เสี่ยกำชัยส่ายหน้าช้า ๆ อย่างรู้สึกรำคาญใจ
            มึงรู้มั้ยยไอ้ตี๋ว่าทำประกันภัยเดือนหนึ่งต้องเสียค่าเบี้ยประกันเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ มันไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะไอ้เก๋าเจ้ง!”
            “จริงอยู่ครับท่านแต่ในกรณีที่มีอุบัติภัยเกิดขึ้นทางบริษัทของเรา  ก็จ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้เต็มจำนวน ไม่เคยมีบิดพลิ้วเลยนี่ครับต้นชี้แจง
            เรื่องนั้นผมรู้ดี….” เสี่ยกำชัยดึงบุหรี่บนโต๊ะขึ้นมาจุดสูบพ่นควันโขมง แต่ว่า…..นับตั้งแต่ผมทำประกันกับทางบริษัทของคุณมา  ยังไม่เคยมีอุบัติเหตุร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นเลย  มีแต่คนงานได้รับบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ เสียค่ารักษาไม่กี่สตางค์ มันไม่คุ้มกับค่าเบี้ยประกันหรอกนะคุณ!”
            “เตี่ยพูดอย่างงี้ได้ไง….ทำไมไม่คิดมั่งล่ะ ถ้าเผื่อเกิดไฟไหม้โรงงานขึ้นมาจะว่ายังไง?”
            ปื๊ดพลั้งปากพูดโผงผางออกมา
            ไอ้ปากเสีย!” เสี่ยกำชัยโวยเสียงลั่น คว้าที่เขี่ยบุหรี่ทำท่าจะขว้างปื๊ด จนเด็กหนุ่มต้องรีบฉากหลบ ทำเป็นมาพูดแช่งดีนัก เดี๋ยวเถอะมึง….โรงงานของกูติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยเอาไว้ทุก ๆ จุด อีกอย่างกูมียามคอยตรวจตราควาเรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา ไม่มีทางที่จะเกิดไฟไหม้ขึ้นมาได้อย่างเด็ดขาด!”
            “แปลว่าเตี่ยไม่คิดที่จะทำประกันภัยแน่ว่างั้นเถอะ?” ปื๊ดถามย้ำ
            ใช่แล้ว !” ผู้เป็นพ่อพยักหน้ารับ  กูเอาเงินมาจ้าง รปภ.เดือนหนึ่งไม่กี่สตางค์  คุ้มกว่ากันเยอะ
            เสี่ยกำชัยเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พ่นควันบุหรี่ฉุยเหมือนรู้สึก ภูมิอกภูมิใจในหัวคิดอันชาญฉลาดของตนอย่างเต็มที่แต่ต้นยังไม่ยอมละความพยายาม
            ท่านพูดอย่างนั้นก็ถูกเหมือนกันแหละครับ….แต่อุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้เสมอทุกเวลา ถึงแม้จะมีมาตรการป้องกันเอาไว้อย่างรัดกุมแล้วยังไงก็ตามที  บางครั้งความประมาทเผอเรออาจมีขึ้นได้ ซึ่งจะยังความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินมากมายอย่างใหญ่หลวง  การทำประกันอัคคีภัยไว้ จึงน่าจะเป็นหลักประกันที่อบอุ่นใจกว่านะครับ….”
            คำพูดคำจาของชายหนุ่มมีเหตุผลน่าฟังอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ทำให้เสี่ยใหญ่ถึงกับนั่งอึ้งไป ปื๊ดเห็นเป็นโอกาสอันดี จึงช่วยพูดสนับสนุน
            จริงอย่างที่พี่ต้นว่านะเตี่ย  ยามที่เตี่ยจ้างมาน่ะจะช่วยดูแลสอดส่องได้ทั่วถึงตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยเชียวหรือ ทำประกันเอาไว้ดีกว่าน่า……เงินทองเตี่ยก็มีออกมากมายเยอะแยะ ค่าเบี้ยประกันนิดหน่อยเท่านั้นเองทำเป็นขี้เหนียวไปได้….”
            “ถ้ากูไม่ขี้เหนียว จะมีเงินถึงขนาดนี้หรือวะไอ้ลูกบังเกิดเกล้า ทำเป็นอวดดีมาสั่งสอนกู….” เสี่ยใหญ่ค้อนลูกชายปะหลับปะเหลือก แล้วหันไปทางต้น  คุณทิ้งรายละเอียดเอาไว้ก่อนแล้วกันผมจะขอเวลาพิจารณาดูก่อน ไว้อีกสองสามวันจะให้คำตอบ
            เพียงแค่นี้ต้นก็พอจะมีความหวังขึ้นมาอยู่บ้างแล้ว เขาจัดแจงมอบเอกสารต่าง ๆ ที่หอบมาด้วย ให้กับเสี่ยกำชัย แล้วยกมือไหว้
            ขอบพระคุณมากครับท่าน…..ผมหวังว่าข้อเสนอใหม่ของบริษัท คงทำให้ท่านมีความพอใจ ขอรบกวนเวลาของท่านเพียงเท่านี้ผมลาก่อนครับยกมือไหว้อีกครั้งพร้อมกับลุกขึ้นยืน
            อ้อ ! เดี๋ยวก่อนไอ้ปื๊ดเสี่ยกำชัยเห็นลูกชายทำท่าจะเดินออกไป จึงรีบเรียกเอาไว้  แม่มึงเขาสั่งบอกมาว่า ให้มึงช่วยโผล่หน้าไปให้เขาเห็นมั่ง เขาอยากจะรู้ว่า มึงยังอยู่หรือว่าตายห่าตายโหงไปแล้วมึงอย่าลืมนะ!”
            “ได้ครับผมไม่ลืมหรอกครับเตี่ย
            ปื๊ดรับปากแล้วเดินตามต้นออกไปจากห้องทำงานของพ่อ
                        **********
            เสียงเฮฮาดังลั่น  ทำให้พนักงานในแผนกประกันภัยต่างพากันเงยหน้าขึ้นมอง เห็นต้นกับปื๊ดกอดคอกันเดินผลักประตูกระจกหัวเราะร่าเข้ามา
            ดีใจอะไรหรือพี่ต้นถูกหวยเหรอ?”
            พนักงานสาวพิมพ์ดีดใส่แว่นตาหนาเตอะ เลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
            ยิ่งกว่าถูกหวยอีกแน่ะอี๊ดรู้มั้ย งานชิ้นนี้ของผมใกล้สำเร็จแล้ว
            ต้นบอกด้วยสีหน้าร่าเริง  นุชซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ แทบไม่เชื่อหูตนเอง ลุกขึ้นมายื่นหน้าถาม
            ฮ้า ! จริงหรือพี่ต้นพี่ต้นไปทำอีท่าไหนเข้าล่ะตาเสี่ยขี้ตืดคนนั้นถึงได้ยอมเปลี่ยนใจ!”
            ปื๊ดได้ยินเข้าเต็มสองหูพอดีถึงกับสะดุ้ง ต้นก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน รีบจุ๊ปากห้ามแล้วชี้โบ้ยไปทางปื๊ด
            เบา ๆ อย่าพูดดังไป...ลูกชายของเขายืนอยู่ที่นี่!”
            “อุ๊ยตาย! ขอโทษค่ะ”  นุชตกตะลึง  ยกมือทาบอกอุทานออกมา ไม่นึกจริง ๆ ว่าคุณจะเป็นลูกชายของเสี่ยกำชัย
            “ไม่เป็นไรหรอกครับเรื่องจิ๊บจ้อย”  ปื๊ดเปิดยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี
            นึ่คือคุณปื๊ดลูกชายคนเดียวของเสี่ยกำชัยแล้วนี่คุณนุช  เลขาของผู้จัดการต้นแนะนำ
            อ้าว ! นึกว่าเลขาของพี่ต้นซะอีก !” ปื๊ดแกล้งแซวทำหน้าทะเล้น
            ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ….” นุชยิ้มนิด ๆ แก้เขิน แล้วค้อมศีรษะให้ ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ ที่เผลอแอบนินทาคุณพ่อของคุณต่อหน้า……พี่ต้นนี่ใจดำจริง ๆ ไม่ยอมบอกให้นุชรู้จักตัวก่อน
            “ว่าไปเถอะครับคุณนุชไม่เป็นไรหรอก  ความจริงเตี่ยผมแกก็เป็นคนขี้ตืดอย่างที่คุณว่าจริง ๆ นั่นแหละแต่เพื่อพี่ต้นผมต้องช่วยให้ได้งานชิ้นนี้อย่างแน่นอนวางใจได้
            หญิงสาวชักนึกชอบคนพูดอะไรตรงไปตรงมาอย่างปื๊ดหล่อนพลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา
            เกือบเที่ยงแล้วล่ะลงไปหาอะไรทานข้างล่างกันดีกว่านะคะ นุชจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงฉลองความสำเร็จล่วงหน้าให้กับพี่ต้นเอง
            “อ๊ะ ! ไม่ได้ครับคุณนุช!” ปื๊ดโบกมือห้าม ต้องให้เกียรติผมเป็นเจ้ามือ ในฐานะที่ผมบังเอิญโชคดีได้มีโอกาสรู้จักกับเพื่อนร่วมงานคนสวยของพี่ต้นมันถึงจะถูกนะครับ….”
            โดนหยอดคำชมเข้าต่อหน้า  หญิงสาวเลยยืนเขินไปเลย
            อย่าปฎิเสธเขาเลยนะคุณนุชลูกเถ้าแก่โรงงานทอผ้าทั้งที นาน ๆ จะมีหมูจริง ๆ วิ่งเข้ามาชนปังตอสักราย…”
            ต้นแกล้งว่ากระทบ เพราะนึกหมั่นไส้ในความเจ้าคารมของปื๊ดขึ้นมา เด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์ทำคอย่นค้อนต้นปะหลับปะเหลือก จนนุชต้องแอบยิ้ม ยิ้มอย่างนึกขำในท่าทางดูตลก ๆ ของปื๊ด
            ไปกินข้าวกันเถอะอี๊ดมีเจ้ามือแล้ว ไปช่วยกันล้มทับหน่อยเร็ว!”
            หล่อนหันไปชวนเพื่อนสาว  อี๊ดวางมือเงยหน้าจากเครื่องพิมพ์ดีด
            ไปกันก่อนเหอะงานยังพิมพ์ไม่เสร็จ  เดี๋ยวอี๊ดจะตามไปทีหลัง
            “แล้วรีบตามไปเร็ว ๆ เข้าล่ะ”  นุชสั่งก่อนที่จะชวนกันออกห้องทำงานไป
            พอต้นกับปื๊ดและนุชเดินคล้อยหลัง มานพก็เปิดประตูห้องทำงานเดินออกมาถามอี๊ด
            พวกนั้นเขาหัวเราะคิกคักชอบใจเรื่องอะไรกันหรือคุณอี๊ด?”
            “อ๋อ! พี่ต้นเขาดีใจเพราะงานที่ผู้จัดการมอบหมายให้ไปทำใกล้จะสำเร็จแล้วน่ะ…”
            “อะไรนะ! เป็นไปได้ยังไง?” มานพตกใจตาเหลือก
            ก็ไม่ทราบซิคะแต่ได้ยินคุณปื๊ดลูกชายของผู้อำนวยการโรงทอผ้ารับปากว่าจะช่วยเหลือพี่ต้น ดูสนิทสนมกันมากค่ะ…”
ผู้ชายตัวอ้วน ๆ คนนั้นน่ะเหรอ ลูกชายของเสี่ยกำชัย?”
            “ค่ะ….ผู้จัดการ
            เหมือนโดนค้อนเคาะหัวเข้าอย่างจังจนยืนเซ่อมานพถอยกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง ทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงาน มึนงงอยู่ตั้งนาน คาดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะกลับตาลปัตรเป็นเช่นนี้ไปได้
            อุตส่าห์คิดวางแผนขึ้นมาเพื่อที่จะกำจัดต้นออกไป พยายามหางานชิ้นที่เห็นว่าเขี้ยวที่สุดให้ทำแล้ว แต่ไอ้หนุ่มหน้ามนคนนี้ดันไปรู้จักกับลูกชายเจ้าของโรงงานทอผ้าเข้าเสียนี่
            ถ้าเกิดต้นทำงานชิ้นนี้สำเร็จขึ้นมาจริง ๆ เขานั่นแหละที่จะต้องเป็นฝ่ายเสียหน้า
            ไม่ได้….เขาจะยอมแพ้เด็กเมื่อวานซิคนนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด สมองของมานำเริ่มคิดวางแผนชั่วร้ายเพื่อขัดขวาง ถึงแม้มันจะทำความเสียหายมาให้แก่บริษัทก็ตามที
                        **********
            กลับจากที่ทำงานในตอนเย็น ต้นแวะซื้อข้าวของเครื่องใช้จำเป็นมาด้วยมากมาย จนต้องเรียกแท็กซี่ให้มาส่ง ปื๊ดซึ่งกลับมาถึงก่อนหน้าตั้งแต่บ่ายแล้ว และกำลังเช็ดล้างมอเตอร์ไซค์ของเขาอยู่ในลานจอดรถ พอเห็นต้นหอบข้าวของพะรุงพะรังก้าวลงจากรถแท็กซี่ เด็กหนุ่มรีบวางสายยางก๊อกน้ำ กุลีกุจอเข้าไปช่วยถือ
            อย่าดีกว่าปื๊ด….ไปล้างรถต่อเถอะ ของแค่นี้เองพี่ถือคนเดียวไหว
            เขาปฏิเสธความช่วยเหลือ เพราะไม่อยากให้เด็กหนุ่มต้องขึ้นไปเจอวนาแกล้งหลอกเข้าให้อีก แต่ปื๊ดยังคงยืนยันกรานจะช่วยถือของให้ท่าเดียว
            เอาเหอะน่า….พี่ต้น ให้ผมช่วยดีกว่า
            ไม่ได้พูดแต่ปาก ปื๊ดเข้ามาแย่งตะกร้าและถังน้ำพลาสติกไปจากมือต้นยืนยิ้มแฉ่ง ชายหนุ่มจึงจำใจต้องให้เขาช่วยถือของเดินตามหลังขึ้นบันไดอพาร์ตเม้นท์ไป
            ส่งแค่นี้ก็พอแล้วปื๊ด….ขอบใจมากนะ!”
            มาถึงหน้าห้อง ต้นพยายามพูดด้วยเสียงอันดังเพื่อเป็นการเตือนให้นางไม้สาวรู้ตัว ว่ามีคนอื่นมากับเขาด้วย หล่อนจะได้หลบไปก่อน
            ไม่เป็นไรสำหรับพี่ต้นต้องส่งให้ถึงที่ซิน่า….” ปื๊ดแสดงความมีน้ำใจอย่างเต็มที่ ทั้ง ๆ ที่ใจยังนึกขยาดไม่หาย กลัวว่าจะเจออะไรแปลก ๆ ในห้องของต้นแบบเมื่อเช้า
            ชายหนุ่มไขกุญแจ ค่อย ๆ แง้มประตูออกมองดูไม่เห็นวนาอยู่ในห้องค่อยรู้สึกโล่งใจ เดินนำปื๊ดเข้าไปเอาข้าวของที่ถือมาวางลงตรงห้องนั่งเล่น  สิ่งที่ปื๊ดสะดุดตาคือ ผ้าห่มขนหนูสีชมพูอ่อนผืนใหญ่
            ทำไมพี่ต้นต้องซื้อผ้าห่มมาอีกผืน จะให้ใครมานอนด้วยหรือไงครับ?”
            “ไม่แน่นักหรอกนะถ้าหากว่าเจอคนที่ถูกใจเข้าต้นพูดทีเล่นทีจริง
            อ้าว ! ก็คุณแตนแฟนของพี่ต้นยังไงล่ะ?”
            “อย่างคุณแตนคงไม่ยอมมาอยู่ในห้องรูหนูซอมซ่อแบบนี้หรอก
            “ทำไมล่ะทีผมกับพี่ต้นยังอยู่ได้เลย คนเราน่ะ คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยากนะพี่ต้น
            “ทุกคนไม่เหมือนกันหมดหรอกนะปื๊ด อย่างปื๊ดน่ะเป็นคนง่าย ๆ ยังไงก็ได้  แต่สำหรับคุณแตนแล้วเธอเคยมีชีวิตความเป็นอยู่แบบหรูหรา  จะให้มาอยู่อย่างเราได้ยังไง
            “จริงซินะพี่ต้น”  เด็กหนุ่มพยักหน้าคล้อยตามแล้ทำท่าเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้  แย่แล้วผมลืมเสียสนิทว่าเปิดน้ำทิ้งไว้ ป่านนี้คงไหลนองแฉะลานจอดรถหมดแล้ว ยัยโฉมศรีปากม้ามีหวังด่าผมเละแน่ ผมต้องไปก่อนล่ะพี่ต้น!”
            ปื๊ดรีบวิ่งตื๋อออกจากห้องไป ต้นเดินตามมาปิดประตูงับเอาไว้ แล้วยืนหันมองไปรอบ ๆ ห้อง
            คุณวนา….คุณวนาครับ….คุณอยู่ในห้องนี้หรือเปล่า?”
            นางไม้สาวปรากฏกายขึ้นที่ข้างเตียง
            อยู่นี่ค่ะคุณต้น
            “ดีแล้วครับที่ไม่ออกมาปรากฏกายให้ใครต่อใครเห็น แต่แบบเมื่อเช้านี้คุณทำไม่ถูก รู้มั้ยว่าคุณทำให้ปื๊ดขวัญหนีดีฝ่อหมด….”
            “แหม ! วนาเห็นเขาน่ารักดี ดูท่าทางไม่มีพิษมีภัย เลยนึกสนุกอยากล้อเล่นด้วยเท่านั้นเองน่ะ…”
            “ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกเลยนะครับผมขอร้อง….ปื๊ดเขายิ่งเป็นคนกลัวผีขึ้นสมองอยู่ ถ้าเกิดตกใจจนช็อคขึ้นมา เรื่องมันจะยุ่งกันใหญ่….”
            “เพคะเจ้านาย!”
            วนาทำเสียงล้อเลียน ย่อตัวถอนสายบัวด้วยท่าทางชดช้อยดูน่ารัก ต้นอมยิ้มแล้วหยิบผ้าห่มออกมาจากถุงมายื่นส่งให้
            ผมซื้อผ้าห่มมาให้คุณแล้ว นี่ไงชอบไหมครับ?”
            นางไม้สาวรับไปคลี่ออกดู
            สวยดีนี่คะลายน่ารักจังความจริงวนาไม่จำเป็นต้องใช้เลย แต่ถึงยังไงก็ขอบคุณมากค่ะคุณต้น
            “ผมดีใจที่คุณชอบอ้อ! ยังมีอีกนะ….”  ต้นล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อ ผมซื้อไอ้นี่มาฝากคุณ….เห็นมันน่ารักดี
            เขาแบมือออก เป็นกิ๊บติดผมพลาสติกรูปผีเสื้อขนาดกะทัดรัดสองอัน
            น่ารักจริงๆ ด้วยใช้ทำอะไรเหรอคุณต้น?”
            เสียงรถแล่นเลี้ยวเข้าประตูรั้วอพาร์ตเม้นท์มา ปื๊ดซึ่งกำลากสายยางทำท่าจะล้างรถต่ออยู่หันไปมอง
            ฮอนด้าซีวิคสีแดงชะลอความเร็วแล้วหยุดสนิทลงห่างจากที่ปื๊ดยืนอยู่ไม่มากนัก แตนเปิดประตูก้าวออกมาจากรถ ปั้นสีหน้าให้ยิ้มแย้มทักทายเขา
            สวัสดีค่ะ….”
            “อ๋อ ! คุณแตนน่ะเอง….มาหาพี่ต้นเหรอครับพี่ต้นอยู่บนห้องแน่ะ
            ปื๊ดชี้ขึ้นข้างบนตึก ลืมคิดไปว่ากำลังถือสายยางอยู่ในมือ น้ำจากสายยางจึงพุ่งฉีดไปโดนชายกระโปรงของหญิงสาวเข้า
            ว๊าย ! ตายแล้ว…”
            หล่อนหวีดร้องตกใจ รีบกระโดดถอยหนี
            โอ๊ะ ! ขอโทษครับขอโทษแหม ! ผมนี่แย่ชะมัดซุ่มซ่ามจัง!”
            ปื๊ดทิ้งสายยางทำท่าจะเอาผ้าเช็ดรถเข้ามาช่วยเช็ดให้ หญิงสาวเบิกตากว้าง รีบร้องห้ามเสียงหลง
            อย่าอย่านะไม่ต้อง! !”
            หล่อนทำท่าขยะแขยง เปิดกระเป๋าถือหยิบผ้าเช็ดหนน้าออกมาซับหยาดน้ำที่เปรอะเปื้อนตรงชายกระโปรง
            วันนี้หล่อนแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ เพราะตั้งใจจะมาง้อต้น พยายามสะกดกลั้นความโกรธที่มีต่อเด็กหนุ่มฝืนยิ้มให้เขาอีกครั้ง ก่อนจะเดินผละไปที่บันได
            หลังจากที่ลองคิดทบทวนดูแล้ว แตนตัดสินใจว่าหล่อนควรจะเป็นฝ่ายมาขอโทษต้นเสียเอง ถึงจะต้องเสียหน้าไปบ้าง แต่มันยังดีกว่าต้องเสียเขาไป
            ถึงหน้าห้องของต้นแล้ว แตนทำท่าจะยกมือขึ้นเคาะประตู แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ ลองจับลูกบิดประตูขยับดู
            ประตูไม่ได้ล็อค
            หล่อนอยากจะทำให้เขาแปลกใจ ขยับลูกบิดประตูเปิดผางออกทันที


วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เตียงนางไม้ ตอนที่ 11

๑๑ . . .


          ออกจากโรงภาพยนตร์ขนาดมินิเธียเตอร์บนห้างสรรพสินค้า ปื๊ดวางโปรแกรมเที่ยวต่อกะว่าจะหาที่กิน ฟังเพลง แล้วก็ดิ้นให้สะใจ ต้นไม่อยากเป็นกขค. จึงขอตัวกลับก่อน ปล่อยให้ปื๊ดไปกับตุ่มตามลำพังเพียงสองคน
          มาถึงอพาร์ตเม้นท์เมื่อตะวันโพล้เพล้ ใกล้จะลับขอบฟ้าอยู่ร่อมร่อ เห็นลุงม้วนกับแม่แจ่มสองผัวเมียผู้มีหน้าที่ดูแลทำความสะอาดที่นี่นั่งซุบซิบกัน แล้วชายตามองมาทางเขาอยู่ที่โต๊ะม้าหิน
          ชายหนุ่มไม่อยากใส่ใจด้วย ก้มหน้าก้มตาเดินผ่านคนทั้งคู่ตรงไปที่บันได
          คุณคะคุณ….”
            เสียงแม่แจ่มเรียก  ทำให้เขาต้องชะงักฝีเท้าแล้วหันไปมอง
            มีอะไรหรือครับ?”
            “อย่าหาว่าอีฉันเสือกเลยนะคะ คืออีฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าคุณอยู่ในห้องนั้นได้ยังไง ไม่มีอะไรมารบกวนคุณบ้างเลยหรือคะ?”
            คำถามของหญิงสูงอายุสะกิดชายหนุ่มเขาชักอยากรู้ว่า สองสามีภรรยาคู่นี้ทราบความจริงอะไรเกี่ยวกับห้อง 316 บ้าง ต้นยิ้มให้กับแม่แจ่มอย่างอารมณ์ดีหย่อนตัวลงนั่งบนม้าหินว่าง
            ไม่เห็นมีอะไรนี่ครับป้าทำไมหรือครับ?”
            “มันแปลกใจน่ะ…” ลุงม้วนบอกขมวดคิ้วจ้องหน้าเขา  เห็นคุณทนอยู่มาได้ตั้งสามสี่วันแล้ว….”
            “ใช่ค่ะ….” แม่แจ่มพยักหน้าหงึกรีบสนับสนุน รายก่อน ๆ ย้ายเข้ามาอยู่ได้แค่คนละวันสองวัน ต่างต้องรีบขนข้าวขนของหนีเปิดไปทั้งนั้น ห้องนั้นผีดุออกค่ะ อื๋อย์….พูดแล้วยังขนลุกเลย!”
            หล่อนทำท่าทางประกอบ จนต้นอดนึกขำไม่ได้
            ลุงกับป้าเคยเห็นหรือครับ?”
            “อีฉันไม่เคยเห็นหรอกค่า…” แม่แจ่มลากเสียงยาวทำตาโตเท่าไข่ห่าน  แต่คนที่มาเช่าห้องเค้าเล่าให้ฟังว่ามันแผลงฤทธิ์หลอกเอา จนไม่เป็นอันได้หลับได้นอนกัน บางทีอยู่เฉย ๆ เตียงเกิดสั่นขึ้นมา หรือไม่นอนอยู่ดี ๆ ข้าวของในห้องก็ลอยไปลอยมาพร้อมกับมีเสียงหัวเราะของผู้หญิง เสียงงี้เยือกเย็นจับใจเชียวล่ะคุณเอ๋ย…”
            หญิงสูงอายุเล่าเป็นตุเป็นตะ ทำมือทำไม้ประกอบยังกับเห็นมาด้วยตาตนเอง ชายหนุ่มได้แต่นั่งฟังเงียบ ๆ ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาให้เห็น
            อยากจะบอกอยู่เหมือนกันว่าตัวเขาเองน่ะรู้อะไรดีกว่าใครทั้งหมด รู้ว่าสิ่งที่แม่แจ่มเล่ามาไม่ใช่ผี แต่เป็นนางไม้ หล่อนเป็นนางไม้ที่สวยน่ารักเอามาก ๆ เสียด้วยซิ
            แต่ชายหนุ่มกลับปิดปากเงียบไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมา
            เพราะถ้าหากเล่าความจริงให้ฟัง คงจะต้องถูกสามีภรรยาสูงอายุคู่นั้นซักไซ้ไล่เลียงให้ยืดยาว เสียเวลาไปอีกนาน สู้ปล่อยให้เรื่องนี้มันหายเงียบไป พร้อมกับวนาแม่นางไม้ที่น่าสงสารเสียเลยจะเป็นการดีกว่า
            ผมไม่เห็นเลยว่าห้องผมจะมีอะไรผิดปกติ
            “ดูท่าทางคุณจะไม่เชื่อ…” เห็นชายหนุ่มทำท่าจะลุกขึ้น ลุงม้วนรีบพูดดักเอาไว้  ห้องนั้นน่ะมีผีจริง ๆ แล้วก็ดุมากเสียด้วย ผมอยากจะเตือนคุณเอาไว้ ขนาดคุณโฉมศรีเคยนิมนต์พระมาทำพิธีปัดรังควาน ยังไม่ยอมไปเลยคอยตามอาละวาดหลอกหลอนทุกคนที่เข้าไปพัก คุณต้องระวังให้ดีด้วยนะครับ…”
            “ขอบคุณครับที่เตือนผีของลุงอาจจะเคยมีจริง แต่ต่อไปนี้เธอคงไม่มารบกวนใครอีกแล้วล่ะครับ
            ต้นพูดเป็นปริศยาแล้วเดินจากไป ปล่อยให้ลุงม้วนกับแม่แจ่มนั่งงงกับคำพูดของเขาที่โต๊ะม้าหินข้างสนามหญ้านั่นเอง
                        **********
            ดอกกุหลาบสีแดงในแจกันยังคงตั้งอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แต่บัดนี้กลีบที่เคยตูมแย้มสดสวยกลับบานอย่างเต็มที่ และร่วงโรยลงเกลื่อนหน้าโต๊ะกิ่งก้านเหี่ยวเฉาหงิกงอห้อยย้อยลงข้างแจกัน  คล้ายกับคนที่กำลังสิ้นเรี่ยวแรงรอคอยวันตาย
            ต้นยืนมองกุหลาบที่กำลังจะเหี่ยวเฉาโรยราช่อนั้นนิ่งอยู่นาน ด้วยสายตาที่แสดงอาการปวดร้าวลึกอยู่ในใจ
            นึกถึงคนที่เขาตั้งใจจะนำกุหลาบช่อนี้ไปมอบให้ แต่กลับถูกหล่อนขยี้ปัดทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใย ชายหนุ่มต้องถอนหายใจยาวออกมา
            ผู้หญิงที่เขามอบความรักให้กับหล่อนจนหมดสิ้นรู้จักคบหากันมาเป็นแรมปี ทำไมกล้าทำลายจิตใจของเขาถึงเพียงนี้ เกรี้ยวกราดใส่เขา และพูดจาหยาบคายอย่างที่ไม่น่าจะเป็น
            ใช่สิ…..หล่อนเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวที่มีอันจะกิน ร่ำรวยทั้งเกียรติยศชื่อเสียง และหลักฐานฐานะ ส่วนตัวเขาเองเป็นใคร
            มันแค่ไอ้ลูกชาวนาจน ๆ คนหนึ่ง จะมีอะไรสามารถเทียบกับหล่อนได้ อย่างเก่งก็เป็นได้แค่พนักงานต๊อกต๋อยคนหนึ่งของบริษัทประกันเท่านั้นเอง
            ด้วยเหตุนี้เองกระมัง  หล่อนจึงจิกหัวด่าว่าเขาอยากไม่มีการยำเกรง แล้วยังมีหน้าจะมาบอกอีกว่าให้เขาเป็นฝ่ายไปขอโทษหล่อนก่อน
            ไม่มีวันเสียล่ะ เพราะยังไงเขาก็ยังรักศักดิ์ศรีของตัวเอง จากที่แล้ว ๆ มา เขาได้เพียรทำดีกับหล่อนด้วยความอดทนมากพอแล้ว  จะไม่ยอมก้มหัวให้โขกสับอีกต่อไป
            ต้นตั้งใจเอาไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะปล่อยกุหลาบช่อนี้ให้เหี่ยวเฉาคาแจกันอยู่แบบนั้น เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจตัวเอง พอกันทีสำหรับความรักที่ไม่มีวันจะเข้ากันได้ของเขา
            ยืนคิดอะไรเพลินจนลืมตัว ดึกมากแล้วซินะสมควรที่เขาจะได้พักผ่อนหลับนอนให้สบายเสียที สลัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้กระเจิงออกไป  แล้วเหลียวมองไปที่เตียงนอน
            เตียงนี้เคยมีนางไม้แสนสวยเป็นเจ้าของ ถึงหล่อนจะทำเรื่องวุ่นวายจนกลายเป็นปัญหาใหญ่หนักอกเขาอยู่ในเวลานี้ แต่เขาไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าหล่อนมีความน่ารัก น่ารักอย่างประหลาด
            วนาจากเขาไปเสียแล้ว ไปอยู่ที่ไหนไม่มีใครรู้คิดขึ้นมาแล้วใจหาย เขายังคงจำใบหน้าและรอยยิ้มของหล่อนได้อย่างติดตา ไม่มีวันลืมเลือน
            ชายหนุ่มปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดนอนที่แขวนเอาไว้อยู่ออกมา  แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำชำระคราบเหงื่อไคลที่หมักหมมมาทั้งวัน  ความเย็นของสายน้ำที่พุ่งออกมาจากฝักบัว ช่วยให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมามาก
            หลังอาบน้ำเสร็จใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยต้นจึงออกจากห้องน้ำ หยิบกระป๋องแป้งที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งขึ้นมาโรยตามเนื้อตามตัว แล้วเดินไปที่เตียงคว้าผ้าห่มกับหมอนขึ้นมาใบหนึ่ง เอาหมอนวางลงบนพื้นข้างเตียงคลี่ผ้าห่มออก ตั้งท่าจะล้มตัวลงนอน
            แต่พอสายตาเหลือบมองไปที่ช่อกุหลาบอีกครั้งชายหนุ่มถึงกับตะลึงตาค้าง
            ดอกกุหลาบที่เหี่ยวเฉาเหล่านั้นค่อย ๆ ทรงตัวชูตั้งขึ้น กลีบที่ร่วงหล่นอยู่โดยรอบ พากันลอยกลบขึ้นไปเสียบที่ดอกอย่างเดิม จนกุหลาบช่อนั้นดูสวยสดงดงามเหมือนเพิ่งจะถูกตัดมาจากต้นใหม่ ๆ อย่างน่าอัศจจรรย์
            มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถทำเช่นนี้ได้ ต้นเหลียวมองไปรอบห้อง แล้วเงาร่างของหล่อนจึงค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นในกระจกเงา
            คุณวนา!” ต้นเหลือบไปเห็นอุทานออกมาอย่างดีใจ
            นางไม้สาวกำลังยืนอยู่ที่ที่ปลายเตียง มองมาที่เขาพร้อมกับยิ้มเศร้า ๆ
            คุณวนาคุณวนาจริง ๆ ด้วย
            รู้สึกตื่นเต้นดีใจจนบอกไม่ถูก ด้วยความลืมตัวชายหนุ่มตรงเข้าช้อนร่างนั้น อุ้มหมุนวนไปรอบ ๆจนกระโปรงยาวสีชมพูที่หล่อนสวมใส่อยู่บานพลิ้วไปตามแรงหมุนเหวี่ยงของต้น
            แต่พอนึกขึ้นมาได้ เขารีบคลายวงแขนปล่อยร่างของนางไม้สาวลง
            ขอโทษ….ขอโทษครับคุณวนาผมดีใจจนลืมตัวไปน่ะ….ไม่ได้มีเจตนาทำมิดีมิร้ายกับคุณ
            หล่อนยืนมองหน้าเขาทำตาปริบ ๆ นึกไม่ถึงว่าจะโดนจู่โจมเข้าแบบนั้น รู้สึกใบหน้าชาวูบแดงขึ้นมาเป็นลูกตำลึงทันที
            “คุณต้นยังนอนพื้นอยู่อีกหรือ?” หล่อนมองพื้นถามแก้เก้อ ทำไมไม่ขึ้นไปนอนบนเตียงล่ะ?”
            “เตียงนี้เป็นของคุณ ผมไม่กล้าขึ้นไปนอนหรอกครับ ผมปล่อยให้ว่างเอาไว้เพื่อรอเจ้าของกลับมา แล้วคุณก็กลับมาจริง ๆคุณวนา…”
            “วนาไม่มีที่จะไปไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปอยู่ที่ไหนดี…”  หล่อนยืนก้มหน้าบอกเสียงเศร้า ๆ
            กลับมาอยู่ที่นี่เถอะครับคุณวาไม่ต้องไปไหนหรอกผมดีใจที่คุณกลับมา  แล้วอยากให้คุณอยูที่นี่ผมพูดจากใจจริงนะครับ
            “แต่วนาทำให้คุณเดือดร้อน ทำให้คุณต้องลำบากใจ เกรงว่าจะมาทำความยุ่งยากให้กับคุณต้นอีก
            “ไม่เลยครับคุณวนา….ไม่ชายหนุ่มรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน  คุณไม่ได้ทำอะไรให้ผมเดือดร้อนหรอก ผมเสียอีกที่จะต้องขอขอบคุณที่คุณช่วยทำให้ผมตาสว่างได้รู้ได้เห็นเข้าใจอะไรดีขึ้น
            “คุณต้นยังปรับความเข้าใจกับคุณแตนไม่ได้อีกหรือ?”
            ชายหนุ่มพยักหน้ารับ แล้วยักไหล่เหมือนไม่แคร์เมื่อพูดถึงเรื่องนี้
            อย่าไปใส่ใจเลยครับ ลืมมันเสียเถอะอันที่จริงมันถูกอย่างที่คุณวนาว่าคุณแตนเธอเป็นคนโมโหร้าย ดุยังกะแม่เสือจริง ๆ
            “ต่อไปนี้วนาจะไม่แกล้งใครอีกแล้ววนาขอให้สัญญา…”
            “หมายความว่า คุณวนาตกลงใจจะกลับมาอยู่ที่นี่จริง ๆ ใช่ไหมครับต้นถามด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือล้น
            หล่อนพยักหน้ารับ
            "ไชโย...ผมดีใจจังเลย". ชายหนุ่มกระโดดตัวลอย ทำท่าเหมือนจะโผลเข้ากอดนางไม้สาว
             หล่อนรีบยกมือห้ามจนเขาต้องรีบเบรกแล้วยืนหัวเราะแก้เขิน
คืนนั้นต้นยังคงนอนที่พื้นห้องข้างเตียงเหมือนเดิม แต่เป็นคืนที่เขารู้สึกว่ามีความสุขที่สุด ตั้งใจไว้ว่าพรุ่งนี้เขาจะเจียดเงินไปซื้อผ้าห่มอีกผืนมาฝากวนา จะได้ไม่ต้องแย่งผ้าห่มกับหล่อนอีก
            **********
ไฟในห้องรับแขกของคฤหาสน์หลังงามยังเปิดสว่าง แตนสวมชุดนอนสีครีม มีเสื้อคลุมกำมะหยีสีน้ำเงินสวมทับอีกชั้น หล่อนหำลังเดินวนไปเวียนมาคล้ายเสือติดจั่น ตาคอยชะเง้อมองดูไปที่ประตูบ่อยครั้ง
            ละครหลังข่าวจบพอดี แม่แหววสาวใช้รีบปิดที.วี. ย่องกลับไปนอน เพราะไม่อยากอยู่รับหน้าเป็นที่ระบายอารมณ์ของนายสาวอีกต่อไป
            ตั้งแต่สองทุ่มแล้ว ที่เด็กสาวเห็นคุณแตนเดินวนไปเวียนมา บ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่แบบนี้ เพื่อสวัสดิภาพของตนเองจึงควรหลบไปให้พ้นๆหน้าเป็นการดีที่สุด
            แตนรู้สึกขัดเคืองใจยิ่งหนัก ไหว้วานตุ่มไปบอกต้นให้มาขอโทษหล่อน แต่เฝ้ารอแล้วรอเล่า ต้นยังไม่มาปรากฎโฉมหน้าให้เห็นสักที ยัยตุ่มพลอยหายต๋อมไปด้วย หล่อนโทรศัพท์ไปถามที่บ้านเพื่อนตั้งหลายหนก็ได้รับคำบอกเล่าว่ายัยตุ่มยังไม่กลับทำให้รู้สึกกระวนกระวายใจนัก
            หล่อนไม่เข้าใจว่าทำไมต้นถึงไม่มา หรือว่ายัยตุ่มไม่ได้ไปบอกกับเขา แต่ตุ่มได้รับปากหล่อนอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วนี่นา...ว่าจะรีบพูดกับต้นให้
            ดึกจนป่านนี้แล้วยังไม่เห็นมีใครมาสักคน ก่อนหน้านั้นหล่อนมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าต้นจะต้องรีบมาขอโทษหล่อนแน่มาบัดนี้ชักเริ่มไม่ค่อยแน่ใจเสียแล้ว
            ถ้าหากต้นไม่ยอมมาขอโทษจริงๆล่ะ จะทำยังไงมิกลายเป็นว่าหล่อนนั้นแหละที่จะต้องกลายเป็นฝ่ายสูญเสียเขาไปกระนั้นหรือ
            "ยังไม่นอนอีกหรือยายแตน"
            คุณพิทักษ์เดินลงบันไดมา เห็นบุตรสาวคนเดียวของท่านยืนหน้างออยู่ที่ห้องรับแขก จึงถามขึ้น
            "ยังค่ะคุณพ่อ....แตนยังไม่ง่วง"
            "เป็นอะไรไปน่ะหือ....ลูกหน้าหมุ่ยเชียว!"
            "ก็พี่ต้นซิ.....ไม่ยอมมาเลยค่ะคุณพ่อ"
            "จะให้เขามาได้ยังไง...ในเมื่อลูกทำกิริยากับเขาไว้แบบนั้น"
            "แต่พี่ต้นเป็นฝ่ายผิดนะคะคุณพ่อ เล่นพิเรนท์ใช้ชองต่ำกับลูกก่อน" หญิงสาวเถียงฉอดๆจนผู้เป็นพ่อส่ายหน้า
            "หัดรู้จักใช้เหตุเสียบ้างซี้...คนอย่างต้นนะหรือ...จะกล้าหยอกลูกรุนแรงขนาดนั้น เขาเป็นคนที่มีการศึกษาแล้วก็ไม่เคยจะมีท่าทีว่าจะหยาบคายให้เห็นมาก่อน ลูกอาจจะเข้าใจผิดมากกว่า....."
            "แตนไม่ได้เข้าใจผิดหรอกค่ะ มีคนทำแบบนั้นกับแตนจริงๆ ถ้าไม่ใช่พี่ต้นแล้วเป็นใครเล่าคะ?” ?"
            "ลืมมันเสียเถอะลูก..อย่าให้เรื่องที่ไม่เป็นเรื่องแบบนี้ มาทำให้ลูกต้องรู้สึกขุ่นเคืองไม่สบายใจเลย"
            "แตนควรจะทำยังไงดีล่ะคะคุณพ่อ?"หล่อนขอความเห็น
            "ลูกรักเขาหรือเปล่าล่ะ?”คุณพิทักษ์ย้อนถาม
            "รักค่ะ...." หญิงสาวพยักหน้ารับ "แตนรักพี่ต้นมาก..ไม่อยากให้ต้องสูญเสียพี่ต้นไป..."
            "ถ้าอย่างงั้นลูกควรจะเป็นฝ่ายไปขอโทษเขาเสีย"
            เป็นคำแนะนำของชายสูงอายุ ก่อนที่ท่านจะเดินกลับขึ้นไปนอนต่อ
***********
เช้าวันนี้ปื๊ดมีนัดจะพาต้นไปพลกับเตี่ยของเขาที่โรงงาน เด็กหนุ่มแต่ตัวเสร็จแล้ว ออกจากห้องของตนล็อกกุญแจแล้วเดินมาเคาะประตูหน้าห้องต้น
            "พี่ต้น.....พี่ต้น.....จะไปกันรึยังล่ะ...?"
            ชายหนุ่มอาบน้ำอยู่ วนาได้ยินเสียงคนมาเคาะประตู นั่งหันรีหันหันขวางอยู่บนเตียง ไม่รู้จะทำยังไงดี
            "มีคนมาเคาะประตูจะให้ทำยังไงดีคะ....คุณต้น?"
            "คงจะเป็นปื๊ด...คุณวนาช่วยหลบไปก่อนแล้วกันครับ"
            นางไม่สาวทำตามหายตัวแว้ปไป
            "พี่ต้น...ยังไม่ตื่นอีกหรือ...พี่ต้น!"
            เห็นในห้องเงียบกริบไม่มีเสียงตอบ ปื๊ดคิดจะลองเรียกใหม่ แต่ต้องหยุดชะงักมือค้างเมื่อเห็นบานประตูค่อยๆเปิดแง้มออกเอง
            เด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์ ชะโงกหน้าเข้าไปมองอย่างแปลกใจที่ไม่เห็นมีใครมาเปิดประตูให้
            คงไม่ใช่ผีนางไม้เป็นคนเปิดให้หรอกนะ เพราะต้นบอกว่าหล่อนไปจากห้องนี้แล้วนี่นา ต้นอาจจะไม่ได้ล็อกประตูเพียงงับเอาไว้เฉยๆเพราะรู้ว่าเขาจะมาหา
            ค่อยๆก้าวเข้าไปในห้องอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก เปิดประตูไว้เผื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากลจะได้เผ่นหนีออกไปทัน
            ในห้องมีแต่ความว่างเปล่า ปื๊ดยืนมองเหลียวหน้าเหลียวหลังชักใจคอไม่สู้ดี ยิ่งเป็นคนกลัวผีขึ้นสมองอยู่ด้วย 
            ประตูห้องหน้าเปิดผัวะออกมาทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับสะดุ้งเฮือก เกือบจะแหกปากร้องเสียงหลง
            แต่พอเห็นว่าเป็นต้นเท่านั้นจึงถอนหายใจยาวอย่างรู้สึกโล่งอก
            ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน ที่เห็นปื๊ดมายืนทำหน้าเจี๊ยมเจี้ยมอยู่ในห้องนี้ ทั้งๆที่เขาเองเป็นคนล็อกประตูกับมือเมื่อคืนนี้
            "ประตูของพี่ต้นไม่ได้ล็อก" ปื๊ดรายงาน "พอผมเคาะ..มันก็เปิดออก...ผมเลยเดินเข้ามา
            เพียงแค่นั้นต้นพอจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรพยักหน้ารับทราบแล้วรีบแต่งตัวให้รียบร้อย
            "เมื่อคืนปื๊ดไปส่งยัยตุ่มดึกมั้ย?"เขาถามเรื่อยเปื่อยในขณะที่นั่งใส่ถุงเท้า
            "ไม่หรอกครับพี่....แค่ตีสองเท่านั้นเอง"
            “งั้นปื๊ดไม่ได้ไปเล่นดนตรีน่ะซี”
            "ครับ...แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมโทรไปบอกกับเพื่อนๆแล้วให้เล่นกันไปเอง ขาดงานแค่วันเดียวเจ้าของร้านเขาไม่ว่าอะไรหรอกครับคุณตุ่มเธอน่ารักจริงๆเลยอยู่คุยเพลินไปหน่อย..."
            "พูดจริงหรือเปล่า....พี่จะช่วยเป็นพ่อสื่อให้เอามั้ยล่ะ...?"
            "ไม่หรอกพี่ต้น....ไม่"เด็กหนุ่มอายจนหน้าแดงยืนบิดไปบิดมา
            "อ้าว....ทำไมล่ะ?"
            "ไม่ปฏิเสธ....." เด็กหนุ่มพูดออกมาหน้าตาเฉย. ทำเอาต้นรู้สึกนึกขำในลูกเล่นของเขา จนหัวเราะหึๆพอดีใสรองเท้าเสร็จลูกขึ้นยืน
            "ช่วยแวะไปที่บริษัทขอพี่เอาเอกสารก่อนได้ไหมปื๊ด?"
            "ได้เลยพี่ต้น....ได้เลย"
            "งั้นไปกันเถอะ...ไป" ชายหนุ่มเดินนำหน้าไปก่อน ปื๊ดจะขยับก้าวตาม แต่ยังไม่วายเหลียวกลับไปมองดูในห้องอีกที
            ให้ตายสิ...ตาของเขาไม่ฟาดแน่ ปื๊ดเห็นหญิงสาวในชุดสีชมพูเรืองแสง กำลังนั่งอยู่บนเตียงมองมาทางเขาโบกมือแล้วยิ้มให้
            ลองขยี้ตาดูให้แน่ใจอีกที ร่างนั้นกลับหายวับไปเสียแล้ว มีแต่เตียงว่างเปล่า
            ปื๊ดขนลุกสู้ รีบเผ่นพรวดออกมานอกประตูทันที
            "เป็นอะไรไปเหรอ?" ต้นขมวดคิ้วถาม เพราะเห็นสีหน้าแสดงความตื่นตกใจของปื๊ด
            "ผี....ผีหลอก.....ผีหลอก!"
            เด็กหนุ่มชี้ไปทางเตียง ร้องบอกปากคอสั่น ต้นหันไปมอง
            "ไม่เห็นมีอะไรเลย...."
            "เมื่อกี้ผมเห็นมีผู้หญิงนั่งอยู่บนเตียงจริงๆ" เขายืนยัน. "ต้องเป็นผีแน่ๆ" 
            "ตาฟาดไปมากกว่า...ผีที่ไหนกัน?"

ชายหนุ่มพูดกลบเกลื่อน แล้วรีบปิดประตูล็อกเสียเพื่อเป็นการตัดปัญหา ไม่อยากให้ปื๊ดเกิดความสงสัย
            ชักนึกเคืองในความขี้เล่น ของแม่นางไม้สาวจอมยุ่งไหนให้สัญญาว่าจะไม่แกล้งหลอกใครอีกแล้ว.... รอให้เสร็จธุระก่อน กลับมาได้จะต้องต่อว่ากันหน่อยล่ะ....