วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เตียงนางไม้ ตอนที่ 12

โดย...เจิด จินตนา
๑๒ . . .


เสียงกรี๊ดโทรศัพท์ในห้องนอนของตุ่มดังขึ้นลั่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ ปลุกให้หญิงสาวต้องงัวเงียลุกขากที่นอนมารับสาย
          "ฮัลโหล"
          "นี่......แม่ตัวดี! หายจ๋อยไปไหนมาตลอดทั้งวันทั้งคืนเลยย่ะหล่อน..?" เสียงแตนต่อว่าฉอดๆดังมาตามสาย
          "อ๋อ ! ไปเที่ยวเธคกับคุณปื๊ด. เพื่อนของพี่ต้นน่ะ" ตุ่มบอกเสียงอู้อี้แบบยังนอนไม่เต็มอิ่มยกมือปิดปากหาวทำตาปรือ
          "อ๋อ ! เที่ยวเพลินจนลืมเพื่อนเลยนะ........แล้วเรื่องที่ให้ไปบอกพี่ต้นล่ะว่ายังไง...ปล่อยให้เรารอคอยอยู่ได้ทั้งวัน
            ตุ่มบอกกับพี่ต้นแล้ว….พี่ต้น เอ้อ !” หญิงสาวมีท่าทางอึก ๆ อัก ๆไม่กล้าบอกความจริงกับเพื่อน
            “แล้วไงแทนที่จะรีบชวนพี่ต้นมาหาฉัน กลับหนีไปเที่ยวกันเสียนี่ มันหมายความว่าไงกันยะ?”
            เสียงต่อว่าอย่างเกรี้ยวกราดตามนิสัยของแตน ทำเอายัยตุ่มชักฉุนกึกขึ้นมาเหมือนกัน    “พี่ต้นเขาไม่ยอมไปขอโทษเธอ แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ ลากตัวเขาไปให้ได้หรือไงกันยะ?”
            ได้พูดโพล่งออกไปแล้ว ค่อยรู้สึกโล่งอกขึ้นเยอะอีกฝ่ายหนึ่งเงียบเสียงลงมันที
            “ฮัลโหลดแตนยังฟังอยู่หรือเปล่า?” ตุ่มถือหูโทรศัพท์รออยู่นานชักสงสัย มีอะไรอีกมั้ย ถ้าไม่มีฉันขอตัวกลับไปนอนต่อก่อนนะยังไม่หายง่วงเลย
            “เดี๋ยวก่อนซิยัยตุ่มอย่าพึ่งวางหูเสียงทางโน้นละล่ำละลักดังมา  แล้วพี่ต้นเขาว่ายังไงบ้างล่ะ?”
            “เขายืนยันว่าไม่ได้เป็นคนทำร้ายเธอ  เขาไม่ใช่คนผิด….เลิกตั้งแง่จะเอาชนะกันเสียทีเถะน่า….ฉันชักรำคาญ เรื่องไม่เป็นเรื่องของเธอเต็มทีแล้ว เดี๋ยวพี่ต้นเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา เธอนั่นแหละจะเป็นฝ่ายร้องไห้ขี้มูกโป่งไม่รู้นะ
            “เชอะ ! ไม่มีวันเสียล่ะคนอย่างฉันจะหาแฟนใหม่อีกกี่คนเมื่อไหร่ก็ได้ถมเถไป!”
            “ถ้าเธอคิดอย่างงั้นก็ตามใจ….แล้วอย่าหาว่าเพื่อนไม่เตือนแล้วกัน
            ตุ่มรีบวางหูโทรศัพท์ด้วยความหมั่นไส้ และขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเพื่อนสาวของหล่อนอีกต่อไป
                        **********                       
            ในห้องทำงานของเสี่ยกำชัย  เสี่ยใหญ่เจ้าของโรงงานทอผ้ารู้สึกแปลกใจที่เห็นหนุ่มจากบริษัทประกันเข้ามาหา จำได้ไม่ผิดว่าพนักงานหาประกันคนนี้ เพิ่งจะถูกเขาไล่กลับไป เมื่อสองสามวันก่อนหน้านี้เอง
            สวัสดีครับท่าน….”
            ชายหนุ่มรีบยกมือไหว้ เสี่ยกำชัยรับไหว้อย่างงง ๆ แล้วหันมองหน้าปื๊ด
            นี่พี่ต้นเพื่อนของผมเองแหละครับเตี่ย!”
            “อ้อ ! นั่งก่อนซิเชิญ
            เจ้าของห้องออกปากตามมารยาท ต้นหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ที่ถูกจ้องมองด้วยสายตาแปลก ๆ
            มีอะไรว่ามา…..”
            “เอ้อ….คือว่าผม….ผม….”
            “พี่ต้นเขาจะมาถามเตี่ยเรื่องประกันน่ะ….”  ปื๊ดชักรำคาญท่าทางเงอะงะของต้นเลยพูดแทน เขาอยากจะรู้เหตุผลว่าทำไมเตี่ยต้องถอนประกัน ไม่ทำประกันต่อกับบริษัทของเขาอีก?”
            เสี่ยใหญ่เงยหน้าขึ้นมองหน้าลูกชาย ซึ่งยังคงยืนกอดอกค้ำหัวโด่อยู่อย่างไม่พอใจ
            แล้วมันเรื่องอะไรของมึงต้องมาเสือกด้วยวะไอ้ตี๋?”
            “อ้าว ! บอกแล้วไงว่าเขาเป็นเพื่อนของผมนะเตี่ยช่วยเขาหน่อยเถอะน่า….พี่ต้นเขาจะได้มีผลงานไปแสดงกับเจ้านายของเขา บริษัทนี้ใหญ่โตมั่นคง เชื่อถือได้แน่ผมไปเห็นกะตามาแล้ว
            ปื๊ดช่วยประชาสัมพันธ์ให้เสร็จสรรพ เสี่ยกำชัยส่ายหน้าช้า ๆ อย่างรู้สึกรำคาญใจ
            มึงรู้มั้ยยไอ้ตี๋ว่าทำประกันภัยเดือนหนึ่งต้องเสียค่าเบี้ยประกันเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ มันไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะไอ้เก๋าเจ้ง!”
            “จริงอยู่ครับท่านแต่ในกรณีที่มีอุบัติภัยเกิดขึ้นทางบริษัทของเรา  ก็จ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้เต็มจำนวน ไม่เคยมีบิดพลิ้วเลยนี่ครับต้นชี้แจง
            เรื่องนั้นผมรู้ดี….” เสี่ยกำชัยดึงบุหรี่บนโต๊ะขึ้นมาจุดสูบพ่นควันโขมง แต่ว่า…..นับตั้งแต่ผมทำประกันกับทางบริษัทของคุณมา  ยังไม่เคยมีอุบัติเหตุร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นเลย  มีแต่คนงานได้รับบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ เสียค่ารักษาไม่กี่สตางค์ มันไม่คุ้มกับค่าเบี้ยประกันหรอกนะคุณ!”
            “เตี่ยพูดอย่างงี้ได้ไง….ทำไมไม่คิดมั่งล่ะ ถ้าเผื่อเกิดไฟไหม้โรงงานขึ้นมาจะว่ายังไง?”
            ปื๊ดพลั้งปากพูดโผงผางออกมา
            ไอ้ปากเสีย!” เสี่ยกำชัยโวยเสียงลั่น คว้าที่เขี่ยบุหรี่ทำท่าจะขว้างปื๊ด จนเด็กหนุ่มต้องรีบฉากหลบ ทำเป็นมาพูดแช่งดีนัก เดี๋ยวเถอะมึง….โรงงานของกูติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยเอาไว้ทุก ๆ จุด อีกอย่างกูมียามคอยตรวจตราควาเรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา ไม่มีทางที่จะเกิดไฟไหม้ขึ้นมาได้อย่างเด็ดขาด!”
            “แปลว่าเตี่ยไม่คิดที่จะทำประกันภัยแน่ว่างั้นเถอะ?” ปื๊ดถามย้ำ
            ใช่แล้ว !” ผู้เป็นพ่อพยักหน้ารับ  กูเอาเงินมาจ้าง รปภ.เดือนหนึ่งไม่กี่สตางค์  คุ้มกว่ากันเยอะ
            เสี่ยกำชัยเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พ่นควันบุหรี่ฉุยเหมือนรู้สึก ภูมิอกภูมิใจในหัวคิดอันชาญฉลาดของตนอย่างเต็มที่แต่ต้นยังไม่ยอมละความพยายาม
            ท่านพูดอย่างนั้นก็ถูกเหมือนกันแหละครับ….แต่อุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้เสมอทุกเวลา ถึงแม้จะมีมาตรการป้องกันเอาไว้อย่างรัดกุมแล้วยังไงก็ตามที  บางครั้งความประมาทเผอเรออาจมีขึ้นได้ ซึ่งจะยังความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินมากมายอย่างใหญ่หลวง  การทำประกันอัคคีภัยไว้ จึงน่าจะเป็นหลักประกันที่อบอุ่นใจกว่านะครับ….”
            คำพูดคำจาของชายหนุ่มมีเหตุผลน่าฟังอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ทำให้เสี่ยใหญ่ถึงกับนั่งอึ้งไป ปื๊ดเห็นเป็นโอกาสอันดี จึงช่วยพูดสนับสนุน
            จริงอย่างที่พี่ต้นว่านะเตี่ย  ยามที่เตี่ยจ้างมาน่ะจะช่วยดูแลสอดส่องได้ทั่วถึงตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยเชียวหรือ ทำประกันเอาไว้ดีกว่าน่า……เงินทองเตี่ยก็มีออกมากมายเยอะแยะ ค่าเบี้ยประกันนิดหน่อยเท่านั้นเองทำเป็นขี้เหนียวไปได้….”
            “ถ้ากูไม่ขี้เหนียว จะมีเงินถึงขนาดนี้หรือวะไอ้ลูกบังเกิดเกล้า ทำเป็นอวดดีมาสั่งสอนกู….” เสี่ยใหญ่ค้อนลูกชายปะหลับปะเหลือก แล้วหันไปทางต้น  คุณทิ้งรายละเอียดเอาไว้ก่อนแล้วกันผมจะขอเวลาพิจารณาดูก่อน ไว้อีกสองสามวันจะให้คำตอบ
            เพียงแค่นี้ต้นก็พอจะมีความหวังขึ้นมาอยู่บ้างแล้ว เขาจัดแจงมอบเอกสารต่าง ๆ ที่หอบมาด้วย ให้กับเสี่ยกำชัย แล้วยกมือไหว้
            ขอบพระคุณมากครับท่าน…..ผมหวังว่าข้อเสนอใหม่ของบริษัท คงทำให้ท่านมีความพอใจ ขอรบกวนเวลาของท่านเพียงเท่านี้ผมลาก่อนครับยกมือไหว้อีกครั้งพร้อมกับลุกขึ้นยืน
            อ้อ ! เดี๋ยวก่อนไอ้ปื๊ดเสี่ยกำชัยเห็นลูกชายทำท่าจะเดินออกไป จึงรีบเรียกเอาไว้  แม่มึงเขาสั่งบอกมาว่า ให้มึงช่วยโผล่หน้าไปให้เขาเห็นมั่ง เขาอยากจะรู้ว่า มึงยังอยู่หรือว่าตายห่าตายโหงไปแล้วมึงอย่าลืมนะ!”
            “ได้ครับผมไม่ลืมหรอกครับเตี่ย
            ปื๊ดรับปากแล้วเดินตามต้นออกไปจากห้องทำงานของพ่อ
                        **********
            เสียงเฮฮาดังลั่น  ทำให้พนักงานในแผนกประกันภัยต่างพากันเงยหน้าขึ้นมอง เห็นต้นกับปื๊ดกอดคอกันเดินผลักประตูกระจกหัวเราะร่าเข้ามา
            ดีใจอะไรหรือพี่ต้นถูกหวยเหรอ?”
            พนักงานสาวพิมพ์ดีดใส่แว่นตาหนาเตอะ เลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
            ยิ่งกว่าถูกหวยอีกแน่ะอี๊ดรู้มั้ย งานชิ้นนี้ของผมใกล้สำเร็จแล้ว
            ต้นบอกด้วยสีหน้าร่าเริง  นุชซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ แทบไม่เชื่อหูตนเอง ลุกขึ้นมายื่นหน้าถาม
            ฮ้า ! จริงหรือพี่ต้นพี่ต้นไปทำอีท่าไหนเข้าล่ะตาเสี่ยขี้ตืดคนนั้นถึงได้ยอมเปลี่ยนใจ!”
            ปื๊ดได้ยินเข้าเต็มสองหูพอดีถึงกับสะดุ้ง ต้นก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน รีบจุ๊ปากห้ามแล้วชี้โบ้ยไปทางปื๊ด
            เบา ๆ อย่าพูดดังไป...ลูกชายของเขายืนอยู่ที่นี่!”
            “อุ๊ยตาย! ขอโทษค่ะ”  นุชตกตะลึง  ยกมือทาบอกอุทานออกมา ไม่นึกจริง ๆ ว่าคุณจะเป็นลูกชายของเสี่ยกำชัย
            “ไม่เป็นไรหรอกครับเรื่องจิ๊บจ้อย”  ปื๊ดเปิดยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี
            นึ่คือคุณปื๊ดลูกชายคนเดียวของเสี่ยกำชัยแล้วนี่คุณนุช  เลขาของผู้จัดการต้นแนะนำ
            อ้าว ! นึกว่าเลขาของพี่ต้นซะอีก !” ปื๊ดแกล้งแซวทำหน้าทะเล้น
            ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ….” นุชยิ้มนิด ๆ แก้เขิน แล้วค้อมศีรษะให้ ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ ที่เผลอแอบนินทาคุณพ่อของคุณต่อหน้า……พี่ต้นนี่ใจดำจริง ๆ ไม่ยอมบอกให้นุชรู้จักตัวก่อน
            “ว่าไปเถอะครับคุณนุชไม่เป็นไรหรอก  ความจริงเตี่ยผมแกก็เป็นคนขี้ตืดอย่างที่คุณว่าจริง ๆ นั่นแหละแต่เพื่อพี่ต้นผมต้องช่วยให้ได้งานชิ้นนี้อย่างแน่นอนวางใจได้
            หญิงสาวชักนึกชอบคนพูดอะไรตรงไปตรงมาอย่างปื๊ดหล่อนพลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา
            เกือบเที่ยงแล้วล่ะลงไปหาอะไรทานข้างล่างกันดีกว่านะคะ นุชจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงฉลองความสำเร็จล่วงหน้าให้กับพี่ต้นเอง
            “อ๊ะ ! ไม่ได้ครับคุณนุช!” ปื๊ดโบกมือห้าม ต้องให้เกียรติผมเป็นเจ้ามือ ในฐานะที่ผมบังเอิญโชคดีได้มีโอกาสรู้จักกับเพื่อนร่วมงานคนสวยของพี่ต้นมันถึงจะถูกนะครับ….”
            โดนหยอดคำชมเข้าต่อหน้า  หญิงสาวเลยยืนเขินไปเลย
            อย่าปฎิเสธเขาเลยนะคุณนุชลูกเถ้าแก่โรงงานทอผ้าทั้งที นาน ๆ จะมีหมูจริง ๆ วิ่งเข้ามาชนปังตอสักราย…”
            ต้นแกล้งว่ากระทบ เพราะนึกหมั่นไส้ในความเจ้าคารมของปื๊ดขึ้นมา เด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์ทำคอย่นค้อนต้นปะหลับปะเหลือก จนนุชต้องแอบยิ้ม ยิ้มอย่างนึกขำในท่าทางดูตลก ๆ ของปื๊ด
            ไปกินข้าวกันเถอะอี๊ดมีเจ้ามือแล้ว ไปช่วยกันล้มทับหน่อยเร็ว!”
            หล่อนหันไปชวนเพื่อนสาว  อี๊ดวางมือเงยหน้าจากเครื่องพิมพ์ดีด
            ไปกันก่อนเหอะงานยังพิมพ์ไม่เสร็จ  เดี๋ยวอี๊ดจะตามไปทีหลัง
            “แล้วรีบตามไปเร็ว ๆ เข้าล่ะ”  นุชสั่งก่อนที่จะชวนกันออกห้องทำงานไป
            พอต้นกับปื๊ดและนุชเดินคล้อยหลัง มานพก็เปิดประตูห้องทำงานเดินออกมาถามอี๊ด
            พวกนั้นเขาหัวเราะคิกคักชอบใจเรื่องอะไรกันหรือคุณอี๊ด?”
            “อ๋อ! พี่ต้นเขาดีใจเพราะงานที่ผู้จัดการมอบหมายให้ไปทำใกล้จะสำเร็จแล้วน่ะ…”
            “อะไรนะ! เป็นไปได้ยังไง?” มานพตกใจตาเหลือก
            ก็ไม่ทราบซิคะแต่ได้ยินคุณปื๊ดลูกชายของผู้อำนวยการโรงทอผ้ารับปากว่าจะช่วยเหลือพี่ต้น ดูสนิทสนมกันมากค่ะ…”
ผู้ชายตัวอ้วน ๆ คนนั้นน่ะเหรอ ลูกชายของเสี่ยกำชัย?”
            “ค่ะ….ผู้จัดการ
            เหมือนโดนค้อนเคาะหัวเข้าอย่างจังจนยืนเซ่อมานพถอยกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง ทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงาน มึนงงอยู่ตั้งนาน คาดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะกลับตาลปัตรเป็นเช่นนี้ไปได้
            อุตส่าห์คิดวางแผนขึ้นมาเพื่อที่จะกำจัดต้นออกไป พยายามหางานชิ้นที่เห็นว่าเขี้ยวที่สุดให้ทำแล้ว แต่ไอ้หนุ่มหน้ามนคนนี้ดันไปรู้จักกับลูกชายเจ้าของโรงงานทอผ้าเข้าเสียนี่
            ถ้าเกิดต้นทำงานชิ้นนี้สำเร็จขึ้นมาจริง ๆ เขานั่นแหละที่จะต้องเป็นฝ่ายเสียหน้า
            ไม่ได้….เขาจะยอมแพ้เด็กเมื่อวานซิคนนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด สมองของมานำเริ่มคิดวางแผนชั่วร้ายเพื่อขัดขวาง ถึงแม้มันจะทำความเสียหายมาให้แก่บริษัทก็ตามที
                        **********
            กลับจากที่ทำงานในตอนเย็น ต้นแวะซื้อข้าวของเครื่องใช้จำเป็นมาด้วยมากมาย จนต้องเรียกแท็กซี่ให้มาส่ง ปื๊ดซึ่งกลับมาถึงก่อนหน้าตั้งแต่บ่ายแล้ว และกำลังเช็ดล้างมอเตอร์ไซค์ของเขาอยู่ในลานจอดรถ พอเห็นต้นหอบข้าวของพะรุงพะรังก้าวลงจากรถแท็กซี่ เด็กหนุ่มรีบวางสายยางก๊อกน้ำ กุลีกุจอเข้าไปช่วยถือ
            อย่าดีกว่าปื๊ด….ไปล้างรถต่อเถอะ ของแค่นี้เองพี่ถือคนเดียวไหว
            เขาปฏิเสธความช่วยเหลือ เพราะไม่อยากให้เด็กหนุ่มต้องขึ้นไปเจอวนาแกล้งหลอกเข้าให้อีก แต่ปื๊ดยังคงยืนยันกรานจะช่วยถือของให้ท่าเดียว
            เอาเหอะน่า….พี่ต้น ให้ผมช่วยดีกว่า
            ไม่ได้พูดแต่ปาก ปื๊ดเข้ามาแย่งตะกร้าและถังน้ำพลาสติกไปจากมือต้นยืนยิ้มแฉ่ง ชายหนุ่มจึงจำใจต้องให้เขาช่วยถือของเดินตามหลังขึ้นบันไดอพาร์ตเม้นท์ไป
            ส่งแค่นี้ก็พอแล้วปื๊ด….ขอบใจมากนะ!”
            มาถึงหน้าห้อง ต้นพยายามพูดด้วยเสียงอันดังเพื่อเป็นการเตือนให้นางไม้สาวรู้ตัว ว่ามีคนอื่นมากับเขาด้วย หล่อนจะได้หลบไปก่อน
            ไม่เป็นไรสำหรับพี่ต้นต้องส่งให้ถึงที่ซิน่า….” ปื๊ดแสดงความมีน้ำใจอย่างเต็มที่ ทั้ง ๆ ที่ใจยังนึกขยาดไม่หาย กลัวว่าจะเจออะไรแปลก ๆ ในห้องของต้นแบบเมื่อเช้า
            ชายหนุ่มไขกุญแจ ค่อย ๆ แง้มประตูออกมองดูไม่เห็นวนาอยู่ในห้องค่อยรู้สึกโล่งใจ เดินนำปื๊ดเข้าไปเอาข้าวของที่ถือมาวางลงตรงห้องนั่งเล่น  สิ่งที่ปื๊ดสะดุดตาคือ ผ้าห่มขนหนูสีชมพูอ่อนผืนใหญ่
            ทำไมพี่ต้นต้องซื้อผ้าห่มมาอีกผืน จะให้ใครมานอนด้วยหรือไงครับ?”
            “ไม่แน่นักหรอกนะถ้าหากว่าเจอคนที่ถูกใจเข้าต้นพูดทีเล่นทีจริง
            อ้าว ! ก็คุณแตนแฟนของพี่ต้นยังไงล่ะ?”
            “อย่างคุณแตนคงไม่ยอมมาอยู่ในห้องรูหนูซอมซ่อแบบนี้หรอก
            “ทำไมล่ะทีผมกับพี่ต้นยังอยู่ได้เลย คนเราน่ะ คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยากนะพี่ต้น
            “ทุกคนไม่เหมือนกันหมดหรอกนะปื๊ด อย่างปื๊ดน่ะเป็นคนง่าย ๆ ยังไงก็ได้  แต่สำหรับคุณแตนแล้วเธอเคยมีชีวิตความเป็นอยู่แบบหรูหรา  จะให้มาอยู่อย่างเราได้ยังไง
            “จริงซินะพี่ต้น”  เด็กหนุ่มพยักหน้าคล้อยตามแล้ทำท่าเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้  แย่แล้วผมลืมเสียสนิทว่าเปิดน้ำทิ้งไว้ ป่านนี้คงไหลนองแฉะลานจอดรถหมดแล้ว ยัยโฉมศรีปากม้ามีหวังด่าผมเละแน่ ผมต้องไปก่อนล่ะพี่ต้น!”
            ปื๊ดรีบวิ่งตื๋อออกจากห้องไป ต้นเดินตามมาปิดประตูงับเอาไว้ แล้วยืนหันมองไปรอบ ๆ ห้อง
            คุณวนา….คุณวนาครับ….คุณอยู่ในห้องนี้หรือเปล่า?”
            นางไม้สาวปรากฏกายขึ้นที่ข้างเตียง
            อยู่นี่ค่ะคุณต้น
            “ดีแล้วครับที่ไม่ออกมาปรากฏกายให้ใครต่อใครเห็น แต่แบบเมื่อเช้านี้คุณทำไม่ถูก รู้มั้ยว่าคุณทำให้ปื๊ดขวัญหนีดีฝ่อหมด….”
            “แหม ! วนาเห็นเขาน่ารักดี ดูท่าทางไม่มีพิษมีภัย เลยนึกสนุกอยากล้อเล่นด้วยเท่านั้นเองน่ะ…”
            “ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกเลยนะครับผมขอร้อง….ปื๊ดเขายิ่งเป็นคนกลัวผีขึ้นสมองอยู่ ถ้าเกิดตกใจจนช็อคขึ้นมา เรื่องมันจะยุ่งกันใหญ่….”
            “เพคะเจ้านาย!”
            วนาทำเสียงล้อเลียน ย่อตัวถอนสายบัวด้วยท่าทางชดช้อยดูน่ารัก ต้นอมยิ้มแล้วหยิบผ้าห่มออกมาจากถุงมายื่นส่งให้
            ผมซื้อผ้าห่มมาให้คุณแล้ว นี่ไงชอบไหมครับ?”
            นางไม้สาวรับไปคลี่ออกดู
            สวยดีนี่คะลายน่ารักจังความจริงวนาไม่จำเป็นต้องใช้เลย แต่ถึงยังไงก็ขอบคุณมากค่ะคุณต้น
            “ผมดีใจที่คุณชอบอ้อ! ยังมีอีกนะ….”  ต้นล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อ ผมซื้อไอ้นี่มาฝากคุณ….เห็นมันน่ารักดี
            เขาแบมือออก เป็นกิ๊บติดผมพลาสติกรูปผีเสื้อขนาดกะทัดรัดสองอัน
            น่ารักจริงๆ ด้วยใช้ทำอะไรเหรอคุณต้น?”
            เสียงรถแล่นเลี้ยวเข้าประตูรั้วอพาร์ตเม้นท์มา ปื๊ดซึ่งกำลากสายยางทำท่าจะล้างรถต่ออยู่หันไปมอง
            ฮอนด้าซีวิคสีแดงชะลอความเร็วแล้วหยุดสนิทลงห่างจากที่ปื๊ดยืนอยู่ไม่มากนัก แตนเปิดประตูก้าวออกมาจากรถ ปั้นสีหน้าให้ยิ้มแย้มทักทายเขา
            สวัสดีค่ะ….”
            “อ๋อ ! คุณแตนน่ะเอง….มาหาพี่ต้นเหรอครับพี่ต้นอยู่บนห้องแน่ะ
            ปื๊ดชี้ขึ้นข้างบนตึก ลืมคิดไปว่ากำลังถือสายยางอยู่ในมือ น้ำจากสายยางจึงพุ่งฉีดไปโดนชายกระโปรงของหญิงสาวเข้า
            ว๊าย ! ตายแล้ว…”
            หล่อนหวีดร้องตกใจ รีบกระโดดถอยหนี
            โอ๊ะ ! ขอโทษครับขอโทษแหม ! ผมนี่แย่ชะมัดซุ่มซ่ามจัง!”
            ปื๊ดทิ้งสายยางทำท่าจะเอาผ้าเช็ดรถเข้ามาช่วยเช็ดให้ หญิงสาวเบิกตากว้าง รีบร้องห้ามเสียงหลง
            อย่าอย่านะไม่ต้อง! !”
            หล่อนทำท่าขยะแขยง เปิดกระเป๋าถือหยิบผ้าเช็ดหนน้าออกมาซับหยาดน้ำที่เปรอะเปื้อนตรงชายกระโปรง
            วันนี้หล่อนแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ เพราะตั้งใจจะมาง้อต้น พยายามสะกดกลั้นความโกรธที่มีต่อเด็กหนุ่มฝืนยิ้มให้เขาอีกครั้ง ก่อนจะเดินผละไปที่บันได
            หลังจากที่ลองคิดทบทวนดูแล้ว แตนตัดสินใจว่าหล่อนควรจะเป็นฝ่ายมาขอโทษต้นเสียเอง ถึงจะต้องเสียหน้าไปบ้าง แต่มันยังดีกว่าต้องเสียเขาไป
            ถึงหน้าห้องของต้นแล้ว แตนทำท่าจะยกมือขึ้นเคาะประตู แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ ลองจับลูกบิดประตูขยับดู
            ประตูไม่ได้ล็อค
            หล่อนอยากจะทำให้เขาแปลกใจ ขยับลูกบิดประตูเปิดผางออกทันที


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น