โดย...เจิด จินตนา
๑๒
. . .
เสียงกรี๊ดโทรศัพท์ในห้องนอนของตุ่มดังขึ้นลั่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่
ปลุกให้หญิงสาวต้องงัวเงียลุกขากที่นอนมารับสาย
"ฮัลโหล"
"นี่......แม่ตัวดี! หายจ๋อยไปไหนมาตลอดทั้งวันทั้งคืนเลยย่ะหล่อน..?" เสียงแตนต่อว่าฉอดๆดังมาตามสาย
"อ๋อ ! ไปเที่ยวเธคกับคุณปื๊ด. เพื่อนของพี่ต้นน่ะ" ตุ่มบอกเสียงอู้อี้แบบยังนอนไม่เต็มอิ่มยกมือปิดปากหาวทำตาปรือ
"อ๋อ ! เที่ยวเพลินจนลืมเพื่อนเลยนะ........แล้วเรื่องที่ให้ไปบอกพี่ต้นล่ะว่ายังไง...ปล่อยให้เรารอคอยอยู่ได้ทั้งวัน”
"ฮัลโหล"
"นี่......แม่ตัวดี! หายจ๋อยไปไหนมาตลอดทั้งวันทั้งคืนเลยย่ะหล่อน..?" เสียงแตนต่อว่าฉอดๆดังมาตามสาย
"อ๋อ ! ไปเที่ยวเธคกับคุณปื๊ด. เพื่อนของพี่ต้นน่ะ" ตุ่มบอกเสียงอู้อี้แบบยังนอนไม่เต็มอิ่มยกมือปิดปากหาวทำตาปรือ
"อ๋อ ! เที่ยวเพลินจนลืมเพื่อนเลยนะ........แล้วเรื่องที่ให้ไปบอกพี่ต้นล่ะว่ายังไง...ปล่อยให้เรารอคอยอยู่ได้ทั้งวัน”
ตุ่มบอกกับพี่ต้นแล้ว….พี่ต้น เอ้อ !” หญิงสาวมีท่าทางอึก
ๆ อัก ๆไม่กล้าบอกความจริงกับเพื่อน
“แล้วไง…แทนที่จะรีบชวนพี่ต้นมาหาฉัน กลับหนีไปเที่ยวกันเสียนี่
มันหมายความว่าไงกันยะ?”
เสียงต่อว่าอย่างเกรี้ยวกราดตามนิสัยของแตน
ทำเอายัยตุ่มชักฉุนกึกขึ้นมาเหมือนกัน “พี่ต้นเขาไม่ยอมไปขอโทษเธอ
แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ ลากตัวเขาไปให้ได้หรือไงกันยะ?”
ได้พูดโพล่งออกไปแล้ว
ค่อยรู้สึกโล่งอกขึ้นเยอะอีกฝ่ายหนึ่งเงียบเสียงลงมันที
“ฮัลโหลดแตน…ยังฟังอยู่หรือเปล่า?” ตุ่มถือหูโทรศัพท์รออยู่นานชักสงสัย
“มีอะไรอีกมั้ย ถ้าไม่มีฉันขอตัวกลับไปนอนต่อก่อนนะ…ยังไม่หายง่วงเลย”
“เดี๋ยวก่อนซิยัยตุ่ม…อย่าพึ่งวางหู” เสียงทางโน้นละล่ำละลักดังมา “แล้วพี่ต้นเขาว่ายังไงบ้างล่ะ?”
“เขายืนยันว่าไม่ได้เป็นคนทำร้ายเธอ เขาไม่ใช่คนผิด….เลิกตั้งแง่จะเอาชนะกันเสียทีเถะน่า….ฉันชักรำคาญ เรื่องไม่เป็นเรื่องของเธอเต็มทีแล้ว
เดี๋ยวพี่ต้นเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา เธอนั่นแหละจะเป็นฝ่ายร้องไห้ขี้มูกโป่งไม่รู้นะ”
“เชอะ
! ไม่มีวันเสียล่ะ…คนอย่างฉันจะหาแฟนใหม่อีกกี่คนเมื่อไหร่ก็ได้…ถมเถไป!”
“ถ้าเธอคิดอย่างงั้นก็ตามใจ….แล้วอย่าหาว่าเพื่อนไม่เตือนแล้วกัน”
ตุ่มรีบวางหูโทรศัพท์ด้วยความหมั่นไส้
และขี้เกียจต่อปากต่อคำกับเพื่อนสาวของหล่อนอีกต่อไป
**********
ในห้องทำงานของเสี่ยกำชัย เสี่ยใหญ่เจ้าของโรงงานทอผ้ารู้สึกแปลกใจที่เห็นหนุ่มจากบริษัทประกันเข้ามาหา
จำได้ไม่ผิดว่าพนักงานหาประกันคนนี้ เพิ่งจะถูกเขาไล่กลับไป
เมื่อสองสามวันก่อนหน้านี้เอง
“สวัสดีครับท่าน….”
ชายหนุ่มรีบยกมือไหว้
เสี่ยกำชัยรับไหว้อย่างงง ๆ แล้วหันมองหน้าปื๊ด
“นี่พี่ต้น…เพื่อนของผมเองแหละครับเตี่ย!”
“อ้อ ! นั่งก่อนซิ…เชิญ”
เจ้าของห้องออกปากตามมารยาท
ต้นหย่อนตัวลงนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
ที่ถูกจ้องมองด้วยสายตาแปลก ๆ
“มีอะไรว่ามา…..”
“เอ้อ….คือว่า…ผม….ผม….”
“พี่ต้นเขาจะมาถามเตี่ยเรื่องประกันน่ะ….” ปื๊ดชักรำคาญท่าทางเงอะงะของต้นเลยพูดแทน
“เขาอยากจะรู้เหตุผลว่าทำไมเตี่ยต้องถอนประกัน
ไม่ทำประกันต่อกับบริษัทของเขาอีก?”
เสี่ยใหญ่เงยหน้าขึ้นมองหน้าลูกชาย
ซึ่งยังคงยืนกอดอกค้ำหัวโด่อยู่อย่างไม่พอใจ
“แล้วมันเรื่องอะไรของมึง…ต้องมาเสือกด้วยวะ…ไอ้ตี๋?”
“อ้าว ! บอกแล้วไงว่าเขาเป็นเพื่อนของผมนะ…เตี่ยช่วยเขาหน่อยเถอะน่า….พี่ต้นเขาจะได้มีผลงานไปแสดงกับเจ้านายของเขา บริษัทนี้ใหญ่โตมั่นคง
เชื่อถือได้แน่…ผมไปเห็นกะตามาแล้ว”
ปื๊ดช่วยประชาสัมพันธ์ให้เสร็จสรรพ
เสี่ยกำชัยส่ายหน้าช้า ๆ อย่างรู้สึกรำคาญใจ
“มึงรู้มั้ยยไอ้ตี๋…ว่าทำประกันภัยเดือนหนึ่งต้องเสียค่าเบี้ยประกันเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่
มันไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะไอ้เก๋าเจ้ง!”
“จริงอยู่ครับท่าน…แต่ในกรณีที่มีอุบัติภัยเกิดขึ้นทางบริษัทของเรา ก็จ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้เต็มจำนวน ไม่เคยมีบิดพลิ้วเลยนี่ครับ”
ต้นชี้แจง
“เรื่องนั้นผมรู้ดี….”
เสี่ยกำชัยดึงบุหรี่บนโต๊ะขึ้นมาจุดสูบพ่นควันโขมง “แต่ว่า…..นับตั้งแต่ผมทำประกันกับทางบริษัทของคุณมา
ยังไม่เคยมีอุบัติเหตุร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นเลย มีแต่คนงานได้รับบาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ
เสียค่ารักษาไม่กี่สตางค์ มันไม่คุ้มกับค่าเบี้ยประกันหรอกนะคุณ!”
“เตี่ยพูดอย่างงี้ได้ไง….ทำไมไม่คิดมั่งล่ะ ถ้าเผื่อเกิดไฟไหม้โรงงานขึ้นมาจะว่ายังไง?”
ปื๊ดพลั้งปากพูดโผงผางออกมา
“ไอ้ปากเสีย!”
เสี่ยกำชัยโวยเสียงลั่น คว้าที่เขี่ยบุหรี่ทำท่าจะขว้างปื๊ด
จนเด็กหนุ่มต้องรีบฉากหลบ “ทำเป็นมาพูดแช่งดีนัก
เดี๋ยวเถอะมึง….โรงงานของกูติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยเอาไว้ทุก
ๆ จุด อีกอย่าง…กูมียามคอยตรวจตราควาเรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา
ไม่มีทางที่จะเกิดไฟไหม้ขึ้นมาได้อย่างเด็ดขาด!”
“แปลว่าเตี่ยไม่คิดที่จะทำประกันภัยแน่…ว่างั้นเถอะ?” ปื๊ดถามย้ำ
“ใช่แล้ว !” ผู้เป็นพ่อพยักหน้ารับ “กูเอาเงินมาจ้าง รปภ.เดือนหนึ่งไม่กี่สตางค์ คุ้มกว่ากันเยอะ”
เสี่ยกำชัยเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พ่นควันบุหรี่ฉุยเหมือนรู้สึก
ภูมิอกภูมิใจในหัวคิดอันชาญฉลาดของตนอย่างเต็มที่แต่ต้นยังไม่ยอมละความพยายาม
“ท่านพูดอย่างนั้นก็ถูกเหมือนกันแหละครับ….แต่อุบัติเหตุย่อมเกิดขึ้นได้เสมอทุกเวลา
ถึงแม้จะมีมาตรการป้องกันเอาไว้อย่างรัดกุมแล้วยังไงก็ตามที บางครั้งความประมาทเผอเรออาจมีขึ้นได้
ซึ่งจะยังความเสียหายให้แก่ทรัพย์สินมากมายอย่างใหญ่หลวง การทำประกันอัคคีภัยไว้ จึงน่าจะเป็นหลักประกันที่อบอุ่นใจกว่านะครับ….”
คำพูดคำจาของชายหนุ่มมีเหตุผลน่าฟังอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
ทำให้เสี่ยใหญ่ถึงกับนั่งอึ้งไป ปื๊ดเห็นเป็นโอกาสอันดี จึงช่วยพูดสนับสนุน
“จริงอย่างที่พี่ต้นว่านะเตี่ย ยามที่เตี่ยจ้างมาน่ะจะช่วยดูแลสอดส่องได้ทั่วถึงตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยเชียวหรือ
ทำประกันเอาไว้ดีกว่าน่า……เงินทองเตี่ยก็มีออกมากมายเยอะแยะ
ค่าเบี้ยประกันนิดหน่อยเท่านั้นเองทำเป็นขี้เหนียวไปได้….”
“ถ้ากูไม่ขี้เหนียว
จะมีเงินถึงขนาดนี้หรือวะ…ไอ้ลูกบังเกิดเกล้า
ทำเป็นอวดดีมาสั่งสอนกู….” เสี่ยใหญ่ค้อนลูกชายปะหลับปะเหลือก
แล้วหันไปทางต้น “คุณทิ้งรายละเอียดเอาไว้ก่อนแล้วกัน…ผมจะขอเวลาพิจารณาดูก่อน ไว้อีกสองสามวันจะให้คำตอบ”
เพียงแค่นี้ต้นก็พอจะมีความหวังขึ้นมาอยู่บ้างแล้ว
เขาจัดแจงมอบเอกสารต่าง ๆ ที่หอบมาด้วย ให้กับเสี่ยกำชัย แล้วยกมือไหว้
“ขอบพระคุณมากครับท่าน…..ผมหวังว่าข้อเสนอใหม่ของบริษัท คงทำให้ท่านมีความพอใจ
ขอรบกวนเวลาของท่านเพียงเท่านี้…ผมลาก่อนครับ” ยกมือไหว้อีกครั้งพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“อ้อ ! เดี๋ยวก่อนไอ้ปื๊ด” เสี่ยกำชัยเห็นลูกชายทำท่าจะเดินออกไป
จึงรีบเรียกเอาไว้ “แม่มึงเขาสั่งบอกมาว่า
ให้มึงช่วยโผล่หน้าไปให้เขาเห็นมั่ง เขาอยากจะรู้ว่า
มึงยังอยู่หรือว่าตายห่าตายโหงไปแล้ว…มึงอย่าลืมนะ!”
“ได้ครับ…ผมไม่ลืมหรอกครับเตี่ย”
ปื๊ดรับปากแล้วเดินตามต้นออกไปจากห้องทำงานของพ่อ
**********
เสียงเฮฮาดังลั่น
ทำให้พนักงานในแผนกประกันภัยต่างพากันเงยหน้าขึ้นมอง เห็นต้นกับปื๊ดกอดคอกันเดินผลักประตูกระจกหัวเราะร่าเข้ามา
“ดีใจอะไรหรือพี่ต้น…ถูกหวยเหรอ?”
พนักงานสาวพิมพ์ดีดใส่แว่นตาหนาเตอะ
เลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
“ยิ่งกว่าถูกหวยอีกแน่ะอี๊ด…รู้มั้ย งานชิ้นนี้ของผมใกล้สำเร็จแล้ว”
ต้นบอกด้วยสีหน้าร่าเริง นุชซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ แทบไม่เชื่อหูตนเอง
ลุกขึ้นมายื่นหน้าถาม
“ฮ้า ! จริงหรือพี่ต้น…พี่ต้นไปทำอีท่าไหนเข้าล่ะตาเสี่ยขี้ตืดคนนั้นถึงได้ยอมเปลี่ยนใจ!”
ปื๊ดได้ยินเข้าเต็มสองหูพอดีถึงกับสะดุ้ง
ต้นก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน รีบจุ๊ปากห้ามแล้วชี้โบ้ยไปทางปื๊ด
“เบา ๆ อย่าพูดดังไป”...ลูกชายของเขายืนอยู่ที่นี่!”
“อุ๊ยตาย! ขอโทษค่ะ” นุชตกตะลึง ยกมือทาบอกอุทานออกมา “ไม่นึกจริง
ๆ ว่าคุณจะเป็นลูกชายของเสี่ยกำชัย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ…เรื่องจิ๊บจ้อย” ปื๊ดเปิดยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี
“นึ่คือคุณปื๊ด…ลูกชายคนเดียวของเสี่ยกำชัยแล้วนี่คุณนุช
เลขาของผู้จัดการ” ต้นแนะนำ
“อ้าว ! นึกว่าเลขาของพี่ต้นซะอีก !” ปื๊ดแกล้งแซวทำหน้าทะเล้น
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ….”
นุชยิ้มนิด ๆ แก้เขิน แล้วค้อมศีรษะให้ “ต้องขอโทษอีกครั้งนะคะ
ที่เผลอแอบนินทาคุณพ่อของคุณต่อหน้า……พี่ต้นนี่ใจดำจริง ๆ
ไม่ยอมบอกให้นุชรู้จักตัวก่อน”
“ว่าไปเถอะครับคุณนุช…ไม่เป็นไรหรอก
ความจริงเตี่ยผมแกก็เป็นคนขี้ตืดอย่างที่คุณว่าจริง ๆ
นั่นแหละแต่เพื่อพี่ต้นผมต้องช่วยให้ได้งานชิ้นนี้อย่างแน่นอน…วางใจได้”
หญิงสาวชักนึกชอบคนพูดอะไรตรงไปตรงมาอย่างปื๊ด…หล่อนพลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา
“เกือบเที่ยงแล้วล่ะ…ลงไปหาอะไรทานข้างล่างกันดีกว่านะคะ
นุชจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงฉลองความสำเร็จล่วงหน้าให้กับพี่ต้นเอง”
“อ๊ะ ! ไม่ได้ครับคุณนุช!” ปื๊ดโบกมือห้าม “ต้องให้เกียรติผมเป็นเจ้ามือ
ในฐานะที่ผมบังเอิญโชคดีได้มีโอกาสรู้จักกับเพื่อนร่วมงานคนสวยของพี่ต้นมันถึงจะถูกนะครับ….”
โดนหยอดคำชมเข้าต่อหน้า หญิงสาวเลยยืนเขินไปเลย
“อย่าปฎิเสธเขาเลยนะคุณนุช…ลูกเถ้าแก่โรงงานทอผ้าทั้งที นาน ๆ จะมีหมูจริง ๆ วิ่งเข้ามาชนปังตอสักราย…”
ต้นแกล้งว่ากระทบ
เพราะนึกหมั่นไส้ในความเจ้าคารมของปื๊ดขึ้นมา เด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์ทำคอย่นค้อนต้นปะหลับปะเหลือก
จนนุชต้องแอบยิ้ม ยิ้มอย่างนึกขำในท่าทางดูตลก ๆ ของปื๊ด
“ไปกินข้าวกันเถอะอี๊ด…มีเจ้ามือแล้ว ไปช่วยกันล้มทับหน่อยเร็ว!”
หล่อนหันไปชวนเพื่อนสาว อี๊ดวางมือเงยหน้าจากเครื่องพิมพ์ดีด
“ไปกันก่อนเหอะ…งานยังพิมพ์ไม่เสร็จ
เดี๋ยวอี๊ดจะตามไปทีหลัง”
“แล้วรีบตามไปเร็ว ๆ
เข้าล่ะ” นุชสั่งก่อนที่จะชวนกันออกห้องทำงานไป
พอต้นกับปื๊ดและนุชเดินคล้อยหลัง
มานพก็เปิดประตูห้องทำงานเดินออกมาถามอี๊ด
“พวกนั้นเขาหัวเราะคิกคักชอบใจเรื่องอะไรกันหรือ…คุณอี๊ด?”
“อ๋อ! พี่ต้นเขาดีใจเพราะงานที่ผู้จัดการมอบหมายให้ไปทำใกล้จะสำเร็จแล้วน่ะ…”
“อะไรนะ! เป็นไปได้ยังไง?” มานพตกใจตาเหลือก
“ก็ไม่ทราบซิคะ…แต่ได้ยินคุณปื๊ดลูกชายของผู้อำนวยการโรงทอผ้ารับปากว่าจะช่วยเหลือพี่ต้น
ดูสนิทสนมกันมากค่ะ…”
“ผู้ชายตัวอ้วน ๆ คนนั้นน่ะเหรอ ลูกชายของเสี่ยกำชัย?”
“ค่ะ….ผู้จัดการ”
เหมือนโดนค้อนเคาะหัวเข้าอย่างจังจนยืนเซ่อมานพถอยกลับเข้าไปในห้องของตัวเอง
ทิ้งตัวลงนั่งที่โต๊ะทำงาน มึนงงอยู่ตั้งนาน
คาดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะกลับตาลปัตรเป็นเช่นนี้ไปได้
อุตส่าห์คิดวางแผนขึ้นมาเพื่อที่จะกำจัดต้นออกไป
พยายามหางานชิ้นที่เห็นว่าเขี้ยวที่สุดให้ทำแล้ว
แต่ไอ้หนุ่มหน้ามนคนนี้ดันไปรู้จักกับลูกชายเจ้าของโรงงานทอผ้าเข้าเสียนี่…
ถ้าเกิดต้นทำงานชิ้นนี้สำเร็จขึ้นมาจริง
ๆ เขานั่นแหละที่จะต้องเป็นฝ่ายเสียหน้า
ไม่ได้….เขาจะยอมแพ้เด็กเมื่อวานซิคนนี้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด
สมองของมานำเริ่มคิดวางแผนชั่วร้ายเพื่อขัดขวาง
ถึงแม้มันจะทำความเสียหายมาให้แก่บริษัทก็ตามที
**********
กลับจากที่ทำงานในตอนเย็น
ต้นแวะซื้อข้าวของเครื่องใช้จำเป็นมาด้วยมากมาย จนต้องเรียกแท็กซี่ให้มาส่ง ปื๊ดซึ่งกลับมาถึงก่อนหน้าตั้งแต่บ่ายแล้ว
และกำลังเช็ดล้างมอเตอร์ไซค์ของเขาอยู่ในลานจอดรถ พอเห็นต้นหอบข้าวของพะรุงพะรังก้าวลงจากรถแท็กซี่
เด็กหนุ่มรีบวางสายยางก๊อกน้ำ กุลีกุจอเข้าไปช่วยถือ
“อย่าดีกว่าปื๊ด….ไปล้างรถต่อเถอะ ของแค่นี้เองพี่ถือคนเดียวไหว”
เขาปฏิเสธความช่วยเหลือ
เพราะไม่อยากให้เด็กหนุ่มต้องขึ้นไปเจอวนาแกล้งหลอกเข้าให้อีก แต่ปื๊ดยังคงยืนยันกรานจะช่วยถือของให้ท่าเดียว
“เอาเหอะน่า….พี่ต้น ให้ผมช่วยดีกว่า”
ไม่ได้พูดแต่ปาก ปื๊ดเข้ามาแย่งตะกร้าและถังน้ำพลาสติกไปจากมือต้นยืนยิ้มแฉ่ง
ชายหนุ่มจึงจำใจต้องให้เขาช่วยถือของเดินตามหลังขึ้นบันไดอพาร์ตเม้นท์ไป
“ส่งแค่นี้ก็พอแล้วปื๊ด….ขอบใจมากนะ!”
มาถึงหน้าห้อง
ต้นพยายามพูดด้วยเสียงอันดังเพื่อเป็นการเตือนให้นางไม้สาวรู้ตัว
ว่ามีคนอื่นมากับเขาด้วย หล่อนจะได้หลบไปก่อน
“ไม่เป็นไร…สำหรับพี่ต้นต้องส่งให้ถึงที่ซิน่า….” ปื๊ดแสดงความมีน้ำใจอย่างเต็มที่
ทั้ง ๆ ที่ใจยังนึกขยาดไม่หาย กลัวว่าจะเจออะไรแปลก ๆ ในห้องของต้นแบบเมื่อเช้า
ชายหนุ่มไขกุญแจ ค่อย ๆ
แง้มประตูออกมองดูไม่เห็นวนาอยู่ในห้องค่อยรู้สึกโล่งใจ เดินนำปื๊ดเข้าไปเอาข้าวของที่ถือมาวางลงตรงห้องนั่งเล่น สิ่งที่ปื๊ดสะดุดตาคือ
ผ้าห่มขนหนูสีชมพูอ่อนผืนใหญ่
“ทำไมพี่ต้นต้องซื้อผ้าห่มมาอีกผืน
จะให้ใครมานอนด้วยหรือไงครับ?”
“ไม่แน่นักหรอกนะ…ถ้าหากว่าเจอคนที่ถูกใจเข้า” ต้นพูดทีเล่นทีจริง
“อ้าว ! ก็คุณแตนแฟนของพี่ต้นยังไงล่ะ?”
“อย่างคุณแตนคงไม่ยอมมาอยู่ในห้องรูหนูซอมซ่อแบบนี้หรอก”
“ทำไมล่ะ…ทีผมกับพี่ต้นยังอยู่ได้เลย คนเราน่ะ คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยากนะพี่ต้น ”
“ทุกคนไม่เหมือนกันหมดหรอกนะปื๊ด
อย่างปื๊ดน่ะเป็นคนง่าย ๆ ยังไงก็ได้
แต่สำหรับคุณแตนแล้วเธอเคยมีชีวิตความเป็นอยู่แบบหรูหรา จะให้มาอยู่อย่างเราได้ยังไง”
“จริงซินะพี่ต้น” เด็กหนุ่มพยักหน้าคล้อยตามแล้ทำท่าเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ “แย่แล้ว…ผมลืมเสียสนิทว่าเปิดน้ำทิ้งไว้ ป่านนี้คงไหลนองแฉะลานจอดรถหมดแล้ว
ยัยโฉมศรีปากม้ามีหวังด่าผมเละแน่ ผมต้องไปก่อนล่ะพี่ต้น!”
ปื๊ดรีบวิ่งตื๋อออกจากห้องไป
ต้นเดินตามมาปิดประตูงับเอาไว้ แล้วยืนหันมองไปรอบ ๆ ห้อง
“คุณวนา….คุณวนาครับ….คุณอยู่ในห้องนี้หรือเปล่า?”
นางไม้สาวปรากฏกายขึ้นที่ข้างเตียง
“อยู่นี่ค่ะคุณต้น”
“ดีแล้วครับ…ที่ไม่ออกมาปรากฏกายให้ใครต่อใครเห็น แต่แบบเมื่อเช้านี้คุณทำไม่ถูก
รู้มั้ยว่าคุณทำให้ปื๊ดขวัญหนีดีฝ่อหมด….”
“แหม ! วนาเห็นเขาน่ารักดี ดูท่าทางไม่มีพิษมีภัย เลยนึกสนุกอยากล้อเล่นด้วยเท่านั้นเองน่ะ…”
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกเลยนะครับผมขอร้อง….ปื๊ดเขายิ่งเป็นคนกลัวผีขึ้นสมองอยู่ ถ้าเกิดตกใจจนช็อคขึ้นมา
เรื่องมันจะยุ่งกันใหญ่….”
“เพคะ…เจ้านาย!”
วนาทำเสียงล้อเลียน
ย่อตัวถอนสายบัวด้วยท่าทางชดช้อยดูน่ารัก ต้นอมยิ้มแล้วหยิบผ้าห่มออกมาจากถุงมายื่นส่งให้
“ผมซื้อผ้าห่มมาให้คุณแล้ว
นี่ไงชอบไหมครับ?”
นางไม้สาวรับไปคลี่ออกดู
“สวยดีนี่คะ…ลายน่ารักจัง…ความจริงวนาไม่จำเป็นต้องใช้เลย
แต่ถึงยังไงก็ขอบคุณมากค่ะคุณต้น”
“ผมดีใจที่คุณชอบ…อ้อ! ยังมีอีกนะ….” ต้นล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อ “ผมซื้อไอ้นี่มาฝากคุณ….เห็นมันน่ารักดี”
เขาแบมือออก
เป็นกิ๊บติดผมพลาสติกรูปผีเสื้อขนาดกะทัดรัดสองอัน
“น่ารักจริงๆ ด้วย…ใช้ทำอะไรเหรอคุณต้น?”
เสียงรถแล่นเลี้ยวเข้าประตูรั้วอพาร์ตเม้นท์มา
ปื๊ดซึ่งกำลากสายยางทำท่าจะล้างรถต่ออยู่หันไปมอง
ฮอนด้าซีวิคสีแดงชะลอความเร็วแล้วหยุดสนิทลงห่างจากที่ปื๊ดยืนอยู่ไม่มากนัก
แตนเปิดประตูก้าวออกมาจากรถ ปั้นสีหน้าให้ยิ้มแย้มทักทายเขา
“สวัสดีค่ะ….”
“อ๋อ ! คุณแตนน่ะเอง….มาหาพี่ต้นเหรอครับ…พี่ต้นอยู่บนห้องแน่ะ”
ปื๊ดชี้ขึ้นข้างบนตึก
ลืมคิดไปว่ากำลังถือสายยางอยู่ในมือ
น้ำจากสายยางจึงพุ่งฉีดไปโดนชายกระโปรงของหญิงสาวเข้า
“ว๊าย ! ตายแล้ว…”
หล่อนหวีดร้องตกใจ
รีบกระโดดถอยหนี
“โอ๊ะ ! ขอโทษครับ…ขอโทษ…แหม ! ผมนี่แย่ชะมัด…ซุ่มซ่ามจัง!”
ปื๊ดทิ้งสายยางทำท่าจะเอาผ้าเช็ดรถเข้ามาช่วยเช็ดให้
หญิงสาวเบิกตากว้าง รีบร้องห้ามเสียงหลง
“อย่า…อย่านะ…ไม่ต้อง! !”
หล่อนทำท่าขยะแขยง
เปิดกระเป๋าถือหยิบผ้าเช็ดหนน้าออกมาซับหยาดน้ำที่เปรอะเปื้อนตรงชายกระโปรง
วันนี้หล่อนแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ
เพราะตั้งใจจะมาง้อต้น
พยายามสะกดกลั้นความโกรธที่มีต่อเด็กหนุ่มฝืนยิ้มให้เขาอีกครั้ง
ก่อนจะเดินผละไปที่บันได
หลังจากที่ลองคิดทบทวนดูแล้ว
แตนตัดสินใจว่าหล่อนควรจะเป็นฝ่ายมาขอโทษต้นเสียเอง ถึงจะต้องเสียหน้าไปบ้าง แต่มันยังดีกว่าต้องเสียเขาไป
ถึงหน้าห้องของต้นแล้ว
แตนทำท่าจะยกมือขึ้นเคาะประตู แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ ลองจับลูกบิดประตูขยับดู
ประตูไม่ได้ล็อค…
หล่อนอยากจะทำให้เขาแปลกใจ
ขยับลูกบิดประตูเปิดผางออกทันที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น