วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2558

เตียงนางไม้ ตอนที่ 11

๑๑ . . .


          ออกจากโรงภาพยนตร์ขนาดมินิเธียเตอร์บนห้างสรรพสินค้า ปื๊ดวางโปรแกรมเที่ยวต่อกะว่าจะหาที่กิน ฟังเพลง แล้วก็ดิ้นให้สะใจ ต้นไม่อยากเป็นกขค. จึงขอตัวกลับก่อน ปล่อยให้ปื๊ดไปกับตุ่มตามลำพังเพียงสองคน
          มาถึงอพาร์ตเม้นท์เมื่อตะวันโพล้เพล้ ใกล้จะลับขอบฟ้าอยู่ร่อมร่อ เห็นลุงม้วนกับแม่แจ่มสองผัวเมียผู้มีหน้าที่ดูแลทำความสะอาดที่นี่นั่งซุบซิบกัน แล้วชายตามองมาทางเขาอยู่ที่โต๊ะม้าหิน
          ชายหนุ่มไม่อยากใส่ใจด้วย ก้มหน้าก้มตาเดินผ่านคนทั้งคู่ตรงไปที่บันได
          คุณคะคุณ….”
            เสียงแม่แจ่มเรียก  ทำให้เขาต้องชะงักฝีเท้าแล้วหันไปมอง
            มีอะไรหรือครับ?”
            “อย่าหาว่าอีฉันเสือกเลยนะคะ คืออีฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าคุณอยู่ในห้องนั้นได้ยังไง ไม่มีอะไรมารบกวนคุณบ้างเลยหรือคะ?”
            คำถามของหญิงสูงอายุสะกิดชายหนุ่มเขาชักอยากรู้ว่า สองสามีภรรยาคู่นี้ทราบความจริงอะไรเกี่ยวกับห้อง 316 บ้าง ต้นยิ้มให้กับแม่แจ่มอย่างอารมณ์ดีหย่อนตัวลงนั่งบนม้าหินว่าง
            ไม่เห็นมีอะไรนี่ครับป้าทำไมหรือครับ?”
            “มันแปลกใจน่ะ…” ลุงม้วนบอกขมวดคิ้วจ้องหน้าเขา  เห็นคุณทนอยู่มาได้ตั้งสามสี่วันแล้ว….”
            “ใช่ค่ะ….” แม่แจ่มพยักหน้าหงึกรีบสนับสนุน รายก่อน ๆ ย้ายเข้ามาอยู่ได้แค่คนละวันสองวัน ต่างต้องรีบขนข้าวขนของหนีเปิดไปทั้งนั้น ห้องนั้นผีดุออกค่ะ อื๋อย์….พูดแล้วยังขนลุกเลย!”
            หล่อนทำท่าทางประกอบ จนต้นอดนึกขำไม่ได้
            ลุงกับป้าเคยเห็นหรือครับ?”
            “อีฉันไม่เคยเห็นหรอกค่า…” แม่แจ่มลากเสียงยาวทำตาโตเท่าไข่ห่าน  แต่คนที่มาเช่าห้องเค้าเล่าให้ฟังว่ามันแผลงฤทธิ์หลอกเอา จนไม่เป็นอันได้หลับได้นอนกัน บางทีอยู่เฉย ๆ เตียงเกิดสั่นขึ้นมา หรือไม่นอนอยู่ดี ๆ ข้าวของในห้องก็ลอยไปลอยมาพร้อมกับมีเสียงหัวเราะของผู้หญิง เสียงงี้เยือกเย็นจับใจเชียวล่ะคุณเอ๋ย…”
            หญิงสูงอายุเล่าเป็นตุเป็นตะ ทำมือทำไม้ประกอบยังกับเห็นมาด้วยตาตนเอง ชายหนุ่มได้แต่นั่งฟังเงียบ ๆ ไม่แสดงท่าทีอะไรออกมาให้เห็น
            อยากจะบอกอยู่เหมือนกันว่าตัวเขาเองน่ะรู้อะไรดีกว่าใครทั้งหมด รู้ว่าสิ่งที่แม่แจ่มเล่ามาไม่ใช่ผี แต่เป็นนางไม้ หล่อนเป็นนางไม้ที่สวยน่ารักเอามาก ๆ เสียด้วยซิ
            แต่ชายหนุ่มกลับปิดปากเงียบไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมา
            เพราะถ้าหากเล่าความจริงให้ฟัง คงจะต้องถูกสามีภรรยาสูงอายุคู่นั้นซักไซ้ไล่เลียงให้ยืดยาว เสียเวลาไปอีกนาน สู้ปล่อยให้เรื่องนี้มันหายเงียบไป พร้อมกับวนาแม่นางไม้ที่น่าสงสารเสียเลยจะเป็นการดีกว่า
            ผมไม่เห็นเลยว่าห้องผมจะมีอะไรผิดปกติ
            “ดูท่าทางคุณจะไม่เชื่อ…” เห็นชายหนุ่มทำท่าจะลุกขึ้น ลุงม้วนรีบพูดดักเอาไว้  ห้องนั้นน่ะมีผีจริง ๆ แล้วก็ดุมากเสียด้วย ผมอยากจะเตือนคุณเอาไว้ ขนาดคุณโฉมศรีเคยนิมนต์พระมาทำพิธีปัดรังควาน ยังไม่ยอมไปเลยคอยตามอาละวาดหลอกหลอนทุกคนที่เข้าไปพัก คุณต้องระวังให้ดีด้วยนะครับ…”
            “ขอบคุณครับที่เตือนผีของลุงอาจจะเคยมีจริง แต่ต่อไปนี้เธอคงไม่มารบกวนใครอีกแล้วล่ะครับ
            ต้นพูดเป็นปริศยาแล้วเดินจากไป ปล่อยให้ลุงม้วนกับแม่แจ่มนั่งงงกับคำพูดของเขาที่โต๊ะม้าหินข้างสนามหญ้านั่นเอง
                        **********
            ดอกกุหลาบสีแดงในแจกันยังคงตั้งอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง แต่บัดนี้กลีบที่เคยตูมแย้มสดสวยกลับบานอย่างเต็มที่ และร่วงโรยลงเกลื่อนหน้าโต๊ะกิ่งก้านเหี่ยวเฉาหงิกงอห้อยย้อยลงข้างแจกัน  คล้ายกับคนที่กำลังสิ้นเรี่ยวแรงรอคอยวันตาย
            ต้นยืนมองกุหลาบที่กำลังจะเหี่ยวเฉาโรยราช่อนั้นนิ่งอยู่นาน ด้วยสายตาที่แสดงอาการปวดร้าวลึกอยู่ในใจ
            นึกถึงคนที่เขาตั้งใจจะนำกุหลาบช่อนี้ไปมอบให้ แต่กลับถูกหล่อนขยี้ปัดทิ้งอย่างไม่มีเยื่อใย ชายหนุ่มต้องถอนหายใจยาวออกมา
            ผู้หญิงที่เขามอบความรักให้กับหล่อนจนหมดสิ้นรู้จักคบหากันมาเป็นแรมปี ทำไมกล้าทำลายจิตใจของเขาถึงเพียงนี้ เกรี้ยวกราดใส่เขา และพูดจาหยาบคายอย่างที่ไม่น่าจะเป็น
            ใช่สิ…..หล่อนเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวที่มีอันจะกิน ร่ำรวยทั้งเกียรติยศชื่อเสียง และหลักฐานฐานะ ส่วนตัวเขาเองเป็นใคร
            มันแค่ไอ้ลูกชาวนาจน ๆ คนหนึ่ง จะมีอะไรสามารถเทียบกับหล่อนได้ อย่างเก่งก็เป็นได้แค่พนักงานต๊อกต๋อยคนหนึ่งของบริษัทประกันเท่านั้นเอง
            ด้วยเหตุนี้เองกระมัง  หล่อนจึงจิกหัวด่าว่าเขาอยากไม่มีการยำเกรง แล้วยังมีหน้าจะมาบอกอีกว่าให้เขาเป็นฝ่ายไปขอโทษหล่อนก่อน
            ไม่มีวันเสียล่ะ เพราะยังไงเขาก็ยังรักศักดิ์ศรีของตัวเอง จากที่แล้ว ๆ มา เขาได้เพียรทำดีกับหล่อนด้วยความอดทนมากพอแล้ว  จะไม่ยอมก้มหัวให้โขกสับอีกต่อไป
            ต้นตั้งใจเอาไว้อย่างแน่วแน่ว่าจะปล่อยกุหลาบช่อนี้ให้เหี่ยวเฉาคาแจกันอยู่แบบนั้น เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจตัวเอง พอกันทีสำหรับความรักที่ไม่มีวันจะเข้ากันได้ของเขา
            ยืนคิดอะไรเพลินจนลืมตัว ดึกมากแล้วซินะสมควรที่เขาจะได้พักผ่อนหลับนอนให้สบายเสียที สลัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้กระเจิงออกไป  แล้วเหลียวมองไปที่เตียงนอน
            เตียงนี้เคยมีนางไม้แสนสวยเป็นเจ้าของ ถึงหล่อนจะทำเรื่องวุ่นวายจนกลายเป็นปัญหาใหญ่หนักอกเขาอยู่ในเวลานี้ แต่เขาไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าหล่อนมีความน่ารัก น่ารักอย่างประหลาด
            วนาจากเขาไปเสียแล้ว ไปอยู่ที่ไหนไม่มีใครรู้คิดขึ้นมาแล้วใจหาย เขายังคงจำใบหน้าและรอยยิ้มของหล่อนได้อย่างติดตา ไม่มีวันลืมเลือน
            ชายหนุ่มปิดตู้เสื้อผ้า หยิบชุดนอนที่แขวนเอาไว้อยู่ออกมา  แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำชำระคราบเหงื่อไคลที่หมักหมมมาทั้งวัน  ความเย็นของสายน้ำที่พุ่งออกมาจากฝักบัว ช่วยให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมามาก
            หลังอาบน้ำเสร็จใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยต้นจึงออกจากห้องน้ำ หยิบกระป๋องแป้งที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งขึ้นมาโรยตามเนื้อตามตัว แล้วเดินไปที่เตียงคว้าผ้าห่มกับหมอนขึ้นมาใบหนึ่ง เอาหมอนวางลงบนพื้นข้างเตียงคลี่ผ้าห่มออก ตั้งท่าจะล้มตัวลงนอน
            แต่พอสายตาเหลือบมองไปที่ช่อกุหลาบอีกครั้งชายหนุ่มถึงกับตะลึงตาค้าง
            ดอกกุหลาบที่เหี่ยวเฉาเหล่านั้นค่อย ๆ ทรงตัวชูตั้งขึ้น กลีบที่ร่วงหล่นอยู่โดยรอบ พากันลอยกลบขึ้นไปเสียบที่ดอกอย่างเดิม จนกุหลาบช่อนั้นดูสวยสดงดงามเหมือนเพิ่งจะถูกตัดมาจากต้นใหม่ ๆ อย่างน่าอัศจจรรย์
            มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถทำเช่นนี้ได้ ต้นเหลียวมองไปรอบห้อง แล้วเงาร่างของหล่อนจึงค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นในกระจกเงา
            คุณวนา!” ต้นเหลือบไปเห็นอุทานออกมาอย่างดีใจ
            นางไม้สาวกำลังยืนอยู่ที่ที่ปลายเตียง มองมาที่เขาพร้อมกับยิ้มเศร้า ๆ
            คุณวนาคุณวนาจริง ๆ ด้วย
            รู้สึกตื่นเต้นดีใจจนบอกไม่ถูก ด้วยความลืมตัวชายหนุ่มตรงเข้าช้อนร่างนั้น อุ้มหมุนวนไปรอบ ๆจนกระโปรงยาวสีชมพูที่หล่อนสวมใส่อยู่บานพลิ้วไปตามแรงหมุนเหวี่ยงของต้น
            แต่พอนึกขึ้นมาได้ เขารีบคลายวงแขนปล่อยร่างของนางไม้สาวลง
            ขอโทษ….ขอโทษครับคุณวนาผมดีใจจนลืมตัวไปน่ะ….ไม่ได้มีเจตนาทำมิดีมิร้ายกับคุณ
            หล่อนยืนมองหน้าเขาทำตาปริบ ๆ นึกไม่ถึงว่าจะโดนจู่โจมเข้าแบบนั้น รู้สึกใบหน้าชาวูบแดงขึ้นมาเป็นลูกตำลึงทันที
            “คุณต้นยังนอนพื้นอยู่อีกหรือ?” หล่อนมองพื้นถามแก้เก้อ ทำไมไม่ขึ้นไปนอนบนเตียงล่ะ?”
            “เตียงนี้เป็นของคุณ ผมไม่กล้าขึ้นไปนอนหรอกครับ ผมปล่อยให้ว่างเอาไว้เพื่อรอเจ้าของกลับมา แล้วคุณก็กลับมาจริง ๆคุณวนา…”
            “วนาไม่มีที่จะไปไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปอยู่ที่ไหนดี…”  หล่อนยืนก้มหน้าบอกเสียงเศร้า ๆ
            กลับมาอยู่ที่นี่เถอะครับคุณวาไม่ต้องไปไหนหรอกผมดีใจที่คุณกลับมา  แล้วอยากให้คุณอยูที่นี่ผมพูดจากใจจริงนะครับ
            “แต่วนาทำให้คุณเดือดร้อน ทำให้คุณต้องลำบากใจ เกรงว่าจะมาทำความยุ่งยากให้กับคุณต้นอีก
            “ไม่เลยครับคุณวนา….ไม่ชายหนุ่มรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน  คุณไม่ได้ทำอะไรให้ผมเดือดร้อนหรอก ผมเสียอีกที่จะต้องขอขอบคุณที่คุณช่วยทำให้ผมตาสว่างได้รู้ได้เห็นเข้าใจอะไรดีขึ้น
            “คุณต้นยังปรับความเข้าใจกับคุณแตนไม่ได้อีกหรือ?”
            ชายหนุ่มพยักหน้ารับ แล้วยักไหล่เหมือนไม่แคร์เมื่อพูดถึงเรื่องนี้
            อย่าไปใส่ใจเลยครับ ลืมมันเสียเถอะอันที่จริงมันถูกอย่างที่คุณวนาว่าคุณแตนเธอเป็นคนโมโหร้าย ดุยังกะแม่เสือจริง ๆ
            “ต่อไปนี้วนาจะไม่แกล้งใครอีกแล้ววนาขอให้สัญญา…”
            “หมายความว่า คุณวนาตกลงใจจะกลับมาอยู่ที่นี่จริง ๆ ใช่ไหมครับต้นถามด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือล้น
            หล่อนพยักหน้ารับ
            "ไชโย...ผมดีใจจังเลย". ชายหนุ่มกระโดดตัวลอย ทำท่าเหมือนจะโผลเข้ากอดนางไม้สาว
             หล่อนรีบยกมือห้ามจนเขาต้องรีบเบรกแล้วยืนหัวเราะแก้เขิน
คืนนั้นต้นยังคงนอนที่พื้นห้องข้างเตียงเหมือนเดิม แต่เป็นคืนที่เขารู้สึกว่ามีความสุขที่สุด ตั้งใจไว้ว่าพรุ่งนี้เขาจะเจียดเงินไปซื้อผ้าห่มอีกผืนมาฝากวนา จะได้ไม่ต้องแย่งผ้าห่มกับหล่อนอีก
            **********
ไฟในห้องรับแขกของคฤหาสน์หลังงามยังเปิดสว่าง แตนสวมชุดนอนสีครีม มีเสื้อคลุมกำมะหยีสีน้ำเงินสวมทับอีกชั้น หล่อนหำลังเดินวนไปเวียนมาคล้ายเสือติดจั่น ตาคอยชะเง้อมองดูไปที่ประตูบ่อยครั้ง
            ละครหลังข่าวจบพอดี แม่แหววสาวใช้รีบปิดที.วี. ย่องกลับไปนอน เพราะไม่อยากอยู่รับหน้าเป็นที่ระบายอารมณ์ของนายสาวอีกต่อไป
            ตั้งแต่สองทุ่มแล้ว ที่เด็กสาวเห็นคุณแตนเดินวนไปเวียนมา บ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่แบบนี้ เพื่อสวัสดิภาพของตนเองจึงควรหลบไปให้พ้นๆหน้าเป็นการดีที่สุด
            แตนรู้สึกขัดเคืองใจยิ่งหนัก ไหว้วานตุ่มไปบอกต้นให้มาขอโทษหล่อน แต่เฝ้ารอแล้วรอเล่า ต้นยังไม่มาปรากฎโฉมหน้าให้เห็นสักที ยัยตุ่มพลอยหายต๋อมไปด้วย หล่อนโทรศัพท์ไปถามที่บ้านเพื่อนตั้งหลายหนก็ได้รับคำบอกเล่าว่ายัยตุ่มยังไม่กลับทำให้รู้สึกกระวนกระวายใจนัก
            หล่อนไม่เข้าใจว่าทำไมต้นถึงไม่มา หรือว่ายัยตุ่มไม่ได้ไปบอกกับเขา แต่ตุ่มได้รับปากหล่อนอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วนี่นา...ว่าจะรีบพูดกับต้นให้
            ดึกจนป่านนี้แล้วยังไม่เห็นมีใครมาสักคน ก่อนหน้านั้นหล่อนมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าต้นจะต้องรีบมาขอโทษหล่อนแน่มาบัดนี้ชักเริ่มไม่ค่อยแน่ใจเสียแล้ว
            ถ้าหากต้นไม่ยอมมาขอโทษจริงๆล่ะ จะทำยังไงมิกลายเป็นว่าหล่อนนั้นแหละที่จะต้องกลายเป็นฝ่ายสูญเสียเขาไปกระนั้นหรือ
            "ยังไม่นอนอีกหรือยายแตน"
            คุณพิทักษ์เดินลงบันไดมา เห็นบุตรสาวคนเดียวของท่านยืนหน้างออยู่ที่ห้องรับแขก จึงถามขึ้น
            "ยังค่ะคุณพ่อ....แตนยังไม่ง่วง"
            "เป็นอะไรไปน่ะหือ....ลูกหน้าหมุ่ยเชียว!"
            "ก็พี่ต้นซิ.....ไม่ยอมมาเลยค่ะคุณพ่อ"
            "จะให้เขามาได้ยังไง...ในเมื่อลูกทำกิริยากับเขาไว้แบบนั้น"
            "แต่พี่ต้นเป็นฝ่ายผิดนะคะคุณพ่อ เล่นพิเรนท์ใช้ชองต่ำกับลูกก่อน" หญิงสาวเถียงฉอดๆจนผู้เป็นพ่อส่ายหน้า
            "หัดรู้จักใช้เหตุเสียบ้างซี้...คนอย่างต้นนะหรือ...จะกล้าหยอกลูกรุนแรงขนาดนั้น เขาเป็นคนที่มีการศึกษาแล้วก็ไม่เคยจะมีท่าทีว่าจะหยาบคายให้เห็นมาก่อน ลูกอาจจะเข้าใจผิดมากกว่า....."
            "แตนไม่ได้เข้าใจผิดหรอกค่ะ มีคนทำแบบนั้นกับแตนจริงๆ ถ้าไม่ใช่พี่ต้นแล้วเป็นใครเล่าคะ?” ?"
            "ลืมมันเสียเถอะลูก..อย่าให้เรื่องที่ไม่เป็นเรื่องแบบนี้ มาทำให้ลูกต้องรู้สึกขุ่นเคืองไม่สบายใจเลย"
            "แตนควรจะทำยังไงดีล่ะคะคุณพ่อ?"หล่อนขอความเห็น
            "ลูกรักเขาหรือเปล่าล่ะ?”คุณพิทักษ์ย้อนถาม
            "รักค่ะ...." หญิงสาวพยักหน้ารับ "แตนรักพี่ต้นมาก..ไม่อยากให้ต้องสูญเสียพี่ต้นไป..."
            "ถ้าอย่างงั้นลูกควรจะเป็นฝ่ายไปขอโทษเขาเสีย"
            เป็นคำแนะนำของชายสูงอายุ ก่อนที่ท่านจะเดินกลับขึ้นไปนอนต่อ
***********
เช้าวันนี้ปื๊ดมีนัดจะพาต้นไปพลกับเตี่ยของเขาที่โรงงาน เด็กหนุ่มแต่ตัวเสร็จแล้ว ออกจากห้องของตนล็อกกุญแจแล้วเดินมาเคาะประตูหน้าห้องต้น
            "พี่ต้น.....พี่ต้น.....จะไปกันรึยังล่ะ...?"
            ชายหนุ่มอาบน้ำอยู่ วนาได้ยินเสียงคนมาเคาะประตู นั่งหันรีหันหันขวางอยู่บนเตียง ไม่รู้จะทำยังไงดี
            "มีคนมาเคาะประตูจะให้ทำยังไงดีคะ....คุณต้น?"
            "คงจะเป็นปื๊ด...คุณวนาช่วยหลบไปก่อนแล้วกันครับ"
            นางไม่สาวทำตามหายตัวแว้ปไป
            "พี่ต้น...ยังไม่ตื่นอีกหรือ...พี่ต้น!"
            เห็นในห้องเงียบกริบไม่มีเสียงตอบ ปื๊ดคิดจะลองเรียกใหม่ แต่ต้องหยุดชะงักมือค้างเมื่อเห็นบานประตูค่อยๆเปิดแง้มออกเอง
            เด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์ ชะโงกหน้าเข้าไปมองอย่างแปลกใจที่ไม่เห็นมีใครมาเปิดประตูให้
            คงไม่ใช่ผีนางไม้เป็นคนเปิดให้หรอกนะ เพราะต้นบอกว่าหล่อนไปจากห้องนี้แล้วนี่นา ต้นอาจจะไม่ได้ล็อกประตูเพียงงับเอาไว้เฉยๆเพราะรู้ว่าเขาจะมาหา
            ค่อยๆก้าวเข้าไปในห้องอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก เปิดประตูไว้เผื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากลจะได้เผ่นหนีออกไปทัน
            ในห้องมีแต่ความว่างเปล่า ปื๊ดยืนมองเหลียวหน้าเหลียวหลังชักใจคอไม่สู้ดี ยิ่งเป็นคนกลัวผีขึ้นสมองอยู่ด้วย 
            ประตูห้องหน้าเปิดผัวะออกมาทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับสะดุ้งเฮือก เกือบจะแหกปากร้องเสียงหลง
            แต่พอเห็นว่าเป็นต้นเท่านั้นจึงถอนหายใจยาวอย่างรู้สึกโล่งอก
            ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน ที่เห็นปื๊ดมายืนทำหน้าเจี๊ยมเจี้ยมอยู่ในห้องนี้ ทั้งๆที่เขาเองเป็นคนล็อกประตูกับมือเมื่อคืนนี้
            "ประตูของพี่ต้นไม่ได้ล็อก" ปื๊ดรายงาน "พอผมเคาะ..มันก็เปิดออก...ผมเลยเดินเข้ามา
            เพียงแค่นั้นต้นพอจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรพยักหน้ารับทราบแล้วรีบแต่งตัวให้รียบร้อย
            "เมื่อคืนปื๊ดไปส่งยัยตุ่มดึกมั้ย?"เขาถามเรื่อยเปื่อยในขณะที่นั่งใส่ถุงเท้า
            "ไม่หรอกครับพี่....แค่ตีสองเท่านั้นเอง"
            “งั้นปื๊ดไม่ได้ไปเล่นดนตรีน่ะซี”
            "ครับ...แต่ไม่เป็นไรหรอก ผมโทรไปบอกกับเพื่อนๆแล้วให้เล่นกันไปเอง ขาดงานแค่วันเดียวเจ้าของร้านเขาไม่ว่าอะไรหรอกครับคุณตุ่มเธอน่ารักจริงๆเลยอยู่คุยเพลินไปหน่อย..."
            "พูดจริงหรือเปล่า....พี่จะช่วยเป็นพ่อสื่อให้เอามั้ยล่ะ...?"
            "ไม่หรอกพี่ต้น....ไม่"เด็กหนุ่มอายจนหน้าแดงยืนบิดไปบิดมา
            "อ้าว....ทำไมล่ะ?"
            "ไม่ปฏิเสธ....." เด็กหนุ่มพูดออกมาหน้าตาเฉย. ทำเอาต้นรู้สึกนึกขำในลูกเล่นของเขา จนหัวเราะหึๆพอดีใสรองเท้าเสร็จลูกขึ้นยืน
            "ช่วยแวะไปที่บริษัทขอพี่เอาเอกสารก่อนได้ไหมปื๊ด?"
            "ได้เลยพี่ต้น....ได้เลย"
            "งั้นไปกันเถอะ...ไป" ชายหนุ่มเดินนำหน้าไปก่อน ปื๊ดจะขยับก้าวตาม แต่ยังไม่วายเหลียวกลับไปมองดูในห้องอีกที
            ให้ตายสิ...ตาของเขาไม่ฟาดแน่ ปื๊ดเห็นหญิงสาวในชุดสีชมพูเรืองแสง กำลังนั่งอยู่บนเตียงมองมาทางเขาโบกมือแล้วยิ้มให้
            ลองขยี้ตาดูให้แน่ใจอีกที ร่างนั้นกลับหายวับไปเสียแล้ว มีแต่เตียงว่างเปล่า
            ปื๊ดขนลุกสู้ รีบเผ่นพรวดออกมานอกประตูทันที
            "เป็นอะไรไปเหรอ?" ต้นขมวดคิ้วถาม เพราะเห็นสีหน้าแสดงความตื่นตกใจของปื๊ด
            "ผี....ผีหลอก.....ผีหลอก!"
            เด็กหนุ่มชี้ไปทางเตียง ร้องบอกปากคอสั่น ต้นหันไปมอง
            "ไม่เห็นมีอะไรเลย...."
            "เมื่อกี้ผมเห็นมีผู้หญิงนั่งอยู่บนเตียงจริงๆ" เขายืนยัน. "ต้องเป็นผีแน่ๆ" 
            "ตาฟาดไปมากกว่า...ผีที่ไหนกัน?"

ชายหนุ่มพูดกลบเกลื่อน แล้วรีบปิดประตูล็อกเสียเพื่อเป็นการตัดปัญหา ไม่อยากให้ปื๊ดเกิดความสงสัย
            ชักนึกเคืองในความขี้เล่น ของแม่นางไม้สาวจอมยุ่งไหนให้สัญญาว่าจะไม่แกล้งหลอกใครอีกแล้ว.... รอให้เสร็จธุระก่อน กลับมาได้จะต้องต่อว่ากันหน่อยล่ะ....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น