โดย...เจิด
จินตนา
๑๗.
. .
“ผมเปล่านะเตี่ย แม่เขาใช้ให้ผมมาสืบดูเท่านั้น!”
“หา! ไอ้ปื๊ด…นี่แม่มึงรู้แล้วหรือ” ผู้เป็นพ่อตกใจสะดุ้งเฮือก
“ใช่…ถ้าเตี่ยยังไม่เลิกกับมัน ผมก็จะไปบอกแม่”
“อย่าเชียวนะไอ้ปื๊ด….มึงก็รู้ว่าแม่มึงมือหนักขนาดไหน มึงอยากให้กูตายหรือไง?”
“แม่เขารู้ระแคะระคายมานานแล้ว
ยังไม่รู้อยู่อย่างเดียวว่ามันเป็นใครเท่านั้น เตี่ยเล่นไม่ยอมกลับไปนอนบ้านทีนึงตั้งสองสามวัน
แม่เขาเลยสงสัยน่ะซิ่”
เสี่ยใหญ่ยืนนิ่งอึ้งหัวหมุนติ้วไปหมด
ปื๊ดเดินเข้ามาหากุมมือเตี่ยของเขา
“ผมขอร้องล่ะ….เลิกยุ่งกะมันเสียเถอะเตี่ย เพื่อเห็นแก่แม่ ไม่ยั้งงั้นผมก็จำเป็นที่จะต้องนำเรื่องนี้ไปบอกให้แม่รู้…ผมรู้นะว่าเตี่ยเอาเงินไปซื้อรถไปซื้อบ้านให้มันอยู่รถอะไรสีอะไร กท.อะไร ผมรู้หมดแล้ว เวลานี้เพื่อนของผมกำลังสะกดรอยตามไปดูว่ามันอยู่ที่ไหน
เตี่ยอย่าทำให้แม่ต้องช้ำใจตายเพราะเรื่องนี้เลยนะ”
โดนทั้งปลอบทั้งขู่
เสี่ยกำชัยถึงกับทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนระโหยโรยแรง
“เอาล่ะ ๆ
กูรับปากว่าต่อไปจะไม่ยุ่งกับมันอีกแล้ว…มืงกลับไปได้แล้วไอ้ปื๊ด”
โบกมือไล่ลูกชายโดยไม่ยอมหันมามองหน้า
เขาจำเป็นต้องรับปากเอาไว้ก่อน เพื่อเห็นแก่สวัสดิภาพของตนเอง
**********
เป็นเวลานานแล้ว
ที่อรอนงค์สังเกตเห็นรถมอเตอร์ไซค์สีแดง ขับตามหล่อนมาตลอดเวลา
คนขี่เป็นเด็กหนุ่มหุ่นผมสูง ไว้ผมยาวใส่แว่นกันแดดสีดำ
เมื่อรถของหล่อนจอดติดไฟแดง
มอเตอร์ไซค์คันนั้นยังคงจอดจี้ตามหลังอยู่ ทั้ง ๆ
ที่มีช่องว่างพอที่จะแทรกขึ้นไปข้างหน้าได้อย่างสบายแต่กลับไม่ยอมไปก่อน นั่นแหละที่ทำให้หล่อนเริ่มรู้สึกผิดสังเกต หญิงสาวหักพวงมาลัยรถเก๋งคันงามเปลี่ยนเส้นทางเป็นเลี้ยวซ้าย
เมื่อได้รับสัญญาณไฟเขียว แล้วชำเลืองตามองดูในกระจกส่องหลัง มอเตอร์ไซค์คันนั้นยังคงแล่นตามมาห่าง
ๆ ทิ้งระยะพอสมควร หล่อนแน่ใจทันทีว่า
กำลังถูกสะกดรอยตาม แต่เพื่อจุดประสงค์อะไรกันล่ะ?”
ไม่ใช่เพื่อหวังชิงทรัพย์แน่เพราะเห็นขี่มาคนเดียวไม่มีใครซ้อนท้าย
และในสภาพท้องถนนจอแจแออัดเช่นนี้ มันคงไม่บ้าพอที่จะทำอะไรอุกอาจ ถ้าเช่นนั้น
มันตามหล่อนมาทำไม ใจคอชักไม่ค่อยสู้ดี
หญิงสาวล็อคประตูรถทุกบานเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วขึ้น
เพื่อให้หลุดพ้นจากการติดตามของมอเตอร์ไซค์ลึกลับคันนี้ อ๊อดซึ่งขี่มอเตอร์ไซค์ตามหลังหล่อนมา
ตั้งแต่ออกจากโรงงานทอผ้า
เห็นบีเอ็มดับบลิวที่เขารับหน้าที่สะกดรอยเร่งความเร็วขึ้น
จึงรีบบิดคันเร่งไล่ตามไม่ยอมให้คลาดสายตา เด็กหนุ่มไม่ได้นึกเฉลียวใจเลยสักนิดว่า
หญิงสาวที่เขากำลังสะกดรอยตามอยู่นั้นเริ่มไหวตัวเสียแล้ว
และพยายามหาทางหนีให้พ้นไปจากเขา พอถึงจุดกลับรถตรงช่องเกาะกลางถนน
บีเอ็มดีบบลิวสีเหลือกมังคุดชะลอความเร็วลง แล้วเลี้ยวกลับทันที
ในจังหวะที่ยังไม่มีรถแล่นสวนมา เบนเข็มพึ่งหน้าย้อนกลับมาทางเก่า อ๊อดเห็นเข้าเช่นนั้นรู้สึกตกใจยิ่งนัก
รีบเบรกจนตัวโก่ง แล้วเลี้ยวกลับเร่งเครื่องไล่กวดตามไปพร้อมกับนึกแช่งชักหักกระดูกหญิงสาว
ที่อยู่ดี ๆ เกิดเปลี่ยนเส้นทางอย่างกะทันหัน อรอนงค์เหยียบคันเร่งเต็มที่
บีเอ็มดับบลิวเครื่องแรงจัดคันนั้นพุ่งปราดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
แซงซ้ายปาดขวาอุตลุด เป็นที่น่าหวาดเสียวยิ่งนัก
เวลานี้หล่อนคิดอยู่อย่างเดียวคือหนี หนีให้พ้นจากการติดตาม หล่อนพอจะนึกออกแล้ว
ต้องมีใครใช้ให้มันสะกดรอตามหล่อนมา แต่หล่อนไม่เคยมีศัตรูที่ไหนเลยนี่นา หรือว่าเมียหลวงของเสี่ยกำชัยจ้างมือปืนให้มาเก็บหล่อน?
คงใช่แน่ เพราะลักษณะท่าทางของคนขี่มอเตอร์ไซค์หน้าตาบอกยี่ห้ออยู่ คิดแล้วให้รู้สึกเสียววูบขึ้นมาในทันที
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ต้องรีบหนีไปให้ได้ แต่ถนนดูเหมือนจะเป็นใจเอาเสียเลย
ยวดยานที่คับคั่งจอแจ ทำให้หล่อนกระทำตามที่คิดได้ไม่ถนัด
มอเตอร์ไซค์ซึ่งซ่อกแซ่กได้คล่องตัวกว่า ในไม่ช้าจึงไล่กรวดตามมาจนทันอีก ถ้าหากเป็นถนนที่ว่าง
ๆ กำลังแรงของมอเตอร์ไซค์คันนั้นไม่มืทางไล่กวดรถเก๋งของหล่อนทันแน่สมองเริ่มคิดหาเส้นทางที่จะหนีใหม่ ผ่านแยกซอยเสนาบนถนนพหลโยธินมาเล็กน้อยเบื้องหน้าของหล่อนคือสามแยกเกษตร
หล่อนตัดสินใจหักรถเข้าเลนซ้าย
เลี้ยวออกถนนงามวงศ์วานเพื่อมุ่งหน้าไปสู่วิภาวดีรังสิต
คิดว่าจะอาศัยทางด่วนเป็นเส้นทางหลบหนี
เพราะรถมอเตอ์ไซค์ขึ้นไปแล่นบนทางด่วนไม่ได้ ช่วงหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรถนนค่อนข้างโล่งอรอนงค์เหยียบคันเร่งเต็มที่
เหลือบดูในกระจกส่องหลังมอเตอร์ไซค์คันนั้นกำลังเร่งเครื่องเต็มที่ตามมาเช่นกันแต่ดูเหมือนว่า
รถของหล่อนจะค่อย ๆ ทิ้งห่างมันออกไป แล้วโชคเกิดเข้าข้างหล่อนอีก
ทางแยกถนนวิภาวดีช่วงสะพานลอยบางเขนกำลังเป็นไฟเขียวพอดี
หล่อนรีบเร่งเครื่องเพื่อให้ผ่านพ้นสัญญาณไฟเขียวนี้ไป ตรงทางรถไฟเบื้องหน้าสัญญาณเตือนกำลังดังขึ้นพร้อมกับมีไฟกระพริบที่ไม้กั้น
ขบวนรถดีเซลรางกำลังจะเคลื่อนตัวออกจากสถานีบางเขน ไม้กั้นค่อย ๆ เลื่อนลงมา หญิงสาวเกิดฉุกคิดเปลี่ยนใจอย่างกะทันหันหล่อนจะใช้รถไฟขบวนนี้
สกัดกั้นการติดตามของรถมอเตอร์ไซค์ แทนที่จะเลี้ยวซ้าย
หญิงสาวรีบหักพวงมาลัยกลับให้รถพุ่งเข้าหาทางรถไฟ
แซงรถที่จอดรออยู่รอดไม้กั้นไปได้อย่างหวุดหวิดน่าใจหายใจคว่ำ อ๊อดกำลังควบมอเตอร์ไซค์ของปื๊ดข้ามสีแยกมาพอเห็นเช่นนั้นต้องรีบชะลอความเร็วลงเพราะไม้กั้นลงมาปิดกั้นถนนพอดี
เขามองตามหลังบีเอ็มดับบลิวคันนั้น
ซึ่งกำลังทะยานข้ามสะพานบางเขนไปอย่างรู้สึกฉุนจัด เหลียวไปดูที่สถานีรถไฟดีเซลรางขบวนนั้น
กำลังเคลื่อนตัวช้า ๆ ออกจากสถานี เปิดหวูดเสียงดังลั่น หากจะรอให้รถไฟขบวนนี้ผ่านพ้นไปเสียก่อน
เขาคงไม่มีทางตามหล่อนทันแน่ อ๊อดตัดสินใจอย่างฉับพลันเป็นไงเป็นกัน
รีบลงเกียร์ต่ำเร่งเครื่องอย่างเต็มที่บังคับมอเตอร์ไซค์เลี้ยวอ้อมเกาะกลางถนนไปยังอีกด้านหนึ่ง ถนนกำลังว่างพอดี
เพราะรถที่จะแล่นสวนมาถูกกั้นรอรถไฟอยู่
เขาเร่งเครื่องอีกทีพามอเตอร์ไซค์ไต่เข้าไปในรางรถไฟ
เพื่อเลี้ยวอ้อมปลายไม้กั้นอีกอันหนึ่ง ซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม เขาจะต้องทำเวลาอย่างเต็มที่
แข่งกับรถดีเซลรางขบวนนี้ ท่ามกลางสายตาของทุกคู่ ซึ่งอยู่ภายในบริเวณนั้น
ที่พากันจ้องมองดูการกระทำอันบ้าบิ่นของเด็กหนุ่มอย่างใจหายใจคว่ำ ขบวนรถดีเซลรางเคลื่อนมาจนถึงขอบถนนแล้วอ๊อดบิดคันเร่งสุดแรงเกิด
พามอเตอร์ไซค์พุ่งทะยานออกทางรถไฟ เฉียดหน้าหัวรถจักรดีเซลไปเพียงแค่ไม่ถึงคืบ พนักงานรถไฟที่ทำหน้าที่โบกธงเต้นหรา
ด่าไล่ตามหลังอ๊อดไปเสียงโขมงโฉงเฉง แต่เด็กหนุ่มไม่ได้สนใจ
ตั้งหน้าตั้งตาบิดลูกเดียว พารถพุ่งทะยานข้ามสะพานเขนไปอย่างรวดเร็ว อรอนงค์แทบไม่เชื่อสายตาตนเอง
เมื่อเหลือบมองในกระจกส่องหลัง เห็นมอเตอร์ไซค์คันเก่ากำลังลงสะพานมา
สีหน้าของหล่อนซีดเผือดลงทันที คิดไม่ถึงจริง ๆ
ว่ามันจะหลุดรอดจากรถไฟขบวนนี้มาได้ ทำอย่างไรถึงจะหนีพ้นเจ้ามอเตอร์ไซค์บ้า
ๆ คันนี้เสียที ขืนปล่อยให้มันตามหล่อนไปเรื่อย ๆ มีหวังต้องเป็นโรคประสาทตายก่อนที่จะโดนลูกปืน มองไปข้างหน้า
เห็นมีด่านตรวจอยู่เลยเรือนจำกลางไปเล็กน้อย
เจ้าหน้าทีตำรวจสองสามนายกำลังตั้งด่านตรวจจับรถมอเตอร์ไซค์อยู่ อรอนงค์รู้สึกใจชื้นขึ้นมาทันที
ดีใจเหมือนเห็นพระมาโปรด รีบชะลอความเร็วของรถลง แล้วแตะเบรกให้จอดชิดขอบถนนตรงด่านตรวจพอดี ตรงกันข้ามกับอ๊อด
พอเห็นด่านตรวจเข้าเท่านั้นหน้าถอดสีทันที เพราะตัวเองไม่มีใบขับขี่เลย “แย่ล่ะซิ…เสร็จแน่ล่ะเราคราวนี้หล่อนคงจะรู้ตัวแล้วว่าถูกเราสะกดรอยตามมา….ระยำจริง ๆ พับผ่า !”
อ๊อดสบถออกมาเบา ๆ ในลำคอ ถึงยังไงเขาคงไม่มีทางผ่านด่านตรวจนั้นไปได้แน่
เห็นทีจะต้องเปลี่ยนความตั้งใจเลิกติดตามหล่อนเสียแล้ว กำลังคิดที่จะเลี้ยวกลับ
พอดีเหลือบเห็นรถเมล์ปรับอากาศเคลื่อนตัวออกจากป้ายจอด
ความคิดแว้บเข้ามาในสมองของเขาทันที ต้องขอลองเสี่ยงดูอีกสักครั้ง
โดยการใช้รถเมล์คันนี้เป็นเครื่องกำบัง จากสายตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรงด่านตรวจ
หากโชคยังเข้าข้างอยู่ เขาคงสามารถที่จะรอดพ้นไปได้ คิดได้ดังนั้น
เด็กหนุ่มรีบบังคับรถมอเตอร์ไซค์ขับตามจี้ตูดรถเมล์ปรับอากาศไปอย่างกระชั้นชิด “ช่วยด้วยค่ะ…ช่วยด้วย คุณตำรวจ!”
อรอนงค์เปิดประตูรถ วิ่งพรวดพราดตรงไปหาตำรวจยศจ่าสิบเอกนายหนึ่ง
พร้อมกับละล่ำละลักบอก “มีอะไรให้ช่วยหรือครับคุณ?”
“คนร้าย…คนร้ายค่ะ คนร้ายขี่มอเตอร์ไซค์ไล่ตามฉัน” “ไหนครับ…ไหน?”
จ่านายสิบตำรวจนายนั้นเหลียวมองไปรอบ ๆ เขาไม่เห็นรถมอเตอร์ไซค์เลย
นอกจากรถเมล์ปรับอากาศซึ่งกำลังแล่นผ่านด่านตรวจไปเท่านั้นเอง “ไหนล่ะครับคุณ…รถมอเตอร์ไซค์คันไหน?”
หญิงสาวหันมองไปรอบ ๆ ถนน
มอเตอร์ไซค์คันนั้นหายวับไปจากสายตาของหล่อนเสียแล้ว เป็นไปได้ยังไงกัน
เมื่อสักครู่นี้ยังเห็นแล่นข้ามสะพานบางเขนมา
หรือว่ามันเกิดเปลี่ยนใจไม่กล้าตามมาหนีย้อนกลับไปทางเก่าแล้ว
เพราะเห็นมีด่านตรวจตั้งอยู่ มันดีไปอย่าง….เพราะหล่อนจะได้ไม่ต้องคอยประสาทกินกับมันอีกต่อไป “ช่างเถอะค่ะ…ฉันคงตาฝฝาดไปเอง ต้องขอโทษด้วยนะคะ”
หล่อนบอกอย่างสุภาพ แล้วขอตัวกลับไปที่รถ “เดี๋ยวก่อนครับคุณ…” ตำรวจนายนั้นเรียกไว้ทำให้หญิงสาวต้องหยุดชะงัก
เขาเดินเข้ามาหาขมวดคิ้วถาม “คณไม่สบายหรือเปล่า?”
ท่าทางของเขาแสดงความห่วงใย คงเพราะหวังดีที่เห็นเป็นผู้หญิงผู้ขับรถมาคนเดียว
แล้วหล่อนยังแสดงอาการแปลกๆ ให้เขาเห็น
อันเกิดจากความหวาดกลัวมอเตอร์ไซค์ลึกลับคันนั้นนั่นเอง อรอนงค์รีบสั่นหน้าปฏิเสธ “เปล่าค่ะ ฉันสบายดี…เพียงแต่คิดมากไปเท่านั้นเอง”
“ขับรถระวังดีๆ หน่อยนะครับ ตำรวจนายนั้นกล่าวเตือน
ก่อนที่จะปล่อยให้หล่อนขับรถออกจากด่านตรวจไป พ้นด่านมาเพียงเล็กน้อย
เป็นสะพานข้ามคลองอรอนงค์บังคับรถให้ข้ามสะพานมา กวาดตามองไปรอบ ๆ อีกครั้ง
แล้วถอนหายใจอย่างรู้สึกโล่งอก ที่ไม่เห็นมีมอเตอร์ไซค์บ้า ๆ คอยติดตามมาอีก ขวามือเป็นหมู่บ้านชินเขต
ส่วนทางซ้ายมือคือโรงหนังงามวงศ์วานรามา ตลาดพงษ์เพชรปรากฏอยู่ตรงหน้า
ก่อนจะถึงสี่แยกข้ามคลองประปา หล่อนเริ่มขับรถอย่างสบาย
ๆไม่เร่งร้อน นับว่าวันนี้โชคของหล่อนยังดีที่มาเจอเอาด่านตรวจเข้า
ป่านนี้เจ้ามอเตอร์ไซค์ลึกลับคันนั้นคงจะหนีเตลิดกลับไปแล้ว ไม่เช่นนั้นแล้ว
จะมีอะไรเกิดขึ้นกับหล่อน ยากที่จะคาดเดาได้ ต่อแต่นี้ไป
หล่อนจะต้องคอยระมัดระวังตัวให้ดี เพราะมันอาจจะหาโอกาสคอยตามปองร้ายอีกเมื่อไหร่
ใครจะไปรู้ แต่พอเหลือบมองกระจกส่องหลังอีกครั้ง
อรอนงค์ถึงกับใจหายวาบ เจ้ามอเตอร์ไซค์จอมตื้อกำลังเลี้ยวออกมาจากหน้าโรงหนังงามวงศ์วานรามา อะไรกันนี่
มันรอดด่านตรวจมาได้อย่างไรกัน หล่อนคิดด้วยความรู้สึกแปลกใจ ท่าทางมันคงไม่ยอมเลิกตามจองล้างจองผลาญอย่างแน่นอน หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึก
ๆ ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ทำให้หล่อนเกิดความกล้าบ้าบิ่นขึ้นมา มีอยู่วิธีเดียวเท่านั้นที่จะรอดพ้นจากการติดตามของมอเตอร์ไซค์ลึกลับคันนี้
คือต้องหาทางกำจัดมันเสีย ย่านตลาดพงษ์เพชร
รถราค่อนข้างจอแจ หล่อนขับรถอย่างใจเย็น เริ่มวางแผนการเอาไว้ในใจ พอข้ามคลองประปามาได้
ผ่านห้างพันธุ์ทิพสรรพสินค้าไปเล็กน้อย ถนนจึงค่อยโล่งขึ้น
แบบนี้ต้องวัดดวงกันหน่อยล่ะ สองข้างทางเป็นคูน้ำขนานคู่กันไปกับขอบถนนพอมาถึงโรงงานโพลาริส หญิงสาวรีบหักพวงมาลัยเลี้ยวปราดเข้าไป
แล้วจอดสงบนิ่งรออยู่ที่ทางเข้าหน้าโรงงาน มาแล้ว….เจ้ามอเตอร์ไซค์ปีศาจ
เดี๋ยวจะได้เห็นดีกัน หล่อนคิดแล้ววางมือบนคันโยกเกียร์ เตรียมพร้อมเอาไว้ อ๊อดชะลอความเร็วของรถมอเตอร์ไซค์ลง
รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นหล่อนเลี้ยวรถเข้าไปจอดอยู่ที่หน้าโรงงาน
เขาตั้งใจว่าจะขี่รถผ่านไปก่อน แล้วค่อยแอบย้อนกลับมาดูอีกที ทำทีเป็นไม่สนใจ
บิดคันเร่งให้มอเตอร์ไซค์พุ่งปราดมาตามถนน ก่อนที่อ๊อดจะถึงทางแยกเข้าโรงงานโพลาริส
อรอนงค์รีบตบเกียร์ถอยหลัง พารถถอยพรวดออกมาจอดขวางถนนเอาไว้ในทันที อ๊อดตาหูเหลือก
คาดไม่ถึงว่าจะโดนเล่นงานเข้าไม้นี้รีบหักแฮนด์มอเตอร์ไซค์หลบไปทางซ้าย
พร้อมกลับรั้งสายเบรกอย่างเต็มมที่ แต่ความเร็วของรถทำให้เขาไม่อาจหยุดได้สนิทดังใจ
มอเตอร์ไซค์คันโปรดของปื๊ดจึงพุ่งเลยออกนอกขอบถนน
และหล่นตูมลงไปในคูน้ำข้างทางพร้อมกับร่างของอ๊อดที่ลอยละลิ่วตามลงไป โชคดีที่น้ำในคูไม่ค่อยลึกมากนัก
แต่มันทำให้ทั้งมอเตอร์ไซค์และตัวเด็กหนุ่มเลอะเทะเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำครำ
จนดูดำปื้ดไปหมด เขาตะเกียกตะกายเงยหน้าขึ้นมองบนถนน อรอนงค์เปิดกระจกหน้าต่างรถชะโงกหน้าออกมาส่งยิ้มเหยียดๆ
ให้เขาอย่างรู้สึกสะใจ ก่อนที่จะเข้าเกียร์พารถเก๋งคันงามมุ่งหน้าไปทางสี่แยกแคลาย ********** ในตอนบ่าย ต้นได้รับโทรศัพท์จากแตน
นัดให้เขาไปพบกับหล่อนที่ห้องอาหารแห่งหนึ่งแถวชานเมืองเสียงหล่อนบอกว่า
มีเรื่องสำคัญมากจะคุยด้วย ชายหนุ่มนึกรู้ได้ทันทีว่าหญิงคนรักจะพูดเรื่องอะไรเขารีบรับปากและไปพบกับหล่อนในทันที
เพราะชายหนุ่มต้องการที่จะอธิบายทุกอย่างให้คนรักเข้าใจอยู่เหมือนกัน ที่ห้องอาหารแห่งนั้น
แตนกับตุ่มนั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว สีหน้าของสองสาวดูเคร่งเครียด
ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มเลยสักนิด เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามาหา ชายหนุ่มหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ว่างตรงข้ามกับแตน “เป็นอะไรไปยัยตุ่ม
อาหารไม่อร่อยเหรอไง?” เขาพูดกระเซ้าเพื่อให้บรรยากาศคลายซีเรียสลง “ยังจะมีหน้ามาทำพูดดีอีกพี่ต้น”
แตนค้อนขวับทำตาขวาง “ตัวพี่ต้นนั่นแหละ
ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อนไปตาม ๆ กัน”
“อ้าว ! ผมไปทำอะไรให้ใครเดือดร้อนล่ะ?” ชายหนุ่มแกล้งตีหน้าเซ่อทำเป็นไม่รู้เรื่อง “คุณสั่งให้ผมมาหา
ผมรีบเรียกแท็กซี่มาปุ๊บทันที รอนานนิดหน่อยแค่นี้ทำงอนไปได้ รถมันติดน่ะครับ” “อย่ามาแกล้งไก๋หน่อยเลย เลิกพูดเล่นเสียทีได้ไหมพี่ต้น?” เสียงแตนชักฉุน “พี่ต้นรู้ดีว่าแตนกำลังพูดถึงอะไรอยู่
บอกมาดีกว่าว่าพี่ต้นไปรู้จักกับนางผีร้ายตัวนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?” “ไหน ผีร้ายตัวไหน?” ต้นยังไม่ยอมเลิกเล่นลิ้น ยัยตุ่มเลยเกิดนึกหมั่นไส้ขึ้นมา
เอากำปั้นทุบลงกลางหลังของชายหนุ่มดังบึ่ก “นี่แน่ะ….ทำหน้าทะเล้นดีนัก
นังผีตัวที่อยู่ในห้องของพี่ต้นยังไงล่ะ!”
เล่นเอาชายหนุ่มถึงกับหลังแอ่น มึนไปเหมือนกันกำปั้นของตุ่มที่หนักไม่ใช่เล่น
เขามองหน้าคนทุบแล้วเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง “คุณวนาเอไม่ใช่ผีหรอกนะยัยตุ่ม”
“ถ้าไม่ใช่ผีแล้วมันเป็นใคร อ่อ หรือว่าอีนังนั่นมันเป็นเมียของพี่ต้น…อย่างงั้นใช่มั้ย?” แตนแหวใส่เขาเสียงลั่น ชายหนุ่มทำตาเหลือกรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธ “เปล่าๆ ไม่ใช่อย่างนั้น
ฟังผมอธิบายให้จบก่อนซิครับคุณแตน”
หญิงสาวจ้องหน้าชายคนรักเขม็ง เหมือนกำลังจะจับผิดเขาอยู่ “มีอะไรจะแก้ตัวว่ามา?”
“เธอไม่ใช่คนแต่เป็นนางไม้ นางไม้ที่สิงอยู่ในเตียงนอน” “นางไม้?” สองสาวอุทานออกมาเกือบจะพร้อมกัน
แทบไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากของต้น ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
ยืนยันอีกครั้ง “ถูกแล้ว…คุณวนาเธอเป็นนางไม้จริงๆ
เธออยู่ในห้องนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ก่อนหน้าที่ผมจะย้ายเข้าไปอยู่เสียอีก
แตเธอไม่เคยทำร้ายใคร นอกจากแกล้งหลอกคนที่มาเช่า
เพราะไม่อยากให้มีใครมายุ่งกับห้องของเธอเท่านั้นเอง”
“เชอะ ! อย่ามาหลอกกันดีกว่าพี่ต้น
แตนไม่ใช่เด็กแล้วนะ!”
หญิงสาวเชิดหน้า ไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าคำพูดของชายคนรักจะเป็นความจริง
หล่อนคิดว่านางไม้นั้นไม่มีตัวตน เป็นเพียงนิทานสำหรับเด็กเท่านั้นเอง
สวัสดีฉัน aM clinton nancy หลังจากที่ได้มีความสัมพันธ์กับแอนเดอร์สันมานานหลายปีแล้วเขาเลิกกับฉันฉันทำทุกอย่างเพื่อให้เขากลับมาได้ แต่ทั้งหมดก็ไร้ผลฉันต้องการให้เขากลับมามากเพราะความรักที่ฉันมีต่อเขา, ฉันขอร้องเขาด้วยทุกสิ่งทุกอย่างฉันทำสัญญา แต่เขาปฏิเสธ ฉันอธิบายปัญหาของฉันกับเพื่อนของฉันและเธอบอกว่าฉันควรจะติดต่อล้อสะกดที่สามารถช่วยฉันโยนคาถาเพื่อนำเขากลับมา แต่ฉันเป็นประเภทที่ไม่เคยเชื่อในการสะกดฉันไม่มีทางเลือกกว่าที่จะลองฉัน ส่งคาถลลวงและเขาบอกผมว่าไม่มีปัญหาใด ๆ ที่ทุกอย่างจะเรียบร้อยก่อนสามวันที่อดีตของฉันจะกลับมาหาฉันก่อนสามวันเขาได้ให้การสะกดและในวันที่สองก็แปลกใจคือประมาณ 4 โมงเย็น อดีตของฉันเรียกฉันว่าฉันประหลาดใจมากฉันตอบสายและสิ่งที่เขาพูดก็คือเขาเสียใจมากสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการให้ฉันกลับไปเขาว่าเขารักฉันมาก ฉันมีความสุขมาก ๆ และไปหาเขานั่นคือสิ่งที่เราเริ่มใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฉันได้สัญญาว่าใครที่ฉันรู้ว่ามีปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ฉันก็จะช่วยคนดังกล่าวโดยการแนะนำให้เขาเป็นครูผู้ชำเถียงในการสะกดเฉพาะที่แท้จริงและทรงพลังที่ช่วยฉันด้วยปัญหาของตัวเอง อีเมล์: drogunduspellcaster@gmail.com คุณสามารถส่งอีเมลถึงเขาได้หากคุณต้องการความช่วยเหลือในความสัมพันธ์หรือกรณีอื่น ๆ
ตอบลบ1) รักคาถา
2) Lost Love Spells
3) การหย่าร้าง
4) เวทมนตร์สมรส
5) มัดสะกด
6) คาถา Breakup
7) ขับไล่คนที่ผ่านมา
8. ) คุณต้องการได้รับการเลื่อนตำแหน่งในการสะกดของสำนักงาน / สลากกินแบ่งของคุณ
9) ต้องการที่จะตอบสนองความรักของคุณ
ติดต่อคนที่ยิ่งใหญ่นี้หากคุณมีปัญหาใด ๆ สำหรับโซลูชันที่ยั่งยืน
ผ่าน DR ODOGBO34@GMAIL.COM