วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2559

เตียงนางไม้ ตอนที่ 21

โดย...เจิด จินตนา ๒๑ . . .


            ผู้คนที่อยู่ชั้นล่างสุดของคอนโดพากันออกมามุงดูหน้าสลอน  เพราะได้ยินเสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังลั่นของคุณนายลิ้นจี่ หญิงสาวที่โดนด่าฟรีด้วยความเข้าใจผิด รู้สึกอับอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี            พอลิฟท์ลงมาถึงชั้นล่างหล่อนรีบพาตัวเองเข้าไปกดปุ่มปิดประตูลิฟท์หลีกลี้หนีหน้าไปทันที            แม่ทำขายขี้หน้าหมดเลย ทำไมไม่รอผมก่อนล่ะ?” ปื๊ดตัดพ้อต่อว่า ยังนับว่าโชคดีที่เขาเข้ามาห้ามเอาไว้ทันเวลา ก่อนที่แม่จะทำอะไรรุนแรงลงไปกับผู้หญิงคนนั้น            อั๊วจะไปรู้หรอเห็นขับรถอย่างที่ลื้อบอกเอาไว้ อั๊วนึกว่าใช่น่ะซี่
          กลับกันก่อนเถอะแม่อย่าอยู่ต่อเลย หน้าแตกหมดแล้ว
            เด็กหนุ่มจูงมือมารดา เดินฝ่าฝูงชนที่มุงดูอยู่ออกมา คุณนายลิ้นจี่เดินตามหลังลูกชายตัวลีบ ด้วยความรู้สึกอับอาย ที่เกิดไปด่าเอาผิดคนเข้า            กำลังจะก้าวออกนอกตัวอาคาร เกิดสวนกับอรอนงค์เข้าพอดี            หล่อนกำลังก้มหน้าก้มตาเดินเข้ามา โดยไม่ได้มีความสนใจคนรอบข้าง ปื๊ดเหลือบตามองเห็นเพียบแว้บเดียวจำได้ทันที เขา ชะงักพรืด แล้วรีบชี้มือบอกกับแม่            คนนี้แหละ ใช่แล้วแม่ ผู้ญิงคนนี้
            หญิงสาวได้ยินเสียงรู้สึกคุ้นๆ หู รีบหันขวับมามอง ตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มซึ่งเคยเจอกันมาก่อนในห้องทำงานของเสี่ยกำชัย            ผู้หญิงสูงอายุรูปร่างอ้วนท้วมที่ยืนอยู่ด้วยกัน ได้ยินเด็กหนุ่มคนนี้เรียกว่าแม่ ถ้าเช่นนั้น คนผู้นี้คือเมียของเสี่ยกำชัยอย่างมิต้องสงสัย            อรอนงค์ยืนตกตะลึง รู้สึกตัวชาวูบขึ้นมาจนทำอะไรไม่ถูก            อ้อ อีนังตัวดีคนนี้น่ะหรือ….ฮึ่ม ดีล่ะ
            คุณนายลื้นจี่คำรามเบา ๆ ในลำคอ เดินปรี่เข้ามาหาตาลุกวาวด้วยความโกรธจัด เพราะผู้หญิงคนนี้ ทำให้นางต้องเสียเวลาตั้งครึ่งค่อนวัน แถมยังเกือบจะมีเรื่องเข้าใจผิด ให้เป็นที่ขายขี้หน้าของคนในนี้อีกด้วย            คุณมีธุระอะไรกับฉันหรือ?” หญิงสาวซึ่งอ่อนวัยกว่ามาก ทำใจดีสู้เสือ            อ๋อมีซิ ต้องมีแน่ อั๊วอยากจะขอเตือนลื้อให้เลิกยุ่งเกี่ยวกะผัวของอั๊ว!”
            “อะไรกัน….ฉันไปยุ่งเกี่ยวกับผัวของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่?”            หล่อนแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง คิดว่าต่อหน้าผู้คนตั้งมากมาย ยัยคุณนายหน้าเหมือนซาละเปาคนนี้คงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงกับหล่อนแน่            “หน็อย ยังจะมาทำปากแข็งมีคนเห็นลื้อไปหาผัวของอั๊วบ่อยๆ ที่โรงงาน ยังกล้าปฏิเสธอีกหรือ?” หญิงสูงอายุแผดเสียงดังลั่น            เข้าใจผิดแล้วนะ ฉันไปทำธุรกิจติดต่อกับเสี่ยกำชัยเท่านั้น ไม่มีอะไรนอกเหนือไปกว่านี้เลยจริง ๆ
            อรอนงค์ยอมรับเรื่องการไปหาเสี่ยกำชัย  แต่ยืนกรานปฏิเสธความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับเขา            อีตอแหล โกหกหน้าด้านๆคุณนายลิ้นจี่เต้นเร่าเป็นเจ้าเข้า ลื้อใช้เสน่ห์ยั่วยวนผัวอั๊วจนมันหลงงมงามไม่ยอมลืมหูลืมตา ถึงกับประเคนซื้อบ้านซื้อรถให้ลื้อ ใคร ๆ เขารู้กันทั้งโรงงาน ยังจะมาหน้าด้านปฏิเสธอีก
            “ไม่เป็นความจริง!” หญิงสาวเถียงทำหน้าเชิดทุกอย่างฉันหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของฉันเอง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยกำชัยเลยแม้สักนิด            ท่าทางของหล่อนทำให้คุณนายลิ้นจี่โกรธจัด จนเลือดขึ้นหน้า มือไม้สั่นไปหมด            หน้าด้านที่สุด ลื้อไม่ต้องมาทำปากแข็ง ทางที่ดีอั๊วว่าลื้อรีบย้ายของออกไป คืนบ้าน คืนกุญแจรถมาแล้วไสหัวไปให้พ้น ไม่งั้นอั๊วจะเรียกตำรวจมาจัดการกับลื้อ!”
            “คุณนายจะแจ้งข้อหาอะไรมิทราบ ในเมื่อห้องที่คอนโดหลังนี้เป็นชื่อของฉัน ทะเบียนรถก็เป็นของฉัน คุณนายมีหลักฐานอะไรที่จะมายึดเอาไป?”            ได้ยินเข้าเช่นนี้ คุณนายลิ้นจี่ถึงกับยืนอ้าปากหวอตาค้าง นึกไม่ถึงว่าพ่อสามีตัวดี จะหลงผู้หญิงคนนี้เอามากถึงกับยอมทุ่มเททุกอย่างให้ขนาดนี้            ไอ๊หยาไม่จริงอั๊วไม่เชื่อ
            “เป็นความจริงค่ะพนักงานสาวผู้ดูแลคอนโดซึ่งยืนฟังอยู่ช่วยยืนยัน คุณอรอนงค์มีชื่อเป็นเจ้าของห้องชุดในอาคารหลังนี้จริงๆ            หญิงสูงอายุแทบจะลมใส่ หมายความว่านางจะไม่มีทางไหนที่จะเล่นงานผู้หญิงคนนี้ได้เลยจริง ๆ หรือ            กรุณาอย่ามาก่อความวุ่นวายที่นี่นะครับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังพูดอย่างสุภาพ  ไม่เช่นนั้นผมจะต้องแจ้งข้อหาว่าพวกคุณบุกรุก
            เลือดเข้าตาเสียแล้ว คุณนายลิ้นจี่หูอื้ออึงไปหมดแทบไม่ได้ยินเสียงเตือนของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย คิดอยู่อย่างเดียวว่าจะต้องกำจัดนังผู้หญิงแพศยาคนนี้ให้ได้ ก่อนที่ทรัพย์สมบัติของครอบครัวที่อุตส่าห์ก่อร่างสร้างตัวมาเป็นเวลานาน จะพินาศวอดวายไปเพราะหล่อน            “อย่าอยู่เลย….อีนังตัวแสบ!”
            คุณนายลิ้นจี่ล้วงมือลงไปในกระเป๋าถือ จะควักปืนออกมา ปื๊ดตาเหลือก รีบร้องห้ามเสียงหลง            อย่านะแม่อย่า ! !”
            เด็กหนุ่มเข้ายื้อยุด แย่งกระเป๋าถือมาจากมารดามากอดเอาไว้แน่น ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่ต่างพากันยืนดูอยู่อย่างตื่นเต้น            อรอนงค์หน้าซีดไปเหมือนกัน รู้ตัวว่าหญิงสูงอายุจะทำอะไรกับหล่อน แต่แล้วก็ถอนใจโล่งอก เมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่มาด้วยกันแย่งกระเป๋าถือเอาไปได้            กลับดีกว่านะแม่ ถ้าแม่ขืนวู่วามทำอะไรลงไปมีหวังเดือดร้อนใหญ่แน่ปื๊ดพูดเตือนสติ            จำเอาไว้ให้ดีนะ อีนังแพศยา อย่าให้อั๊วจับได้คาหนังคาเขา ลื้อต้องตายแน่ๆ
            คุณนายลิ้นจี่กล่าวอาฆาตไว้ แล้วสะบัดหน้าพรืดย้ายกันเดินตามลูกชายออกไปจากตัวอาคาร อรอนงค์ยืนมองตามหลังไปอย่างรู้สึกใจหายใจค่ำ ท่าทางยายคุณนายคนนี้คงจะเอาจริงตามที่ขู่ไว้แน่ นับแต่นี้ไปหล่อนจะต้องคอยระมัดระวังในการติดต่อกับเสี่ยกำชัย            ถ้าเกิดพลาดท่าเสียทีขึ้นมา คงไม่มีใครช่วยหล่อนได้แน่ ! !
                        **********            อรอนงค์โทรศัพท์มาหาเสี่ยกำชัย เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง ทำให้เสี่ยใหญ่แทบช็อค เมื่อรู้ว่าเมียบุกไปอาละวาดถึงคอนโดของหล่อน            แล้วหนูอรของป๋าเป็นอะไรบ้างหรือเปล่า?” เขาถามอย่างห่วงใยทันทีที่ฟังหล่อนเล่าจนจบ            เกือบไปเหมือนกันแหละค่ะป๋า ถ้าไม่มีคนช่วยห้ามเอาไว้ ป่านนี้อรคงโดนไข้โป้งไปแล้วช่วยอรด้วยเถอะนะคะ อรกลัวจริงๆ ไม่รู้จะทำยังไง?”
            “เมียของป๋าไปเจอหนูอรเข้าได้ยังไง?” เสี่ยใหญ่ตั้งข้อสงสัย            อรไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่เห็นมากับลูกชายของป๋า
            “ต้องเป็นไอ้ลูกเวรคนนี้มันพาไปแน่!” เสี่ยใหญ่แค่นเสียงในลำคออย่างเดือดดาล ป๋าจะรีบไปหาหนูอรเดี๋ยวนี้แหละ            “อย่าค่ะ อย่ามาที่นี่นะคะป๋า!” เสียงหล่อนร้องบอกมาทางโทรศัพท์อย่างตกอกตกใจ ถ้าคุณนายแกเกิดย้อนกลับมาเห็นเข้า มีหวังเอาตายแน่เลย!”            “เออ จริงซินะ!” เสี่ยกำชัยฉุกคิดได้ เขามีความกลัวเมียของตัวเอง มากพอๆกับอรอนงค์เหมือนกันงั้นเอาอย่างงี้ หนูไปรอป๋าที่ล็อบบี้โรงแรมเซ็นทรัลก่อนแล้วกัน เดี๋ยวป๋าจะตามไป            “ตกลงค่ะป๋า แล้วรีบไปเร็วๆ นะคะ            เสียงอรอนงค์กำชับ ก่อนที่จะวางหูโทรศัพท์ไป เสี่ยใหญ่ไม่รอช้ารีบกดปุ่มโทรศัพท์ติดต่อกับเลขาส่วนตัว            ผมจะออกไปธุระข้างนอก ถ้ามีใครมาติดต่องานช่วยจัดการแทนผมทีนะ!”
            “ค่ะท่าน .แล้วท่านจะกลับเข้ามาอีกหรือเปล่าคะ?”            “อาจจะไม่กลับ            พูดแค่นั้นแล้วรีบวางหูโทรศัพท์ ลุกขึ้นคว้ากระเป๋าเอกสารก้าวเดินออกไปจากห้องอย่างร้อนรน                        **********            ที่ล็อบบี้ของโรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่า อรอนงค์มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว รู้สึกดีใจเมื่อเห็นเสี่ยกำชัย หล่อนรีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหา            รอนานมั้ยจ๊ะหนูอร?”
            “สักพักใหญ่ ๆ แล้วค่ะป๋า            เขาโอบไหล่หล่อนพาเดินขึ้นบันไดไปทางด้านปีขวาของโรงแรม ซึ่งเป็นภัตตาคารจีน บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ            พนักงานต้อนรับสาวสวยในชุดกี่เพ้าสีแดงสดปักเลื่อม ผ่าข้างจนเกือบจะถึงโคนขาอ่อน เดินนำคนทั้งสองไปนั่งที่โต๊ะ ในห้องพิเศษซึ่งจัดไว้เป็นล็อค ๆ ตามความต้องการของเสี่ยใหญ่            จะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีล่ะ?” เสี่ยกำชัยเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน เมื่ออยู่กันตามลำพังแล้ว            อรไม่รู้เหมือนกัน แต่คุณนายคงต้องตามไปราวีอีกแน่ค่ะป๋า
            “เอาอย่างนี้แล้วกัน ขายห้องที่คอนโดนั้นเสียแล้วไปหาที่อยู่ใหม่ดีมั้ย?” เสี่ยใหญ่เสนอแนะ            ไม่ค่ะป๋า อรชอบที่นั่นหญิงสาวรีบปฏิเสธอีกอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะหนีไปอยู่ที่ไหน ในไม่ช้าคุณนายต้องตามไปพบเข้าอีกจนได้เหมือนกันนั่นแหละค่ะ
            “แล้วหนูอรจะให้ป๋าจัดการกับเรื่องนี้ยังไงล่ะ?”            “ไม่เห็นจะยากเย็นอะไรเลย ป๋าก็สั่งห้ามคุณนายที่บ้านไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับอรเสียซิคะ            “อะไรนะ หนูจะให้ป๋าห้ามเมียของป๋าไม่ให้มา ยุ่งเกี่ยวกับหนูยังงั้นเหรอ?” เสี่ยใหญ่ทำตาเหลือก มันเป็นไปไม่ได้หรอก ให้ป๋าเข็นครกขึ้นภูเขายังจะง่ายกว่า            “ต้องทำได้ซิคะป๋า ถ้าหากว่าป๋ารักอรจริงหล่อนซบหน้าเคลียคลออย่างประจบประแจง อรทนไม่ได้หรอกนะคะที่จะต้องอยู่อย่างหวาดระแวง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถูกคนลอบทำร้ายเอา            “หนูยังไม่รู้อะไร เมียของป๋ามันดุยิ่งกว่าแม่เสืออย่าว่าแต่ไปพูดเรื่องนี้กับมันเลย แค่เวลานี้มันรู้แล้วว่าป๋ามีอะไรกับหนู กลับไปบ้านเมื่อไหร่ จะต้องกินน้ำใบบัวบกอีกกี่ปี๊ป            “แสดงว่าป๋ากลัวเมียของป๋ามากกว่ารักอร เป็นห่วงอร?” หญิงสาวว่าค่อนขอด            ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก อย่าเข้าใจผิดซี่หนูอรป๋ารักอรเป็นห่วงหนูเหมือนกัน แต่เรื่องนี้ป๋าทำไม่ได้หรอก ขอร้องให้ป๋าทำอย่างอื่นดีกว่านะ
            “ฮึ ไม่รู้ล่ะ ถ้าเรื่องแค่นี้ป๋าช่วยอรไม่ได้ ไม่ต้องมายุ่งกับอรอีกต่อไป” หล่อนยื่นคำขาดทำกระเง้ากระงอด  
            “โธ่ ใจเย็น ๆ ซิจ๊ะหนูอร อย่าเพิ่งพูดอย่างงี้ ค่อยๆ คิดดูก่อนเถอะนะ มันจะต้องพอมีทางอื่นอยู่บ้าง
            “ทางไหนล่ะคะป๋า จะต้องรอให้อรถูกคุณนายส่งคนมาฆ่าเสียก่อนอย่างงั้นหรือ อรไม่เอาด้วยหรอกนะ            ท่าทางของหล่อน แสดงความไม่พอใจอย่างมากทำให้เสี่ยใหญ่ต้องคิดหนัก ถึงจะเป็นคนกลัวเมียจนขึ้นสอง แต่เขาก็รักอรอนงค์มาก ไม่อยากสูญเสียหล่อนไป            หล่อนทำให้คนแก่อย่างเขามีชีวิตชีวากระชุ่มกระชวนขึ้น เป็นหญ้าอ่อนรสหวานละมุน ที่ควรจะหวงแหนเก็บเอาไว้เคี้ยวกินนานๆ            เห็นจะไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเราต้องระงับการติดต่อกันชั่วระยะเวลาหนึ่ง จนกว่าเรื่องนี้จะซาลงไป
            เสี่ยกำชัยตัดสินใจบอกกับหล่อนเช่นนั้น วิธีนี้เป็นทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เมียของเขาเลิกการตามราวีอรอนงค์ไปชั่วพักหนึ่งได้            แล้วจะให้อรเอาเงินที่ไหนใช้ล่ะคะป๋า?” ถึงแม้จะเห็นด้วย แต่อรอนงค์ก็ยังไม่วายเป็นห่วงเรื่องปากเรื่องท้องของตนเองก่อน            ป๋าจะส่งเงินมาให้ทุกเดือนไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะจ๊ะ
            “จริงๆ นะคะป๋าอย่าหลอกอรนะ?”            “จ้ะ คนดีของป๋าพยักหน้ารับยืนยันเสียงหนักแน่น แล้วดึงร่างอวบนั้นเข้ามาโอบกอดกระชับในวงแขนซุกไซร้จมูกไปตามซอกคอ “;แต่คืนนี้นอนกับป๋าที่โรงแรมนี้แล้วกัน ไม่ต้องกลับไปหรอกนะ ป๋าจะอยู่เป็นเพื่อนเพื่อรับขวัญให้นหนูอรยังไงล่ะ            “ได้ค่ะป๋า อรจะไม่ได้พบป๋าอีกนาน คงต้องคิดถึงป๋ามากเลย แล้วอีกอย่างตอนนี้อรไม่มีเงินใช้เลยป๋าอย่าลืมเซ็นเช็คไว้ให้อรด้วยนะคะ”                   “ได้ซิจ๊ะหนูอร            ปากพร่ำพูดฉอเลาะเพื่อเป็นการเอาใจ แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่หล่อนต้องการจากเขาคือเงินเท่านั้นเอง                        ***********            โฉมศรีรอการกลับมาของต้นอย่างกระวนกระวายใจ หล่อนได้รับปากกับแตนเอาไว้แล้วที่จะช่วยพูดจากับชายหนุ่มให้ย้ายออกไปจากห้อง 316 หากงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จ นั่นหมายถึงเงินก้อนใหญ่ที่หล่อนจะได้รับจากหญิงสาวเป็นค่าเช่าห้องนั้นล่วงหน้าทั้งปี            มันเป็นจำนวนไม่ใช่น้อย เพียงแลกกับคำพูดไม่กี่คำ หล่อนจะต้องพยายามพูดเกลี้ยกล่อมต้นให้เขายอมย้ายออกไปให้ได้ ซึ่งคิดว่าชายหนุ่มคงจะพึงพอใจถ้าหล่อนจะเสนอเงินให้กับเขาจำนวนหนึ่ง สำหรับการไปหาที่อยู่ใหม่            สาวใหญ่จอมงกนั่งวาดวิมานในอากาศ ฝันถึงเงินที่จะได้รับอย่างง่ายดายแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่            หล่อนคอยชะเง้อมองผ่านกระจกสำนักงานออกไปดักรอการกลับมาของต้นตั้งแต่บ่ายแก่ ๆ จนกระทั่งเห็นเขาเดินเลี้ยวเข้าประตูรั้วมา รีบถลาลุกไปเปิดประตูกระจก ชะโงกหน้าออกไปกวักมือเรียกเขาไว้            คุณต้นคะ ขอเชิญทางนี้หน่อยค่ะ
            ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า เขม้นมองนิดหนึ่งอย่างสงสัยแล้วเดินไปหา โฉมศรีหลีกทางให้เขาเข้าไปในสำนักงาน กระวีกระวาดเชื้อเชิญให้เขานั่ง ด้วยท่าทางเอาอกเอาใจจนผิดสังเกต            เชิญนั่งก่อนซิคะคุณต้นเชิญค่ะ
            “คุณโฉมศรีมีอะไรจะพูดกับผมหรือครับ?” ชายหนุ่มถามขณะนั่งลงตามคำเชิญ            อ๋อมีซิคะ คือเรื่องห้องของคุณต้น บอกตรง ๆ ฉันรู้สึกไม่สบายใจเลยจริงๆ มันเหมือนกับว่าฉันเป็นคนหลอกลวง เพียงเพื่อต้องการได้เงินค่าเช่าห้องจากคุณเท่านั้นเอง มันช่างน่าละอายใจจริง ๆค่ะ
            “ไม่เห็นมีอะไรนี่ครับ ห้องนั้นน่าอยู่ดี ผมเสียอีกที่จะต้องเป็นคนขอบคุณคุณโฉมศรี ที่อุตส่าห์มีน้ำใจลดค่าเช่าห้องให้กับผม            มันไม่ใช่อย่างงั้นน่ะซิคุณต้นโฉมศรีจีปาก จีบคอลากเสียงยาว  คุณยังไม่รู้อะไร ห้องนั้นน่ะผีดุออกจะตายไป ฉันไม่ควรตัดสินใจให้คุณเช่าเพื่อเห็นแก่เงินเลยจริงๆ ถ้าคุณเกิดเป็นอะไรขึ้นมา บาปนั้นจะต้องตกอยู่ที่ฉันแน่!”
            “สบายใจได้เลยครับคุณโฉมศรี ผมไม่เป็นอะไรหรอก ถึงห้องนั้นจะมีผีจริง คนอย่างผมไม่เคยนึกกลัว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ            จะไม่ให้ฉันเป็นห่วงไม่ได้หรอกค่ะคุณต้น ไม่ว่าใครก็ตามที่ย้ายเข้าไปอยู่ในห้องนั้น มักจะต้องมีอันเป็นไปต่าง ๆนานา แล้วตั้งแต่คุณย้ายเข้ามาอยู่นี่ มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นตั้งหลายครั้ง ฉันกลัวว่ามันจะรุนแรงหนักข้อขึ้นทุกทีนะคุณ
            ชายหนุ่มชักรู้สึกเอะใจ ดูเหมือนหล่อนจะพยายามพูดจาหว่านล้อมให้เขาเกิดความหวาดกลัว เพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง            คุณโฉมศรี เอาเรื่องนี้มาพูดกับผมทำไมหรือครับ?”
            “บอกตามตรงเลยนะคะ ฉันอยากจะให้คุณย้ายไปอยู่ที่อื่นเสีย ห้องนั้นมันไม่เหมาะสำหรับที่ใครจะเข้าไปอยู่หรอกค่ะ            “ไม่หรอกครับคุณโฉมศรี  ผมชอบห้องนั้น ขอบคุณที่เป็นห่วงผม            เขาตอบปฏิเสธแล้วทำท่าจะลุกขึ้นแล้ว แต่สาวใหญ่ยังไม่ยอมละความพยายาม            เดี๋ยวซิคะคุณต้นฉันหวังดีกับคุณจริง ๆ นะคะ ไม่ได้ให้คุณย้ายออกไปเฉย ๆ ฉันยินดีคืนเงินมัดจำค่าเช่าห้องให้คุณหมดเลย เพื่อคุณจะได้ไปหาเช่าที่อยู่ใหม่ดีมั้ยล่ะคะ?”
            “ไมต้องห่วงครับ อย่ากังวลผมอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้วเขายังคงยืนกรานเหมือนเดิม            “เอาอย่างงี้แล้วกัน ถ้าคุณต้นยอมเลิกสัญญาเช่าห้องนั้นกับฉัน คุณยังไม่ต้องรีบย้ายออกในทันทีจนกว่าจะหาที่อยู่ใหม่ได้ และฉันจะจ่ายเงินชดเชยค่าเสียเวลาให้กับคุณอีกห้าพันบาท ตกลงนะคะ            “ไม่ตกลงครับ!”            “เอ้า! ฉันให้หมื่นนึงเลย”
            หล่อนยื่นข้อเสนอใหม่ ทำให้ต้นชักรู้สึกสงสัยหนักขึ้น            ทำไมคนงกเงินอย่างโฉมศรี ถึงได้เกิดใจป้ำขึ้นมาอย่างผิดสังเกต ที่หล่อนพยายามชักแม่น้ำทั้งห้าพูดจาหว่านล้อมให้เขาย้ายออกไปจากห้องนั้น คงไม่ใช่เพราะความเป็นห่วงหรือหวังดีอะไรหรอก หล่อนจะต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง ซ่อนเร้นแอบแฝงอยู่อย่างแน่นอน            ใครจ้างให้คุณมาพูดเรื่องนี้กับผมหรือครับ?” เขาถามโพล่งออกไปตรงๆ            อุ้ย ! เปล่าค่ะไม่มี้ไม่มีจริง ๆโฉมศรีรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน เป็นเพราะฉันหวังดีเกิดเป็นห่วงคุณจริงๆ เชื่อฉันเถอะค่ะ…”
            ถึงจะปฏิเสธ แต่ท่าทางของหล่อนมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด เป็นไปไม่ได้เลยที่หล่อนจะมีความหวังดีกับเขา จนถึงยอมเสียเงินตั้งหนึ่งหมื่นบาท เพื่อให้เขาย้ายออกไป ต้องมีคนจ้างหล่อนมากกว่า            ต้นนึกไปถึงคำขู่ของแตน ซึ่งเคยพูดทิ้งท้ายเอาไว้พยายามปะติปะต่อเรื่องเข้าด้วยกัน แล้วจึงพอจะเดาออก ชายหนุ่มยิ้มนิด ๆ ขยับตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับมองหน้าสาวใหญ่อย่างรู้ทัน            ช่วยบอกคุณแตนด้วยนะครับว่า ถึงยังไงผมก็ไม่ยอมย้ายออกไปจากห้องนั้นแน่ ไม่จำเป็นที่จะต้องมาเสียเงินเสียทองกับผมเพราะเรื่องนี้หรอกครับ”
            “แต่คุณแตนเธอมีความเป็นห่วงคุณจริง ๆ นะคะ คุณต้น!”
            สาวใหญ่ยอมรับเสียงอ่อย!


         
     

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559

เตียงนางไม้ ตอนที่ 20

โดย...เจิด จินตนา
๒๐ . . .



          ต้นรีบกุลีกุจอยกเก้าอี้ว่างจากโต๊ะข้าง ๆ มาให้หญิงสาว
            เชิญนั่งก่อนครับ คุณอรอนงค์
            “ขอบคุณค่ะ
            หล่อนหย่อนสะโพกอวบลงนั่ง ยกขาขึ้นไขว่ห้างพร้อมกับส่งยิ้มตาเป็นประกายให้กับชายหนุ่ม ต้นยิ้มตอบนิดๆ แล้วเดินกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ของเขา
            คุณอรอนงค์อุตส่าห์ให้เกียรติมาหาผมที่นี่มีธุระอะไรกับผมหรือครับ?”
            “แหม ! คุณต้นพูดอย่างกับว่า ถ้าไม่มีธุระอรจะมาหาไม่ได้อย่างงั้นแหละ “ หล่อนตัดพ้อต่อว่า ราวกับคนที่รู้จักสนิทสนมกันมานานแล้ว
          ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้นหรอกครับ โปรดอย่าเข้าใจผิด ที่นี่ยินดีต้อนรับทุกคนเสมอ
            “ขอบคุณนะคะเอ้อ! คือว่าอรจะมาติดต่อเรื่องประกันค่ะ!”
            “อ๋อ ยินดีรับใช้ครับแต่ความจริงคุณไม่จำเป็นต้องมาเองให้ลำบากโทร.มาบอกก็ได้นี่ครับ
            “โทร.มาก็ไม่ได้เห็นหน้าคุณต้นน่ะซิคะ
            หญิงสาวพูดหยอกเหมือนตั้งใจจะทอดสะพานให้ต้นเดิน แต่ชายหนุ่มยังคงวางตัวอย่างสุภาพเรียบร้อยไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองแต่อย่างใด
            เขายอมรับกับตัวเองว่า หล่อนเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ร้อนแรง ดึงดูดความสนใจของเพศตรงข้ามได้มากที่สุดคนหนึ่ง ทุกส่วนสัดในเรือนร่างเย้ายวนตาชวนให้น่าลูบไล้สัมผัสจับต้องยิ่งนัก
            ชายหนุ่มพยายามรวบรวมสมาธิไม่ให้คิดกระเจิดกระเจิงฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้ แล้วเริ่มต้นถามหล่อนเป็นงานเป็นการ
            คุณต้องการจะทำประกันชีวิตหรือว่าอะไรล่ะครับ?”
            “อรไม่ได้ทำประกันให้กับตัวเองหรอกค่ะ แต่มาในฐานะเป็นตัวแทนของคุณกำชัย
            “คุณกำชัย?” ต้นทวนคำแล้วขมวดคิ้ว  ผู้อำนวยการโรงงานทอผ้าใช่ไหม มีอะไรหรือครับ?”
            “ถูกแล้วค่ะท่านมอบหมายให้อรมาเจรจาเรื่องประกันภัยโรงงานของท่านกับคุณ
            ชายหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้จากปากของหล่อน เสี่ยกำชัยคงเห็นความสำคัญของผู้หญิงคนนี้มาก ถึงกับกล้ามอบหมายธุรกิจสำคัญเกี่ยวข้องกับเงินเป็นล้านให้หล่อนเป็นคนตัดสินใจ
            ท่านว่ายังไงบ้างครับ?”
            “ท่านให้อรเป็นคนพิจารณาต่อรองเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ทางฝ่ายคุณเสนอไปค่ะ
            “แล้วคุณอรอนงค์มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงบ้างละครับ?”
            “อรอยากจะช่วยให้คุณต้นได้งานชิ้นนี้ไป แต่มีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่งหล่อนพูดทิ้งท้ายเอาไว้มองสบตาของเขาอย่างมีความหมาย
            ข้อแม้อะไรหรือครับคุณอรอนงค์?”
            “ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ เพียงแค่เลี้ยงข้าวกลางวันอรสักมื้อหนึ่ง คงไม่หนักหนาเกินไปสำหรับคุณต้นใช่ไหมคะ?”
            นี่หล่อนจะเล่นมาไม้ไหนกับเขาแน่ นึกอย่างไรถึงได้ตั้งข้อแม้แปลกๆ แบบนี้ขึ้นมา ต้นชักนึกสงสัย
            หล่อนมีจุดประสงค์อะไรกันหรือ?
            แต่เพื่อผลงานชิ้นนี้ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเครื่องชี้ชะตา ตำแหน่งหน้าที่การงานของเขา ชายหนุ่มจึงจำเป็นที่จะต้องรับปาก
            ด้วยความยินดีครับ คุณอรอนงค์
                        **********
            ในขณะที่โฉมศรีกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการตรวจสอบบัญชีรับจ่ายประจำเดือน สายตาเหลือบมองผ่านกระจกสำนักงานออกไป เห็นฮอนด้าซีวิคสีแดงกำลังขับเลี้ยวเข้ามาในอพาร์ตเม้นท์
            สาวใหญ่จำได้อย่างแม่นยำว่าเจ้าของรถเก๋งคันงามนี้ คือหญิงสาวที่เคยมาที่นี่กับเพื่อนอีกคนที่รูปร่างจ้ำม่ำ และถูกผีในห้อง 316 เล่นงานเอาจนต้องเผ่นแนบหนีไปเมื่อวานก่อน
            โฉมศรีเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย ผู้หญิงคนนี้มาทำไมกัน ในเมื่อต้นก็ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว
            รู้สึกแปลกใจจนต้องวางมือจากงานชั่วขณะ คอยจับตาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น หล่อนจอดรถเอาไว้ที่ใต้ถุนอพาร์ตเม้นท์ ล็อคประตูแล้วเดินตรงมายังสำนักงาน
            วันนี้หญิงสาวแต่งตัวทะมัดทะแมง สะพายกระเป๋าสีดำใบใหญ่มาด้วย ผลักประตูกระจกเข้ามาพร้อมกับยกมือไหว้
            สวัสดีค่ะ…”
            “ค่ะ สวัสดี คุณแตนเชิญนั่งก่อนซิคะ
            สาวใหญ่รับไหว้ทำท่างง ๆ แตนวางกระเป๋าลงบนโต๊ะทำงานของโฉมศรี แล้วนั่งลงตามคำเชิญ
            มีธุระอะไรหรือคะ?”
            “หนูอยากจะขอปรึกษาเรื่องห้องของพี่ต้นกับคุณค่ะ
            “ห้อง 316 นั่นน่ะหรอคะ?”
            “ใช่ค่ะ…” หล่อนพยักหน้ารับ คือ หนูอยากจะขอเช่าห้องนั้นต่อ
            “ตายจริง ! เกิดนึกยังไงขึ้นมาคะคุณแตน คุณรู้ดีอยู่แล้วว่าห้องนั้นผีดุออกจะตายไป โฉมศรีอุทานออกมาอย่างตกใจระคนสงสัย
            เพราะอย่างนี้น่ะซิคะ หนูถึงไม่อยากให้พี่ต้นอยู่ในห้องนั้นอีกต่อไป แต่เพื่อนไม่ให้คุณโฉมศรีต้องเสียผลประโยชน์ จึงอยากจะมาขอทำสัญญาเช่าเหมาห้องนั้นเป็นรายปีกับคุณเสียเลย
            “เอ คุณทำแบบนี้เพื่ออะไรหรือคะ?”
            “พูดกันตามตรงนะคะ หนูรักพี่ต้นมากไม่อยากต้องสูญเสียเขาไป เวลานี้พี่ต้นกำลังหลงเสน่ห์ผีร้ายในห้องนั้นอย่างไม่ยอมลืมหูลืมตา ถ้าขืนให้อยู่ต่อไป สักวันจะต้องถูกมันฆ่าตายแน่ มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น คือต้องให้เขารีบย้ายออกไปจากห้องนั้นเสีย ช่วยหน่อยเถอะนะคะ
            “ฉันเห็นใจค่ะ แต่ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าจะช่วยได้หรือเปล่าซิคะสาวใหญ่ทำท่าอึกอักลังเลใจ เพราะว่าคุณต้นน่ะทำสัญญากับฉันเอาไว้แล้ว
            “บอกเลิกสัญญา ชดใช้ค่าเสียหายให้กับเขาไปซิคะ หนูยินดีจ่ายค่าเช่าห้องเพิ่มให้อีกหนึ่งเท่าตัว เสียเท่าไหร่ไม่ว่าขอให้พี่ต้นยอมย้ายออกจากห้องนั้นโดยเร็วเท่านั้นหญิงสาวเปิดกระเป๋าถือหยิบเงินสดปึกหนึ่งออกมาวางตรงหน้าโฉมศรี นี่ค่ะค่ามัดจำล่วงหน้าสองหมื่นบาท ถ้าคุณโฉมศรีทำให้พี่ต้นยอมย้ายออกได้ เงินชดใช้ค่าเสียหายเท่าไหร่ หนูจะเป็นคนออกให้เอง ช่วยพูดกับพี่ต้นให้หน่อยเถอะนะคะ…”
            พอเห็นเงินมาวางกองตรงหน้า สาวใหญ่จอมงกถึงกับตาโต อยู่ดีๆ มีลาภก้อนใหญ่ลอยมาหาแบบนี้ มีหรือที่หล่อนจะกล้าปฏิเสธ ในเมื่อไม่ต้องเสียอะไรเลย มีแต่ทางได้ลูกเดียว
            ได้ซิคะคุณแตน ฉันจะลองพยายามดู
            “ขอบคุณมากค่ะ ถ้าได้เรื่องแล้วบอกให้หนูรู้ด้วยนะคะแตนหยิบปากกาขึ้นมาเขียนเบอร์โทรศัพท์ของตนเองในกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ยื่นส่งให้ นี่ค่ะเบอร์โทรศัพท์ที่บ้านของหนู
            ค่ะฉันจะรีบ โทร.ไปบอกคุณแตนทันทีที่คุณต้นยอมย้ายออกไป
            “อ้อ อย่าบอกพี่ต้นนะคะ ว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการณ์ของหนู” แตนพูดกำชับกำชา
            “รับรองฉันไม่บอกแน่ค่ะคุณแตนวางใจได้….”
                        **********
            ต้นรู้สึกอึกอัดใจอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นอรอนงค์เอาแต่นั่งจ้องมองดูเขาอย่างไม่ยอมวางตา ตั้งแต่เข้ามาในห้องอาหารแห่งนี้ และสั่งอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
            สิ่งที่เขากำลังเป็นกังวลใจอีกอย่างหนึ่งคือหล่อนเป็นคนเลือกสถานที่เอง และที่นี่ก็เป็นห้องอาหารระดับหรูในโรงแรมชั้นหนึ่ง ซึ่งค่าอาหารมื้อนี้ต้องเป็นเงินไม่ใช่น้อยแน่ เพราะหล่อนเลือกสั่งแต่อาหารราคาแพงหูฉี่ ทำให้ชายหนุ่มได้แต่นั่งกระสับกระส่ายด้วยกลัวว่าเงินในกระเป๋าจะมีไม่พอจ่าย
            แต่ดูเหมือนอรอนงค์จะไม่มีท่าทางวิตกอะไรเลย ประหนึ่งเชื่อใจว่าเขาจะต้องมีเงินพอจ่ายอาหารแน่ หรือไม่อีกอย่าง หล่อนอาจจะมีแผนต้องการกลั่นแกล้งเขา
            ใจของต้นไม่ค่อยจะเป็นปกติสุขนัก ทั้งถูกคอบจ้องมองและความกังวลเรื่องค่าอาหาร ทำให้เขาแทบอยากจะหายตัวแว้บไป จากที่นี่ได้เหมือนอย่างนางไม้สาวเสียจริง จนกระทั่งพนักงานเสิร์ฟยกอาหารที่สั่งมาบนโต๊ะเขายังคงนั่งนิ่งเฉย
            ทานซิคะคุณต้น อาหารของที่นี่อร่อย ๆ ทั้งนั้นนะคะอรอนงค์ต้องเป็นฝ่ายออกปากเชิญ แล้วตักกุ้งอบเนยตัวโต ๆ ใส่จานตรงหน้าชายหนุ่ม
            เชิญคุณอรอนงค์ตามสบายเถอะครับ ผมยังไม่ค่อยรู้สึกหิวเท่าไรนักเขาอ้อมแอ้มบอก
            ไม่ได้ซิคะ คุณต้นอุตส่าห์เป็นเจ้ามือเลี้ยงอรทั้งทีจะให้อรทานคนเดียวได้ยังไงกัน….ทานสักนิดก็ยังดี อรจะช่วยป้อนให้เอามั้ยคะ?”
            “ไม่ไม่ต้องหรอกครับ
            เห็นหล่อนทำท่าจะตักอาหารบริการเขาจริง ๆ ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งโหยงรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน ลงมือจัดการกับกุ้งอบเนยด้วยตัวเอง
            อืมม์….อร่อยจริง ๆ ด้วยซิครับ เชิญเลยครับคุณอรอนงค์ต้นพยายามปั้นสีหน้าให้เบิกบานเพื่อกลบเกลื่อนร่อยรอยพิรุธไม่ให้หล่อนสังเกตเห็น
            อรรู้สึกดีใจจริงๆ ค่ะ ที่ได้มีโอกาสมาทานข้าวกับคุณต้น คิดว่าคุณต้นคงไม่โกรธอรนะคะ ที่เล่นใช้วิธีบังคับคุณแบบนี้?”
            “ไม่หรอกครับคุณอร เป็นการดีเสียอีกที่คุณช่วยทำให้ผมได้รู้จักกับสถานที่แบบนี้ ปกติแล้วผมไม่เคยมาทานอาหารตามห้องอาหารในโรงแรมหรูๆ  แบบนี้หรอกครับ
            “ถ้าคุณต้นชอบ วันหลังอรจะพามาทานอีกดีมั้ยคะ?”
            “อย่าเลยครับคุณ ผมเห็นจะมาบ่อยนักไม่ได้ นอกจากเป็นโอกาสพิเศษอย่างวันนี้เท่านั้น
            “อรเข้าใจดีค่ะคุณต้น แต่สำหรับเรื่องนี้ไม่ต้องวอรี่อะไรเลยระคะ ถ้าคุณต้นยินดีที่จะไปทานข้าวเป็นเพื่อนกับอรที่ไหนแล้วแต่ อรจะเป็นเจ้ามือเองตลอดเลยยังไหวจริง ๆ นะคะ
            ขอบคุณมากครับที่ให้เกียรติผม แต่ผมคงไม่รบกวนคุณอรอนงค์ขนาดนั้นหรอกครับ
            “อย่าคิดอย่างนั้นซิคะ ตั้งแต่วันแรกที่อรเกือบจะขับรถชนคุณเข้า ขอสารภาพตามตรงเลยนะคะว่าอรอยากรู้จักกับคุณมาก คุณเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์จริง ๆ นะคะไม่ใช่แกล้งยอ
            “ลงมือทานข้าวดีกว่าครับ เดี๋ยวผมจะอิ่มคำชมของคุณเข้าเสียก่อน
            ชายหนุ่มรีบพูดตัดบทเพราะไม่อยากได้ยินหล่อนพูดอะไร ทำให้จิตใจของเขาต้องไขว้เขวมากไปกว่านี้
            มาลองนึกดูแล้วก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ผู้หญิงสวยรวยเสน่ห์อย่างอรอนงค์ ทำไมถึงเกิดมาสนในตัวของเขาได้ ดูเหมือนว่าหล่อนจะพยายามทอดสะพานให้เขาอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่เป็นเมียน้อยของนักธุรกิจผู้มั่งคั่ง
            แต่คนอย่างเขาไม่ใช่ผู้ชายที่จะคอยฉกฉวยโอกาสจากผู้หญิง ที่เขาต้องยอมทำดีกับหล่อนในเวลานี้ เป็นเพราะหน้าที่การงานเท่านั้นเอง เขาจะไม่ยอมทำอะไรให้เป็นที่เสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างเด็ดขาด แม้จะยอมรับว่าหล่อนคือผู้หญิงที่มีเสน่ห์ร้อนแรงมากคนหนึ่งก็ตามที
            รอจนทานอาหารอิ่มกันแล้ว ชายหนุ่มจึงเริ่มต้นพูดอย่างเป็นงานเป็นการกับหล่อน
            คุณอรอนงค์คิดว่า ข้อเสนอที่ทางบริษัทของผมให้ไป เป็นยังไงบ้างหรือครับ?”
            “อย่าเพิ่งรีบร้อนนักซิคะ อรเพิ่งได้รับมอบหมายจากท่านมา ยังไม่ค่อยได้มีเวลาพิจารณารายละเอียดมากนัก ขอเวลาอีกสักหน่อยเถอะนะคะหล่อนพูดบ่ายเบี่ยง
            ได้ครับคุณอรอนงค์ถ้าคุณมีอะไรข้องใจสงสัย กรุณาติดต่อกับผมได้เลยนะครับ ผมยินดีจะช่วยชี้แจงรายละเอียดให้จนเป็นที่เข้าใจ
            “ค่ะ….คุณต้น แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ ถ้าข้อเสนอบริษัทของคุณดีพอ อรจะช่วยพูดให้ท่านอนุมัติทำประกันกับบริษัทของคุณอย่างแน่นอนค่ะ
            “ขอบคุณครับคุณอรอนงค์ ถ้าคุณสามารถช่วยให้งานชิ้นนี้ของผมสำเร็จลงได้ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งเชียวครับ
            “อรไม่ได้ต้องการบุญคุณอะไรหรอกค่ะขอแค่เราได้รู้จักเป็นเพื่อนกันเท่านั้นเอง
            “ผมรู้สึกยินดีที่ได้รู้จักกับคุณเช่นกันครับคุณอรอนงค์
            หล่อนเปิดยิ้มกว้างอย่างรู้สึกพึงพอใจ ที่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนการ ซึ่งหล่อนวางเอาไว้ด้วยสัญญาของบริษัทประกันภัยนี่แหละ หล่อนจะทำให้ชายหนุ่มผู้นี้ต้องมาสยบกับหล่อน เพื่อชดเชยความสุขที่ได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยจากเสี่ยกำชัย
            คุณต้นจะไปไหนต่อหรือเปล่าคะ?”
            “ไม่หรอกครับ ผมจะกลับไปทำงานต่อที่บริษัทยังมีงานอีกเยอะที่ต้องทำ
            “งั้นไปด้วยกันซิคะ อรจะไปส่ง!”
            “อย่าดีกว่าครับ รบกวนคุณเปล่า ๆ คุณอรอนงค์กลับไปก่อนเถอะครับเดี๋ยวผมจะเรียกรถแท็กซี่กลับเองได้
            “แหม ไม่ได้รบกวนอะไรหรอกค่ะ อรว่างอยู่แล้วไปซิคะ
            “กลับไปก่อนเถอะครับ….คุณอรอนงค์ ไม่ต้องเป็นห่วงผม
            เขายังคงอิดเอื้อน จนหญิงสาวต้องนั่งจ้องหน้าคล้ายกับจะค้นหาความจริงอะไรบางอย่างในที่สุดหล่อนจึงยิ้มออกมา แล้วลุกขึ้นยืน
            ตามใจคุณต้นเถอะนะคะ งั้นอรกลับก่อนล่ะวันหลังค่อยพบกันใหม่ ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้บ๊ายบาย
            หล่อนโบกมือให้เขาแล้วเดินตัวปลิวออกไป ชายหนุ่มไม่ได้มองตาม เพราะสมองกำลังครุ่นคิดหาวิธีจัดการกับเรื่องอาหารมื้อนี้
            ลองคะเนดูคร่าว ๆคงไม่ต่ำกว่าหลักพัน นับว่าเป็นจำนวนเงินที่สูงมากสำหรับอาหารเพียงมื้อเดียว กับคนที่มีฐานะแค่ลูกจ้างกินเงินเดือนอย่างเขา
            ถ้าเกิดเงินในกระเป๋ามีไม่พอจ่ายขึ้นมาเขาจะทำยังไงดี ต้นเริ่มวิตกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
            เดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องล่วงหน้าไปไม่ใช่น้อย จึงเหลือเงินติดตัวอยู่ไม่มากมายเท่าไรนักทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะกลางเดือนเท่านั้นเอง
            คงต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน โดยการโทรศัพท์ไปบอกนุชเพื่อนสาวที่ทำงาน ขอยืมเงินจากหล่อน และให้หล่อนมาที่นี่ เพราะห้องอาหารแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานเท่าไหร่นัก
            คิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มจึงเรียกพนักงานให้มาเช็คบิล เขากะเอาไว้ว่าจะขอดูยอดเงินที่ต้องจ่ายก่อนถ้าไม่พอจริง ๆ แล้วค่อยโทรศัทท์ไปที่ทำงานตามที่คิดเอาไว้
            นั่งรออยู่ได้สักครู่ใหญ่ ๆ พนักงานคนนั้นก็เดินกลับมาโค้งให้กับเขาอย่างสุภาพอ่อนน้อม
            ประทานโทษนะครับ คุณผู้หญิงที่กลับไปก่อนชำระค่าอาหารไว้เรียบร้อยแล้วครับ
            “อ้าว อย่างงั้นหรอกเหรอ?” ต้นอุทานออกมาเบา ๆ
            “ครับผม
            พนักงานเช็คบิลโค้งให้เขาอีกที แล้วถอยกลับออกไป ปล่อยให้ต้นนั่งงง
            ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรแปลกๆ ยื่นข้อเสนอให้เขาเป็นเจ้ามือ  แต่กลับจ่ายค่าอาหารมื้อนี้เสียเอง หล่อนมีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงอยู่หรือ
            คนซื่อๆ ที่มีแต่มองโลกในแง่ดีอย่างต้น ไม่มีวันอ่านใจผู้หญิงอย่างอรอนงค์ได้ทะลุปรุโปร่งหรอก
                        **********
            ปื๊ดยังไม่เคยเห็นใครมีความอดทนในการรอคอยเท่าแม่ของเขา คุณนายลิ้นจี่นั่งรอการกลับมาของอรอนงค์อยู่ที่ริมสระน้ำตั้งแต่เช้า จนเวลาล่วงเลยไปเกือบบ่ายโมงกว่าแล้ว หญิงสูงอายุยังคงนั่งเฝ้าอยู่อย่างทรหดอดทน
            โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นี่คือโอกาสที่จะได้เล่นงานผู้หญิงซึ่งจะมาแย่งผัวของหล่อน และสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัว จะนานสักแค่ไหนหล่อนจึงต้องรอ
            ปื๊ดรับหน้าที่สั่งของกินจากร้านอาหารที่ชั้นล่างของคอนโดมิเนียมมาให้แม่ และนั่งกินกันอยู่ที่ริมสระน้ำนั่นเอง ทั้งคู่คอยมองดูรถที่แล่นเข้าออกในลานจอดรถตลอดเวลา แต่ไม่มีวี่แววว่าจะเห็นรถของอรอนงค์กลับมาเสียที
            ถ้าเขาเกิดกลับมามืดล่ะ เรามิต้องรอกันจนแหง็กเลยหรือแม่?” ปื๊ดบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด เพราะนั่งคอยชะเง้อคอมองจนเมื่อยแล้วเมื่อยอีก
            ทนเอาหน่อยน่าไอ้ตี๋ไหน ๆ เราเสียเวลารอมันมาตั้งนานแล้ว อั๊วว่าอีกสักประเดี๋ยวมันจะต้องกลับมาแน่คุณนายลิ้นจี่พูดปลอบใจลูกชาย
            แม่นั่งดูไปคนเดียวก่อนแล้วกันนะ ผมปวดท้องฉี่ ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊ปเดียว
            เด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์ไปด้วยไขมัน ลุกขึ้นแล้วเดินตรงรี่ไปที่ห้องน้ำ ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของสระว่ายน้ำแห่งนี้
            รีบกลับมาเร็วๆนะไอ้ตี๋ หูตาอั๊วมันยิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่ด้วยผู้เป็นแม่ตะโกนโหวกเหวกไล่ตามหลังไป
            ช่างเป็นการบังเอิญอะไรเช่นนั้น ขณะที่ปื๊ดเดินลับหลังเข้าประตูห้องน้ำไป มีรถเก๋งคันหนึ่งเลี้ยวเข้ามาที่ลานจอดรถของคอมโดมิเนียมพอดี
            คุณนายลิ้นจี่เห็นเป็นรถยี่ห้อและสีเดียวกันกับที่ลูกชายบอกเอาไว้ หล่อนเขม้นมองแล้วมองอีกอย่างไม่ค่อยแน่ใจ จนกระทั่งเห็นเจ้าของรถที่ก้าวออกมาเป็นหญิงสาวสวยแต่งกายดี หญิงสูงอายุจึงมั่นใจว่าจะต้องใช่คนที่หล่อนต้องการพบแน่
            ผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินเข้าไปที่ตัวอาคารคอนโดมเนียมแล้ว คุณนายลิ้นจี่รีบคว้ากระเป๋าถือที่วางเอาไว้บนโต๊ะเหล็กดัดขึ้นมา แล้วเดินจ้ำอ้าวๆ ตามไปทันที
            พอเลี้ยวหน้าประตูทางเข้า เห็นหล่อนกำลังยืนรอลิฟท์อยู่ หญิงสูงอายุรีบปราดเข้าไปหา
            เดี๋ยวก่อนนังตัวดี มาพูดกันให้รู้เรื่องก่อนซิ!”
            “อะไรกันนี่ มีอะไรหรือ?”  หญิงสาวคนนั้นหันมามองหน้าอย่างแปลกใจ
            อั๊วอยากรู้ว่า ทำไมลื้อจะต้องมาแยงผัวชาวบ้านเค้าผู้หญิงสวย ๆ หน้าตาดีอย่างลื้อ ไม่มีปัญญาหาผัวเองแล้วหรือยังไง?” คุณนายลิ้นจี่ใส่ฉอด ๆ
            ฉัน ฉันไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ นะ!”
            หล่อนรู้สึกตกอกตกใจไม่น้อย รีบถอยกรูด เมื่อเห็นท่าทางขึงขังเอาจริงเอาจังของคุณนายลิ้นจี่
            มีอะไรหรือครับ?”
            เสียงยามรักษาการณ์หนุ่มร้องถาม พร้อมกับวิ่งเข้ามา
            อีผู้หญิงหน้าด้านคนนี้มันคิดจะมาแย่งผัวอั๊วหญิงสูงอายุยกมือชี้หน้า  อั๊วต้องเอาเรื่องกับมันให้ได้จะบอกให้รู้ไว้ อั๊วนี่แหละเป็นเมียของเสี่ยกำชัย
            “อาซิ้มเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่เคยรู้จักคนชื่อนี้เลย ผู้ถูกกล่าวหารีบปฏิเสธ
            อีตอแหล ไม่ต้องมาโกหก!”
            คุณนายลิ้นจี่ทำท่าจะเงื้อมือตบหน้า
            อย่าแม่….ไม่ใช่คนนี้!” ปื๊ดโผล่พรวดเข้ามาร้องห้ามเสียงหลง รีบคว้ามือของแม่เอาไว้
            หญิงสูงอายุใจวาบ หน้าถอดสี มองหน้าลูกชายแล้วหันไปขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
            ทานโทษๆ  อั๊วเข้าใจผิด ขอโทษด้วยนะคะ!”