วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2559
วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559
เตียงนางไม้ ตอนที่ 20
โดย...เจิด
จินตนา
๒๐ . . .
ต้นรีบกุลีกุจอยกเก้าอี้ว่างจากโต๊ะข้าง
ๆ มาให้หญิงสาว
“เชิญนั่งก่อนครับ คุณอรอนงค์”
“ขอบคุณค่ะ”
หล่อนหย่อนสะโพกอวบลงนั่ง ยกขาขึ้นไขว่ห้างพร้อมกับส่งยิ้มตาเป็นประกายให้กับชายหนุ่ม
ต้นยิ้มตอบนิดๆ แล้วเดินกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ของเขา
“คุณอรอนงค์อุตส่าห์ให้เกียรติมาหาผมที่นี่มีธุระอะไรกับผมหรือครับ?”
“แหม ! คุณต้นพูดอย่างกับว่า ถ้าไม่มีธุระอรจะมาหาไม่ได้อย่างงั้นแหละ
“ หล่อนตัดพ้อต่อว่า ราวกับคนที่รู้จักสนิทสนมกันมานานแล้ว…
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้นหรอกครับ
โปรดอย่าเข้าใจผิด ที่นี่ยินดีต้อนรับทุกคนเสมอ”
“ขอบคุณนะคะ…เอ้อ! คือว่าอรจะมาติดต่อเรื่องประกันค่ะ!”
“อ๋อ ยินดีรับใช้ครับ…แต่ความจริงคุณไม่จำเป็นต้องมาเองให้ลำบากโทร.มาบอกก็ได้นี่ครับ”
“โทร.มาก็ไม่ได้เห็นหน้าคุณต้นน่ะซิคะ”
หญิงสาวพูดหยอกเหมือนตั้งใจจะทอดสะพานให้ต้นเดิน
แต่ชายหนุ่มยังคงวางตัวอย่างสุภาพเรียบร้อยไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองแต่อย่างใด
เขายอมรับกับตัวเองว่า
หล่อนเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ร้อนแรง
ดึงดูดความสนใจของเพศตรงข้ามได้มากที่สุดคนหนึ่ง
ทุกส่วนสัดในเรือนร่างเย้ายวนตาชวนให้น่าลูบไล้สัมผัสจับต้องยิ่งนัก
ชายหนุ่มพยายามรวบรวมสมาธิไม่ให้คิดกระเจิดกระเจิงฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้
แล้วเริ่มต้นถามหล่อนเป็นงานเป็นการ
“คุณต้องการจะทำประกันชีวิตหรือว่าอะไรล่ะครับ?”
“อรไม่ได้ทำประกันให้กับตัวเองหรอกค่ะ แต่มาในฐานะเป็นตัวแทนของคุณกำชัย”
“คุณกำชัย?” ต้นทวนคำแล้วขมวดคิ้ว “ผู้อำนวยการโรงงานทอผ้าใช่ไหม
มีอะไรหรือครับ?”
“ถูกแล้วค่ะ…ท่านมอบหมายให้อรมาเจรจาเรื่องประกันภัยโรงงานของท่านกับคุณ”
ชายหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้จากปากของหล่อน
เสี่ยกำชัยคงเห็นความสำคัญของผู้หญิงคนนี้มาก
ถึงกับกล้ามอบหมายธุรกิจสำคัญเกี่ยวข้องกับเงินเป็นล้านให้หล่อนเป็นคนตัดสินใจ
“ท่านว่ายังไงบ้างครับ?”
“ท่านให้อรเป็นคนพิจารณาต่อรองเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ทางฝ่ายคุณเสนอไปค่ะ”
“แล้วคุณอรอนงค์มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงบ้างละครับ?”
“อรอยากจะช่วยให้คุณต้นได้งานชิ้นนี้ไป แต่มีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่ง” หล่อนพูดทิ้งท้ายเอาไว้มองสบตาของเขาอย่างมีความหมาย
“ข้อแม้อะไรหรือครับคุณอรอนงค์?”
“ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ เพียงแค่เลี้ยงข้าวกลางวันอรสักมื้อหนึ่ง
คงไม่หนักหนาเกินไปสำหรับคุณต้นใช่ไหมคะ?”
นี่หล่อนจะเล่นมาไม้ไหนกับเขาแน่ นึกอย่างไรถึงได้ตั้งข้อแม้แปลกๆ
แบบนี้ขึ้นมา ต้นชักนึกสงสัย
หล่อนมีจุดประสงค์อะไรกันหรือ?
แต่เพื่อผลงานชิ้นนี้ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเครื่องชี้ชะตา
ตำแหน่งหน้าที่การงานของเขา ชายหนุ่มจึงจำเป็นที่จะต้องรับปาก
“ด้วยความยินดีครับ คุณอรอนงค์”
**********
ในขณะที่โฉมศรีกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการตรวจสอบบัญชีรับจ่ายประจำเดือน
สายตาเหลือบมองผ่านกระจกสำนักงานออกไป เห็นฮอนด้าซีวิคสีแดงกำลังขับเลี้ยวเข้ามาในอพาร์ตเม้นท์
สาวใหญ่จำได้อย่างแม่นยำว่าเจ้าของรถเก๋งคันงามนี้
คือหญิงสาวที่เคยมาที่นี่กับเพื่อนอีกคนที่รูปร่างจ้ำม่ำ และถูกผีในห้อง 316 เล่นงานเอาจนต้องเผ่นแนบหนีไปเมื่อวานก่อน
โฉมศรีเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย
ผู้หญิงคนนี้มาทำไมกัน ในเมื่อต้นก็ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว
รู้สึกแปลกใจจนต้องวางมือจากงานชั่วขณะ
คอยจับตาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น หล่อนจอดรถเอาไว้ที่ใต้ถุนอพาร์ตเม้นท์
ล็อคประตูแล้วเดินตรงมายังสำนักงาน
วันนี้หญิงสาวแต่งตัวทะมัดทะแมง
สะพายกระเป๋าสีดำใบใหญ่มาด้วย ผลักประตูกระจกเข้ามาพร้อมกับยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ…”
“ค่ะ สวัสดี คุณแตน…เชิญนั่งก่อนซิคะ”
สาวใหญ่รับไหว้ทำท่างง ๆ แตนวางกระเป๋าลงบนโต๊ะทำงานของโฉมศรี
แล้วนั่งลงตามคำเชิญ
“มีธุระอะไรหรือคะ?”
“หนูอยากจะขอปรึกษาเรื่องห้องของพี่ต้นกับคุณค่ะ”
“ห้อง 316 นั่นน่ะหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ…” หล่อนพยักหน้ารับ “คือ
หนูอยากจะขอเช่าห้องนั้นต่อ”
“ตายจริง ! เกิดนึกยังไงขึ้นมาคะคุณแตน คุณรู้ดีอยู่แล้วว่าห้องนั้นผีดุออกจะตายไป” โฉมศรีอุทานออกมาอย่างตกใจระคนสงสัย
“เพราะอย่างนี้น่ะซิคะ
หนูถึงไม่อยากให้พี่ต้นอยู่ในห้องนั้นอีกต่อไป
แต่เพื่อนไม่ให้คุณโฉมศรีต้องเสียผลประโยชน์
จึงอยากจะมาขอทำสัญญาเช่าเหมาห้องนั้นเป็นรายปีกับคุณเสียเลย”
“เอ คุณทำแบบนี้เพื่ออะไรหรือคะ?”
“พูดกันตามตรงนะคะ หนูรักพี่ต้นมากไม่อยากต้องสูญเสียเขาไป
เวลานี้พี่ต้นกำลังหลงเสน่ห์ผีร้ายในห้องนั้นอย่างไม่ยอมลืมหูลืมตา
ถ้าขืนให้อยู่ต่อไป สักวันจะต้องถูกมันฆ่าตายแน่ มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น
คือต้องให้เขารีบย้ายออกไปจากห้องนั้นเสีย ช่วยหน่อยเถอะนะคะ”
“ฉันเห็นใจค่ะ แต่ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าจะช่วยได้หรือเปล่าซิคะ” สาวใหญ่ทำท่าอึกอักลังเลใจ “เพราะว่าคุณต้นน่ะทำสัญญากับฉันเอาไว้แล้ว”
“บอกเลิกสัญญา ชดใช้ค่าเสียหายให้กับเขาไปซิคะ
หนูยินดีจ่ายค่าเช่าห้องเพิ่มให้อีกหนึ่งเท่าตัว
เสียเท่าไหร่ไม่ว่าขอให้พี่ต้นยอมย้ายออกจากห้องนั้นโดยเร็วเท่านั้น” หญิงสาวเปิดกระเป๋าถือหยิบเงินสดปึกหนึ่งออกมาวางตรงหน้าโฉมศรี “นี่ค่ะ…ค่ามัดจำล่วงหน้าสองหมื่นบาท
ถ้าคุณโฉมศรีทำให้พี่ต้นยอมย้ายออกได้ เงินชดใช้ค่าเสียหายเท่าไหร่
หนูจะเป็นคนออกให้เอง ช่วยพูดกับพี่ต้นให้หน่อยเถอะนะคะ…”
พอเห็นเงินมาวางกองตรงหน้า สาวใหญ่จอมงกถึงกับตาโต อยู่ดีๆ
มีลาภก้อนใหญ่ลอยมาหาแบบนี้ มีหรือที่หล่อนจะกล้าปฏิเสธ ในเมื่อไม่ต้องเสียอะไรเลย
มีแต่ทางได้ลูกเดียว
“ได้ซิคะคุณแตน ฉันจะลองพยายามดู”
“ขอบคุณมากค่ะ ถ้าได้เรื่องแล้วบอกให้หนูรู้ด้วยนะคะ” แตนหยิบปากกาขึ้นมาเขียนเบอร์โทรศัพท์ของตนเองในกระดาษแผ่นเล็ก ๆ
ยื่นส่งให้ “นี่ค่ะ…เบอร์โทรศัพท์ที่บ้านของหนู”
“ค่ะ…ฉันจะรีบ
โทร.ไปบอกคุณแตนทันทีที่คุณต้นยอมย้ายออกไป”
“อ้อ อย่าบอกพี่ต้นนะคะ ว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการณ์ของหนู” แตนพูดกำชับกำชา
“รับรองฉันไม่บอกแน่ค่ะคุณแตนวางใจได้….”
**********
ต้นรู้สึกอึกอัดใจอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นอรอนงค์เอาแต่นั่งจ้องมองดูเขาอย่างไม่ยอมวางตา
ตั้งแต่เข้ามาในห้องอาหารแห่งนี้ และสั่งอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สิ่งที่เขากำลังเป็นกังวลใจอีกอย่างหนึ่งคือหล่อนเป็นคนเลือกสถานที่เอง
และที่นี่ก็เป็นห้องอาหารระดับหรูในโรงแรมชั้นหนึ่ง
ซึ่งค่าอาหารมื้อนี้ต้องเป็นเงินไม่ใช่น้อยแน่ เพราะหล่อนเลือกสั่งแต่อาหารราคาแพงหูฉี่
ทำให้ชายหนุ่มได้แต่นั่งกระสับกระส่ายด้วยกลัวว่าเงินในกระเป๋าจะมีไม่พอจ่าย
แต่ดูเหมือนอรอนงค์จะไม่มีท่าทางวิตกอะไรเลย
ประหนึ่งเชื่อใจว่าเขาจะต้องมีเงินพอจ่ายอาหารแน่ หรือไม่อีกอย่าง
หล่อนอาจจะมีแผนต้องการกลั่นแกล้งเขา
ใจของต้นไม่ค่อยจะเป็นปกติสุขนัก
ทั้งถูกคอบจ้องมองและความกังวลเรื่องค่าอาหาร ทำให้เขาแทบอยากจะหายตัวแว้บไป
จากที่นี่ได้เหมือนอย่างนางไม้สาวเสียจริง จนกระทั่งพนักงานเสิร์ฟยกอาหารที่สั่งมาบนโต๊ะเขายังคงนั่งนิ่งเฉย
“ทานซิคะคุณต้น อาหารของที่นี่อร่อย
ๆ ทั้งนั้นนะคะ” อรอนงค์ต้องเป็นฝ่ายออกปากเชิญ
แล้วตักกุ้งอบเนยตัวโต ๆ ใส่จานตรงหน้าชายหนุ่ม
“เชิญคุณอรอนงค์ตามสบายเถอะครับ
ผมยังไม่ค่อยรู้สึกหิวเท่าไรนัก” เขาอ้อมแอ้มบอก
“ไม่ได้ซิคะ คุณต้นอุตส่าห์เป็นเจ้ามือเลี้ยงอรทั้งทีจะให้อรทานคนเดียวได้ยังไงกัน….ทานสักนิดก็ยังดี อรจะช่วยป้อนให้เอามั้ยคะ?”
“ไม่…ไม่ต้องหรอกครับ”
เห็นหล่อนทำท่าจะตักอาหารบริการเขาจริง ๆ ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งโหยงรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
ลงมือจัดการกับกุ้งอบเนยด้วยตัวเอง
“อืมม์….อร่อยจริง
ๆ ด้วยซิครับ เชิญเลยครับคุณอรอนงค์” ต้นพยายามปั้นสีหน้าให้เบิกบานเพื่อกลบเกลื่อนร่อยรอยพิรุธไม่ให้หล่อนสังเกตเห็น
“อรรู้สึกดีใจจริงๆ ค่ะ
ที่ได้มีโอกาสมาทานข้าวกับคุณต้น คิดว่าคุณต้นคงไม่โกรธอรนะคะ ที่เล่นใช้วิธีบังคับคุณแบบนี้?”
“ไม่หรอกครับคุณอร เป็นการดีเสียอีกที่คุณช่วยทำให้ผมได้รู้จักกับสถานที่แบบนี้
ปกติแล้วผมไม่เคยมาทานอาหารตามห้องอาหารในโรงแรมหรูๆ แบบนี้หรอกครับ”
“ถ้าคุณต้นชอบ วันหลังอรจะพามาทานอีกดีมั้ยคะ?”
“อย่าเลยครับคุณ ผมเห็นจะมาบ่อยนักไม่ได้ นอกจากเป็นโอกาสพิเศษอย่างวันนี้เท่านั้น”
“อรเข้าใจดีค่ะคุณต้น แต่สำหรับเรื่องนี้ไม่ต้องวอรี่อะไรเลยระคะ
ถ้าคุณต้นยินดีที่จะไปทานข้าวเป็นเพื่อนกับอรที่ไหนแล้วแต่
อรจะเป็นเจ้ามือเองตลอดเลยยังไหว…จริง ๆ นะคะ
“ขอบคุณมากครับที่ให้เกียรติผม
แต่ผมคงไม่รบกวนคุณอรอนงค์ขนาดนั้นหรอกครับ”
“อย่าคิดอย่างนั้นซิคะ ตั้งแต่วันแรกที่อรเกือบจะขับรถชนคุณเข้า
ขอสารภาพตามตรงเลยนะคะว่าอรอยากรู้จักกับคุณมาก คุณเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์จริง ๆ
นะคะไม่ใช่แกล้งยอ”
“ลงมือทานข้าวดีกว่าครับ เดี๋ยวผมจะอิ่มคำชมของคุณเข้าเสียก่อน”
ชายหนุ่มรีบพูดตัดบทเพราะไม่อยากได้ยินหล่อนพูดอะไร
ทำให้จิตใจของเขาต้องไขว้เขวมากไปกว่านี้
มาลองนึกดูแล้วก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ผู้หญิงสวยรวยเสน่ห์อย่างอรอนงค์
ทำไมถึงเกิดมาสนในตัวของเขาได้ ดูเหมือนว่าหล่อนจะพยายามทอดสะพานให้เขาอยู่ตลอดเวลา
ทั้งๆ ที่เป็นเมียน้อยของนักธุรกิจผู้มั่งคั่ง
แต่คนอย่างเขาไม่ใช่ผู้ชายที่จะคอยฉกฉวยโอกาสจากผู้หญิง
ที่เขาต้องยอมทำดีกับหล่อนในเวลานี้ เป็นเพราะหน้าที่การงานเท่านั้นเอง เขาจะไม่ยอมทำอะไรให้เป็นที่เสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างเด็ดขาด
แม้จะยอมรับว่าหล่อนคือผู้หญิงที่มีเสน่ห์ร้อนแรงมากคนหนึ่งก็ตามที
รอจนทานอาหารอิ่มกันแล้ว
ชายหนุ่มจึงเริ่มต้นพูดอย่างเป็นงานเป็นการกับหล่อน
“คุณอรอนงค์คิดว่า
ข้อเสนอที่ทางบริษัทของผมให้ไป เป็นยังไงบ้างหรือครับ?”
“อย่าเพิ่งรีบร้อนนักซิคะ อรเพิ่งได้รับมอบหมายจากท่านมา
ยังไม่ค่อยได้มีเวลาพิจารณารายละเอียดมากนัก ขอเวลาอีกสักหน่อยเถอะนะคะ” หล่อนพูดบ่ายเบี่ยง
“ได้ครับ…คุณอรอนงค์ถ้าคุณมีอะไรข้องใจสงสัย
กรุณาติดต่อกับผมได้เลยนะครับ ผมยินดีจะช่วยชี้แจงรายละเอียดให้จนเป็นที่เข้าใจ”
“ค่ะ….คุณต้น แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ
ถ้าข้อเสนอบริษัทของคุณดีพอ อรจะช่วยพูดให้ท่านอนุมัติทำประกันกับบริษัทของคุณอย่างแน่นอนค่ะ”
“ขอบคุณครับคุณอรอนงค์ ถ้าคุณสามารถช่วยให้งานชิ้นนี้ของผมสำเร็จลงได้
จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งเชียวครับ”
“อรไม่ได้ต้องการบุญคุณอะไรหรอกค่ะขอแค่เราได้รู้จักเป็นเพื่อนกันเท่านั้นเอง”
“ผมรู้สึกยินดีที่ได้รู้จักกับคุณเช่นกันครับ…คุณอรอนงค์”
หล่อนเปิดยิ้มกว้างอย่างรู้สึกพึงพอใจ
ที่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนการ ซึ่งหล่อนวางเอาไว้ด้วยสัญญาของบริษัทประกันภัยนี่แหละ
หล่อนจะทำให้ชายหนุ่มผู้นี้ต้องมาสยบกับหล่อน
เพื่อชดเชยความสุขที่ได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยจากเสี่ยกำชัย
“คุณต้นจะไปไหนต่อหรือเปล่าคะ?”
“ไม่หรอกครับ ผมจะกลับไปทำงานต่อที่บริษัทยังมีงานอีกเยอะที่ต้องทำ”
“งั้นไปด้วยกันซิคะ อรจะไปส่ง!”
“อย่าดีกว่าครับ รบกวนคุณเปล่า ๆ คุณอรอนงค์กลับไปก่อนเถอะครับ…เดี๋ยวผมจะเรียกรถแท็กซี่กลับเองได้”
“แหม ไม่ได้รบกวนอะไรหรอกค่ะ อรว่างอยู่แล้ว…ไปซิคะ”
“กลับไปก่อนเถอะครับ….คุณอรอนงค์ ไม่ต้องเป็นห่วงผม”
เขายังคงอิดเอื้อน จนหญิงสาวต้องนั่งจ้องหน้าคล้ายกับจะค้นหาความจริงอะไรบางอย่างในที่สุดหล่อนจึงยิ้มออกมา
แล้วลุกขึ้นยืน
“ตามใจคุณต้นเถอะนะคะ งั้นอรกลับก่อนล่ะวันหลังค่อยพบกันใหม่
ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้…บ๊ายบาย”
หล่อนโบกมือให้เขาแล้วเดินตัวปลิวออกไป ชายหนุ่มไม่ได้มองตาม เพราะสมองกำลังครุ่นคิดหาวิธีจัดการกับเรื่องอาหารมื้อนี้
ลองคะเนดูคร่าว
ๆคงไม่ต่ำกว่าหลักพัน นับว่าเป็นจำนวนเงินที่สูงมากสำหรับอาหารเพียงมื้อเดียว
กับคนที่มีฐานะแค่ลูกจ้างกินเงินเดือนอย่างเขา
ถ้าเกิดเงินในกระเป๋ามีไม่พอจ่ายขึ้นมาเขาจะทำยังไงดี
ต้นเริ่มวิตกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
เดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องล่วงหน้าไปไม่ใช่น้อย
จึงเหลือเงินติดตัวอยู่ไม่มากมายเท่าไรนักทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะกลางเดือนเท่านั้นเอง
คงต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน
โดยการโทรศัพท์ไปบอกนุชเพื่อนสาวที่ทำงาน ขอยืมเงินจากหล่อน และให้หล่อนมาที่นี่
เพราะห้องอาหารแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานเท่าไหร่นัก
คิดได้ดังนั้น
ชายหนุ่มจึงเรียกพนักงานให้มาเช็คบิล
เขากะเอาไว้ว่าจะขอดูยอดเงินที่ต้องจ่ายก่อนถ้าไม่พอจริง ๆ
แล้วค่อยโทรศัทท์ไปที่ทำงานตามที่คิดเอาไว้
นั่งรออยู่ได้สักครู่ใหญ่
ๆ พนักงานคนนั้นก็เดินกลับมาโค้งให้กับเขาอย่างสุภาพอ่อนน้อม
“ประทานโทษนะครับ คุณผู้หญิงที่กลับไปก่อนชำระค่าอาหารไว้เรียบร้อยแล้วครับ”
“อ้าว อย่างงั้นหรอกเหรอ?” ต้นอุทานออกมาเบา ๆ
“ครับผม”
พนักงานเช็คบิลโค้งให้เขาอีกที แล้วถอยกลับออกไป ปล่อยให้ต้นนั่งงง
ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรแปลกๆ
ยื่นข้อเสนอให้เขาเป็นเจ้ามือ
แต่กลับจ่ายค่าอาหารมื้อนี้เสียเอง หล่อนมีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงอยู่หรือ
คนซื่อๆ
ที่มีแต่มองโลกในแง่ดีอย่างต้น
ไม่มีวันอ่านใจผู้หญิงอย่างอรอนงค์ได้ทะลุปรุโปร่งหรอก
**********
ปื๊ดยังไม่เคยเห็นใครมีความอดทนในการรอคอยเท่าแม่ของเขา
คุณนายลิ้นจี่นั่งรอการกลับมาของอรอนงค์อยู่ที่ริมสระน้ำตั้งแต่เช้า
จนเวลาล่วงเลยไปเกือบบ่ายโมงกว่าแล้ว หญิงสูงอายุยังคงนั่งเฝ้าอยู่อย่างทรหดอดทน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
นี่คือโอกาสที่จะได้เล่นงานผู้หญิงซึ่งจะมาแย่งผัวของหล่อน
และสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัว จะนานสักแค่ไหนหล่อนจึงต้องรอ
ปื๊ดรับหน้าที่สั่งของกินจากร้านอาหารที่ชั้นล่างของคอนโดมิเนียมมาให้แม่
และนั่งกินกันอยู่ที่ริมสระน้ำนั่นเอง
ทั้งคู่คอยมองดูรถที่แล่นเข้าออกในลานจอดรถตลอดเวลา
แต่ไม่มีวี่แววว่าจะเห็นรถของอรอนงค์กลับมาเสียที
“ถ้าเขาเกิดกลับมามืดล่ะ เรามิต้องรอกันจนแหง็กเลยหรือแม่?”
ปื๊ดบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด
เพราะนั่งคอยชะเง้อคอมองจนเมื่อยแล้วเมื่อยอีก
“ทนเอาหน่อยน่าไอ้ตี๋…ไหน ๆ เราเสียเวลารอมันมาตั้งนานแล้ว
อั๊วว่าอีกสักประเดี๋ยวมันจะต้องกลับมาแน่” คุณนายลิ้นจี่พูดปลอบใจลูกชาย
“แม่นั่งดูไปคนเดียวก่อนแล้วกันนะ ผมปวดท้องฉี่
ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊ปเดียว”
เด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์ไปด้วยไขมัน ลุกขึ้นแล้วเดินตรงรี่ไปที่ห้องน้ำ
ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของสระว่ายน้ำแห่งนี้
“รีบกลับมาเร็วๆนะไอ้ตี๋ หูตาอั๊วมันยิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่ด้วย”
ผู้เป็นแม่ตะโกนโหวกเหวกไล่ตามหลังไป
ช่างเป็นการบังเอิญอะไรเช่นนั้น
ขณะที่ปื๊ดเดินลับหลังเข้าประตูห้องน้ำไป มีรถเก๋งคันหนึ่งเลี้ยวเข้ามาที่ลานจอดรถของคอมโดมิเนียมพอดี
คุณนายลิ้นจี่เห็นเป็นรถยี่ห้อและสีเดียวกันกับที่ลูกชายบอกเอาไว้
หล่อนเขม้นมองแล้วมองอีกอย่างไม่ค่อยแน่ใจ จนกระทั่งเห็นเจ้าของรถที่ก้าวออกมาเป็นหญิงสาวสวยแต่งกายดี
หญิงสูงอายุจึงมั่นใจว่าจะต้องใช่คนที่หล่อนต้องการพบแน่
ผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินเข้าไปที่ตัวอาคารคอนโดมเนียมแล้ว
คุณนายลิ้นจี่รีบคว้ากระเป๋าถือที่วางเอาไว้บนโต๊ะเหล็กดัดขึ้นมา แล้วเดินจ้ำอ้าวๆ
ตามไปทันที
พอเลี้ยวหน้าประตูทางเข้า
เห็นหล่อนกำลังยืนรอลิฟท์อยู่ หญิงสูงอายุรีบปราดเข้าไปหา
“เดี๋ยวก่อนนังตัวดี มาพูดกันให้รู้เรื่องก่อนซิ!”
“อะไรกันนี่ มีอะไรหรือ?” หญิงสาวคนนั้นหันมามองหน้าอย่างแปลกใจ
“อั๊วอยากรู้ว่า ทำไมลื้อจะต้องมาแยงผัวชาวบ้านเค้าผู้หญิงสวย
ๆ หน้าตาดีอย่างลื้อ ไม่มีปัญญาหาผัวเองแล้วหรือยังไง?” คุณนายลิ้นจี่ใส่ฉอด
ๆ
“ฉัน ฉันไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ นะ!”
หล่อนรู้สึกตกอกตกใจไม่น้อย รีบถอยกรูด
เมื่อเห็นท่าทางขึงขังเอาจริงเอาจังของคุณนายลิ้นจี่
“มีอะไรหรือครับ?”
เสียงยามรักษาการณ์หนุ่มร้องถาม พร้อมกับวิ่งเข้ามา
“อีผู้หญิงหน้าด้านคนนี้มันคิดจะมาแย่งผัวอั๊ว”
หญิงสูงอายุยกมือชี้หน้า “อั๊วต้องเอาเรื่องกับมันให้ได้จะบอกให้รู้ไว้ อั๊วนี่แหละเป็นเมียของเสี่ยกำชัย”
“อาซิ้มเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่เคยรู้จักคนชื่อนี้เลย”
ผู้ถูกกล่าวหารีบปฏิเสธ
“อีตอแหล ไม่ต้องมาโกหก!”
คุณนายลิ้นจี่ทำท่าจะเงื้อมือตบหน้า
“อย่าแม่….ไม่ใช่คนนี้!”
ปื๊ดโผล่พรวดเข้ามาร้องห้ามเสียงหลง รีบคว้ามือของแม่เอาไว้
หญิงสูงอายุใจวาบ
หน้าถอดสี มองหน้าลูกชายแล้วหันไปขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
“ทานโทษๆ อั๊วเข้าใจผิด ขอโทษด้วยนะคะ!”
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)