วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2559

เตียงนางไม้ ตอนที่ 21

โดย...เจิด จินตนา ๒๑ . . .


            ผู้คนที่อยู่ชั้นล่างสุดของคอนโดพากันออกมามุงดูหน้าสลอน  เพราะได้ยินเสียงเอะอะเอ็ดตะโรดังลั่นของคุณนายลิ้นจี่ หญิงสาวที่โดนด่าฟรีด้วยความเข้าใจผิด รู้สึกอับอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี            พอลิฟท์ลงมาถึงชั้นล่างหล่อนรีบพาตัวเองเข้าไปกดปุ่มปิดประตูลิฟท์หลีกลี้หนีหน้าไปทันที            แม่ทำขายขี้หน้าหมดเลย ทำไมไม่รอผมก่อนล่ะ?” ปื๊ดตัดพ้อต่อว่า ยังนับว่าโชคดีที่เขาเข้ามาห้ามเอาไว้ทันเวลา ก่อนที่แม่จะทำอะไรรุนแรงลงไปกับผู้หญิงคนนั้น            อั๊วจะไปรู้หรอเห็นขับรถอย่างที่ลื้อบอกเอาไว้ อั๊วนึกว่าใช่น่ะซี่
          กลับกันก่อนเถอะแม่อย่าอยู่ต่อเลย หน้าแตกหมดแล้ว
            เด็กหนุ่มจูงมือมารดา เดินฝ่าฝูงชนที่มุงดูอยู่ออกมา คุณนายลิ้นจี่เดินตามหลังลูกชายตัวลีบ ด้วยความรู้สึกอับอาย ที่เกิดไปด่าเอาผิดคนเข้า            กำลังจะก้าวออกนอกตัวอาคาร เกิดสวนกับอรอนงค์เข้าพอดี            หล่อนกำลังก้มหน้าก้มตาเดินเข้ามา โดยไม่ได้มีความสนใจคนรอบข้าง ปื๊ดเหลือบตามองเห็นเพียบแว้บเดียวจำได้ทันที เขา ชะงักพรืด แล้วรีบชี้มือบอกกับแม่            คนนี้แหละ ใช่แล้วแม่ ผู้ญิงคนนี้
            หญิงสาวได้ยินเสียงรู้สึกคุ้นๆ หู รีบหันขวับมามอง ตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มซึ่งเคยเจอกันมาก่อนในห้องทำงานของเสี่ยกำชัย            ผู้หญิงสูงอายุรูปร่างอ้วนท้วมที่ยืนอยู่ด้วยกัน ได้ยินเด็กหนุ่มคนนี้เรียกว่าแม่ ถ้าเช่นนั้น คนผู้นี้คือเมียของเสี่ยกำชัยอย่างมิต้องสงสัย            อรอนงค์ยืนตกตะลึง รู้สึกตัวชาวูบขึ้นมาจนทำอะไรไม่ถูก            อ้อ อีนังตัวดีคนนี้น่ะหรือ….ฮึ่ม ดีล่ะ
            คุณนายลื้นจี่คำรามเบา ๆ ในลำคอ เดินปรี่เข้ามาหาตาลุกวาวด้วยความโกรธจัด เพราะผู้หญิงคนนี้ ทำให้นางต้องเสียเวลาตั้งครึ่งค่อนวัน แถมยังเกือบจะมีเรื่องเข้าใจผิด ให้เป็นที่ขายขี้หน้าของคนในนี้อีกด้วย            คุณมีธุระอะไรกับฉันหรือ?” หญิงสาวซึ่งอ่อนวัยกว่ามาก ทำใจดีสู้เสือ            อ๋อมีซิ ต้องมีแน่ อั๊วอยากจะขอเตือนลื้อให้เลิกยุ่งเกี่ยวกะผัวของอั๊ว!”
            “อะไรกัน….ฉันไปยุ่งเกี่ยวกับผัวของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่?”            หล่อนแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง คิดว่าต่อหน้าผู้คนตั้งมากมาย ยัยคุณนายหน้าเหมือนซาละเปาคนนี้คงไม่กล้าทำอะไรรุนแรงกับหล่อนแน่            “หน็อย ยังจะมาทำปากแข็งมีคนเห็นลื้อไปหาผัวของอั๊วบ่อยๆ ที่โรงงาน ยังกล้าปฏิเสธอีกหรือ?” หญิงสูงอายุแผดเสียงดังลั่น            เข้าใจผิดแล้วนะ ฉันไปทำธุรกิจติดต่อกับเสี่ยกำชัยเท่านั้น ไม่มีอะไรนอกเหนือไปกว่านี้เลยจริง ๆ
            อรอนงค์ยอมรับเรื่องการไปหาเสี่ยกำชัย  แต่ยืนกรานปฏิเสธความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับเขา            อีตอแหล โกหกหน้าด้านๆคุณนายลิ้นจี่เต้นเร่าเป็นเจ้าเข้า ลื้อใช้เสน่ห์ยั่วยวนผัวอั๊วจนมันหลงงมงามไม่ยอมลืมหูลืมตา ถึงกับประเคนซื้อบ้านซื้อรถให้ลื้อ ใคร ๆ เขารู้กันทั้งโรงงาน ยังจะมาหน้าด้านปฏิเสธอีก
            “ไม่เป็นความจริง!” หญิงสาวเถียงทำหน้าเชิดทุกอย่างฉันหามาได้ด้วยน้ำพักน้ำแรงของฉันเอง ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยกำชัยเลยแม้สักนิด            ท่าทางของหล่อนทำให้คุณนายลิ้นจี่โกรธจัด จนเลือดขึ้นหน้า มือไม้สั่นไปหมด            หน้าด้านที่สุด ลื้อไม่ต้องมาทำปากแข็ง ทางที่ดีอั๊วว่าลื้อรีบย้ายของออกไป คืนบ้าน คืนกุญแจรถมาแล้วไสหัวไปให้พ้น ไม่งั้นอั๊วจะเรียกตำรวจมาจัดการกับลื้อ!”
            “คุณนายจะแจ้งข้อหาอะไรมิทราบ ในเมื่อห้องที่คอนโดหลังนี้เป็นชื่อของฉัน ทะเบียนรถก็เป็นของฉัน คุณนายมีหลักฐานอะไรที่จะมายึดเอาไป?”            ได้ยินเข้าเช่นนี้ คุณนายลิ้นจี่ถึงกับยืนอ้าปากหวอตาค้าง นึกไม่ถึงว่าพ่อสามีตัวดี จะหลงผู้หญิงคนนี้เอามากถึงกับยอมทุ่มเททุกอย่างให้ขนาดนี้            ไอ๊หยาไม่จริงอั๊วไม่เชื่อ
            “เป็นความจริงค่ะพนักงานสาวผู้ดูแลคอนโดซึ่งยืนฟังอยู่ช่วยยืนยัน คุณอรอนงค์มีชื่อเป็นเจ้าของห้องชุดในอาคารหลังนี้จริงๆ            หญิงสูงอายุแทบจะลมใส่ หมายความว่านางจะไม่มีทางไหนที่จะเล่นงานผู้หญิงคนนี้ได้เลยจริง ๆ หรือ            กรุณาอย่ามาก่อความวุ่นวายที่นี่นะครับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังพูดอย่างสุภาพ  ไม่เช่นนั้นผมจะต้องแจ้งข้อหาว่าพวกคุณบุกรุก
            เลือดเข้าตาเสียแล้ว คุณนายลิ้นจี่หูอื้ออึงไปหมดแทบไม่ได้ยินเสียงเตือนของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย คิดอยู่อย่างเดียวว่าจะต้องกำจัดนังผู้หญิงแพศยาคนนี้ให้ได้ ก่อนที่ทรัพย์สมบัติของครอบครัวที่อุตส่าห์ก่อร่างสร้างตัวมาเป็นเวลานาน จะพินาศวอดวายไปเพราะหล่อน            “อย่าอยู่เลย….อีนังตัวแสบ!”
            คุณนายลิ้นจี่ล้วงมือลงไปในกระเป๋าถือ จะควักปืนออกมา ปื๊ดตาเหลือก รีบร้องห้ามเสียงหลง            อย่านะแม่อย่า ! !”
            เด็กหนุ่มเข้ายื้อยุด แย่งกระเป๋าถือมาจากมารดามากอดเอาไว้แน่น ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่ต่างพากันยืนดูอยู่อย่างตื่นเต้น            อรอนงค์หน้าซีดไปเหมือนกัน รู้ตัวว่าหญิงสูงอายุจะทำอะไรกับหล่อน แต่แล้วก็ถอนใจโล่งอก เมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่มาด้วยกันแย่งกระเป๋าถือเอาไปได้            กลับดีกว่านะแม่ ถ้าแม่ขืนวู่วามทำอะไรลงไปมีหวังเดือดร้อนใหญ่แน่ปื๊ดพูดเตือนสติ            จำเอาไว้ให้ดีนะ อีนังแพศยา อย่าให้อั๊วจับได้คาหนังคาเขา ลื้อต้องตายแน่ๆ
            คุณนายลิ้นจี่กล่าวอาฆาตไว้ แล้วสะบัดหน้าพรืดย้ายกันเดินตามลูกชายออกไปจากตัวอาคาร อรอนงค์ยืนมองตามหลังไปอย่างรู้สึกใจหายใจค่ำ ท่าทางยายคุณนายคนนี้คงจะเอาจริงตามที่ขู่ไว้แน่ นับแต่นี้ไปหล่อนจะต้องคอยระมัดระวังในการติดต่อกับเสี่ยกำชัย            ถ้าเกิดพลาดท่าเสียทีขึ้นมา คงไม่มีใครช่วยหล่อนได้แน่ ! !
                        **********            อรอนงค์โทรศัพท์มาหาเสี่ยกำชัย เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฟัง ทำให้เสี่ยใหญ่แทบช็อค เมื่อรู้ว่าเมียบุกไปอาละวาดถึงคอนโดของหล่อน            แล้วหนูอรของป๋าเป็นอะไรบ้างหรือเปล่า?” เขาถามอย่างห่วงใยทันทีที่ฟังหล่อนเล่าจนจบ            เกือบไปเหมือนกันแหละค่ะป๋า ถ้าไม่มีคนช่วยห้ามเอาไว้ ป่านนี้อรคงโดนไข้โป้งไปแล้วช่วยอรด้วยเถอะนะคะ อรกลัวจริงๆ ไม่รู้จะทำยังไง?”
            “เมียของป๋าไปเจอหนูอรเข้าได้ยังไง?” เสี่ยใหญ่ตั้งข้อสงสัย            อรไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่เห็นมากับลูกชายของป๋า
            “ต้องเป็นไอ้ลูกเวรคนนี้มันพาไปแน่!” เสี่ยใหญ่แค่นเสียงในลำคออย่างเดือดดาล ป๋าจะรีบไปหาหนูอรเดี๋ยวนี้แหละ            “อย่าค่ะ อย่ามาที่นี่นะคะป๋า!” เสียงหล่อนร้องบอกมาทางโทรศัพท์อย่างตกอกตกใจ ถ้าคุณนายแกเกิดย้อนกลับมาเห็นเข้า มีหวังเอาตายแน่เลย!”            “เออ จริงซินะ!” เสี่ยกำชัยฉุกคิดได้ เขามีความกลัวเมียของตัวเอง มากพอๆกับอรอนงค์เหมือนกันงั้นเอาอย่างงี้ หนูไปรอป๋าที่ล็อบบี้โรงแรมเซ็นทรัลก่อนแล้วกัน เดี๋ยวป๋าจะตามไป            “ตกลงค่ะป๋า แล้วรีบไปเร็วๆ นะคะ            เสียงอรอนงค์กำชับ ก่อนที่จะวางหูโทรศัพท์ไป เสี่ยใหญ่ไม่รอช้ารีบกดปุ่มโทรศัพท์ติดต่อกับเลขาส่วนตัว            ผมจะออกไปธุระข้างนอก ถ้ามีใครมาติดต่องานช่วยจัดการแทนผมทีนะ!”
            “ค่ะท่าน .แล้วท่านจะกลับเข้ามาอีกหรือเปล่าคะ?”            “อาจจะไม่กลับ            พูดแค่นั้นแล้วรีบวางหูโทรศัพท์ ลุกขึ้นคว้ากระเป๋าเอกสารก้าวเดินออกไปจากห้องอย่างร้อนรน                        **********            ที่ล็อบบี้ของโรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่า อรอนงค์มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว รู้สึกดีใจเมื่อเห็นเสี่ยกำชัย หล่อนรีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหา            รอนานมั้ยจ๊ะหนูอร?”
            “สักพักใหญ่ ๆ แล้วค่ะป๋า            เขาโอบไหล่หล่อนพาเดินขึ้นบันไดไปทางด้านปีขวาของโรงแรม ซึ่งเป็นภัตตาคารจีน บรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ            พนักงานต้อนรับสาวสวยในชุดกี่เพ้าสีแดงสดปักเลื่อม ผ่าข้างจนเกือบจะถึงโคนขาอ่อน เดินนำคนทั้งสองไปนั่งที่โต๊ะ ในห้องพิเศษซึ่งจัดไว้เป็นล็อค ๆ ตามความต้องการของเสี่ยใหญ่            จะทำยังไงกับเรื่องนี้ดีล่ะ?” เสี่ยกำชัยเป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน เมื่ออยู่กันตามลำพังแล้ว            อรไม่รู้เหมือนกัน แต่คุณนายคงต้องตามไปราวีอีกแน่ค่ะป๋า
            “เอาอย่างนี้แล้วกัน ขายห้องที่คอนโดนั้นเสียแล้วไปหาที่อยู่ใหม่ดีมั้ย?” เสี่ยใหญ่เสนอแนะ            ไม่ค่ะป๋า อรชอบที่นั่นหญิงสาวรีบปฏิเสธอีกอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะหนีไปอยู่ที่ไหน ในไม่ช้าคุณนายต้องตามไปพบเข้าอีกจนได้เหมือนกันนั่นแหละค่ะ
            “แล้วหนูอรจะให้ป๋าจัดการกับเรื่องนี้ยังไงล่ะ?”            “ไม่เห็นจะยากเย็นอะไรเลย ป๋าก็สั่งห้ามคุณนายที่บ้านไม่ให้มายุ่งเกี่ยวกับอรเสียซิคะ            “อะไรนะ หนูจะให้ป๋าห้ามเมียของป๋าไม่ให้มา ยุ่งเกี่ยวกับหนูยังงั้นเหรอ?” เสี่ยใหญ่ทำตาเหลือก มันเป็นไปไม่ได้หรอก ให้ป๋าเข็นครกขึ้นภูเขายังจะง่ายกว่า            “ต้องทำได้ซิคะป๋า ถ้าหากว่าป๋ารักอรจริงหล่อนซบหน้าเคลียคลออย่างประจบประแจง อรทนไม่ได้หรอกนะคะที่จะต้องอยู่อย่างหวาดระแวง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถูกคนลอบทำร้ายเอา            “หนูยังไม่รู้อะไร เมียของป๋ามันดุยิ่งกว่าแม่เสืออย่าว่าแต่ไปพูดเรื่องนี้กับมันเลย แค่เวลานี้มันรู้แล้วว่าป๋ามีอะไรกับหนู กลับไปบ้านเมื่อไหร่ จะต้องกินน้ำใบบัวบกอีกกี่ปี๊ป            “แสดงว่าป๋ากลัวเมียของป๋ามากกว่ารักอร เป็นห่วงอร?” หญิงสาวว่าค่อนขอด            ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก อย่าเข้าใจผิดซี่หนูอรป๋ารักอรเป็นห่วงหนูเหมือนกัน แต่เรื่องนี้ป๋าทำไม่ได้หรอก ขอร้องให้ป๋าทำอย่างอื่นดีกว่านะ
            “ฮึ ไม่รู้ล่ะ ถ้าเรื่องแค่นี้ป๋าช่วยอรไม่ได้ ไม่ต้องมายุ่งกับอรอีกต่อไป” หล่อนยื่นคำขาดทำกระเง้ากระงอด  
            “โธ่ ใจเย็น ๆ ซิจ๊ะหนูอร อย่าเพิ่งพูดอย่างงี้ ค่อยๆ คิดดูก่อนเถอะนะ มันจะต้องพอมีทางอื่นอยู่บ้าง
            “ทางไหนล่ะคะป๋า จะต้องรอให้อรถูกคุณนายส่งคนมาฆ่าเสียก่อนอย่างงั้นหรือ อรไม่เอาด้วยหรอกนะ            ท่าทางของหล่อน แสดงความไม่พอใจอย่างมากทำให้เสี่ยใหญ่ต้องคิดหนัก ถึงจะเป็นคนกลัวเมียจนขึ้นสอง แต่เขาก็รักอรอนงค์มาก ไม่อยากสูญเสียหล่อนไป            หล่อนทำให้คนแก่อย่างเขามีชีวิตชีวากระชุ่มกระชวนขึ้น เป็นหญ้าอ่อนรสหวานละมุน ที่ควรจะหวงแหนเก็บเอาไว้เคี้ยวกินนานๆ            เห็นจะไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเราต้องระงับการติดต่อกันชั่วระยะเวลาหนึ่ง จนกว่าเรื่องนี้จะซาลงไป
            เสี่ยกำชัยตัดสินใจบอกกับหล่อนเช่นนั้น วิธีนี้เป็นทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เมียของเขาเลิกการตามราวีอรอนงค์ไปชั่วพักหนึ่งได้            แล้วจะให้อรเอาเงินที่ไหนใช้ล่ะคะป๋า?” ถึงแม้จะเห็นด้วย แต่อรอนงค์ก็ยังไม่วายเป็นห่วงเรื่องปากเรื่องท้องของตนเองก่อน            ป๋าจะส่งเงินมาให้ทุกเดือนไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะจ๊ะ
            “จริงๆ นะคะป๋าอย่าหลอกอรนะ?”            “จ้ะ คนดีของป๋าพยักหน้ารับยืนยันเสียงหนักแน่น แล้วดึงร่างอวบนั้นเข้ามาโอบกอดกระชับในวงแขนซุกไซร้จมูกไปตามซอกคอ “;แต่คืนนี้นอนกับป๋าที่โรงแรมนี้แล้วกัน ไม่ต้องกลับไปหรอกนะ ป๋าจะอยู่เป็นเพื่อนเพื่อรับขวัญให้นหนูอรยังไงล่ะ            “ได้ค่ะป๋า อรจะไม่ได้พบป๋าอีกนาน คงต้องคิดถึงป๋ามากเลย แล้วอีกอย่างตอนนี้อรไม่มีเงินใช้เลยป๋าอย่าลืมเซ็นเช็คไว้ให้อรด้วยนะคะ”                   “ได้ซิจ๊ะหนูอร            ปากพร่ำพูดฉอเลาะเพื่อเป็นการเอาใจ แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่หล่อนต้องการจากเขาคือเงินเท่านั้นเอง                        ***********            โฉมศรีรอการกลับมาของต้นอย่างกระวนกระวายใจ หล่อนได้รับปากกับแตนเอาไว้แล้วที่จะช่วยพูดจากับชายหนุ่มให้ย้ายออกไปจากห้อง 316 หากงานครั้งนี้ประสบความสำเร็จ นั่นหมายถึงเงินก้อนใหญ่ที่หล่อนจะได้รับจากหญิงสาวเป็นค่าเช่าห้องนั้นล่วงหน้าทั้งปี            มันเป็นจำนวนไม่ใช่น้อย เพียงแลกกับคำพูดไม่กี่คำ หล่อนจะต้องพยายามพูดเกลี้ยกล่อมต้นให้เขายอมย้ายออกไปให้ได้ ซึ่งคิดว่าชายหนุ่มคงจะพึงพอใจถ้าหล่อนจะเสนอเงินให้กับเขาจำนวนหนึ่ง สำหรับการไปหาที่อยู่ใหม่            สาวใหญ่จอมงกนั่งวาดวิมานในอากาศ ฝันถึงเงินที่จะได้รับอย่างง่ายดายแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่            หล่อนคอยชะเง้อมองผ่านกระจกสำนักงานออกไปดักรอการกลับมาของต้นตั้งแต่บ่ายแก่ ๆ จนกระทั่งเห็นเขาเดินเลี้ยวเข้าประตูรั้วมา รีบถลาลุกไปเปิดประตูกระจก ชะโงกหน้าออกไปกวักมือเรียกเขาไว้            คุณต้นคะ ขอเชิญทางนี้หน่อยค่ะ
            ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า เขม้นมองนิดหนึ่งอย่างสงสัยแล้วเดินไปหา โฉมศรีหลีกทางให้เขาเข้าไปในสำนักงาน กระวีกระวาดเชื้อเชิญให้เขานั่ง ด้วยท่าทางเอาอกเอาใจจนผิดสังเกต            เชิญนั่งก่อนซิคะคุณต้นเชิญค่ะ
            “คุณโฉมศรีมีอะไรจะพูดกับผมหรือครับ?” ชายหนุ่มถามขณะนั่งลงตามคำเชิญ            อ๋อมีซิคะ คือเรื่องห้องของคุณต้น บอกตรง ๆ ฉันรู้สึกไม่สบายใจเลยจริงๆ มันเหมือนกับว่าฉันเป็นคนหลอกลวง เพียงเพื่อต้องการได้เงินค่าเช่าห้องจากคุณเท่านั้นเอง มันช่างน่าละอายใจจริง ๆค่ะ
            “ไม่เห็นมีอะไรนี่ครับ ห้องนั้นน่าอยู่ดี ผมเสียอีกที่จะต้องเป็นคนขอบคุณคุณโฉมศรี ที่อุตส่าห์มีน้ำใจลดค่าเช่าห้องให้กับผม            มันไม่ใช่อย่างงั้นน่ะซิคุณต้นโฉมศรีจีปาก จีบคอลากเสียงยาว  คุณยังไม่รู้อะไร ห้องนั้นน่ะผีดุออกจะตายไป ฉันไม่ควรตัดสินใจให้คุณเช่าเพื่อเห็นแก่เงินเลยจริงๆ ถ้าคุณเกิดเป็นอะไรขึ้นมา บาปนั้นจะต้องตกอยู่ที่ฉันแน่!”
            “สบายใจได้เลยครับคุณโฉมศรี ผมไม่เป็นอะไรหรอก ถึงห้องนั้นจะมีผีจริง คนอย่างผมไม่เคยนึกกลัว ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ            จะไม่ให้ฉันเป็นห่วงไม่ได้หรอกค่ะคุณต้น ไม่ว่าใครก็ตามที่ย้ายเข้าไปอยู่ในห้องนั้น มักจะต้องมีอันเป็นไปต่าง ๆนานา แล้วตั้งแต่คุณย้ายเข้ามาอยู่นี่ มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นตั้งหลายครั้ง ฉันกลัวว่ามันจะรุนแรงหนักข้อขึ้นทุกทีนะคุณ
            ชายหนุ่มชักรู้สึกเอะใจ ดูเหมือนหล่อนจะพยายามพูดจาหว่านล้อมให้เขาเกิดความหวาดกลัว เพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง            คุณโฉมศรี เอาเรื่องนี้มาพูดกับผมทำไมหรือครับ?”
            “บอกตามตรงเลยนะคะ ฉันอยากจะให้คุณย้ายไปอยู่ที่อื่นเสีย ห้องนั้นมันไม่เหมาะสำหรับที่ใครจะเข้าไปอยู่หรอกค่ะ            “ไม่หรอกครับคุณโฉมศรี  ผมชอบห้องนั้น ขอบคุณที่เป็นห่วงผม            เขาตอบปฏิเสธแล้วทำท่าจะลุกขึ้นแล้ว แต่สาวใหญ่ยังไม่ยอมละความพยายาม            เดี๋ยวซิคะคุณต้นฉันหวังดีกับคุณจริง ๆ นะคะ ไม่ได้ให้คุณย้ายออกไปเฉย ๆ ฉันยินดีคืนเงินมัดจำค่าเช่าห้องให้คุณหมดเลย เพื่อคุณจะได้ไปหาเช่าที่อยู่ใหม่ดีมั้ยล่ะคะ?”
            “ไมต้องห่วงครับ อย่ากังวลผมอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้วเขายังคงยืนกรานเหมือนเดิม            “เอาอย่างงี้แล้วกัน ถ้าคุณต้นยอมเลิกสัญญาเช่าห้องนั้นกับฉัน คุณยังไม่ต้องรีบย้ายออกในทันทีจนกว่าจะหาที่อยู่ใหม่ได้ และฉันจะจ่ายเงินชดเชยค่าเสียเวลาให้กับคุณอีกห้าพันบาท ตกลงนะคะ            “ไม่ตกลงครับ!”            “เอ้า! ฉันให้หมื่นนึงเลย”
            หล่อนยื่นข้อเสนอใหม่ ทำให้ต้นชักรู้สึกสงสัยหนักขึ้น            ทำไมคนงกเงินอย่างโฉมศรี ถึงได้เกิดใจป้ำขึ้นมาอย่างผิดสังเกต ที่หล่อนพยายามชักแม่น้ำทั้งห้าพูดจาหว่านล้อมให้เขาย้ายออกไปจากห้องนั้น คงไม่ใช่เพราะความเป็นห่วงหรือหวังดีอะไรหรอก หล่อนจะต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่าง ซ่อนเร้นแอบแฝงอยู่อย่างแน่นอน            ใครจ้างให้คุณมาพูดเรื่องนี้กับผมหรือครับ?” เขาถามโพล่งออกไปตรงๆ            อุ้ย ! เปล่าค่ะไม่มี้ไม่มีจริง ๆโฉมศรีรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน เป็นเพราะฉันหวังดีเกิดเป็นห่วงคุณจริงๆ เชื่อฉันเถอะค่ะ…”
            ถึงจะปฏิเสธ แต่ท่าทางของหล่อนมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด เป็นไปไม่ได้เลยที่หล่อนจะมีความหวังดีกับเขา จนถึงยอมเสียเงินตั้งหนึ่งหมื่นบาท เพื่อให้เขาย้ายออกไป ต้องมีคนจ้างหล่อนมากกว่า            ต้นนึกไปถึงคำขู่ของแตน ซึ่งเคยพูดทิ้งท้ายเอาไว้พยายามปะติปะต่อเรื่องเข้าด้วยกัน แล้วจึงพอจะเดาออก ชายหนุ่มยิ้มนิด ๆ ขยับตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับมองหน้าสาวใหญ่อย่างรู้ทัน            ช่วยบอกคุณแตนด้วยนะครับว่า ถึงยังไงผมก็ไม่ยอมย้ายออกไปจากห้องนั้นแน่ ไม่จำเป็นที่จะต้องมาเสียเงินเสียทองกับผมเพราะเรื่องนี้หรอกครับ”
            “แต่คุณแตนเธอมีความเป็นห่วงคุณจริง ๆ นะคะ คุณต้น!”
            สาวใหญ่ยอมรับเสียงอ่อย!


         
     

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น