วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2559

เตียงนางไม้ ตอนที่ 20

โดย...เจิด จินตนา
๒๐ . . .



          ต้นรีบกุลีกุจอยกเก้าอี้ว่างจากโต๊ะข้าง ๆ มาให้หญิงสาว
            เชิญนั่งก่อนครับ คุณอรอนงค์
            “ขอบคุณค่ะ
            หล่อนหย่อนสะโพกอวบลงนั่ง ยกขาขึ้นไขว่ห้างพร้อมกับส่งยิ้มตาเป็นประกายให้กับชายหนุ่ม ต้นยิ้มตอบนิดๆ แล้วเดินกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ของเขา
            คุณอรอนงค์อุตส่าห์ให้เกียรติมาหาผมที่นี่มีธุระอะไรกับผมหรือครับ?”
            “แหม ! คุณต้นพูดอย่างกับว่า ถ้าไม่มีธุระอรจะมาหาไม่ได้อย่างงั้นแหละ “ หล่อนตัดพ้อต่อว่า ราวกับคนที่รู้จักสนิทสนมกันมานานแล้ว
          ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้นหรอกครับ โปรดอย่าเข้าใจผิด ที่นี่ยินดีต้อนรับทุกคนเสมอ
            “ขอบคุณนะคะเอ้อ! คือว่าอรจะมาติดต่อเรื่องประกันค่ะ!”
            “อ๋อ ยินดีรับใช้ครับแต่ความจริงคุณไม่จำเป็นต้องมาเองให้ลำบากโทร.มาบอกก็ได้นี่ครับ
            “โทร.มาก็ไม่ได้เห็นหน้าคุณต้นน่ะซิคะ
            หญิงสาวพูดหยอกเหมือนตั้งใจจะทอดสะพานให้ต้นเดิน แต่ชายหนุ่มยังคงวางตัวอย่างสุภาพเรียบร้อยไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองแต่อย่างใด
            เขายอมรับกับตัวเองว่า หล่อนเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์ร้อนแรง ดึงดูดความสนใจของเพศตรงข้ามได้มากที่สุดคนหนึ่ง ทุกส่วนสัดในเรือนร่างเย้ายวนตาชวนให้น่าลูบไล้สัมผัสจับต้องยิ่งนัก
            ชายหนุ่มพยายามรวบรวมสมาธิไม่ให้คิดกระเจิดกระเจิงฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้ แล้วเริ่มต้นถามหล่อนเป็นงานเป็นการ
            คุณต้องการจะทำประกันชีวิตหรือว่าอะไรล่ะครับ?”
            “อรไม่ได้ทำประกันให้กับตัวเองหรอกค่ะ แต่มาในฐานะเป็นตัวแทนของคุณกำชัย
            “คุณกำชัย?” ต้นทวนคำแล้วขมวดคิ้ว  ผู้อำนวยการโรงงานทอผ้าใช่ไหม มีอะไรหรือครับ?”
            “ถูกแล้วค่ะท่านมอบหมายให้อรมาเจรจาเรื่องประกันภัยโรงงานของท่านกับคุณ
            ชายหนุ่มแทบไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้จากปากของหล่อน เสี่ยกำชัยคงเห็นความสำคัญของผู้หญิงคนนี้มาก ถึงกับกล้ามอบหมายธุรกิจสำคัญเกี่ยวข้องกับเงินเป็นล้านให้หล่อนเป็นคนตัดสินใจ
            ท่านว่ายังไงบ้างครับ?”
            “ท่านให้อรเป็นคนพิจารณาต่อรองเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ทางฝ่ายคุณเสนอไปค่ะ
            “แล้วคุณอรอนงค์มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงบ้างละครับ?”
            “อรอยากจะช่วยให้คุณต้นได้งานชิ้นนี้ไป แต่มีข้อแม้อยู่อย่างหนึ่งหล่อนพูดทิ้งท้ายเอาไว้มองสบตาของเขาอย่างมีความหมาย
            ข้อแม้อะไรหรือครับคุณอรอนงค์?”
            “ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ เพียงแค่เลี้ยงข้าวกลางวันอรสักมื้อหนึ่ง คงไม่หนักหนาเกินไปสำหรับคุณต้นใช่ไหมคะ?”
            นี่หล่อนจะเล่นมาไม้ไหนกับเขาแน่ นึกอย่างไรถึงได้ตั้งข้อแม้แปลกๆ แบบนี้ขึ้นมา ต้นชักนึกสงสัย
            หล่อนมีจุดประสงค์อะไรกันหรือ?
            แต่เพื่อผลงานชิ้นนี้ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเครื่องชี้ชะตา ตำแหน่งหน้าที่การงานของเขา ชายหนุ่มจึงจำเป็นที่จะต้องรับปาก
            ด้วยความยินดีครับ คุณอรอนงค์
                        **********
            ในขณะที่โฉมศรีกำลังขะมักเขม้นอยู่กับการตรวจสอบบัญชีรับจ่ายประจำเดือน สายตาเหลือบมองผ่านกระจกสำนักงานออกไป เห็นฮอนด้าซีวิคสีแดงกำลังขับเลี้ยวเข้ามาในอพาร์ตเม้นท์
            สาวใหญ่จำได้อย่างแม่นยำว่าเจ้าของรถเก๋งคันงามนี้ คือหญิงสาวที่เคยมาที่นี่กับเพื่อนอีกคนที่รูปร่างจ้ำม่ำ และถูกผีในห้อง 316 เล่นงานเอาจนต้องเผ่นแนบหนีไปเมื่อวานก่อน
            โฉมศรีเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย ผู้หญิงคนนี้มาทำไมกัน ในเมื่อต้นก็ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว
            รู้สึกแปลกใจจนต้องวางมือจากงานชั่วขณะ คอยจับตาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น หล่อนจอดรถเอาไว้ที่ใต้ถุนอพาร์ตเม้นท์ ล็อคประตูแล้วเดินตรงมายังสำนักงาน
            วันนี้หญิงสาวแต่งตัวทะมัดทะแมง สะพายกระเป๋าสีดำใบใหญ่มาด้วย ผลักประตูกระจกเข้ามาพร้อมกับยกมือไหว้
            สวัสดีค่ะ…”
            “ค่ะ สวัสดี คุณแตนเชิญนั่งก่อนซิคะ
            สาวใหญ่รับไหว้ทำท่างง ๆ แตนวางกระเป๋าลงบนโต๊ะทำงานของโฉมศรี แล้วนั่งลงตามคำเชิญ
            มีธุระอะไรหรือคะ?”
            “หนูอยากจะขอปรึกษาเรื่องห้องของพี่ต้นกับคุณค่ะ
            “ห้อง 316 นั่นน่ะหรอคะ?”
            “ใช่ค่ะ…” หล่อนพยักหน้ารับ คือ หนูอยากจะขอเช่าห้องนั้นต่อ
            “ตายจริง ! เกิดนึกยังไงขึ้นมาคะคุณแตน คุณรู้ดีอยู่แล้วว่าห้องนั้นผีดุออกจะตายไป โฉมศรีอุทานออกมาอย่างตกใจระคนสงสัย
            เพราะอย่างนี้น่ะซิคะ หนูถึงไม่อยากให้พี่ต้นอยู่ในห้องนั้นอีกต่อไป แต่เพื่อนไม่ให้คุณโฉมศรีต้องเสียผลประโยชน์ จึงอยากจะมาขอทำสัญญาเช่าเหมาห้องนั้นเป็นรายปีกับคุณเสียเลย
            “เอ คุณทำแบบนี้เพื่ออะไรหรือคะ?”
            “พูดกันตามตรงนะคะ หนูรักพี่ต้นมากไม่อยากต้องสูญเสียเขาไป เวลานี้พี่ต้นกำลังหลงเสน่ห์ผีร้ายในห้องนั้นอย่างไม่ยอมลืมหูลืมตา ถ้าขืนให้อยู่ต่อไป สักวันจะต้องถูกมันฆ่าตายแน่ มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น คือต้องให้เขารีบย้ายออกไปจากห้องนั้นเสีย ช่วยหน่อยเถอะนะคะ
            “ฉันเห็นใจค่ะ แต่ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าจะช่วยได้หรือเปล่าซิคะสาวใหญ่ทำท่าอึกอักลังเลใจ เพราะว่าคุณต้นน่ะทำสัญญากับฉันเอาไว้แล้ว
            “บอกเลิกสัญญา ชดใช้ค่าเสียหายให้กับเขาไปซิคะ หนูยินดีจ่ายค่าเช่าห้องเพิ่มให้อีกหนึ่งเท่าตัว เสียเท่าไหร่ไม่ว่าขอให้พี่ต้นยอมย้ายออกจากห้องนั้นโดยเร็วเท่านั้นหญิงสาวเปิดกระเป๋าถือหยิบเงินสดปึกหนึ่งออกมาวางตรงหน้าโฉมศรี นี่ค่ะค่ามัดจำล่วงหน้าสองหมื่นบาท ถ้าคุณโฉมศรีทำให้พี่ต้นยอมย้ายออกได้ เงินชดใช้ค่าเสียหายเท่าไหร่ หนูจะเป็นคนออกให้เอง ช่วยพูดกับพี่ต้นให้หน่อยเถอะนะคะ…”
            พอเห็นเงินมาวางกองตรงหน้า สาวใหญ่จอมงกถึงกับตาโต อยู่ดีๆ มีลาภก้อนใหญ่ลอยมาหาแบบนี้ มีหรือที่หล่อนจะกล้าปฏิเสธ ในเมื่อไม่ต้องเสียอะไรเลย มีแต่ทางได้ลูกเดียว
            ได้ซิคะคุณแตน ฉันจะลองพยายามดู
            “ขอบคุณมากค่ะ ถ้าได้เรื่องแล้วบอกให้หนูรู้ด้วยนะคะแตนหยิบปากกาขึ้นมาเขียนเบอร์โทรศัพท์ของตนเองในกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ยื่นส่งให้ นี่ค่ะเบอร์โทรศัพท์ที่บ้านของหนู
            ค่ะฉันจะรีบ โทร.ไปบอกคุณแตนทันทีที่คุณต้นยอมย้ายออกไป
            “อ้อ อย่าบอกพี่ต้นนะคะ ว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนการณ์ของหนู” แตนพูดกำชับกำชา
            “รับรองฉันไม่บอกแน่ค่ะคุณแตนวางใจได้….”
                        **********
            ต้นรู้สึกอึกอัดใจอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นอรอนงค์เอาแต่นั่งจ้องมองดูเขาอย่างไม่ยอมวางตา ตั้งแต่เข้ามาในห้องอาหารแห่งนี้ และสั่งอาหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
            สิ่งที่เขากำลังเป็นกังวลใจอีกอย่างหนึ่งคือหล่อนเป็นคนเลือกสถานที่เอง และที่นี่ก็เป็นห้องอาหารระดับหรูในโรงแรมชั้นหนึ่ง ซึ่งค่าอาหารมื้อนี้ต้องเป็นเงินไม่ใช่น้อยแน่ เพราะหล่อนเลือกสั่งแต่อาหารราคาแพงหูฉี่ ทำให้ชายหนุ่มได้แต่นั่งกระสับกระส่ายด้วยกลัวว่าเงินในกระเป๋าจะมีไม่พอจ่าย
            แต่ดูเหมือนอรอนงค์จะไม่มีท่าทางวิตกอะไรเลย ประหนึ่งเชื่อใจว่าเขาจะต้องมีเงินพอจ่ายอาหารแน่ หรือไม่อีกอย่าง หล่อนอาจจะมีแผนต้องการกลั่นแกล้งเขา
            ใจของต้นไม่ค่อยจะเป็นปกติสุขนัก ทั้งถูกคอบจ้องมองและความกังวลเรื่องค่าอาหาร ทำให้เขาแทบอยากจะหายตัวแว้บไป จากที่นี่ได้เหมือนอย่างนางไม้สาวเสียจริง จนกระทั่งพนักงานเสิร์ฟยกอาหารที่สั่งมาบนโต๊ะเขายังคงนั่งนิ่งเฉย
            ทานซิคะคุณต้น อาหารของที่นี่อร่อย ๆ ทั้งนั้นนะคะอรอนงค์ต้องเป็นฝ่ายออกปากเชิญ แล้วตักกุ้งอบเนยตัวโต ๆ ใส่จานตรงหน้าชายหนุ่ม
            เชิญคุณอรอนงค์ตามสบายเถอะครับ ผมยังไม่ค่อยรู้สึกหิวเท่าไรนักเขาอ้อมแอ้มบอก
            ไม่ได้ซิคะ คุณต้นอุตส่าห์เป็นเจ้ามือเลี้ยงอรทั้งทีจะให้อรทานคนเดียวได้ยังไงกัน….ทานสักนิดก็ยังดี อรจะช่วยป้อนให้เอามั้ยคะ?”
            “ไม่ไม่ต้องหรอกครับ
            เห็นหล่อนทำท่าจะตักอาหารบริการเขาจริง ๆ ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งโหยงรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน ลงมือจัดการกับกุ้งอบเนยด้วยตัวเอง
            อืมม์….อร่อยจริง ๆ ด้วยซิครับ เชิญเลยครับคุณอรอนงค์ต้นพยายามปั้นสีหน้าให้เบิกบานเพื่อกลบเกลื่อนร่อยรอยพิรุธไม่ให้หล่อนสังเกตเห็น
            อรรู้สึกดีใจจริงๆ ค่ะ ที่ได้มีโอกาสมาทานข้าวกับคุณต้น คิดว่าคุณต้นคงไม่โกรธอรนะคะ ที่เล่นใช้วิธีบังคับคุณแบบนี้?”
            “ไม่หรอกครับคุณอร เป็นการดีเสียอีกที่คุณช่วยทำให้ผมได้รู้จักกับสถานที่แบบนี้ ปกติแล้วผมไม่เคยมาทานอาหารตามห้องอาหารในโรงแรมหรูๆ  แบบนี้หรอกครับ
            “ถ้าคุณต้นชอบ วันหลังอรจะพามาทานอีกดีมั้ยคะ?”
            “อย่าเลยครับคุณ ผมเห็นจะมาบ่อยนักไม่ได้ นอกจากเป็นโอกาสพิเศษอย่างวันนี้เท่านั้น
            “อรเข้าใจดีค่ะคุณต้น แต่สำหรับเรื่องนี้ไม่ต้องวอรี่อะไรเลยระคะ ถ้าคุณต้นยินดีที่จะไปทานข้าวเป็นเพื่อนกับอรที่ไหนแล้วแต่ อรจะเป็นเจ้ามือเองตลอดเลยยังไหวจริง ๆ นะคะ
            ขอบคุณมากครับที่ให้เกียรติผม แต่ผมคงไม่รบกวนคุณอรอนงค์ขนาดนั้นหรอกครับ
            “อย่าคิดอย่างนั้นซิคะ ตั้งแต่วันแรกที่อรเกือบจะขับรถชนคุณเข้า ขอสารภาพตามตรงเลยนะคะว่าอรอยากรู้จักกับคุณมาก คุณเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์จริง ๆ นะคะไม่ใช่แกล้งยอ
            “ลงมือทานข้าวดีกว่าครับ เดี๋ยวผมจะอิ่มคำชมของคุณเข้าเสียก่อน
            ชายหนุ่มรีบพูดตัดบทเพราะไม่อยากได้ยินหล่อนพูดอะไร ทำให้จิตใจของเขาต้องไขว้เขวมากไปกว่านี้
            มาลองนึกดูแล้วก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ผู้หญิงสวยรวยเสน่ห์อย่างอรอนงค์ ทำไมถึงเกิดมาสนในตัวของเขาได้ ดูเหมือนว่าหล่อนจะพยายามทอดสะพานให้เขาอยู่ตลอดเวลา ทั้งๆ ที่เป็นเมียน้อยของนักธุรกิจผู้มั่งคั่ง
            แต่คนอย่างเขาไม่ใช่ผู้ชายที่จะคอยฉกฉวยโอกาสจากผู้หญิง ที่เขาต้องยอมทำดีกับหล่อนในเวลานี้ เป็นเพราะหน้าที่การงานเท่านั้นเอง เขาจะไม่ยอมทำอะไรให้เป็นที่เสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างเด็ดขาด แม้จะยอมรับว่าหล่อนคือผู้หญิงที่มีเสน่ห์ร้อนแรงมากคนหนึ่งก็ตามที
            รอจนทานอาหารอิ่มกันแล้ว ชายหนุ่มจึงเริ่มต้นพูดอย่างเป็นงานเป็นการกับหล่อน
            คุณอรอนงค์คิดว่า ข้อเสนอที่ทางบริษัทของผมให้ไป เป็นยังไงบ้างหรือครับ?”
            “อย่าเพิ่งรีบร้อนนักซิคะ อรเพิ่งได้รับมอบหมายจากท่านมา ยังไม่ค่อยได้มีเวลาพิจารณารายละเอียดมากนัก ขอเวลาอีกสักหน่อยเถอะนะคะหล่อนพูดบ่ายเบี่ยง
            ได้ครับคุณอรอนงค์ถ้าคุณมีอะไรข้องใจสงสัย กรุณาติดต่อกับผมได้เลยนะครับ ผมยินดีจะช่วยชี้แจงรายละเอียดให้จนเป็นที่เข้าใจ
            “ค่ะ….คุณต้น แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ ถ้าข้อเสนอบริษัทของคุณดีพอ อรจะช่วยพูดให้ท่านอนุมัติทำประกันกับบริษัทของคุณอย่างแน่นอนค่ะ
            “ขอบคุณครับคุณอรอนงค์ ถ้าคุณสามารถช่วยให้งานชิ้นนี้ของผมสำเร็จลงได้ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งเชียวครับ
            “อรไม่ได้ต้องการบุญคุณอะไรหรอกค่ะขอแค่เราได้รู้จักเป็นเพื่อนกันเท่านั้นเอง
            “ผมรู้สึกยินดีที่ได้รู้จักกับคุณเช่นกันครับคุณอรอนงค์
            หล่อนเปิดยิ้มกว้างอย่างรู้สึกพึงพอใจ ที่ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนการ ซึ่งหล่อนวางเอาไว้ด้วยสัญญาของบริษัทประกันภัยนี่แหละ หล่อนจะทำให้ชายหนุ่มผู้นี้ต้องมาสยบกับหล่อน เพื่อชดเชยความสุขที่ได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยจากเสี่ยกำชัย
            คุณต้นจะไปไหนต่อหรือเปล่าคะ?”
            “ไม่หรอกครับ ผมจะกลับไปทำงานต่อที่บริษัทยังมีงานอีกเยอะที่ต้องทำ
            “งั้นไปด้วยกันซิคะ อรจะไปส่ง!”
            “อย่าดีกว่าครับ รบกวนคุณเปล่า ๆ คุณอรอนงค์กลับไปก่อนเถอะครับเดี๋ยวผมจะเรียกรถแท็กซี่กลับเองได้
            “แหม ไม่ได้รบกวนอะไรหรอกค่ะ อรว่างอยู่แล้วไปซิคะ
            “กลับไปก่อนเถอะครับ….คุณอรอนงค์ ไม่ต้องเป็นห่วงผม
            เขายังคงอิดเอื้อน จนหญิงสาวต้องนั่งจ้องหน้าคล้ายกับจะค้นหาความจริงอะไรบางอย่างในที่สุดหล่อนจึงยิ้มออกมา แล้วลุกขึ้นยืน
            ตามใจคุณต้นเถอะนะคะ งั้นอรกลับก่อนล่ะวันหลังค่อยพบกันใหม่ ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้บ๊ายบาย
            หล่อนโบกมือให้เขาแล้วเดินตัวปลิวออกไป ชายหนุ่มไม่ได้มองตาม เพราะสมองกำลังครุ่นคิดหาวิธีจัดการกับเรื่องอาหารมื้อนี้
            ลองคะเนดูคร่าว ๆคงไม่ต่ำกว่าหลักพัน นับว่าเป็นจำนวนเงินที่สูงมากสำหรับอาหารเพียงมื้อเดียว กับคนที่มีฐานะแค่ลูกจ้างกินเงินเดือนอย่างเขา
            ถ้าเกิดเงินในกระเป๋ามีไม่พอจ่ายขึ้นมาเขาจะทำยังไงดี ต้นเริ่มวิตกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
            เดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องล่วงหน้าไปไม่ใช่น้อย จึงเหลือเงินติดตัวอยู่ไม่มากมายเท่าไรนักทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะกลางเดือนเท่านั้นเอง
            คงต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน โดยการโทรศัพท์ไปบอกนุชเพื่อนสาวที่ทำงาน ขอยืมเงินจากหล่อน และให้หล่อนมาที่นี่ เพราะห้องอาหารแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานเท่าไหร่นัก
            คิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มจึงเรียกพนักงานให้มาเช็คบิล เขากะเอาไว้ว่าจะขอดูยอดเงินที่ต้องจ่ายก่อนถ้าไม่พอจริง ๆ แล้วค่อยโทรศัทท์ไปที่ทำงานตามที่คิดเอาไว้
            นั่งรออยู่ได้สักครู่ใหญ่ ๆ พนักงานคนนั้นก็เดินกลับมาโค้งให้กับเขาอย่างสุภาพอ่อนน้อม
            ประทานโทษนะครับ คุณผู้หญิงที่กลับไปก่อนชำระค่าอาหารไว้เรียบร้อยแล้วครับ
            “อ้าว อย่างงั้นหรอกเหรอ?” ต้นอุทานออกมาเบา ๆ
            “ครับผม
            พนักงานเช็คบิลโค้งให้เขาอีกที แล้วถอยกลับออกไป ปล่อยให้ต้นนั่งงง
            ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรแปลกๆ ยื่นข้อเสนอให้เขาเป็นเจ้ามือ  แต่กลับจ่ายค่าอาหารมื้อนี้เสียเอง หล่อนมีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงอยู่หรือ
            คนซื่อๆ ที่มีแต่มองโลกในแง่ดีอย่างต้น ไม่มีวันอ่านใจผู้หญิงอย่างอรอนงค์ได้ทะลุปรุโปร่งหรอก
                        **********
            ปื๊ดยังไม่เคยเห็นใครมีความอดทนในการรอคอยเท่าแม่ของเขา คุณนายลิ้นจี่นั่งรอการกลับมาของอรอนงค์อยู่ที่ริมสระน้ำตั้งแต่เช้า จนเวลาล่วงเลยไปเกือบบ่ายโมงกว่าแล้ว หญิงสูงอายุยังคงนั่งเฝ้าอยู่อย่างทรหดอดทน
            โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นี่คือโอกาสที่จะได้เล่นงานผู้หญิงซึ่งจะมาแย่งผัวของหล่อน และสร้างความเดือดร้อนให้กับครอบครัว จะนานสักแค่ไหนหล่อนจึงต้องรอ
            ปื๊ดรับหน้าที่สั่งของกินจากร้านอาหารที่ชั้นล่างของคอนโดมิเนียมมาให้แม่ และนั่งกินกันอยู่ที่ริมสระน้ำนั่นเอง ทั้งคู่คอยมองดูรถที่แล่นเข้าออกในลานจอดรถตลอดเวลา แต่ไม่มีวี่แววว่าจะเห็นรถของอรอนงค์กลับมาเสียที
            ถ้าเขาเกิดกลับมามืดล่ะ เรามิต้องรอกันจนแหง็กเลยหรือแม่?” ปื๊ดบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด เพราะนั่งคอยชะเง้อคอมองจนเมื่อยแล้วเมื่อยอีก
            ทนเอาหน่อยน่าไอ้ตี๋ไหน ๆ เราเสียเวลารอมันมาตั้งนานแล้ว อั๊วว่าอีกสักประเดี๋ยวมันจะต้องกลับมาแน่คุณนายลิ้นจี่พูดปลอบใจลูกชาย
            แม่นั่งดูไปคนเดียวก่อนแล้วกันนะ ผมปวดท้องฉี่ ขอไปเข้าห้องน้ำแป๊ปเดียว
            เด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์ไปด้วยไขมัน ลุกขึ้นแล้วเดินตรงรี่ไปที่ห้องน้ำ ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของสระว่ายน้ำแห่งนี้
            รีบกลับมาเร็วๆนะไอ้ตี๋ หูตาอั๊วมันยิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่ด้วยผู้เป็นแม่ตะโกนโหวกเหวกไล่ตามหลังไป
            ช่างเป็นการบังเอิญอะไรเช่นนั้น ขณะที่ปื๊ดเดินลับหลังเข้าประตูห้องน้ำไป มีรถเก๋งคันหนึ่งเลี้ยวเข้ามาที่ลานจอดรถของคอมโดมิเนียมพอดี
            คุณนายลิ้นจี่เห็นเป็นรถยี่ห้อและสีเดียวกันกับที่ลูกชายบอกเอาไว้ หล่อนเขม้นมองแล้วมองอีกอย่างไม่ค่อยแน่ใจ จนกระทั่งเห็นเจ้าของรถที่ก้าวออกมาเป็นหญิงสาวสวยแต่งกายดี หญิงสูงอายุจึงมั่นใจว่าจะต้องใช่คนที่หล่อนต้องการพบแน่
            ผู้หญิงคนนั้นกำลังเดินเข้าไปที่ตัวอาคารคอนโดมเนียมแล้ว คุณนายลิ้นจี่รีบคว้ากระเป๋าถือที่วางเอาไว้บนโต๊ะเหล็กดัดขึ้นมา แล้วเดินจ้ำอ้าวๆ ตามไปทันที
            พอเลี้ยวหน้าประตูทางเข้า เห็นหล่อนกำลังยืนรอลิฟท์อยู่ หญิงสูงอายุรีบปราดเข้าไปหา
            เดี๋ยวก่อนนังตัวดี มาพูดกันให้รู้เรื่องก่อนซิ!”
            “อะไรกันนี่ มีอะไรหรือ?”  หญิงสาวคนนั้นหันมามองหน้าอย่างแปลกใจ
            อั๊วอยากรู้ว่า ทำไมลื้อจะต้องมาแยงผัวชาวบ้านเค้าผู้หญิงสวย ๆ หน้าตาดีอย่างลื้อ ไม่มีปัญญาหาผัวเองแล้วหรือยังไง?” คุณนายลิ้นจี่ใส่ฉอด ๆ
            ฉัน ฉันไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ นะ!”
            หล่อนรู้สึกตกอกตกใจไม่น้อย รีบถอยกรูด เมื่อเห็นท่าทางขึงขังเอาจริงเอาจังของคุณนายลิ้นจี่
            มีอะไรหรือครับ?”
            เสียงยามรักษาการณ์หนุ่มร้องถาม พร้อมกับวิ่งเข้ามา
            อีผู้หญิงหน้าด้านคนนี้มันคิดจะมาแย่งผัวอั๊วหญิงสูงอายุยกมือชี้หน้า  อั๊วต้องเอาเรื่องกับมันให้ได้จะบอกให้รู้ไว้ อั๊วนี่แหละเป็นเมียของเสี่ยกำชัย
            “อาซิ้มเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่เคยรู้จักคนชื่อนี้เลย ผู้ถูกกล่าวหารีบปฏิเสธ
            อีตอแหล ไม่ต้องมาโกหก!”
            คุณนายลิ้นจี่ทำท่าจะเงื้อมือตบหน้า
            อย่าแม่….ไม่ใช่คนนี้!” ปื๊ดโผล่พรวดเข้ามาร้องห้ามเสียงหลง รีบคว้ามือของแม่เอาไว้
            หญิงสูงอายุใจวาบ หน้าถอดสี มองหน้าลูกชายแล้วหันไปขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
            ทานโทษๆ  อั๊วเข้าใจผิด ขอโทษด้วยนะคะ!”















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น