วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เตียงนางไม้ ตอนที่ 24

โดย...เจิด จินตนา
๒๔ .  .  .



          ที่หน้าโฉมศรีอพาร์ตเม้นท์ในตอนสายของวันนี้ รู้สึกคึกคักเป็นพิเศษ ด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา สาวใหญ่ผู้เป็นเจ้าของสถานที่กำลังชี้นิ้วสั่งให้ลุงม้วนกับแม่แจ่มสองคนงานช่วยกันจัดวางเครื่องเซ่นใหญ่บนโต๊ะ ซึ่งตั้งอยู่กลางแจ้งมีผ้าขาวปู
            ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของหมอฉุย ซึ่งคอยยืนควบคุมอยู่อย่างใกล้ชิด และมีแตนกับตุ่มยืนดูอยู่ห่าง ๆ ไม่ได้เข้าไปช่วยหยิบจับอะไร เพราะไม่มีความรู้เกี่ยวกับการทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์มาก่อน จึงไม่กล้าเข้าไปยุ่มย่าม
          โอ้โฮทำอะไรกันนี่เจ๊โฉม วันนี้ไม่ใช่วันสาร์ทจีนซักกะหน่อย
            ปื๊ดลงบันไดมาเห็นเข้า อดถามไม่ได้ด้วยความสงสัย
            มันไม่ใช่เรื่องของแก ตาปื๊ด….ถอยไปห่าง ๆ จะไปไหนรีบไปเลย
            สาวใหญ่ไม่เพียงปรามเด็กหนุ่มด้วยสายตาแต่ยังออกปากไล่อีกด้วย
            คุณปื๊ด!”
            เสียงตุ่มร้องทัก พร้อมกับวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางดีใจ
            คุณตุ่มกับคุณแตนมาที่นี่ทำไมกันหรือครับ?”
            “ยัยแตนเขาจ้างหมอผีจะมาจับผี ชวนตุ่มให้ช่วยมาเป็นเพื่อนน่ะค่ะ
            “ฮ้า !” ปื๊ดอุทานออกมาอย่างแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง ผีที่ไหนกันหรือครับ?”
            “อย่าเอ็ดไป นังผีที่อยู่ในห้องของพี่ต้นนั่นยังไง!”
            “อ้าว ! แล้วมาตั้งโต๊ะทำพิธีอะไรกันตรงนี้ล่ะ?”
            “หมอฉุยเขาบอกว่า ผีที่สิงอยู่ในห้องของพี่ต้นเป็นวิญญาณนางไม้มีฤทธิ์แก่กล้า ก่อนที่จะทำพิธีปราบต้องเซ่นไหว้บอกกล่าว ขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทางเสียก่อนเพราะนางไม้เป็นวิญญาณเทพ อาจจะใช้ผีพวกนี้ทำการต่อต้าน
            “คุณตุ่มเชื่ออย่างที่หมอผีคนนี้แกบอก งั้นหรือครับ?”
            “ไม่รู้ซิคะแต่ท่าทางของหมอฉุยแกดูน่าเชื่อถืออยู่เหมือนกัน
            “ผมว่าเป็นเรื่องเหลวไหลเสียมากกว่า เพื่อนคุณอาจจะโดนตุ๋นจนเปื่อยแล้วล่ะนะ…”
            เด็กหนุ่มพูดแล้วทำท่าจะเดินผละจากไป
            อ้าว ! จะไปไหนล่ะคะคุณปื๊ด ไม่อยู่ดูเขาทำพิธีจับผีหรือคะ?”
            “ผมจะออกไปหาซื้ออะไรปากซอยนิดหน่อย เดี๋ยวจะกลับมาดูครับคุณตุ่ม อยากรู้เหมือนกันว่าอีตาหมอผีคนนี้ แกจะเล่นละครเก่งสักขนาดไหน
            เขาบอกกับหล่อนอย่างนั้น แล้วรีบผลุนผันออกประตูรั้วอพาร์ตเม้นท์ไป
            ความจริงปื๊ดรู้สึกตกใจไม่น้อยเหมือนกัน เมื่อรู้ว่าพวกนี้กำลังจะมาหาทางเล่นงานวนา แต่เด็กหนุ่มพยายามปิดบังความรู้สึกอันแท้จริงไม่ให้ตุ่มเห็น ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีหนทางใดดีไปกว่ารีบแจ้งข่าวให้ต้นรู้ แต่การที่จะใช้โทรศัพท์ในสำนักงาน กลัวว่าทุกคนจะจับผิดได้ จึงต้องแกล้งทำทีว่าออกไปซื้อของแล้วค่อยหาโทรศัพท์สาธารณะโทร.ไปบอกต้น
                        **********
            “พี่ต้นเหรอพี่ผมปื๊ดนะครับ พี่รีบกลับมาที่ห้องพักเดี๋ยวนี้เลยได้ไหมครับ?”
            “อ้าว ! ทำไมหรือปื๊ด?”
            ชายหนุ่มกำลังง่วนอยู่กับกองเอกสารบนโต๊ะ รู้สึกงุนงงยิ่งนัก ในน้ำเสียงอันแสดงความร้อนรนของปื๊ดที่โทรศัพท์มาหา      
            คุณแตนเธอไปว่าจ้างหมอผี ให้มาจัดการกับคุณวนา พวกเขากำลังทำพิธีกันอยู่ พี่ต้นต้องรีบกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะครับ
            “อะไรกันปื๊ดแน่ใจหรือ?” ต้นยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไรนัก
            แน่ใจซิครับพี่ต้น….คุณตุ่มเป็นคนบอกกับผมอย่างงั้น ท่าทางหมอผีคนนี้ดูเหมือนจะมีวิชาอาคมพอตัวเสียด้วยครับ…”
            “งั้นปื๊ดคอยจับตาเอาไว้ก่อนนะ พี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
            จิตใจของชายหนุ่มเริ่มรู้สึกว้าวุ่น ด้วยความเป็นห่วงนางไม้สาว ถ้าทุกอย่างเป็นตามที่ปื๊ดบอก แสดงว่าเวลานี้หล่อนกำลังตกอยู่ในระหว่างอันตรายร้ายแรง
            ถึงวนาจะเป็นแค่เพียงวิญญาณ แต่ต้นกลับมีความรู้สึกเหมือนกับว่าหล่อนเป็นหญิงสาวที่น่าสงสารคนหนึ่ง ซึ่งกำลังจะถูกคนมารังแก และแน่นอนเขาจะต้องรีบหาทางขัดขวางเพื่อช่วยเหลือหล่อนให้ได้
            ชายหนุ่มเก็บเอกสารต่าง ๆ บนโต๊ะทำงานด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน ทำให้นุชอดที่จะเข้ามาถามอย่างสงสัยไม่ได้
            จะรีบไปไหนหรือพี่ต้น?”
            “ธุระนิดหน่อยเรื่องหมอผี
            “อ้าว…! นี่พี่ต้นนึกยังไงถึงจะไปยุ่งเกี่ยวกับหมอผี….หรือว่าพี่ต้นจะไปชวนประกันชีวิต
            ปะเปล่าไม่ใช่หรอกนะนุช หมอผีน่ะซี่ที่กำลังจะมายุ่งเกี่ยวกับผมอยู่ดี ๆ ไม่ว่าดี คิดจะมาหาเรื่องกับผมมันจึงต้องเจอดีกันหน่อยล่ะ….”
            “โอ้โฮไม่ยักรู้นะเนี่ยว่าพี่ต้นเก่งเรื่องวิชาอาคม ถึงขนาดจะไปสู้กับหมอผี!”
            ขี้เกียจเสียเวลาอธิบาย ต้นเก็บข้าวของบนโต๊ะเสร็จพอดี
            ถ้ามีใครติดต่อมา ช่วยบอกผมด้วยนะว่าผมไปธุระข้างนอก…”
            พูดแล้วรีบจ้ำอ้าวออกไปจากห้องทำงานทันที
                        **********
            เมื่อปื๊ดกลับมาที่อพาร์ตเม้นท์อีกครั้งหนึ่ง หมอฉุยกำลังจุดธูป เริ่มต้นทำพิธีอาราธนาพระคาถามงคลจักรวาลทั้งแปดทิศอยู่
            อิมัสสะมิงมงคลจักรวาลทั้งแปดทิศ ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่วอนัตตา ราชะ เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ พุทธะชาละปะริกเขตเตรักขันตุ สุรักขัยตุฯ
            ทุกคนในที่นั้นต่างนั่งพนมมือนิ่งเงียบ ดูท่าทางโฉมศรีจะมีความเลื่อมใสมากกว่าคนอื่น สำหรับปื๊ดแล้วเขาเห็นเป็นเรื่องน่าตลกเสียมากกว่า
            พิธีกรรมผ่านไปอย่างเชื่องช้ายืดยาดอืดอาย ดูจนน่าเบื่อ ในที่สุดหมอฉุยจึงทำพิธีเสร็จสรรพครบถ้วนกระบวนการ ดับเทียนในขันน้ำมนต์ใบใหญ่ แล้วถือใบนั้นลุกขึ้นยืน
            เอาล่ะ…..ได้เวลาที่จะไปขับไล่ผีร้ายให้ออกจากห้องนั้นแล้ว….”
            “เชิญทางนี้เลยจ้ะหมอ….”
            โฉมศรีลุกขึ้น เดินนำหน้าหมอฉุยไปที่บันไดอพาร์ตเม้นท์ แตนเดินตามหลังไปติด ๆ หญิงสาวชักเริ่มมีความมั่นใจว่าหมอฉุยจะต้องทำงานครั้งนี้ได้สำเร็จแน่
            ไปด้วยกันซิคะคุณปื๊ด!”
            เห็นเด็กหนุ่มยืนดูอยู่ ตุ่มจึงเดินเข้ามาชวน
            ไม่ล่ะครับผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องผีๆสางๆ เชิญคุณตุ่มตามสบายเถอะ!”
            “ไม่เป็นไรหรอกน่าหมอฉุยอยู่ทั้งคน คุณปื๊ดจะไปกลัวอะไร?”
            “แต่ว่าพี่ต้นไม่อยู่  ถือวิสาสะเข้าไปในห้องของเขาอย่างนั้น ไม่กลัวพี่ต้นจะโกรธเอาหรือครับ?”
            “ยัยแตนเขาคงจะพูดกับพี่ต้นรู้เรื่อง ทุกอย่างที่เราทำนี่ เพื่อพี่ต้นหรอกนะ!”
            “ได้ครับคุณตุ่ม!”
            ความจริงปื๊ดอยากจะรอให้ต้นมาถึงเสียก่อนแล้วค่อยขึ้นไปด้วยกัน แต่ไม่รู้ชายหนุ่มมัวไปทำอะไรอยู่ จึงยังไม่เห็นโผล่หน้ามาเสียที ด้วยความเป็นห่วงวนา เด็กหนุ่มจึงจำต้องรับปากเดินไปกับตุ่ม
            ถ้าหมอฉุยเป็นหมอผีที่มีความสามารถจริง ๆ ปื๊ดยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยวนาได้อย่างไร คงต้องปล่อยให้วิญญาณของหล่อน ถูกหมอฉุยจับเอาไปถ่วงน้ำเหมือนอย่างที่ดูในหนัง
            เด็กหนุ่มได้แต่ภาวนาในใจ ขอให้ต้นมาขัดขวางพิธีกรรมครั้งนี้ได้ทันเวลาเท่านั้นเอง
            โฉมศรีเดินนำหน้าหมอฉุย ซึ่งนุ่งขาวเหมือนผู้เคร่งศีล มาถึงห้องพักของต้นแล้ว หล่อนกำลังใช้ลูกกุญแจสำรองไขประตูห้องอยู่ หมอฉุยถือขันน้ำมนต์ยืนนิ่งในท่าสำรวมผิดกับแตน ซึ่งมีอาการตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
            ปื๊ดกับตุ่มรีบเข้าไปสมทบ ยืนมองดูลูกบิดประตูที่ถูกคลายล็อคเปิดออกอย่างใจจดใจจ่อ วินาทีอันน่าตื่นเต้นกำลังจะมาถึงแล้ว
            สายตาทุกคู่ ต่างพากันจ้องมองเข้าไปในห้องเมื่อบานประตูถูกผลักเปิดออก แล้วสิ่งที่ทุกคนได้เห็นคือร่างขอวนากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่เตียงไม้สัก
            ทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง ทำไมไม่เคาะประตูก่อน?”
            น้ำเสียงที่ร้องทักมา แสดงทีท่าไม่พอใจ
            ฉันเป็นเจ้าของที่นี่ มีสิทธิ์ที่จะเข้าห้องไหนก็ได้…” สาวใหญ่ร้องตอบกลับไปอย่างวางอำนาจ
            คุณต้นไม่อยู่พวกคุณเข้ามาในห้องนี้ทำไมกัน?”
            “ข้าจะมาไล่เจ้าให้ออกไปจากห้องนี้น่ะซิ นังผีร้าย…”
            หมอฉุยบอกพร้อมกับจนขยับก้าวเข้ามาในห้อง ถือขันน้ำมนต์เตรียมพร้อม
            ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาไล่ฉันออกไปจากห้องนี้ ยกเว้นคุณต้นเพียงคนเดียวเท่านั้น!”
            ดูท่าทางนางไม้สาวจะไม่มีอาการสะทกสะท้านแต่อย่างใด คล้ายกับว่าหล่อนจะรู้ตัวล่วงหน้าอยู่แล้ว และเตรียมตัวที่จะรับมืออย่างเต็มที่ ปื๊ดมองดูแว้บเดียวก็รู้
            นังผีหน้าด้านแกจะต้องไปให้พ้นจากที่นี่เดี๋ยวนี้!” แตนตวาดอย่างฉุนเฉียว รีบลงมือเลยซิคะหมอ!”
            สายตาของวนาที่จ้องมองดูแตนมีประกายฉุนเฉียวขึ้นมาแว้บหนึ่ง แล้วกลับสงบราบเรียบวางท่านิ่งเฉยคล้ายกับไม่ประสงค์ที่จะตอบโต้ด้วย
            หมอฉุยสืบเท้าก้าวเข้าไปหานางไม้สาว หยิบกำหญ้าแพรกจุ่มน้ำมนต์ในขัน แล้วสะบัดประพรมไปที่ร่างของหล่อน
            จงไปเสีย….ไปให้พ้นจากที่นี่!”
            วนาไม่มีอาการสะดุ้งสะเทือนแต่อย่างไรเลย ยังคงนั่งนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่รำคาญหยดน้ำที่บังเอิญสะบัดมาโดนหน้าโดนตาเข้าเท่านั้นเอง
            ทำอะไรกันนี่….มันไม่ตลกเลยนะคุณ!”
            หล่อนยกมือป้ายหยดน้ำบนใบหน้า คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างขุ่นเคืองใจ ทำเอาหมอฉุยถึงกับสะดุ้งนึกไม่ถึงว่าจะมาเจอเอาวิญญาณที่มีพลังอำนาจแข็งกล้าเข้าเช่นนี้
            ถ้าเป็นวิญญาณของภูตผีปีศาจโดยทั่วไป เพียงแค่โดนน้ำมนต์ปลุกเสกในขันนี้ เป็นต้องร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวดกันไปแล้ว ไม่มีผีตนไหนสามารถทนอยู่ได้หรอก
            แสดงว่าสิ่งที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่นี้ ย่อมไม่ใช่ผีสางนางไม้ธรรมดาแน่
            เจ้าเป็นใคร….จงรีบบอกข้ามานะ!”
            “ฉันชื่อวนาอยากรู้ไปทำไม?”
            “หน็อยแน่ะ ! ยังจะมาทำพูดเล่นลิ้นกับข้าอีกหมอฉุยชักจะมีอารมณ์ฉุน ฮึ่ม !  ดีล่ะเดี๋ยวเราเป็นต้องเห็นดีกัน….!”
            หมอผีผู้คงแก่เรียนรู้ดีว่า น้ำมนต์ไม่สามารถทำอะไรนางไม้ตนนี้ได้แน่ จึงวางขันไว้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วล้วงมือไปในย่าม หยิบข้าสารขึ้นมากำมือหนึ่งยกขึ้นจรดว่าคาถาพรึมพำเบา ๆ ก่อนที่จะซัดไปยังร่างนางไม้สาว
            แต่ทว่าทุกคนที่ยืนมุงดูอยู่ตรงหน้าประตูห้อง ต่างต้องพบกันความแปลกใจอีกครั้งหนึ่ง ที่ไม่เห็นวนามีท่าทางสะดุ้งสะเทือนอะไรเลย
            บ้าจริงเชียวเล่นอะไรกันนี่เลอะเทอะสกปรกหมด!”
            วนารีบใช้มืดปัดเมล็ดข้าวสารที่เกาะอยู่ตามเส้นผมและเสื้อผ้า มองดูหมอฉุยนัยน์ตาขวาง นี่คุณคิดจะทำอะไร….ออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้นะ!”
            หมอฉุยถึงกับนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ ขนาดข้าวสารเสกยังเอาไม่อยู่ เห็นทีจะต้องใช้วิธีการขั้นรุนแรงกันเสียแล้ว ล้วงหยิบมีดหมอลงอาคมขึ้นมาถือกระชับเอาไว้ในมือ
            จะยอมไปโดยดีหรือว่าต้องให้ใช้วิธีบังคับกันนังผีร้าย?”
            “อย่านะจะทำบ้า ๆ แบบนี้กับฉันไม่ได้นะ!”
            วนาชักจะเหลืออดเต็มทน ตลอดเวลาหน่อยทนให้หมอผีคนนั้นแสดงอิทธิฤทธิ์ โดยที่ไม่ได้คิดจะตอบโต้แต่อย่างไร แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่ยอมลดราวาศอกคงมุ่งแต่จะประทุษร้ายต่อหล่อนท่าเดียว ความอดทนจึงถึงที่สุด
            นางไม้สาวเริ่มนั่งตั้งสมาธิ ถ้าหมอฉุยลงมือเล่นงานหล่อนด้วยมีดหมอเมื่อไหร่ จะตอบโต้กลับไปให้สาสมในทันที
            มีดอาคมถูกยกขึ้นจรด แล้วหมอฉุยก็เงื้อมีดเล่มนั้น หมายจ้วงฟันลงไปยังร่างของวนา
            หยุดนะ!”
            เสียงร้องตวาดดังมาจากหน้าประตูห้อง ทุกคนต่างพากันหันไปมอง เห็นต้นวิ่งพรวดพราดหน้าตาตื่นเข้ามา
            นี่คุณคิดจะทำอะไรกันเนี่ย?”
            หมอผีชะงัก เงื้อง่ามีดค้างด้วยท่าทีงุนงงสับสนเมื่อถูกขัดจังหวะ โอกาสทองจึงเป็นของวนา หล่อนลุกพรวดพราดออกจากเตียง โดดผลุงเข้ากอดเอวของต้นไว้
            ช่วยด้วยค่ะคุณต้น….พวกเขาหาว่าเป็นผี จะมาจับวนากัน….ช่วยวนาด้วย!”
            บอกพร้อมกับขยิบตาให้กับชายหนุ่ม เพียงแค่นี้เขาจึงพอจะอ่านเกมออกนางไม้สาวออก คงไม่อยากให้เหตุการณ์มันบานปลายไปกว่านี้ และนี่เป็นหนทางเดียวที่เขาจะช่วยยุติศึกได้ ชายหนุ่มรีบสวมรอยเล่นบทตามหล่อนนทันที
            จะบ้าหรือไงคนชัด ๆ หาว่าเป็นผีไปได้
            “ถอยออกมาดีกว่าพี่ต้น นังนั่นเป็นผีจริง ๆ พวกเราจะช่วยพี่ต้นนะ
            เห็นคนรักเออออกับศัตรู แตนรีบท้วงติงด้วยติดจะเตือนสติ นึกว่าชายหนุ่มกำลังสำคัญผิด
            ผีเผอที่ไหนกัน เธอเป็นคนนะคุณแตนนี่ไง!”
            ว่าแล้วต้นก็โอบกอดนางไม้สาวให้แตนดู เพื่อเป็นการยืนยันว่าหล่อนมีตัวตน
            หมายความว่ายังไงกันพี่ต้น?”
            “หมายความว่าคุณวนาเป็นแฟนของผมน่ะซิถามได้!”
            “ว้าย ! ต๊ายตาย…” แตนกระทืบเท้าเร่า ๆ อารมณ์พลุงพล่านด้วยลมเพชรหึง นี่นี่พี่ต้นถึงกับกล้ายอมรับต่อหน้าแตนว่าอีนังปีศาจนี่ มันเป็นแฟนของพี่ต้นอย่างงั้นเหรอ?”
            “แล้วทำไมล่ะก็เรารักกันนี่นา
            ชายหนุ่มตีหน้าตาย แกล้งโอบกอดวนากระชับขึ้น
            พี่ต้นถูกมันครอบงำจนสติเลอะเลือนไปแล้วเร็วเข้าหมอ รีบจัดการกับนังผีนั่นให้ได้เดี๋ยวนี้เลย!”
            “อย่านะคุณวนาเธอไม่ใช่ผีถ้าใครขืนทำร้ายเธอผมจะแจ้งข้อหาบุกรุกทำร้ายร่างกายทันทีไม่เชื่อลองดู!”
            คำประกาศและท่าทางขึงขังเอาจริงเอาจังของต้นทำให้หมอฉุยเงอะงะไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรลงไป ลำพังผีสางนางไม้ยังพอสู้ได้ แต่กับชายหนุ่มที่อ่อนวัย ล่ำสันแข็งแรงกว่านี่ซิมันเป็นปัญหาหนัก ประเหมาะเคราะห์ร้ายยังต้องเจอข้อหาบุกรุกทำร้ายร่างกายอีกด้วย
            “แต่ว่าผู้หญิงคนนั้นเธอไม่ใช่คนนะคุณต้น!”
            โฉมศรีพยายามจะช่วยพูด หวังจะให้สถานการณ์คลี่คลายลงไปในทางที่ดี แล้วหมอฉุยจะได้จัดการขับไล่ผีร้ายตอนนี้ให้พ้น ๆ ไปเสียที
            คุณโฉมศรีรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ใช่คน เธอมีเนื้หนังมังสายืนอยู่นี่เห็นกันชัด ๆ กลับออกไปเสียเถอะครับกรุณาอย่ามารบกวนเราเลย
            “ไปกันเถอะยัยแตน….พวกเราอาจจะเข้าใจผิดกัน
            ตุ่มกลัวเรื่องมันจะลุกลามใหญ่โตกระตุกเพื่อนสาวเตือนให้ถอนตัวกลับ
            ไปก็ได้แต่แตนยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอกนะคอยดู ! !”
            หล่อนสะบัดหน้าพรืด แล้วก้าวฉับๆออกไปจากห้อง ทำให้คนอื่น ๆ ต้องพลอยเดินถามกันออกไป ปื๊ดหันมายิ้มให้กับต้นและวนา ก่อนที่จะถอยหลังออกไปแล้วปิดประตูให้
            เด็กหนุ่มรู้สึกดีใจที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
            พอทุกคนไปกันหมดแล้ว ชายหนุ่มจึงคลายแขนที่โอบกอดนางไม้สาวแล้วมองสบตา
            คุณวนาคงจะไม่โกรธผมนะครับ ที่อ้างกับพวกเขาไปแบบนั้น
            “ไม่หรอกค่ะ…” หล่อนยิ้มเอียงอายหน้าแดง วนาต้องขอบคุณคุณต้นเสียอีกที่มาช่วยกู้สถานการณ์เอาไว้ได้ทันพอดี…”
            “ปื๊ดเป็นคนโทร.ไปบอกผมน่ะครับ พอรู้เรื่องผมรีบจับแท็กซี่บึ่งมาทันที!”
            “คุณปื๊ดก็อีกคน ช่างดีต่อวนาเสียเหลือเกินวนารู้สึกดีใจที่มีเพื่อนอย่างคุณต้น และคุณปื๊ด!”
            “คุณวนาเป็นนางไม้ที่น่ารักออกอย่างนี้ แล้วใครล่ะจะใจจืดใจดำปล่อยให้หมอผีจับคุณไปถ่วงน้ำได้!”
            “ทำพูดดีไประวังเถอะหนนี้ดูท่าทางคุณแตนจะโกรธคุณเอามาก ๆ เสียด้วย
            ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ แก้เขินแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย
            ว่าแต่หมอผีคนนั้นทำอะไรคุณบ้างหรือเปล่า?”
            “ทุกรูปแบบเลยค่ะ ตั้งแต่ประพรมน้ำมนต์ ซัดด้วยข้าวสารเสก จนถึงกับจะเล่นงานด้วยมีดหมอ แต่ดีที่คุณต้นเข้ามาห้ามเอาไว้เสียก่อน
            “แล้วคุณวนาไม่รู้สึกอะไรบ้างหรอกหรือครับ?”
            “เฉย ๆ ค่ะ….ท่าทางหมอผีคนนี้จะมีวิชาพอตัวเหมือนกัน แต่อำนาจบุญบารมียังมีไม่ถึง ไม่สามารถทำอะไรวนาได้หรอกค่ะ”
            “อย่าเพิ่งมั่นใจไปนักเลย ผมเชื่อว่าเรื่องราวมันจะยังไม่ยุติลงแค่นี้หรอกนะครับ….”
            “วนาเป็นถึงเทพที่เพียรประกอบแต่คุณงามความดีช่วยเหลือมนุษย์มาช้านาน จึงพอมีฤทธิ์อยู่บ้าง แค่หมอผีชั้นปลายแถว วนาไม่เคยนึกวิตกหรอกนะคะ”
            หล่อนบอกอย่างมีความมั่นใจเต็มที่












วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เตียงนางไม้ ตอนที่ 23

โดย...เจิด จินตนา  
23. . .



          ภาพที่เขาเห็นเป็นแสงสว่างจ้า จนพร่าตาไปหมด  ต้นรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยอยู่ท่ามกลางแสงสว่างอันไร้ขอบเขต แล้วแสงนั่นกลับพลันหายไป  ภาพที่ปรากฏต่อมาคือห้องพักของเขานั่นเอง
            ชายหนุ่มรู้สึกอัศจรรย์ใจ ในการเดินทางจากสถานที่หนี่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งของเตียงนางไม้นี้ยิ่งนัก จนถึงกับนั่งตะลึงไปครู่ใหญ่ก่อนที่จะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
            ดูเหมือนผมจะได้ยินเสียงปื๊ดเรียกเขาบอกกับนางไม้สาว ที่ยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง แล้วหันมองไปรอบห้อง นั่นยังไงประตูเปิดอยู่ ปื้ดต้องเข้ามาในห้องนี้แน่ !”
          วนาก้าวลงจากเตียงเดินดูรอบ ๆ ห้อง
            ไม่เห็นมีนี่คะคุณต้นอาจจะหูฝาดไปล่ะมั้ง?”
            “ไม่ใช่นะครับคุณวนา รู้สึกว่าผมจะได้ยินเสียงเรียกดังแว่วมาจากที่ไกล ๆ แล้วตอนที่เข้ามาในห้อง ผมเป็นคนปิดประตูกับมือเอง
            “หรือว่าคุณปื๊ดจะเข้ามาตอนที่เราไม่ได้อยู่ในห้องนี้?” นางไม้สาวชักจะไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน  ถ้าอย่างนั้นคุณปื๊ดคงต้องติดอยู่ในป่าสักนั่นแน่ เรากลับไปดูดีมั้ยคะ
            “ผมจะลองไปดูที่ห้องของปื๊ดก่อน
            ชายหนุ่มรีบพรวดพราดออกจากห้องไป
                        **********
            ความมืดโรยตัวเข้ามา ทัศนีย์ภาพของป่าอันงดงามเมื่อยามที่มีแสงอาทิตย์สาดส่อง กลับแปรเปลี่ยนเป็นอ้างว้างและน่ากลัว รอบตัวของปื๊ดเกือบจะมืดสนิท มีเพียงแสงสลัวของดวงดาวระยิบระยับบนฟากฟ้าเท่านั้นที่ทำให้พอเห็นอะไรได้เลือนราง
            เด็กหนุ่มกำลังมุ่งหน้ากลับสู้ดงสักบนเนินเขา ซึ่งจำได้ว่าเป็นจุดที่เตียงตั้งอยู่ เมื่อเขาเหยียบย่างเข้ามาในห้องของต้น แล้วเห็นภาพห้องของชายหนุ่มกลายมาเป็นป่าแบบนี้
            ในดงต้นสักมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีเตียงปรากฏให้เห็นอยู่อีกแล้ว เด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์เดินหาไปรอบ ๆแล้วเริ่มรู้สึกใจหายวาบ
            ประตูห้องของต้นไม่มีให้เห็น นี่หมายความว่าเขาจะต้องหลงอยู่ในป่าแห่งนี้เสียแล้วหรือ
            พี่ต้น….พี่ต้นครับ!”
            ลองเรียกดูอีกครั้ง ไม่มีเสียงตอบกลับมาแต่อย่างใด แสดงว่าไม่มีใครอยู่แล้วจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นเขาจะกลับได้อย่างไงกันล่ะ
            ป่าแห่งนี้เป็นที่ไหนก็ไม่รู้เสียด้วยซิ…          
            นึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่น่าเซ่อซ่าเดินเข้ามาหาเรื่องเลย เพราะได้ความอยากรู้อยากเห็นนี่ทีเดียว ถึงทำให้ต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้
            ต้นกับวนาจะรู้หรือเปล่านะ ว่าเขาแอบตามเข้ามาถ้าเกิดไม่มีใครรู้ล่ะ เขามิต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดไปเลยหรือ
            นึกแล้วชักขนลุกซู่ขึ้นมาทันที ความกลัวเริ่มจู่โจมเข้าจับขั้วหัวใจ การที่ต้องอยู่ในป่าคนเดียวมืด ๆ อย่างนี้อันตรายย่อมมีอยู่รอบด้าน หากไปเจอเอาสัตว์ร้ายเข้ามีหวังต้องกลายเป็นเหยื่อของมันอย่างแน่นอน
            คนอ้วน ๆ อย่างเขาเป็นอาหารอันโอชะของพวกมันเสียด้วยซิ
            เด็กหนุ่มตัดสินใจ ยังไงขอไปตายเอาดาบหน้า จะมามัวงอมืองอเท้าอยู่ไม่ได้ อาจจะมีหมู่บ้านอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ต้องลองเดินเดาสุ่มไปค้นหาดู แล้วขอความช่วยเหลือจากพวกเขา
            ปื๊ดเดินลงจากเนินเขาอีกครั้ง ย่ำผ่านเข้าไปในทุ่งกาสะลอง ซึ่งในยามนี้ความมืดบดบังความสวยงามของดอกไม้สีเหลืองเหล่านี้ลงจนหมดสิ้น และเขาไม่มีกะจิตกะใจที่จะมาชื่นชมกับความงามของมันด้วยเช่นเดียวกัน
            คิดอยู่อย่างเดียว ต้องหาทางเอาตัวรอด สองขาพาก้าวเดินมาจนถึงริมลำธาร ก้มลงวักน้ำขึ้นลูบหน้าลูบตาให้พอรู้สึกหายเหนื่อย จากการที่ต้องปีนขึ้นปีนลงบนเนินเขาแห่งนี้
            น้ำในลำธารเย็นเฉียบ ช่วยให้ปื๊ดสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้น เขานั่งลงบนโขดหินแล้วยกชายเสื้อขึ้นซับหยดน้ำบนใบหน้า มองดูสายน้ำที่รืนไหลเอื่อย ๆสะท้อนกับแสงดาวเป็นประกายระยิบระยับ
            ถ้าเดินลัดเลาะไปตามลำธารเรื่อย ๆ ไม่ช้าคงจะพบหมู่บ้านที่มีผู้คนอาศัยอยู่แน่ เด็กหนุ่มคิดทำท่าจะลุกขึ้นเดินต่อไป
            ทันใดนั้น….เขาต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ป่า ดังก้องมาจากดงไม้เบื้องหน้า เสียงนั้นฟังดูน่ากลัวเหลือเกิน ต้องเป็นสัตว์ใหญ่ที่ดุร้ายอย่างแน่นอน ปื๊ดถึงกับเข่าอ่อนไม่มีเรี่ยวแรงจะก้าวเดินต่อไป ต้องยืนค้างคาตาเหลือกโพลนอยู่อย่างนั้น
            เสียงกิ่งไม้หักโผงผาง และเสียงฝีเท้าดังสวบสาบใกล้เข้ามา เด็กหนุ่มจ้องเขม็งไปที่พุ่มไม้ แล้วเขาจึงได้เห็นหมีควายตัวขนาดมหึมา กำลังแหวกพุ่มไม้ออกมาเผชิญหน้ากับเขา
            มันลุกขึ้นยืนตัวสองขา ร้องขู่คำรามอย่างดุร้ายเมื่อเห็นมนุษย์อยู่ตรงหน้า ลำตัวของมันสูงเกือบ ๆสองเมตรเห็นจะได้ ขนยาวดำมะเมื่อม อ้าปากเห็นเขี้ยวแหลมคมน่ากลัว
            เหวอ….ช่วยด้วย!” ช่วยด้วย!”
            ปื๊ดร้องเสียงหลง รีบหันหลังโกยอ้าวเต็มเหยียดด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดขีด
            ไม่รู้เหมือนกันว่า เจ้าหมีควายตัวนี้มันมีความโกรธแค้นอะไรกันนักกันหนา พอเห็นปื๊ดออกวิ่ง มันรีบกระโจนพรวดไล่กวดตามไปทันที พร้อมกับร้องคำรามเพื่อเป็นการข่มขวัญ ผู้ที่มันคิดว่าเป็นศัตรู
            เด็กหนุ่มหันกลับมามอง เห็นหมีควายตัวใหญ่วิ่งไล่ตามมาด้วยท่าทางประสงค์ร้าย ยิ่งทำให้รู้สึกใจฝ่อลนลานหลับหูหลับตาวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
            ช่วยด้วย….ช่วยด้วย ! !”
            ช่างโชคร้ายอะไรเช่นนั้น เท้าของปื๊ดบังเอิญไปสะดุดเอารากไม้เข้าอย่างจัง จนล้มกลิ้งลงไปบนดงกาสะลองอย่างไม่เป็นท่า
            เด็กหนุ่มพยายามตะเกียกตะกายจะลุกขึ้น แต่ช้าเกินไปเสียแล้ว เจ้าหมีควายกระโจนพรวดเข้ามายืนคร่อมร่างของเขาเอาไว้ มันเงื้ออุ้งเท้าหน้าขึ้น กางเล็บอันแหลมคมหมายจะตะปบร่างของเหยื่อให้แหลกเป็นชิ้น ๆ
            ปื๊ดตาเหลือกถลน สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ในตอนนี้คือ นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้ว ทว่า….
            หยุดนะ!”
            เสียงใส ๆ ร้องตวาดดังมา ทำให้เจ้าสัตว์ร้ายชะงักพรืด หันมองไปยังที่มาของเสียงนั้น
            ร่างของวนากำลังลอยละลิ่วมาเหนือยอดไม้ ชุดกระโปรงยาวสีชมพูที่สวมใส่อยู่ ดูคล้ายจะเรืองแสงตัดกับความมืด ทำให้แลเห็นแต่ไกล
            ช่วยผมด้วยคุณวนา!”
            ปื๊ดรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ รีบร้องบอกอย่างดีใจ
            นางไม้สาวทิ้งตัวลงยืนบนพื้นดิน ไม่ห่างจากปื๊ดและเจ้าหมีควายมากนัก จ้องหาสัตว์ร้ายด้วยสายตาแสดงความไม่พอใจ
            ทำไมถึงทำแบบนี้เขาไม่ใช่ศัตรูของเจ้า รีบกลับไปเสีย
            หล่อนออกคำสั่งน้ำเสียงเฉียบขาด เจ้าหมีควายตัวใหญ่ท่าทางเชื่องลงในทันที มันมองหน้าผู้ที่ออกคำสั่งนิดหนึ่ง แล้วหันหลังกลับเดินผละจากปื๊ดไปด้วยอาการอันสงบอย่างว่าง่ายจนเหลือเชื่อ
            เด็กหนุ่มถอนหายใจยาวอย่างรู้สึกโล่งอก รีบลุกขึ้นปัดฝุ่นที่เกาะอยู่ตามเนื้อตามตัว
            ขอบคุณครับคุณวนา….ถ้าคุณมาช่วยผมไม่ทันผมมีหวังถูกฉีกเนื้อเป็นชิ้น ๆ แน่
            “ความจริงแล้ว หมีควายไม่ใช่สัตว์ดุร้ายอะไรนักหรอกนะ
            “อ้าว ! แล้วทำไมมันถึงตามเล่นงามผม เหมือนกับจะเอาเป็นเอาตายอย่างงั้นล่ะครับ คุณวนา?
            “หมีควายตัวนี้ลูกเมียของมันถูกพวกพรานฆ่าตายเมื่อหลายปีก่อน พอเจอคนมันจะเข้าทำร้าย เพราะคิดว่าเป็นพวกที่ฆ่าลูกเมียของมันตาย
            “อ๋อ อย่างงี้นี่เอง มันถึงได้ดุนัก พอเห็นผมมันรีบปรี่เข้าใส่โดยไม่พูดพล่ามทำเพลงเลย
            “สัตว์พวกนี้น่าสงสารมาก มันใกล้จะสูญพันธุ์ลงทุกทีแล้ว เพราะถูกล่าไปเป็นอาหารของมนุษย์ที่ชอบกินอะไรพิสดาร ไม่ช้าคงต้องหมดไปจากป่าอย่างแน่นอน
            “ผมไม่เคยกินดีหมีอุ้งตีนหมี แต่เกือบตายแล้วเพราะมัน อยากจะให้พวกที่ชอบกินมาเจออย่างผมบ้างจะได้เข็ดเสียทีปื๊ดพูดเหมือนรู้สึกเดือดดาลแทนหมีถูกฆ่า ทั้ง ๆ ที่เพิ่งถูกมันไล่ทำร้ายมาอยู่หยก ๆ เอ้อ คุณวนาทำไมรู้ว่าผมอยู่ที่นี่ล่ะครับ?”
            “คุณต้นได้ยินเสียงคุณเรียก ในขณะที่เรากำลังจะเดินทางกลับกัน เขาออกไปดูที่ห้องไม่เห็นคุณ แต่เห็นรถของคุณจอดอยู่ เชื่อว่าคุณต้องมาที่นี่แน่ เราจึงมาตาม
            “แล้วพี่ต้นล่ะครับ?”
            “รออยู่ที่ดงต้นสัก เรารีบกลับกันเถอะ เดี๋ยวคุณต้นจะเป็นห่วง
            “ดีเหมือนกันครับ ผมอยากไปจากที่นี่เร็ว ๆ เต็มทนแล้ว
            นางไม้สาวยิ้มแล้วเดินนำหน้าเด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์ตรงไปยังดงต้นสักทองซึ่งแลเห็นอยู่บนเนินเขาไม่ไกลนัก
            ต้นยืนรออยู่ที่ข้างเตียงใต้ต้นสัก พอเห็นปื๊ดเข้าเท่านั้น รู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูก
            เฮ้ ! พี่ต้น นึกว่าจะไม่ได้มาเห็นหน้ากันอีกแล้วนะเนี่ย
            “ก็นึกอยู่เหมือนกันว่า ปื๊ดจะต้องแอบดอดมาที่นี่ไปเจออะไรมาล่ะ หน้าตาดูซีดเซียวเหมือนโดนผีหลอกอย่างงั้นแหละ อย่าบอกนะว่าโดนผีสางนางไม้ตนนี้หลอกเอาต้นแกล้งกระเซ้า
            ใครว่าล่ะ….นางไม้ตนนี้ไปช่วยต่างหากวนาบอกแล้วค้อนต้นเสียหนึ่งวง
            ผมถูกหมีไล่ทำร้ายที่ริมลำธาร โชคดีที่คุณวนาไปช่วยห้ามมัน ไม่งั้นป่านนี้มันคงได้กินอุ้งตีนผมเป็นการแก้แค้นแล้วปื๊ดยังรู้สึกเสียวสันหลังไม่หาย “เข็ดจริงๆ ให้ดิ้นตาย ทีหลังผมไม่กล้าทะเล่อทะล่าเข้าไปในห้องของพี่ต้นอีกแล้ว ไม่นึกว่าจะต้องมาเจอแบบนี้
            “จะยืนคุยกันอีกนานมั้ยคะเนี่ย วนาจะได้ขอกลับก่อนนางไม้สาวแกล้งถามประชด
            อ้าว ! ได้ไง?”
            ทั้งต้นและปื๊ดร้องอุทานออกมาเกือบพร้อมกัน
            อย่าพูดให้ใจเสียหน่อยน่าคุณวนา….ถ้าไม่มีคุณแล้วเราจะกลับกันได้ยังไง?” เด็กหนุ่มมองหน้านางไม้สาวพูดเสียงอ่อย
            ต้นดึงแขนปื๊ดมานั่งบนเตียง
            หลับตาลงเสียปื๊ด แล้วไม่ต้องพูดอะไรอีก ก่อนที่คุณวนาเธอจะเปลี่ยนใจไม่ยอมพาพวกเรากลับไป
            ปื๊ดรีบทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เขานั่งหลับตาไม่กล้ากระดิกกระเดี้ย แทบจะกลั้นหายใจเอาเสียด้วยซ้ำไปจนกระทั่งได้ยินเสียงวนาร้องบอก
            ลืมตาได้แล้วค่ะ
            สิ่งแรกที่ปื๊ดเห็น คือโต๊ะเก้าอี้ในห้องของต้นเขารู้สึกดีใจที่ได้เห็นทุกอย่างกลับมาอยู่ในสภาพเดิม ไม่ใช่กลางป่าอันน่ากลัวแบบนั้นอีกต่อไป เขารีบลุกขึ้นแล้วหันมายกมือไหว้นางไม้สาว ด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความเคารพนบนอบ
            ขอบพระคุณมากครับ ที่ช่วยผมกลับมาอย่างปลอดภัยขอบคุณจริง ๆ
            “ไม่เป็นไรหรอกนะปื๊ด ถ้าอยากจะไปเที่ยวอีกบอกนะ
            “เห็นจะไม่หรอกครับ แค่นี้ผมก็เข็ดจนตายแล้ว
            ต้นลุกจากเตียงเดินมาตบไหล่เด็กหนุ่มเบา ๆ
            ทำใจให้สบายปื๊ด นึกเสียว่าเป็นการผจญภัยที่ไม่คาดฝันมาก่อน ทีหลังถ้าเห็นห้องนี้มีอะไรผิดปกติก็อย่าได้คิดอย่าเหยียบย่างเข้ามาอีกเป็นอันขาดนะ
            “ครับพี่ต้น
            “ว่าแต่ปื๊ดเข้ามาหาพี่ทำไมหรือ
            “คือผมมีเรื่องอยากจะขอคำปรึกษากับพี่ต้นน่ะครับ
            ต้นพยักหน้า จูงมือเด็กหนุ่มไปนั่งลงที่เก้าอี้ในห้องนั่งเล่น แล้วหย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ
            ว่ามาซิเรื่องอะไร?”
            ปื๊ดเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นที่คอนโดมิเนียมของอรอนงค์ในวันนี้ให้ชายหนุ่มฟังจนหมดสิ้น เสียงของปื๊ดดังพอสมควร วนาซึ่งนั่งอยู่บนเตียงจึงพลอยได้ยินเรื่องราวทั้งหมดด้วย แต่หล่อนแค่นั่งฟังเฉย ๆ ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยแต่อย่างใด
            ผมกลัวว่า อรอนงค์จะเป็นตัวการทำให้ครอบครัวของผมต้องเกิดการแตกแยกล่มจม ผู้หญิงคนนี้ใช้เสน่ห์มัดเตี่ยผมจนอยู่หมัด ไม่ว่าจะเอาอะไรเตี่ยประเคนให้มันจนหมด ผมถึงอยากจะขอให้พี่ต้นหาทางช่วยผมก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป
            “ปื๊ดจะให้พี่ช่วยยังไง?”
            “พี่ต้นรู้จักกับมันดีไม่ใช่หรือครับ ช่วยขอร้องอรอนงค์ให้เลิกมายุ่งเกี่ยวกับเตี่ยผมสักที จะได้ไหมล่ะครับ ที่มันได้จากเตี่ยของผมไปทุกวันนี้ นับว่ามากโขอยู่แล้ว
            น้ำเสียงของเด็กหนุ่มออดอ้อนน่าเห็นใจ ต้นได้แต่ทอดถอนใจอย่างรู้สึกอึดอัด
            อรอนงค์กำลังจะช่วยให้เขาได้สัญญาประกันจากเสี่ยกำชัย ถ้าหากเขายื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยในเรื่องนี้อาจจะทำให้ไม่เป็นที่พอใจของหล่อน นั่นหมายถึงสัมพันธ์ภาพอันดีระหว่างเขากับหล่อนจะต้องขาดสะบั้นลงไป  และโอกาสที่จะได้งานชิ้นนี้มีหวังเป็นอันว่าจบสิ้นลง
            แต่ในเมื่อปื๊ด อุตส่าห์มาขอร้องเขาแบบนี้แล้วหาก เขาจะเพิกเฉยไม่ช่วยอะไรเสียบ้างเลย ปล่อยให้ครอบครัวของเด็กหนุ่มต้องเผชิญกับวิกฤติการณ์อันเลวร้าย มันดูกระไรอยู่
            ผู้หญิงอย่างอรอนงค์ยังสาวยังสวยและมีเสน่ห์ทั้งเรือนร่าง อาจจะไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะหาจับเสี่ยคนใหม่ บางทีเขาอาจจะพูดกับหล่อนรู้เรื่องบ้าง ถึงแม้ว่าเมื่อพูดไปแล้วจะทำให้มองหน้ากันไม่ติด
            ระหว่างความเป็นความตายของครอบครัวปื๊ด กับตำแหน่งหน้าที่การงานของเขา ช่วยหนุ่มตัดสินใจเลือกที่จะช่วยเหลือปื๊ดมากกว่า
            ตกลงปื๊ดพี่จะลองหาทางช่วยพูดให้….”
            เด็กหนุ่มได้ยินถึงกับยิ้มออกมาอย่างดีใจจน น้ำตาคลอ
                        **********
            บ้านขอหมอฉุยเป็นเรือนแถวไม้ชั้นเดียวยกพื้นใต้ถุนสูง หลังคามุงสังกะสีอยู่ในซอยแคบ ๆซึ่งสองฟากทางแออัดด้วยบ้านเช่าราคาถูก ที่ปลูกให้แค่พออาศัยอยู่กันได้ โดยไม่มีการคำนึงถึงสุขลักษณะ ทั้งซอยจึงเฉอะแฉะและอบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำครำ ที่ลอยออกมาจากใต้ถุน
            แตนต้องจอดรถทิ้งไว้ที่ปากซอย แล้วเดินตามหลังโฉมศรีเข้ามาอย่างเสียไม่ได้ สาวใหญ่พาหล่อนมาหยุดยืนอยู่ที่เชิงบันไดไม้เก่า ๆ หน้าบ้าน แล้วชะโงกหน้ามองเข้าไปข้างใน
            หมอฉุย ! หมอฉุยอยู่หรือเปล่าจ๊ะ?”
            ชายสูงอายุรูปร่างผอมสูง โผล่หน้าออกมามองที่ระเบียง
            ใครน่ะ?”
            “ฉันเองจ้ะ..โฉมศรีเจ้าของอพาร์ตเม้นท์ที่เคยมาให้หมอไปช่วยตั้งศาลยังไงล่ะ?”
            “อ๋อเชิญข้างบนก่อนซิครับ เชิญ!”
            เจ้าของบ้านออกปากเชื้อเชิญ โฉมศรีถอดรองเท้าออกแล้วก้าวขึ้นบันไดไป แตนจึงต้องทำตาม หญิงสาวค่อย ๆ ก้าวขึ้นบันไดช้า ๆ ทีละขั้น เพราะกลัวมันจะผุพังโครมลงไป ทำให้ชุดราคาแพงของหล่อนต้องเปรอะเปื้อนน้ำครำ
            ถัดจากระเบียงเข้าไปเป็นห้องโล่ง ๆ ยกพื้นสูงกว่าเล็กน้อย ด้านในสุดมีโต๊ะบูชาซึ่งต่อด้วยไม้อย่างหยาบ ๆ วางพระพุทธรูปปางต่าง ๆ อยู่ชั้นบนสุดถัดลงมาเป็นรูปปั้นเกจิอาจารย์ชื่อดังมากมาย และเทพต่าง ๆ ในลัทธิพราหมณ์ฮินดู
            สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั้นคือ หัวกะโหลกมนุษย์วางอยู่บนพานใกล้กระถางธูป อาจจะมีไว้เพื่อให้ดูขลังน่าเชื่อถือขึ้น ทั้งแจกันดอกไม้และพวงมาลัยที่ห้อยอยู่บนหิ้งบูชา มีทั้งดอกไม้เก่าและสดใหม่แสดงว่าหมอฉุยต้องมีลูกศิษย์ลูกหาขึ้นไม่ใช่น้อย
            คุณนายมีธุระอะไรกับผมยังงั้นหรือครับ?”
            หมอฉุยเอ่ยถามขึ้น เมื่อเชิญแขกนั่งลงบนเสื่อซึ่งปูอยู่หน้าโต๊ะบูชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   
            ฉันอยากจะมาขอรบกวน วานหมอช่วยไปไล่ผีให้หน่อยน่ะจ้ะ สาวใหญ่บอกอย่างไม่ต้องมีการอ้อมค้อม ค่ายกครูทั้งหมดเท่าไหร่ คุณคนนี้จะเป็นคนจัดการเอง
            หล่อนชี้มือมาทางแตน หญิงสาวรีบพยักหน้ารับ
            ถูกแล้วค่ะหมอเสียเท่าไหร่ฉันไม่ว่า ขอให้จัดการกับอีนังผีร้ายนี้ให้ได้เท่านั้น
            “ผีที่ไหนหรือครับ?”
            “ในอพาร์ตเม้นท์คุณโฉมศรีค่ะ
            “อ้อ ! คุณคงจะพักอยู่ที่นั่น?”
            “ไม่ใช่หรอกจ้ะ…” โฉมศรีรีบชิงตอบปฏิเสธ คุณแตนเธอมีคนรักเช่าห้องพักของฉันอยู่ ที่นี้ในห้องนั้นเกิดมีวิญญาณมาสิงสู่อยู่ คอยหลอกหลอนทุกคนที่เข้าไปอยู่ในห้องนั้น คุณแตนเธอขอร้องให้แฟนเธอย้ายออกมา เขาไม่ยอม เธอกลัวว่าเขาจะถูกผีตนนั้นครอบงำจนเสียผู้เสียคน จึงมอขอความช่วยเหลือจากหมอนี่แหละจ้ะ
            ชายสูงอายุที่ใคร ๆ เรียกว่าหมอฉุย นั่งฟังวางท่าเคร่งขรึม
            อืมม์แล้วมีใครเคยเห็นวิญญาณของผีตนนั้นหรือไม่ล่ะ?” 
            “มีค่ะ….ฉันเองแหละแตนบอก มันเป็นผีผู้หญิง สวย ผมยาว ท่าทางดุร้ายมาก ฉันเคยโดนมันเล่นงานมาแล้วหลายหน
            “เป็นผีผู้หญิงเหรอ…” หมอฉุยพึมพำ แล้วหันไปถามโฉมศรี ในห้องนั้นเคยมีคนตายบ้างหรือเปล่า?”
            “ตั้งแต่สร้างอพาร์ตเม้นท์นี้มา ยังไม่เคยมีคนตายเลยนี่จ๊ะหมอ
            “เอถ้าอย่างงั้น แล้วผีตนนี้จะมาจากไหน จะว่าเป็นผีเจ้าที่เจ้าทาง ไม่น่าจะเฮี้ยนถึงขนาดนี้นี่นา?” หมอฉุยตั้งข้อสงสัย
            เป็นผีนางไม้ค่ะ มันสิงอยู่ที่เตียงนอนในห้องนั้น
            แตนยืนยัน เพราะต้นเป็นคนบอกกับหล่อนเอง หมอฉุยพยักหน้ารับทราบ
            อ้อ ! อย่างงี้นี่เอง ถ้าเป็นผีนางไม้จริง ๆ  เห็นท่าจะลำบากหน่อยนะ
            “ทำไมหรือคะหมอ?” สาวใหญ่หูผึ่งขึ้นมาทันทียื่นหน้าถามอย่างสนอกสนใจ
            นางไม้น่ะ….เป็นวิญญาณที่มีฤทธิ์เดชมาก แสดงว่าเวลานี้แฟนของคุณคนนี้ อาจจะถูกมันทำให้หลงเสน่ห์จนโงหัวไม่ขึ้น นับว่าเป็นเรื่องที่อันตรายมากเลยทีเดียว
            “แล้วหมอพอจะช่วยจัดการเรื่องนี้ได้หรือเปล่าล่ะคะ?” แตนถามออกไปตรง ๆ
            ต้องได้ซิครับ….” หมอฉุยพยักหน้ารับ พร้อมกับชำเลืองมองทองหยอง เครื่องประดับในตัวของหญิงสาว ไม่มีอะไรที่คนอย่างหมอฉุยจะทำไม่ได้ แต่ว่าการจะขับไล่วิญญาณนางไม้นั้น ต้องมีพิธีกรรมใหญ่ครบเครื่อง ค่ายกครูอาจจะต้องมากหน่อย
            “มากแค่ไหนไม่สำคัญขอให้หมอทำสำเร็จเท่านั้นแหละ
            แตนรีบพูดดักคอด้วยท่าทางอันขึงขัง