วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2559

เตียงนางไม้ ตอนที่ 23

โดย...เจิด จินตนา  
23. . .



          ภาพที่เขาเห็นเป็นแสงสว่างจ้า จนพร่าตาไปหมด  ต้นรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยอยู่ท่ามกลางแสงสว่างอันไร้ขอบเขต แล้วแสงนั่นกลับพลันหายไป  ภาพที่ปรากฏต่อมาคือห้องพักของเขานั่นเอง
            ชายหนุ่มรู้สึกอัศจรรย์ใจ ในการเดินทางจากสถานที่หนี่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งของเตียงนางไม้นี้ยิ่งนัก จนถึงกับนั่งตะลึงไปครู่ใหญ่ก่อนที่จะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
            ดูเหมือนผมจะได้ยินเสียงปื๊ดเรียกเขาบอกกับนางไม้สาว ที่ยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง แล้วหันมองไปรอบห้อง นั่นยังไงประตูเปิดอยู่ ปื้ดต้องเข้ามาในห้องนี้แน่ !”
          วนาก้าวลงจากเตียงเดินดูรอบ ๆ ห้อง
            ไม่เห็นมีนี่คะคุณต้นอาจจะหูฝาดไปล่ะมั้ง?”
            “ไม่ใช่นะครับคุณวนา รู้สึกว่าผมจะได้ยินเสียงเรียกดังแว่วมาจากที่ไกล ๆ แล้วตอนที่เข้ามาในห้อง ผมเป็นคนปิดประตูกับมือเอง
            “หรือว่าคุณปื๊ดจะเข้ามาตอนที่เราไม่ได้อยู่ในห้องนี้?” นางไม้สาวชักจะไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน  ถ้าอย่างนั้นคุณปื๊ดคงต้องติดอยู่ในป่าสักนั่นแน่ เรากลับไปดูดีมั้ยคะ
            “ผมจะลองไปดูที่ห้องของปื๊ดก่อน
            ชายหนุ่มรีบพรวดพราดออกจากห้องไป
                        **********
            ความมืดโรยตัวเข้ามา ทัศนีย์ภาพของป่าอันงดงามเมื่อยามที่มีแสงอาทิตย์สาดส่อง กลับแปรเปลี่ยนเป็นอ้างว้างและน่ากลัว รอบตัวของปื๊ดเกือบจะมืดสนิท มีเพียงแสงสลัวของดวงดาวระยิบระยับบนฟากฟ้าเท่านั้นที่ทำให้พอเห็นอะไรได้เลือนราง
            เด็กหนุ่มกำลังมุ่งหน้ากลับสู้ดงสักบนเนินเขา ซึ่งจำได้ว่าเป็นจุดที่เตียงตั้งอยู่ เมื่อเขาเหยียบย่างเข้ามาในห้องของต้น แล้วเห็นภาพห้องของชายหนุ่มกลายมาเป็นป่าแบบนี้
            ในดงต้นสักมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีเตียงปรากฏให้เห็นอยู่อีกแล้ว เด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์เดินหาไปรอบ ๆแล้วเริ่มรู้สึกใจหายวาบ
            ประตูห้องของต้นไม่มีให้เห็น นี่หมายความว่าเขาจะต้องหลงอยู่ในป่าแห่งนี้เสียแล้วหรือ
            พี่ต้น….พี่ต้นครับ!”
            ลองเรียกดูอีกครั้ง ไม่มีเสียงตอบกลับมาแต่อย่างใด แสดงว่าไม่มีใครอยู่แล้วจริง ๆ ถ้าอย่างนั้นเขาจะกลับได้อย่างไงกันล่ะ
            ป่าแห่งนี้เป็นที่ไหนก็ไม่รู้เสียด้วยซิ…          
            นึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่น่าเซ่อซ่าเดินเข้ามาหาเรื่องเลย เพราะได้ความอยากรู้อยากเห็นนี่ทีเดียว ถึงทำให้ต้องมาตกอยู่ในสภาพแบบนี้
            ต้นกับวนาจะรู้หรือเปล่านะ ว่าเขาแอบตามเข้ามาถ้าเกิดไม่มีใครรู้ล่ะ เขามิต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดไปเลยหรือ
            นึกแล้วชักขนลุกซู่ขึ้นมาทันที ความกลัวเริ่มจู่โจมเข้าจับขั้วหัวใจ การที่ต้องอยู่ในป่าคนเดียวมืด ๆ อย่างนี้อันตรายย่อมมีอยู่รอบด้าน หากไปเจอเอาสัตว์ร้ายเข้ามีหวังต้องกลายเป็นเหยื่อของมันอย่างแน่นอน
            คนอ้วน ๆ อย่างเขาเป็นอาหารอันโอชะของพวกมันเสียด้วยซิ
            เด็กหนุ่มตัดสินใจ ยังไงขอไปตายเอาดาบหน้า จะมามัวงอมืองอเท้าอยู่ไม่ได้ อาจจะมีหมู่บ้านอยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ต้องลองเดินเดาสุ่มไปค้นหาดู แล้วขอความช่วยเหลือจากพวกเขา
            ปื๊ดเดินลงจากเนินเขาอีกครั้ง ย่ำผ่านเข้าไปในทุ่งกาสะลอง ซึ่งในยามนี้ความมืดบดบังความสวยงามของดอกไม้สีเหลืองเหล่านี้ลงจนหมดสิ้น และเขาไม่มีกะจิตกะใจที่จะมาชื่นชมกับความงามของมันด้วยเช่นเดียวกัน
            คิดอยู่อย่างเดียว ต้องหาทางเอาตัวรอด สองขาพาก้าวเดินมาจนถึงริมลำธาร ก้มลงวักน้ำขึ้นลูบหน้าลูบตาให้พอรู้สึกหายเหนื่อย จากการที่ต้องปีนขึ้นปีนลงบนเนินเขาแห่งนี้
            น้ำในลำธารเย็นเฉียบ ช่วยให้ปื๊ดสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้น เขานั่งลงบนโขดหินแล้วยกชายเสื้อขึ้นซับหยดน้ำบนใบหน้า มองดูสายน้ำที่รืนไหลเอื่อย ๆสะท้อนกับแสงดาวเป็นประกายระยิบระยับ
            ถ้าเดินลัดเลาะไปตามลำธารเรื่อย ๆ ไม่ช้าคงจะพบหมู่บ้านที่มีผู้คนอาศัยอยู่แน่ เด็กหนุ่มคิดทำท่าจะลุกขึ้นเดินต่อไป
            ทันใดนั้น….เขาต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ป่า ดังก้องมาจากดงไม้เบื้องหน้า เสียงนั้นฟังดูน่ากลัวเหลือเกิน ต้องเป็นสัตว์ใหญ่ที่ดุร้ายอย่างแน่นอน ปื๊ดถึงกับเข่าอ่อนไม่มีเรี่ยวแรงจะก้าวเดินต่อไป ต้องยืนค้างคาตาเหลือกโพลนอยู่อย่างนั้น
            เสียงกิ่งไม้หักโผงผาง และเสียงฝีเท้าดังสวบสาบใกล้เข้ามา เด็กหนุ่มจ้องเขม็งไปที่พุ่มไม้ แล้วเขาจึงได้เห็นหมีควายตัวขนาดมหึมา กำลังแหวกพุ่มไม้ออกมาเผชิญหน้ากับเขา
            มันลุกขึ้นยืนตัวสองขา ร้องขู่คำรามอย่างดุร้ายเมื่อเห็นมนุษย์อยู่ตรงหน้า ลำตัวของมันสูงเกือบ ๆสองเมตรเห็นจะได้ ขนยาวดำมะเมื่อม อ้าปากเห็นเขี้ยวแหลมคมน่ากลัว
            เหวอ….ช่วยด้วย!” ช่วยด้วย!”
            ปื๊ดร้องเสียงหลง รีบหันหลังโกยอ้าวเต็มเหยียดด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดขีด
            ไม่รู้เหมือนกันว่า เจ้าหมีควายตัวนี้มันมีความโกรธแค้นอะไรกันนักกันหนา พอเห็นปื๊ดออกวิ่ง มันรีบกระโจนพรวดไล่กวดตามไปทันที พร้อมกับร้องคำรามเพื่อเป็นการข่มขวัญ ผู้ที่มันคิดว่าเป็นศัตรู
            เด็กหนุ่มหันกลับมามอง เห็นหมีควายตัวใหญ่วิ่งไล่ตามมาด้วยท่าทางประสงค์ร้าย ยิ่งทำให้รู้สึกใจฝ่อลนลานหลับหูหลับตาวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
            ช่วยด้วย….ช่วยด้วย ! !”
            ช่างโชคร้ายอะไรเช่นนั้น เท้าของปื๊ดบังเอิญไปสะดุดเอารากไม้เข้าอย่างจัง จนล้มกลิ้งลงไปบนดงกาสะลองอย่างไม่เป็นท่า
            เด็กหนุ่มพยายามตะเกียกตะกายจะลุกขึ้น แต่ช้าเกินไปเสียแล้ว เจ้าหมีควายกระโจนพรวดเข้ามายืนคร่อมร่างของเขาเอาไว้ มันเงื้ออุ้งเท้าหน้าขึ้น กางเล็บอันแหลมคมหมายจะตะปบร่างของเหยื่อให้แหลกเป็นชิ้น ๆ
            ปื๊ดตาเหลือกถลน สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ในตอนนี้คือ นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้ว ทว่า….
            หยุดนะ!”
            เสียงใส ๆ ร้องตวาดดังมา ทำให้เจ้าสัตว์ร้ายชะงักพรืด หันมองไปยังที่มาของเสียงนั้น
            ร่างของวนากำลังลอยละลิ่วมาเหนือยอดไม้ ชุดกระโปรงยาวสีชมพูที่สวมใส่อยู่ ดูคล้ายจะเรืองแสงตัดกับความมืด ทำให้แลเห็นแต่ไกล
            ช่วยผมด้วยคุณวนา!”
            ปื๊ดรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ รีบร้องบอกอย่างดีใจ
            นางไม้สาวทิ้งตัวลงยืนบนพื้นดิน ไม่ห่างจากปื๊ดและเจ้าหมีควายมากนัก จ้องหาสัตว์ร้ายด้วยสายตาแสดงความไม่พอใจ
            ทำไมถึงทำแบบนี้เขาไม่ใช่ศัตรูของเจ้า รีบกลับไปเสีย
            หล่อนออกคำสั่งน้ำเสียงเฉียบขาด เจ้าหมีควายตัวใหญ่ท่าทางเชื่องลงในทันที มันมองหน้าผู้ที่ออกคำสั่งนิดหนึ่ง แล้วหันหลังกลับเดินผละจากปื๊ดไปด้วยอาการอันสงบอย่างว่าง่ายจนเหลือเชื่อ
            เด็กหนุ่มถอนหายใจยาวอย่างรู้สึกโล่งอก รีบลุกขึ้นปัดฝุ่นที่เกาะอยู่ตามเนื้อตามตัว
            ขอบคุณครับคุณวนา….ถ้าคุณมาช่วยผมไม่ทันผมมีหวังถูกฉีกเนื้อเป็นชิ้น ๆ แน่
            “ความจริงแล้ว หมีควายไม่ใช่สัตว์ดุร้ายอะไรนักหรอกนะ
            “อ้าว ! แล้วทำไมมันถึงตามเล่นงามผม เหมือนกับจะเอาเป็นเอาตายอย่างงั้นล่ะครับ คุณวนา?
            “หมีควายตัวนี้ลูกเมียของมันถูกพวกพรานฆ่าตายเมื่อหลายปีก่อน พอเจอคนมันจะเข้าทำร้าย เพราะคิดว่าเป็นพวกที่ฆ่าลูกเมียของมันตาย
            “อ๋อ อย่างงี้นี่เอง มันถึงได้ดุนัก พอเห็นผมมันรีบปรี่เข้าใส่โดยไม่พูดพล่ามทำเพลงเลย
            “สัตว์พวกนี้น่าสงสารมาก มันใกล้จะสูญพันธุ์ลงทุกทีแล้ว เพราะถูกล่าไปเป็นอาหารของมนุษย์ที่ชอบกินอะไรพิสดาร ไม่ช้าคงต้องหมดไปจากป่าอย่างแน่นอน
            “ผมไม่เคยกินดีหมีอุ้งตีนหมี แต่เกือบตายแล้วเพราะมัน อยากจะให้พวกที่ชอบกินมาเจออย่างผมบ้างจะได้เข็ดเสียทีปื๊ดพูดเหมือนรู้สึกเดือดดาลแทนหมีถูกฆ่า ทั้ง ๆ ที่เพิ่งถูกมันไล่ทำร้ายมาอยู่หยก ๆ เอ้อ คุณวนาทำไมรู้ว่าผมอยู่ที่นี่ล่ะครับ?”
            “คุณต้นได้ยินเสียงคุณเรียก ในขณะที่เรากำลังจะเดินทางกลับกัน เขาออกไปดูที่ห้องไม่เห็นคุณ แต่เห็นรถของคุณจอดอยู่ เชื่อว่าคุณต้องมาที่นี่แน่ เราจึงมาตาม
            “แล้วพี่ต้นล่ะครับ?”
            “รออยู่ที่ดงต้นสัก เรารีบกลับกันเถอะ เดี๋ยวคุณต้นจะเป็นห่วง
            “ดีเหมือนกันครับ ผมอยากไปจากที่นี่เร็ว ๆ เต็มทนแล้ว
            นางไม้สาวยิ้มแล้วเดินนำหน้าเด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์ตรงไปยังดงต้นสักทองซึ่งแลเห็นอยู่บนเนินเขาไม่ไกลนัก
            ต้นยืนรออยู่ที่ข้างเตียงใต้ต้นสัก พอเห็นปื๊ดเข้าเท่านั้น รู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูก
            เฮ้ ! พี่ต้น นึกว่าจะไม่ได้มาเห็นหน้ากันอีกแล้วนะเนี่ย
            “ก็นึกอยู่เหมือนกันว่า ปื๊ดจะต้องแอบดอดมาที่นี่ไปเจออะไรมาล่ะ หน้าตาดูซีดเซียวเหมือนโดนผีหลอกอย่างงั้นแหละ อย่าบอกนะว่าโดนผีสางนางไม้ตนนี้หลอกเอาต้นแกล้งกระเซ้า
            ใครว่าล่ะ….นางไม้ตนนี้ไปช่วยต่างหากวนาบอกแล้วค้อนต้นเสียหนึ่งวง
            ผมถูกหมีไล่ทำร้ายที่ริมลำธาร โชคดีที่คุณวนาไปช่วยห้ามมัน ไม่งั้นป่านนี้มันคงได้กินอุ้งตีนผมเป็นการแก้แค้นแล้วปื๊ดยังรู้สึกเสียวสันหลังไม่หาย “เข็ดจริงๆ ให้ดิ้นตาย ทีหลังผมไม่กล้าทะเล่อทะล่าเข้าไปในห้องของพี่ต้นอีกแล้ว ไม่นึกว่าจะต้องมาเจอแบบนี้
            “จะยืนคุยกันอีกนานมั้ยคะเนี่ย วนาจะได้ขอกลับก่อนนางไม้สาวแกล้งถามประชด
            อ้าว ! ได้ไง?”
            ทั้งต้นและปื๊ดร้องอุทานออกมาเกือบพร้อมกัน
            อย่าพูดให้ใจเสียหน่อยน่าคุณวนา….ถ้าไม่มีคุณแล้วเราจะกลับกันได้ยังไง?” เด็กหนุ่มมองหน้านางไม้สาวพูดเสียงอ่อย
            ต้นดึงแขนปื๊ดมานั่งบนเตียง
            หลับตาลงเสียปื๊ด แล้วไม่ต้องพูดอะไรอีก ก่อนที่คุณวนาเธอจะเปลี่ยนใจไม่ยอมพาพวกเรากลับไป
            ปื๊ดรีบทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เขานั่งหลับตาไม่กล้ากระดิกกระเดี้ย แทบจะกลั้นหายใจเอาเสียด้วยซ้ำไปจนกระทั่งได้ยินเสียงวนาร้องบอก
            ลืมตาได้แล้วค่ะ
            สิ่งแรกที่ปื๊ดเห็น คือโต๊ะเก้าอี้ในห้องของต้นเขารู้สึกดีใจที่ได้เห็นทุกอย่างกลับมาอยู่ในสภาพเดิม ไม่ใช่กลางป่าอันน่ากลัวแบบนั้นอีกต่อไป เขารีบลุกขึ้นแล้วหันมายกมือไหว้นางไม้สาว ด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความเคารพนบนอบ
            ขอบพระคุณมากครับ ที่ช่วยผมกลับมาอย่างปลอดภัยขอบคุณจริง ๆ
            “ไม่เป็นไรหรอกนะปื๊ด ถ้าอยากจะไปเที่ยวอีกบอกนะ
            “เห็นจะไม่หรอกครับ แค่นี้ผมก็เข็ดจนตายแล้ว
            ต้นลุกจากเตียงเดินมาตบไหล่เด็กหนุ่มเบา ๆ
            ทำใจให้สบายปื๊ด นึกเสียว่าเป็นการผจญภัยที่ไม่คาดฝันมาก่อน ทีหลังถ้าเห็นห้องนี้มีอะไรผิดปกติก็อย่าได้คิดอย่าเหยียบย่างเข้ามาอีกเป็นอันขาดนะ
            “ครับพี่ต้น
            “ว่าแต่ปื๊ดเข้ามาหาพี่ทำไมหรือ
            “คือผมมีเรื่องอยากจะขอคำปรึกษากับพี่ต้นน่ะครับ
            ต้นพยักหน้า จูงมือเด็กหนุ่มไปนั่งลงที่เก้าอี้ในห้องนั่งเล่น แล้วหย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ
            ว่ามาซิเรื่องอะไร?”
            ปื๊ดเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นที่คอนโดมิเนียมของอรอนงค์ในวันนี้ให้ชายหนุ่มฟังจนหมดสิ้น เสียงของปื๊ดดังพอสมควร วนาซึ่งนั่งอยู่บนเตียงจึงพลอยได้ยินเรื่องราวทั้งหมดด้วย แต่หล่อนแค่นั่งฟังเฉย ๆ ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยแต่อย่างใด
            ผมกลัวว่า อรอนงค์จะเป็นตัวการทำให้ครอบครัวของผมต้องเกิดการแตกแยกล่มจม ผู้หญิงคนนี้ใช้เสน่ห์มัดเตี่ยผมจนอยู่หมัด ไม่ว่าจะเอาอะไรเตี่ยประเคนให้มันจนหมด ผมถึงอยากจะขอให้พี่ต้นหาทางช่วยผมก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป
            “ปื๊ดจะให้พี่ช่วยยังไง?”
            “พี่ต้นรู้จักกับมันดีไม่ใช่หรือครับ ช่วยขอร้องอรอนงค์ให้เลิกมายุ่งเกี่ยวกับเตี่ยผมสักที จะได้ไหมล่ะครับ ที่มันได้จากเตี่ยของผมไปทุกวันนี้ นับว่ามากโขอยู่แล้ว
            น้ำเสียงของเด็กหนุ่มออดอ้อนน่าเห็นใจ ต้นได้แต่ทอดถอนใจอย่างรู้สึกอึดอัด
            อรอนงค์กำลังจะช่วยให้เขาได้สัญญาประกันจากเสี่ยกำชัย ถ้าหากเขายื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยในเรื่องนี้อาจจะทำให้ไม่เป็นที่พอใจของหล่อน นั่นหมายถึงสัมพันธ์ภาพอันดีระหว่างเขากับหล่อนจะต้องขาดสะบั้นลงไป  และโอกาสที่จะได้งานชิ้นนี้มีหวังเป็นอันว่าจบสิ้นลง
            แต่ในเมื่อปื๊ด อุตส่าห์มาขอร้องเขาแบบนี้แล้วหาก เขาจะเพิกเฉยไม่ช่วยอะไรเสียบ้างเลย ปล่อยให้ครอบครัวของเด็กหนุ่มต้องเผชิญกับวิกฤติการณ์อันเลวร้าย มันดูกระไรอยู่
            ผู้หญิงอย่างอรอนงค์ยังสาวยังสวยและมีเสน่ห์ทั้งเรือนร่าง อาจจะไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะหาจับเสี่ยคนใหม่ บางทีเขาอาจจะพูดกับหล่อนรู้เรื่องบ้าง ถึงแม้ว่าเมื่อพูดไปแล้วจะทำให้มองหน้ากันไม่ติด
            ระหว่างความเป็นความตายของครอบครัวปื๊ด กับตำแหน่งหน้าที่การงานของเขา ช่วยหนุ่มตัดสินใจเลือกที่จะช่วยเหลือปื๊ดมากกว่า
            ตกลงปื๊ดพี่จะลองหาทางช่วยพูดให้….”
            เด็กหนุ่มได้ยินถึงกับยิ้มออกมาอย่างดีใจจน น้ำตาคลอ
                        **********
            บ้านขอหมอฉุยเป็นเรือนแถวไม้ชั้นเดียวยกพื้นใต้ถุนสูง หลังคามุงสังกะสีอยู่ในซอยแคบ ๆซึ่งสองฟากทางแออัดด้วยบ้านเช่าราคาถูก ที่ปลูกให้แค่พออาศัยอยู่กันได้ โดยไม่มีการคำนึงถึงสุขลักษณะ ทั้งซอยจึงเฉอะแฉะและอบอวลไปด้วยกลิ่นน้ำครำ ที่ลอยออกมาจากใต้ถุน
            แตนต้องจอดรถทิ้งไว้ที่ปากซอย แล้วเดินตามหลังโฉมศรีเข้ามาอย่างเสียไม่ได้ สาวใหญ่พาหล่อนมาหยุดยืนอยู่ที่เชิงบันไดไม้เก่า ๆ หน้าบ้าน แล้วชะโงกหน้ามองเข้าไปข้างใน
            หมอฉุย ! หมอฉุยอยู่หรือเปล่าจ๊ะ?”
            ชายสูงอายุรูปร่างผอมสูง โผล่หน้าออกมามองที่ระเบียง
            ใครน่ะ?”
            “ฉันเองจ้ะ..โฉมศรีเจ้าของอพาร์ตเม้นท์ที่เคยมาให้หมอไปช่วยตั้งศาลยังไงล่ะ?”
            “อ๋อเชิญข้างบนก่อนซิครับ เชิญ!”
            เจ้าของบ้านออกปากเชื้อเชิญ โฉมศรีถอดรองเท้าออกแล้วก้าวขึ้นบันไดไป แตนจึงต้องทำตาม หญิงสาวค่อย ๆ ก้าวขึ้นบันไดช้า ๆ ทีละขั้น เพราะกลัวมันจะผุพังโครมลงไป ทำให้ชุดราคาแพงของหล่อนต้องเปรอะเปื้อนน้ำครำ
            ถัดจากระเบียงเข้าไปเป็นห้องโล่ง ๆ ยกพื้นสูงกว่าเล็กน้อย ด้านในสุดมีโต๊ะบูชาซึ่งต่อด้วยไม้อย่างหยาบ ๆ วางพระพุทธรูปปางต่าง ๆ อยู่ชั้นบนสุดถัดลงมาเป็นรูปปั้นเกจิอาจารย์ชื่อดังมากมาย และเทพต่าง ๆ ในลัทธิพราหมณ์ฮินดู
            สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยนั้นคือ หัวกะโหลกมนุษย์วางอยู่บนพานใกล้กระถางธูป อาจจะมีไว้เพื่อให้ดูขลังน่าเชื่อถือขึ้น ทั้งแจกันดอกไม้และพวงมาลัยที่ห้อยอยู่บนหิ้งบูชา มีทั้งดอกไม้เก่าและสดใหม่แสดงว่าหมอฉุยต้องมีลูกศิษย์ลูกหาขึ้นไม่ใช่น้อย
            คุณนายมีธุระอะไรกับผมยังงั้นหรือครับ?”
            หมอฉุยเอ่ยถามขึ้น เมื่อเชิญแขกนั่งลงบนเสื่อซึ่งปูอยู่หน้าโต๊ะบูชาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   
            ฉันอยากจะมาขอรบกวน วานหมอช่วยไปไล่ผีให้หน่อยน่ะจ้ะ สาวใหญ่บอกอย่างไม่ต้องมีการอ้อมค้อม ค่ายกครูทั้งหมดเท่าไหร่ คุณคนนี้จะเป็นคนจัดการเอง
            หล่อนชี้มือมาทางแตน หญิงสาวรีบพยักหน้ารับ
            ถูกแล้วค่ะหมอเสียเท่าไหร่ฉันไม่ว่า ขอให้จัดการกับอีนังผีร้ายนี้ให้ได้เท่านั้น
            “ผีที่ไหนหรือครับ?”
            “ในอพาร์ตเม้นท์คุณโฉมศรีค่ะ
            “อ้อ ! คุณคงจะพักอยู่ที่นั่น?”
            “ไม่ใช่หรอกจ้ะ…” โฉมศรีรีบชิงตอบปฏิเสธ คุณแตนเธอมีคนรักเช่าห้องพักของฉันอยู่ ที่นี้ในห้องนั้นเกิดมีวิญญาณมาสิงสู่อยู่ คอยหลอกหลอนทุกคนที่เข้าไปอยู่ในห้องนั้น คุณแตนเธอขอร้องให้แฟนเธอย้ายออกมา เขาไม่ยอม เธอกลัวว่าเขาจะถูกผีตนนั้นครอบงำจนเสียผู้เสียคน จึงมอขอความช่วยเหลือจากหมอนี่แหละจ้ะ
            ชายสูงอายุที่ใคร ๆ เรียกว่าหมอฉุย นั่งฟังวางท่าเคร่งขรึม
            อืมม์แล้วมีใครเคยเห็นวิญญาณของผีตนนั้นหรือไม่ล่ะ?” 
            “มีค่ะ….ฉันเองแหละแตนบอก มันเป็นผีผู้หญิง สวย ผมยาว ท่าทางดุร้ายมาก ฉันเคยโดนมันเล่นงานมาแล้วหลายหน
            “เป็นผีผู้หญิงเหรอ…” หมอฉุยพึมพำ แล้วหันไปถามโฉมศรี ในห้องนั้นเคยมีคนตายบ้างหรือเปล่า?”
            “ตั้งแต่สร้างอพาร์ตเม้นท์นี้มา ยังไม่เคยมีคนตายเลยนี่จ๊ะหมอ
            “เอถ้าอย่างงั้น แล้วผีตนนี้จะมาจากไหน จะว่าเป็นผีเจ้าที่เจ้าทาง ไม่น่าจะเฮี้ยนถึงขนาดนี้นี่นา?” หมอฉุยตั้งข้อสงสัย
            เป็นผีนางไม้ค่ะ มันสิงอยู่ที่เตียงนอนในห้องนั้น
            แตนยืนยัน เพราะต้นเป็นคนบอกกับหล่อนเอง หมอฉุยพยักหน้ารับทราบ
            อ้อ ! อย่างงี้นี่เอง ถ้าเป็นผีนางไม้จริง ๆ  เห็นท่าจะลำบากหน่อยนะ
            “ทำไมหรือคะหมอ?” สาวใหญ่หูผึ่งขึ้นมาทันทียื่นหน้าถามอย่างสนอกสนใจ
            นางไม้น่ะ….เป็นวิญญาณที่มีฤทธิ์เดชมาก แสดงว่าเวลานี้แฟนของคุณคนนี้ อาจจะถูกมันทำให้หลงเสน่ห์จนโงหัวไม่ขึ้น นับว่าเป็นเรื่องที่อันตรายมากเลยทีเดียว
            “แล้วหมอพอจะช่วยจัดการเรื่องนี้ได้หรือเปล่าล่ะคะ?” แตนถามออกไปตรง ๆ
            ต้องได้ซิครับ….” หมอฉุยพยักหน้ารับ พร้อมกับชำเลืองมองทองหยอง เครื่องประดับในตัวของหญิงสาว ไม่มีอะไรที่คนอย่างหมอฉุยจะทำไม่ได้ แต่ว่าการจะขับไล่วิญญาณนางไม้นั้น ต้องมีพิธีกรรมใหญ่ครบเครื่อง ค่ายกครูอาจจะต้องมากหน่อย
            “มากแค่ไหนไม่สำคัญขอให้หมอทำสำเร็จเท่านั้นแหละ
            แตนรีบพูดดักคอด้วยท่าทางอันขึงขัง
















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น