โดย...เจิด จินตนา
๒๔ . . .
ที่หน้าโฉมศรีอพาร์ตเม้นท์ในตอนสายของวันนี้
รู้สึกคึกคักเป็นพิเศษ ด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา สาวใหญ่ผู้เป็นเจ้าของสถานที่กำลังชี้นิ้วสั่งให้ลุงม้วนกับแม่แจ่มสองคนงานช่วยกันจัดวางเครื่องเซ่นใหญ่บนโต๊ะ
ซึ่งตั้งอยู่กลางแจ้งมีผ้าขาวปู
ทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของหมอฉุย
ซึ่งคอยยืนควบคุมอยู่อย่างใกล้ชิด และมีแตนกับตุ่มยืนดูอยู่ห่าง ๆ ไม่ได้เข้าไปช่วยหยิบจับอะไร
เพราะไม่มีความรู้เกี่ยวกับการทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์มาก่อน
จึงไม่กล้าเข้าไปยุ่มย่าม
“โอ้โฮ…ทำอะไรกันนี่เจ๊โฉม
วันนี้ไม่ใช่วันสาร์ทจีนซักกะหน่อย”
ปื๊ดลงบันไดมาเห็นเข้า อดถามไม่ได้ด้วยความสงสัย
“มันไม่ใช่เรื่องของแก ตาปื๊ด….ถอยไปห่าง ๆ จะไปไหนรีบไปเลย”
สาวใหญ่ไม่เพียงปรามเด็กหนุ่มด้วยสายตาแต่ยังออกปากไล่อีกด้วย
“คุณปื๊ด!”
เสียงตุ่มร้องทัก พร้อมกับวิ่งเข้ามาหาด้วยท่าทางดีใจ
“คุณตุ่มกับคุณแตนมาที่นี่ทำไมกันหรือครับ?”
“ยัยแตนเขาจ้างหมอผีจะมาจับผี ชวนตุ่มให้ช่วยมาเป็นเพื่อนน่ะค่ะ”
“ฮ้า !” ปื๊ดอุทานออกมาอย่างแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง “ผีที่ไหนกันหรือครับ?”
“อย่าเอ็ดไป นังผีที่อยู่ในห้องของพี่ต้นนั่นยังไง!”
“อ้าว ! แล้วมาตั้งโต๊ะทำพิธีอะไรกันตรงนี้ล่ะ?”
“หมอฉุยเขาบอกว่า
ผีที่สิงอยู่ในห้องของพี่ต้นเป็นวิญญาณนางไม้มีฤทธิ์แก่กล้า ก่อนที่จะทำพิธีปราบต้องเซ่นไหว้บอกกล่าว
ขออนุญาตเจ้าที่เจ้าทางเสียก่อนเพราะนางไม้เป็นวิญญาณเทพ อาจจะใช้ผีพวกนี้ทำการต่อต้าน”
“คุณตุ่มเชื่ออย่างที่หมอผีคนนี้แกบอก งั้นหรือครับ?”
“ไม่รู้ซิคะ…แต่ท่าทางของหมอฉุยแกดูน่าเชื่อถืออยู่เหมือนกัน”
“ผมว่าเป็นเรื่องเหลวไหลเสียมากกว่า เพื่อนคุณอาจจะโดนตุ๋นจนเปื่อยแล้วล่ะนะ…”
เด็กหนุ่มพูดแล้วทำท่าจะเดินผละจากไป
“อ้าว ! จะไปไหนล่ะคะคุณปื๊ด
ไม่อยู่ดูเขาทำพิธีจับผีหรือคะ?”
“ผมจะออกไปหาซื้ออะไรปากซอยนิดหน่อย เดี๋ยวจะกลับมาดูครับคุณตุ่ม
อยากรู้เหมือนกันว่าอีตาหมอผีคนนี้ แกจะเล่นละครเก่งสักขนาดไหน”
เขาบอกกับหล่อนอย่างนั้น แล้วรีบผลุนผันออกประตูรั้วอพาร์ตเม้นท์ไป
ความจริงปื๊ดรู้สึกตกใจไม่น้อยเหมือนกัน
เมื่อรู้ว่าพวกนี้กำลังจะมาหาทางเล่นงานวนา แต่เด็กหนุ่มพยายามปิดบังความรู้สึกอันแท้จริงไม่ให้ตุ่มเห็น
ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีหนทางใดดีไปกว่ารีบแจ้งข่าวให้ต้นรู้ แต่การที่จะใช้โทรศัพท์ในสำนักงาน
กลัวว่าทุกคนจะจับผิดได้
จึงต้องแกล้งทำทีว่าออกไปซื้อของแล้วค่อยหาโทรศัพท์สาธารณะโทร.ไปบอกต้น
**********
“พี่ต้นเหรอ…พี่ผมปื๊ดนะครับ
พี่รีบกลับมาที่ห้องพักเดี๋ยวนี้เลยได้ไหมครับ?”
“อ้าว ! ทำไมหรือปื๊ด?”
ชายหนุ่มกำลังง่วนอยู่กับกองเอกสารบนโต๊ะ รู้สึกงุนงงยิ่งนัก
ในน้ำเสียงอันแสดงความร้อนรนของปื๊ดที่โทรศัพท์มาหา
“คุณแตนเธอไปว่าจ้างหมอผี
ให้มาจัดการกับคุณวนา พวกเขากำลังทำพิธีกันอยู่
พี่ต้นต้องรีบกลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะครับ”
“อะไรกัน…ปื๊ดแน่ใจหรือ?” ต้นยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไรนัก
“แน่ใจซิครับพี่ต้น….คุณตุ่มเป็นคนบอกกับผมอย่างงั้น
ท่าทางหมอผีคนนี้ดูเหมือนจะมีวิชาอาคมพอตัวเสียด้วยครับ…”
“งั้นปื๊ดคอยจับตาเอาไว้ก่อนนะ พี่จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
จิตใจของชายหนุ่มเริ่มรู้สึกว้าวุ่น ด้วยความเป็นห่วงนางไม้สาว
ถ้าทุกอย่างเป็นตามที่ปื๊ดบอก
แสดงว่าเวลานี้หล่อนกำลังตกอยู่ในระหว่างอันตรายร้ายแรง
ถึงวนาจะเป็นแค่เพียงวิญญาณ
แต่ต้นกลับมีความรู้สึกเหมือนกับว่าหล่อนเป็นหญิงสาวที่น่าสงสารคนหนึ่ง ซึ่งกำลังจะถูกคนมารังแก
และแน่นอนเขาจะต้องรีบหาทางขัดขวางเพื่อช่วยเหลือหล่อนให้ได้
ชายหนุ่มเก็บเอกสารต่าง
ๆ บนโต๊ะทำงานด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน ทำให้นุชอดที่จะเข้ามาถามอย่างสงสัยไม่ได้
“จะรีบไปไหนหรือพี่ต้น?”
“ธุระนิดหน่อยเรื่องหมอผี”
“อ้าว…! นี่พี่ต้นนึกยังไงถึงจะไปยุ่งเกี่ยวกับหมอผี….หรือว่าพี่ต้นจะไปชวนประกันชีวิต”
“ปะ…เปล่า…ไม่ใช่หรอกนะนุช หมอผีน่ะซี่ที่กำลังจะมายุ่งเกี่ยวกับผมอยู่ดี ๆ ไม่ว่าดี
คิดจะมาหาเรื่องกับผมมันจึงต้องเจอดีกันหน่อยล่ะ….”
“โอ้โฮ…ไม่ยักรู้นะเนี่ยว่าพี่ต้นเก่งเรื่องวิชาอาคม ถึงขนาดจะไปสู้กับหมอผี!”
ขี้เกียจเสียเวลาอธิบาย ต้นเก็บข้าวของบนโต๊ะเสร็จพอดี
“ถ้ามีใครติดต่อมา
ช่วยบอกผมด้วยนะว่าผมไปธุระข้างนอก…”
พูดแล้วรีบจ้ำอ้าวออกไปจากห้องทำงานทันที
**********
เมื่อปื๊ดกลับมาที่อพาร์ตเม้นท์อีกครั้งหนึ่ง หมอฉุยกำลังจุดธูป
เริ่มต้นทำพิธีอาราธนาพระคาถามงคลจักรวาลทั้งแปดทิศอยู่
“อิมัสสะมิงมงคลจักรวาลทั้งแปดทิศ
ประสิทธิจงมาเป็นกำแพงแก้วทั้งเจ็ดชั้น มาป้องกันห้อมล้อมรอบครอบทั่วอนัตตา ราชะ
เสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะสะหัสสานิ พุทธะชาละปะริกเขตเตรักขันตุ
สุรักขัยตุฯ”
ทุกคนในที่นั้นต่างนั่งพนมมือนิ่งเงียบ ดูท่าทางโฉมศรีจะมีความเลื่อมใสมากกว่าคนอื่น
สำหรับปื๊ดแล้วเขาเห็นเป็นเรื่องน่าตลกเสียมากกว่า
พิธีกรรมผ่านไปอย่างเชื่องช้ายืดยาดอืดอาย
ดูจนน่าเบื่อ ในที่สุดหมอฉุยจึงทำพิธีเสร็จสรรพครบถ้วนกระบวนการ
ดับเทียนในขันน้ำมนต์ใบใหญ่ แล้วถือใบนั้นลุกขึ้นยืน
“เอาล่ะ…..ได้เวลาที่จะไปขับไล่ผีร้ายให้ออกจากห้องนั้นแล้ว….”
“เชิญทางนี้เลยจ้ะหมอ….”
โฉมศรีลุกขึ้น เดินนำหน้าหมอฉุยไปที่บันไดอพาร์ตเม้นท์
แตนเดินตามหลังไปติด ๆ
หญิงสาวชักเริ่มมีความมั่นใจว่าหมอฉุยจะต้องทำงานครั้งนี้ได้สำเร็จแน่
“ไปด้วยกันซิคะคุณปื๊ด!”
เห็นเด็กหนุ่มยืนดูอยู่ ตุ่มจึงเดินเข้ามาชวน
“ไม่ล่ะครับ…ผมไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องผีๆสางๆ
เชิญคุณตุ่มตามสบายเถอะ!”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า…หมอฉุยอยู่ทั้งคน
คุณปื๊ดจะไปกลัวอะไร?”
“แต่ว่า…พี่ต้นไม่อยู่ ถือวิสาสะเข้าไปในห้องของเขาอย่างนั้น
ไม่กลัวพี่ต้นจะโกรธเอาหรือครับ?”
“ยัยแตนเขาคงจะพูดกับพี่ต้นรู้เรื่อง ทุกอย่างที่เราทำนี่ เพื่อพี่ต้นหรอกนะ!”
“ได้ครับคุณตุ่ม!”
ความจริงปื๊ดอยากจะรอให้ต้นมาถึงเสียก่อนแล้วค่อยขึ้นไปด้วยกัน แต่ไม่รู้ชายหนุ่มมัวไปทำอะไรอยู่
จึงยังไม่เห็นโผล่หน้ามาเสียที ด้วยความเป็นห่วงวนา เด็กหนุ่มจึงจำต้องรับปากเดินไปกับตุ่ม
ถ้าหมอฉุยเป็นหมอผีที่มีความสามารถจริง
ๆ ปื๊ดยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยวนาได้อย่างไร คงต้องปล่อยให้วิญญาณของหล่อน ถูกหมอฉุยจับเอาไปถ่วงน้ำเหมือนอย่างที่ดูในหนัง
เด็กหนุ่มได้แต่ภาวนาในใจ
ขอให้ต้นมาขัดขวางพิธีกรรมครั้งนี้ได้ทันเวลาเท่านั้นเอง
โฉมศรีเดินนำหน้าหมอฉุย
ซึ่งนุ่งขาวเหมือนผู้เคร่งศีล มาถึงห้องพักของต้นแล้ว
หล่อนกำลังใช้ลูกกุญแจสำรองไขประตูห้องอยู่
หมอฉุยถือขันน้ำมนต์ยืนนิ่งในท่าสำรวมผิดกับแตน
ซึ่งมีอาการตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
ปื๊ดกับตุ่มรีบเข้าไปสมทบ
ยืนมองดูลูกบิดประตูที่ถูกคลายล็อคเปิดออกอย่างใจจดใจจ่อ
วินาทีอันน่าตื่นเต้นกำลังจะมาถึงแล้ว
สายตาทุกคู่
ต่างพากันจ้องมองเข้าไปในห้องเมื่อบานประตูถูกผลักเปิดออก
แล้วสิ่งที่ทุกคนได้เห็นคือร่างขอวนากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่เตียงไม้สัก
“ทำอย่างนี้หมายความว่ายังไง ทำไมไม่เคาะประตูก่อน?”
น้ำเสียงที่ร้องทักมา แสดงทีท่าไม่พอใจ
“ฉันเป็นเจ้าของที่นี่
มีสิทธิ์ที่จะเข้าห้องไหนก็ได้…” สาวใหญ่ร้องตอบกลับไปอย่างวางอำนาจ
“คุณต้นไม่อยู่…พวกคุณเข้ามาในห้องนี้ทำไมกัน?”
“ข้าจะมาไล่เจ้าให้ออกไปจากห้องนี้น่ะซิ นังผีร้าย…”
หมอฉุยบอกพร้อมกับจนขยับก้าวเข้ามาในห้อง ถือขันน้ำมนต์เตรียมพร้อม
“ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาไล่ฉันออกไปจากห้องนี้
ยกเว้นคุณต้นเพียงคนเดียวเท่านั้น!”
ดูท่าทางนางไม้สาวจะไม่มีอาการสะทกสะท้านแต่อย่างใด
คล้ายกับว่าหล่อนจะรู้ตัวล่วงหน้าอยู่แล้ว และเตรียมตัวที่จะรับมืออย่างเต็มที่
ปื๊ดมองดูแว้บเดียวก็รู้
“นังผีหน้าด้าน…แกจะต้องไปให้พ้นจากที่นี่เดี๋ยวนี้!” แตนตวาดอย่างฉุนเฉียว
“รีบลงมือเลยซิคะหมอ!”
สายตาของวนาที่จ้องมองดูแตนมีประกายฉุนเฉียวขึ้นมาแว้บหนึ่ง
แล้วกลับสงบราบเรียบวางท่านิ่งเฉยคล้ายกับไม่ประสงค์ที่จะตอบโต้ด้วย
หมอฉุยสืบเท้าก้าวเข้าไปหานางไม้สาว
หยิบกำหญ้าแพรกจุ่มน้ำมนต์ในขัน แล้วสะบัดประพรมไปที่ร่างของหล่อน
“จงไปเสีย….ไปให้พ้นจากที่นี่!”
วนาไม่มีอาการสะดุ้งสะเทือนแต่อย่างไรเลย
ยังคงนั่งนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงแต่รำคาญหยดน้ำที่บังเอิญสะบัดมาโดนหน้าโดนตาเข้าเท่านั้นเอง
“ทำอะไรกันนี่….มันไม่ตลกเลยนะคุณ!”
หล่อนยกมือป้ายหยดน้ำบนใบหน้า คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างขุ่นเคืองใจ
ทำเอาหมอฉุยถึงกับสะดุ้งนึกไม่ถึงว่าจะมาเจอเอาวิญญาณที่มีพลังอำนาจแข็งกล้าเข้าเช่นนี้
ถ้าเป็นวิญญาณของภูตผีปีศาจโดยทั่วไป
เพียงแค่โดนน้ำมนต์ปลุกเสกในขันนี้ เป็นต้องร้องโอดโอยอย่างเจ็บปวดกันไปแล้ว
ไม่มีผีตนไหนสามารถทนอยู่ได้หรอก
แสดงว่าสิ่งที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่นี้
ย่อมไม่ใช่ผีสางนางไม้ธรรมดาแน่
“เจ้าเป็นใคร….จงรีบบอกข้ามานะ!”
“ฉันชื่อวนา…อยากรู้ไปทำไม?”
“หน็อยแน่ะ ! ยังจะมาทำพูดเล่นลิ้นกับข้าอีก” หมอฉุยชักจะมีอารมณ์ฉุน “ฮึ่ม ! ดีล่ะ…เดี๋ยวเราเป็นต้องเห็นดีกัน….!”
หมอผีผู้คงแก่เรียนรู้ดีว่า น้ำมนต์ไม่สามารถทำอะไรนางไม้ตนนี้ได้แน่
จึงวางขันไว้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วล้วงมือไปในย่าม หยิบข้าสารขึ้นมากำมือหนึ่งยกขึ้นจรดว่าคาถาพรึมพำเบา
ๆ ก่อนที่จะซัดไปยังร่างนางไม้สาว
แต่ทว่าทุกคนที่ยืนมุงดูอยู่ตรงหน้าประตูห้อง
ต่างต้องพบกันความแปลกใจอีกครั้งหนึ่ง ที่ไม่เห็นวนามีท่าทางสะดุ้งสะเทือนอะไรเลย
“บ้าจริงเชียว…เล่นอะไรกันนี่…เลอะเทอะสกปรกหมด!”
วนารีบใช้มืดปัดเมล็ดข้าวสารที่เกาะอยู่ตามเส้นผมและเสื้อผ้า
มองดูหมอฉุยนัยน์ตาขวาง “นี่คุณคิดจะทำอะไร….ออกไปให้พ้นเดี๋ยวนี้นะ!”
หมอฉุยถึงกับนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ ขนาดข้าวสารเสกยังเอาไม่อยู่
เห็นทีจะต้องใช้วิธีการขั้นรุนแรงกันเสียแล้ว ล้วงหยิบมีดหมอลงอาคมขึ้นมาถือกระชับเอาไว้ในมือ
“จะยอมไปโดยดีหรือว่าต้องให้ใช้วิธีบังคับกัน…นังผีร้าย?”
“อย่านะ…จะทำบ้า ๆ แบบนี้กับฉันไม่ได้นะ!”
วนาชักจะเหลืออดเต็มทน ตลอดเวลาหน่อยทนให้หมอผีคนนั้นแสดงอิทธิฤทธิ์
โดยที่ไม่ได้คิดจะตอบโต้แต่อย่างไร แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่ยอมลดราวาศอกคงมุ่งแต่จะประทุษร้ายต่อหล่อนท่าเดียว
ความอดทนจึงถึงที่สุด
นางไม้สาวเริ่มนั่งตั้งสมาธิ
ถ้าหมอฉุยลงมือเล่นงานหล่อนด้วยมีดหมอเมื่อไหร่ จะตอบโต้กลับไปให้สาสมในทันที
มีดอาคมถูกยกขึ้นจรด
แล้วหมอฉุยก็เงื้อมีดเล่มนั้น หมายจ้วงฟันลงไปยังร่างของวนา
“หยุดนะ!”
เสียงร้องตวาดดังมาจากหน้าประตูห้อง ทุกคนต่างพากันหันไปมอง
เห็นต้นวิ่งพรวดพราดหน้าตาตื่นเข้ามา
“นี่คุณคิดจะทำอะไรกันเนี่ย?”
หมอผีชะงัก เงื้อง่ามีดค้างด้วยท่าทีงุนงงสับสนเมื่อถูกขัดจังหวะ โอกาสทองจึงเป็นของวนา
หล่อนลุกพรวดพราดออกจากเตียง โดดผลุงเข้ากอดเอวของต้นไว้
“ช่วยด้วยค่ะคุณต้น….พวกเขาหาว่าเป็นผี จะมาจับวนากัน….ช่วยวนาด้วย!”
บอกพร้อมกับขยิบตาให้กับชายหนุ่ม เพียงแค่นี้เขาจึงพอจะอ่านเกมออกนางไม้สาวออก
คงไม่อยากให้เหตุการณ์มันบานปลายไปกว่านี้
และนี่เป็นหนทางเดียวที่เขาจะช่วยยุติศึกได้
ชายหนุ่มรีบสวมรอยเล่นบทตามหล่อนนทันที
“จะบ้าหรือไง…คนชัด ๆ หาว่าเป็นผีไปได้”
“ถอยออกมาดีกว่าพี่ต้น นังนั่นเป็นผีจริง ๆ พวกเราจะช่วยพี่ต้นนะ”
เห็นคนรักเออออกับศัตรู แตนรีบท้วงติงด้วยติดจะเตือนสติ
นึกว่าชายหนุ่มกำลังสำคัญผิด
“ผีเผอที่ไหนกัน เธอเป็นคนนะคุณแตน…นี่ไง!”
ว่าแล้วต้นก็โอบกอดนางไม้สาวให้แตนดู เพื่อเป็นการยืนยันว่าหล่อนมีตัวตน
“หมายความว่ายังไงกันพี่ต้น?”
“หมายความว่าคุณวนาเป็นแฟนของผมน่ะซิ…ถามได้!”
“ว้าย ! ต๊ายตาย…” แตนกระทืบเท้าเร่า
ๆ อารมณ์พลุงพล่านด้วยลมเพชรหึง “นี่…นี่พี่ต้นถึงกับกล้ายอมรับต่อหน้าแตนว่าอีนังปีศาจนี่
มันเป็นแฟนของพี่ต้นอย่างงั้นเหรอ?”
“แล้วทำไมล่ะ…ก็เรารักกันนี่นา”
ชายหนุ่มตีหน้าตาย แกล้งโอบกอดวนากระชับขึ้น
“พี่ต้นถูกมันครอบงำจนสติเลอะเลือนไปแล้ว…เร็วเข้าหมอ รีบจัดการกับนังผีนั่นให้ได้เดี๋ยวนี้เลย!”
“อย่านะ…คุณวนาเธอไม่ใช่ผีถ้าใครขืนทำร้ายเธอผมจะแจ้งข้อหาบุกรุกทำร้ายร่างกายทันที…ไม่เชื่อลองดู!”
คำประกาศและท่าทางขึงขังเอาจริงเอาจังของต้นทำให้หมอฉุยเงอะงะไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรลงไป
ลำพังผีสางนางไม้ยังพอสู้ได้ แต่กับชายหนุ่มที่อ่อนวัย
ล่ำสันแข็งแรงกว่านี่ซิมันเป็นปัญหาหนัก
ประเหมาะเคราะห์ร้ายยังต้องเจอข้อหาบุกรุกทำร้ายร่างกายอีกด้วย
“แต่ว่า…ผู้หญิงคนนั้นเธอไม่ใช่คนนะคุณต้น!”
โฉมศรีพยายามจะช่วยพูด หวังจะให้สถานการณ์คลี่คลายลงไปในทางที่ดี แล้วหมอฉุยจะได้จัดการขับไล่ผีร้ายตอนนี้ให้พ้น
ๆ ไปเสียที
“คุณโฉมศรีรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ใช่คน
เธอมีเนื้หนังมังสายืนอยู่นี่เห็นกันชัด ๆ
กลับออกไปเสียเถอะครับกรุณาอย่ามารบกวนเราเลย”
“ไปกันเถอะยัยแตน….พวกเราอาจจะเข้าใจผิดกัน”
ตุ่มกลัวเรื่องมันจะลุกลามใหญ่โตกระตุกเพื่อนสาวเตือนให้ถอนตัวกลับ
“ไปก็ได้…แต่แตนยังไม่ยอมแพ้ง่าย
ๆ หรอกนะ…คอยดู ! !”
หล่อนสะบัดหน้าพรืด แล้วก้าวฉับๆออกไปจากห้อง ทำให้คนอื่น ๆ
ต้องพลอยเดินถามกันออกไป ปื๊ดหันมายิ้มให้กับต้นและวนา ก่อนที่จะถอยหลังออกไปแล้วปิดประตูให้
เด็กหนุ่มรู้สึกดีใจที่ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
พอทุกคนไปกันหมดแล้ว
ชายหนุ่มจึงคลายแขนที่โอบกอดนางไม้สาวแล้วมองสบตา
“คุณวนาคงจะไม่โกรธผมนะครับ ที่อ้างกับพวกเขาไปแบบนั้น”
“ไม่หรอกค่ะ…” หล่อนยิ้มเอียงอายหน้าแดง “วนาต้องขอบคุณคุณต้นเสียอีกที่มาช่วยกู้สถานการณ์เอาไว้ได้ทันพอดี…”
“ปื๊ดเป็นคนโทร.ไปบอกผมน่ะครับ พอรู้เรื่องผมรีบจับแท็กซี่บึ่งมาทันที!”
“คุณปื๊ดก็อีกคน ช่างดีต่อวนาเสียเหลือเกิน…วนารู้สึกดีใจที่มีเพื่อนอย่างคุณต้น
และคุณปื๊ด!”
“คุณวนาเป็นนางไม้ที่น่ารักออกอย่างนี้ แล้วใครล่ะจะใจจืดใจดำปล่อยให้หมอผีจับคุณไปถ่วงน้ำได้!”
“ทำพูดดีไประวังเถอะ…หนนี้ดูท่าทางคุณแตนจะโกรธคุณเอามาก
ๆ เสียด้วย”
ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ แก้เขินแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย
“ว่าแต่หมอผีคนนั้นทำอะไรคุณบ้างหรือเปล่า?”
“ทุกรูปแบบเลยค่ะ ตั้งแต่ประพรมน้ำมนต์ ซัดด้วยข้าวสารเสก จนถึงกับจะเล่นงานด้วยมีดหมอ
แต่ดีที่คุณต้นเข้ามาห้ามเอาไว้เสียก่อน”
“แล้วคุณวนาไม่รู้สึกอะไรบ้างหรอกหรือครับ?”
“เฉย ๆ ค่ะ….ท่าทางหมอผีคนนี้จะมีวิชาพอตัวเหมือนกัน
แต่อำนาจบุญบารมียังมีไม่ถึง ไม่สามารถทำอะไรวนาได้หรอกค่ะ”
“อย่าเพิ่งมั่นใจไปนักเลย ผมเชื่อว่าเรื่องราวมันจะยังไม่ยุติลงแค่นี้หรอกนะครับ….”
“วนาเป็นถึงเทพที่เพียรประกอบแต่คุณงามความดีช่วยเหลือมนุษย์มาช้านาน
จึงพอมีฤทธิ์อยู่บ้าง แค่หมอผีชั้นปลายแถว วนาไม่เคยนึกวิตกหรอกนะคะ”
หล่อนบอกอย่างมีความมั่นใจเต็มที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น