วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2559

เตียงนางไม้ ตอนที่ 31

โดย...เจิด จินตนา
31...


            “สวัสดีครับคุณโฉมศรี
            สาวใหญ่สะดุ้งสุดตัว  เพราะกำลังนั่งตรวจบัญชีอยู่เพลินๆ  หมอฉุยก็เปิดประตูสำนักงาน โผล่หน้ามาร้องทัก
            “แหมใจหายแว้บเลย  เล่นมาเงียบๆ  ไม่ให้ซุ่มให้เสียง  คนยิ่งใจคอไม่ค่อยดีอยู่ด้วย….นั่งก่อนซิจ๊ะพ่อหมอ
            หล่อนต่อว่าผู้มาเยือนยามวิกาล  พร้อมกับกล่าวเชื้อเชิญ  หมอฉุยรีบปิดประตูกรจก  เดินมานั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของโฉมศรี
            “ขอโทษที่มาหาโดยไม่ได้นัดหมายบอกกล่าวล่วงหน้า  ผมเพิ่งกลับจากปทุมก็รีบตรงดิ่งมาที่นี่เลยทันที
            “พ่อหมอมีธุระอะไรกับฉันหรือจ๊ะ ?”
            “มีซิครับ….เรื่องสำคัญเสียด้วย  เกี่ยวกับนางไม้ตนนั้นล่ะครับ”
            “อีกแล้วเหรอ  ?”  
            โฉมศรีทำตาโต  พูดเรื่องนี้ทีไร  เป็นต้องขนลุกขนพองขึ้นมาทันทีด้วยความรู้สึกเข็ดขยาด
            “ถ้าจะมาทำพิธีอีกล่ะก็ไม่เอาแล้วนะ   พอกันทีแค่นี้ฉันก็แทบจะจับไข้หัวโกร๋นอยู่แล้ว!”
            “ไม่ใช่หรอกครับคุณโฉมศรี  แต่ผมมีวิธีที่จะจัดการกับมันแล้ว  คราวนี้รับรองว่าไม่พลาดแน่
            “จริงเหรอพ่อหมอฉันน่ะไม่ค่อยอยากจะเชื่อหรอกนะ  ครั้งก่อนก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วผลที่ออกมาเป็นยังไงล่ะ?”   สาวใหญ่ว่าเหน็บแหนม
            “นั่นเป็นเพราะผมประมาทเอง   แต่อาจารย์บุญเป็นผู้ที่มีฤทธิ์มีอำนาจ  สามารถจะสู้กับมันได้อย่างแน่นอน
            “ใครกันหรืออาจารย์บุญที่ว่านี่น่ะ?”
            “เป็นหมอผีที่มีวิชาอาคมเหนือกว่าผม”   หมอฉุยเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอาจารย์บุญ  ให้ฟังอย่างคร่าวๆ
            “เราเกือบจะจับนางไม้ตนนี้เอาไว้ได้แล้ว    แต่มีคนมาขัดขวางพิธีกรรมของอาจารย์บุญ  เลยพลาดไปอย่างน่าเสียดายมาก
            “มันเป็นใครเหรอพ่อหมอ?”
            “เจ้าหนุ่มที่ชื่อต้นคนนั้นแหละ
            “คุณต้น?”   สาวใหญ่อุทานอย่างรู้สึกแปลกใจ  เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง  คุณต้นจะไปขัดขวางพิธีของอาจารย์บุญที่ว่าได้ยังไงกัน  ?”
            “เป็นความจริงครับ ผมเองก็แทบไม่เชื่อเหมือนกัน   แต่นางไม้ตนนี้มีฤทธิ์เดชมาก  ทำให้เตียงที่อยู่ในห้องน่ะไปปรากฎที่ป่าช้าพร้อมกับเจ้าหนุ่มคนนั้น   พิธีกรรมสะกดวิญญาณของมันจึงต้องล้มเหลวลง
            “ตรายจริง!  นี่หมายความว่าคุณต้นก็มีวิชาอาคมเหมือนกันเหรอ?”
            “ไม่ใช่หรอกครับ...แต่แกเป็นคนที่มีพลังจิตแข็งมาก  สามารถปกป้องครองนางไม้ตนนั้น จากเวทมนต์ของอาจารย์บุญได้  เพราะอย่างงี้แหละผมถึงต้องมาขอความช่วยเหลือจากคุณโฉมศรี
            “จะให้ฉันทำอะไรล่ะพ่อหมอ?
            “ช่วยพาผมไปพบกับคุณแตนหน่อยเถอะครับ ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องเธอ
                        ************
            ด้วยการนัดหมายกันทางโทรศัพท์ แตนจึงมาพบกับโฉมศรีและหมอฉุยที่ค็อฟฟี่ช็อปของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง  ย่านถนนงามวงศ์วาน   ในตอนสายของวันต่อมา
            “คุณโฉมศรีบอกว่า ลุงฉุยมีธุระอะไรจะพูดกับแตน?”   หญิงสาวถามเมื่อนั่งลงตรงข้ามกับหมอผีสูงอายุเรียบร้อยแล้ว
            “ครับคุณแตน เรื่องผีนางไม้ที่คุณให้ผมทำพิธีขับไล่  ไม่ทราบว่าคุณยังต้องการจะให้ผมทำต่ออีกหรือเปล่าครับ?”
            “อ๋อ...แน่นอนอซิคะ ถ้าลุงฉุยมีวิธีที่จะจัดการกับมันได้ก็ทำไปเลย
            “ผมกำลังหาทางอยู่ครับ  แต่ว่านางไม้ตนนี้มันมีฤทธิ์เดชมากเกินกว่าที่ผมจะจัดการได้”  หมอผีเฒ่ารับสารภาพอย่างซื่อๆแบบคนที่ชอบพูดอะไรตรงไปตรงมา
            “อ้าวถ้าอย่างนั้นแล้วเรีกแตนมาทำไมล่ะลุง?”
            “คืออย่างงี้ค่ะคุณแตน”   เห็นสีหน้าหญิงสาวแสดงอาการไม่พอใจโฉมศรีรีบชิงพูดสอดขึ้นมา  หมอฉุยเขามีเพื่อนคนหนึ่ง  เป็นหมอผีที่เก่งมากชื่ออาจารย์บุญ เลยขอร้องให้มาช่วยจัดการเรื่องนี้แทน
            “จะเป็นใครไม่สำคัญ  ขอเพียงกำจัดอีนังผีร้ายตนนี้ออกไปให้พ้นจากพี่ต้นได้แค่นั้นแหละ   แตนก็พอใจแล้ว  เร็วได้เท่าไหร่ยิ่งดี
            “ผมกล้ารับรองว่าอาจารย์บุญสามารถจัดการกับผีนางไม้ตนนี้ได้อย่างแน่นอนเลยครับคุณแตน”  หมอฉุยยืนยันขันแข็ง   เพียงแต่ว่าตอนนี้เรายังทำอะไรไม่ค่อยถนัดนัก   เพราะมีคุณต้นคอยขัดขวางอยู่นั่นเองครับ
            “ไม่เห็นจะยากเย็นอะไรเลยนี่นา  ลงมือตอนที่พี่ต้นไม่อยู่ซิคะลุง
            “ไม่ได้หรอกค่ะคุณแตน”  โฉมศรีส่ายหน้า  จีบปากจีบคอพูด  คุณต้นน่ะแกคอยคุมแจไม่ยอมห่างเลย ตั้งแต่ที่รู้ว่าเราเชิญหมอผีมาทำพิธีขับไล่นางไม้ในห้องนั้น
            “อ้าว!   แล้วตอนกลางวันพี่ต้นไม่ได้ไปทำงานหรอกเหรอ?”
            แตนรู้สึกข้องใจ  เพราะเป็นไปไม่ได้แน่ที่ชายหนุ่มจะขลุกอยู่แต่ในห้องตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง  เพื่อคอยปกป้องมีนางไม้ตนนี้  จนไม่เป็นอันทำงานทำการ
            “พิธีกรรมสะกดวิญญาณของอาจารย์บุญ  จำทำได้ก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วเท่านั้นเองครับคุณแตน
            หมอฉุยอธิบาย   ยิ่งดึกมากเท่าไหร่  เวทมนต์ก็จะยิ่งเพิ่มความขลังมากขึ้น  เวลากลางวันจะไม่ได้ผลอะไรเลย
            “อ๋อ อย่างงี้นี่เอง   แตนเข้าใจล่ะ”   หญิงสาวรับฟังแล้วพยักหน้าช้าๆ   พอตกค่ำพี่ต้นก็จะคอยไปเฝ้านังนี่ไว้เราเลยทำอะไรมันไม่ได้  นอกจากจะหาทางแยกพี่ต้นออกไปเสียก่อน
            “ถูกแล้วครับผมถึงต้องมาหาคุณ
            “จะให้แตนทำอะไรหรือคะ?”
            “ผมเองก็ยังไม่ทราบ  อาจารย์บุญวานผมให้มาเชิญคุณไปปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้แหละครับ
            “ตกลงค่ะ…..แตนจะไป

            ต้นนั่งดูวนาทำความสะอาดห้องพัก  อย่างเพลิดเพลิน  วันนี้เป็นวันหยุดเขาจึงไม่ต้องไปบริษัท  ตั้งใจจะลงมือทำความสะอาดห้องด้วยตนเอง  แต่กลับถูกหล่อนแย่งทำจนหมด  และขอร้องแกมบังคับ ให้เขาแค่นั่งดูอยู่เฉยๆ ในห้องกำลังชุลมมุนวุ่นวายกันไปหมด  นางไม้สาวเพียงแค่นั่งชี้นิ้วออกคำสั่งอยู่บนเตียง  ทุกอย่างก็ทำงานกันไปตามหน้าที่  และเคลื่อนไหวได้เองราวกับมีชีวิตชีวาไม่ว่าจะเป็นไม้กวาด  ที่ตักผง  ไม้ถูพื้น  ถังน้ำ  ผ้าขี้ริ้ว  หรือแม้แต่กำละมังซักผ้า
            เหมือนกับว่ามีคนหลายคนที่มองไม่เห็นเห็นตัว  กำลังทำงานอยู่อย่างขะมักเขม้น  หน้าที่ใครหน้าที่มัน เป็นที่น่าอัศจรรย์ใจสำหรับชายหนุ่มที่นั่งดูอยู่
            เพียงชั่วเวลาแค่ไม่นานนัก  ทุกสิ่งทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยลง  ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆนี้  แลดูสะอาดเอี่ยมทุกซอกมุม  เสื้อผ้าที่ซักเสร็จแล้วถูกแขวนตากอยุ่บนราว  ความวุ่นวายโกลาหลทั้งหลายแหล่พลันยุติลง
            “เป็นนางไม้ก็ดีเหมือนกันนิ   งานบ้านที่คนต้องใช้เวลาเกือบครึ่งค่อนวัน  คุณทำเสร็จได้ในชั่วประเดี๋ยวเดียวเอง แถมยังไม่ต้องเหนื่อยอีกต่างหาก
            “คุณชมวนา   หรือแกล้งว่าประชดกันแน่คะคุณต้น?”
            “เปล่าประชดนะแค่รู้สึกอิจฉานิดหน่อย  ที่ผมทำไม่ได้อย่างคุรเท่านั้นแหละ!”   ชายหนุ่มบอกด้วย้ำเสียงและสีหน้ายิ้มๆ นางไม้สาวเห็นเข้าเช่นนั้นจึงลุกจากเตียงเดินเข้ามายื่นหน้าถามอย่างข้องใจ
            “พูดแบบนี้คงอยากจะเป็นเหมือนวนา อย่างงั้นล่ะซิท่า?
            “ไม่ดีกว่ามั้ง”  เขาสั่นหน้า   ผมยังอยากจะมีชีวิตอยู่ดูโลกนี้ต่อไป    อีกนานๆอย่างคนธรรมดามากกว่า  ยังไม่อยากเป็นผีในตอนนี้หรอกครับ
            “เป็นผีน่ะมันไม่ดีตรงไหนหือ…..คุณต้น  ?”
            “อ้าว  ก็ต้องคอยแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกคน  ไม่เห็นสนุกตรงไหน  น่าเบื่อจะตายชัก
            “คุณต้นนี่ท่าจะชอบดูหนังผีมากจนเกินไปเสียแล้ว  ผีที่ดีเขาไม่หลอกหลอนใครต่อใครจนเปรอะไปหมดหรอกนะคะจะบอกให้  มีแต่จะคอยช่วยเหลือผู้คน ที่ตกทุกข์ได้ยากเสียมากกว่า
            “จ้ะ แม่คุณ...แล้วที่คุณเคยทำกับผม  ทำกับคุณแตน  อย่างงั้นไม่ได้เรียกว่าหลอกเหรอไง?”
            “นั้นมันเหตุสุดวิสัย  เป็นการป้องกันตัผีก็มีสิทธิ์ที่จะป้องกันตัวเองเหมือนกันนี่นา  จริงไหมล่ะคะ?”
            “เอาล่ะๆ ผมขี้เกียดต่อปากต่อคำกับคุณแล้ว”  ต้นโบกไม้โบกมือให้หล่อนยุติเรื่องนี้  ว่าแต่ว่า….วันหยุดทั้งทีผมกะจะทำงานบ้าน  แต่คุณก็มาแย่งผมทำเสียจนหมด  แล้วทีนี้จะมีอะไรเหลือให้ผมทำแก้เซ็งล่ะ  ?”
            “อ๋อมีแน่ค่ะคุณต้น  วนาคิดเอาไว้อยู่แล้ว
            “อะไรหรือครับคุณวนา?”
            “ก็พาวนาออกไปเที่ยวน่ะซิคะ  วนาอยากเปิดหูเปิดตามั่ง  อุดอู้อยู่แต่ในห้องมานานแล้ว

            ที่เรือนไทยของอาจารย์บุญ  หมอฉุยพาโฉมศรีกับแตนมาพบกับอาจารย์เฒ่า  ซึ่งยังมีร่องรอยบาดเจ็บจากการต่อสู้กับนางไม้สาวหลงเหลือให้เห็นอยู่
            “อีนางไม้ตนนี้มันทำผมเจ็บแสบจริงๆ  ถ้าไม่ใช่เพราะคุณต้นเข้ามาขัดขวางพิธีกรรมของผม  ป่านนี้ผมคงจะสะกดวิญญาณของมันเอาไว้กับต้นไม้ ไม่ได้ไปผุดไปเกิดแล้ว
            เมื่อเอ่ยถึงศัตรู  ที่ทำให้ต้องได้รับความปราชัยอย่าน่าอัปยศอดสู  แววตาของอาจารย์บุญฉายแววความแค้นเดือดอย่างรุนแรงขึ้นมาทันที
            “ทำไมพี่ต้นถึงมาทำลายพิธีกรรมของอาจารย์ได้ล่ะคะ  ?”  แตนมีสีหน้าข้องใจ  จากริ้วรอยบาดแผลตามร่างกาย ของอาจารย์บุญแสดงให้เห็นว่าหมอผีผู้นี้ต้องได้รับบาดเจ็บด้วยน้ำมือของนางไม้สาวไม่ใช่น้อย
            “นังผีตนนั้น  มันพานายต้นมาหาผม  ด้วยเตียงของมัน
            “เตียงที่อยู่ในห้องของพี่ต้นนั่นน่ะหรือคะ?”
            “ครับใช่แล้ว”  อาจารย์บุญพยักหน้ารับ  มันเป็นเทพชั้นรุกขเทวดาที่มีบุญฤทธิ์ไม่น้อยเลยทีเดียว  มันสามารถทำให้เตียงตัวนั้นมาปรากฎในป่าช้าที่ผมกำลังทำพิธีอยู่ได้
            “แทบไม่น่าเชื่อจริงๆ  แตนเคยคิดว่าเทวดานางไม้มันเป็นเพียงแค่นิทานที่คนโบราณแต่งขึ้นมาเท่านั้นเอง
            “มันมีจริงๆค่ะคุณแตน”  โฉมศรียืนยัน  ในวันที่หมอฉุยไปทำพิธีที่อพาร์ตเม้นท์คืนนั้น  ดิฉันกัยหมอฉุยก็ถูกมันเล่นงาน จนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน…..ดิฉันเห็นมันเหาะอยู่ในอากาศ  ลอยพลิ้วไปพลิ้วมาเหมือนกับนางฟ้ายังไงยังงั้นแหละค่ะ   พูดแล้วขนลุกจริงๆ อี๋ยย์”   สาวใหญ่ทำท่าขนลุกขนชัน แสดงความหวาดกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด
            “มันจะเป็นผีสางหรือนางฟ้า  แตนไม่สนใจทั้งนั้นรู้อยู่อย่างเดียวจะยอมให้มันมาแย่งพี่ต้นไปจากแตนไม่ได้ เป็นยังไงก็เป็นกัน” 
             หญิงสาวประกาศอย่างเด็ดเดี่ยว  ด้วยแรงหึงหวงที่มีต่อชายคนรัก  ทำให้หล่อนซึ่งไม่เคยยอมแพ้ใครง่ายๆไม่หวั่นเกรงแม้หน้าอินทร์หน้าพรหม
            “ใจเย็นๆเอาไว้ก่อนครับคุณแตน”   หมอฉุยพูดเตือนสติ  การกำจัดผีนางไม้ตนนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ  นอกจากมันจะมีฤทธิ์เดชดุร้ายน่ากลัวแล้ว คุณต้นยังคอยช่วยเหลือปกป้องมันอยู่อีกด้วย  เราเลยยังทำอะไรมันไม่ได้หรอกครับ
            “ถ้างั้นต้องทำยังไงล่ะถึงจำกำจัดอีนังปีศาจนี่ไปให้พ้นๆจากพี่ต้นได้คะอาจารย์?”แตนหันไปถามกับอาจารย์บุญ
            “ความจริงมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย  เพียงแค่แยกคุณต้นออกมาในระหว่างที่ผมทำพิธีอยู่เท่านั้นแหละครับ
            “เรื่องนี้มีคุณแตนคนเดียวเท่านั้นแหละครับที่จะช่วยเราได้  ผมถึงต้องเชิญคุณมาที่นี่ไง
            “แตนน่ะหรือคะ?”
            “ถูกแล้ว คุณเป็นคนรักของเขาไม่ใช่หรือครับ?”
            “เมื่อก่อนอาจจะใช่  แต่เดี๋ยวนี้แตนชักจะไม่ค่อยแน่ใจ  ตั้งแต่มีอีนังนั่นเข้ามาเกี่ยวข้อง  พี่ต้นดูเปลี่ยนแปลงไปมาก
            “มันยังไม่สายจนเกินไป ที่คุณจะดึงความสนใจของเขากลับมาหาคุณ  ก่อนอื่นต้องพยายามทำดีกับเขาให้มากที่สุด หมั่นไปมาหาสู่เหมือนเดิม  แสดงให้เขาเห็นว่าคุณไม่ได้ติดใจที่จะให้เขาคบหากับผีนางไม้ตนนั้นอีกต่อไปแล้ว
            อาจารย์บุญให้คำแนะนำ
            “แตนคงทำใจไม่ได้หรอกค่ะอาจารย์ พอเห็นหน้าอีนังนั่นมันทีไร  เป็นต้องนึกอยากจะทำลาย มันให้แหลกยับคามือไปทุกที
            “คุณต้องทำให้ได้ระครับคุณแตน  ความหวังของเราอยู่ที่คุณคนเดียวเท่านั้น  ไม่งั้นแล้วก็ไม่มีทางอื่นอีกเลย
            “พยายามหน่อยเถอะค่ะคุณแตน”   โฉมศรีช่วยพูดเสริม  อดทนเอาไว้ก่อน  แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสียเพื่อให้คุณต้นตายใจ  เราจะได้กำจัดวิญญาณร้ายนี่ให้พ้นๆไปเสียทียังไงล่ะคะ  ดิฉันก็ไม่อยากให้มันอยู่ที่อพาร์ตเม้นท์นั่นตลอดไปหรอกค่ะ
            หญิงสาวนั่งนิ่งอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง  นึกถึงเหตุการณ์ต่างๆที่นางไม้สาวเคยทำกับหล่อนเอาไว้  ทำให้รู้สึกเจ็บแค้นใจไม่หาย
            นางมารร้ายตนนี้ทำให้คนที่หล่อนรักหันเหเปลี่ยนใจไปจากหล่อน  ถ้าไม่ทำอะไรลงไปสักอย่างหล่อนอาจจะต้องสูญเสียเขาไปเลยตลอดกาล  นั่นเป็นสิ่งที่หล่อนจะยอมไม่ได้อย่างแน่นอน
            แต่ลำพังตัวเองคงไม่มีปัญญาอะไรที่จะไปสู้รบปรบมือกับผีสางนางนาไม้  เพื่อแย่งชิงคนรักกลับคืนมา  ในเมื่อไม่มีทางให้เลือก  ก็จำเป็นอยู่เองที่หล่อนจะต้องเก็บความรู้สึกที่มีต่อศัตรูเอาไว้ก่อน
            “ตกลงค่ะแตนจะพยายาม!”

            ในช่วงบ่ายของวันเสาร์  เป็นเวลาที่ตลาดนัดสวนจตุจักรเริ่มจะคึกคักด้วยผู้คนที่มาเดินจับจ่ายซื้องของ นางไม้สาวเพิ่งจะมีโอกาสได้มาเห็นเป็นครั้งแรก   จึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา
            “ที่นี่เขามีอะไรกันหรือคะ  ทำไมคนถึงได้เยอะแยะเต็มไปหมดอย่างงี้
            “มีตลาดนัดน่ะครับคุณวนา  ที่นี่มีของขายเกือบทุกอย่างเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์  คุณอยากได้อะไรบ้างล่ะ เดี๋ยวผมจะซื้อให้
            “วนาไม่อยากได้หรอกค่ะ  ขอเดินดูเฉยๆดีกว่าท่าทางน่าสนุกดีนะคะ” 
             หล่อนบอกด้วยน้ำเสียงร่าเริง  พร้อมกับมองไปรอบๆ  อย่างตื่นตนตื่นใจ  เห็นมีรถราแล่นกันขวักไขว่  หนุ่มสาวในชุดเสื้อผ้าอาภรณ์ หลากสีหลายแบบ  เดินไปเดินมาแลดูลานตา
            บางคู่เกาะเกี่ยวควงแขนชี้ชวนกันชมสินค้าที่วางขายอยู่ในเต้นท์รอบๆบริเวณอันกว้างขวางแห่งนี้ด้วยท่าทางมีความสุข  ดูช่างน่ารักเสียจริงสำหรับนางไม้สาว
            “ไปทางโน้นกันดีกว่านะคะคุณต้น”  
            หล่อนหันมาบอกกับชายหนุ่ม  แล้วสอดแขนควงตามแบบอย่างที่ได้เห็นมา  ดึงเขาให้เดินตามฝูงชนเข้าไปด้านในของตลาดนัดอันจอแจ
            สองฟากทางเดิน  เป็นร้านค้าขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปวนารู้สึกตื่นเต้นชอบอกชอบใจ  ที่เห็นมีชุดสวยๆงามๆ แขวนโชว์อยู่มากมายเต็มไปหมด
            “โอ้โฮ…..ชุดสวยๆทั้งนั้นเลยนะคะคุณต้น  !”
            “เลือกดูซิครับ….อยากได้ชุดไหน”   นางไม้สาวเห็นกระโปรงชุดสีเหลืองสะดุดตา  จึงเดินเข้าไปจับลูบคลำดู เจ้าของร้านบูติกแห่งนั้นซึ่งเป็นหญิงสาวส่งยิ้มให้กับหล่อน
            “เชิญดูก่อนซิคะ  นี่เป็นแบบใหม่ล่าสุด  เหมาะสมกับหุ่นแบบคุณมากจริงๆนะคะ
            “คุณต้นว่าชุดนี้ดีไหมคะ?
            ”นางไม้สาวหยิบกระโปรงชุดนั้นยกชูให้ชายหนุ่มดู
            “ดีครับ…..คุณวนา   น่ารักดี
            หล่อนยิ้มแล้วเอากลับไปแขวนไว้ที่เดิม  ยืนมองอย่างพออกพอใจ
เป็นไง ชอบไหมคะ?”  
            หญิงสาวเจ้าของร้านถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม  เพื่อเอาใจลูกค้า  แต่วนาไม่ตอบหล่อนเพียงแค่พยักหน้าขึ้นหนหนึ่ง  ชุดที่สวมใสอยู่ก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นกระโปรงชุดสีเหลือง เหมือนกับชุดที่แขวนอยู่ตรงหน้าอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
            “เอ๊ะ!  นี่คุณ?”  
            เจ้าของร้านอ้าปากค้างตาเหลือก   หล่อนยกมือขยี้ตาอย่างไม่แน่ใจเหมือนเช่นนั้น  หันมองชุดที่แขวนโชว์ก็ยังอยู่ที่เดิม  เลยยืนงงทำอะไรไม่ถูก
            “ไปเถอะ รีบไปจากที่นี่เร็ว”  
            ต้นคว้าข้อมือนางไม้สาว   พาเดินจ้ำอ้าวออกไปจากหน้าร้านนั้นอย่างรวดเร็ว
            ชายหนุ่มรู้สึกตกใจมาก นึกไม่ถึงว่าหล่อนจะทำเช่นนี้    เขาจูงมือหล่อนเดินจ้ำพรวดๆออกมา  ทางด้านซุ้มขายต้นไม้ประดับ  ซึ่งมีผู้คงบางตาพอสมควรจากนั้นจึงหยุดแล้วหันมองทำตาดุ
            “คุณไม่น่าทำอย่างนี้เลยนะครับคุณวนา
            “ทำไมหรือคะ วนาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย?”   หล่อนขมวดคิ้ว  เอียงหน้าถามอย่างไม่เข้าใจ
            “ยังจะมาย้อนถามผมอีก  คุณใช้อิทธิฤทธิ์ทำให้คนตกอกตกใจหมด
            “อ้าว! ก็วนาชอบชุดนี้  คุณต้นยังบอกว่าน่ารักดีเลย
            “ถ้าชอบต้องใช้เงินซื้อ  ไม่ใช่เอะอะก็เสกขึ้นมาเองต่อหน้าต่อตาคนอื่น  มันไม่ดีระครับคุณวนา
            “ขอโทษค่ะวนาไม่รู้จริงๆ  ว่ามนุษย์ต้องใช้เงินแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน
            “ทีหลังอย่าทำอีกนะครับคุณวนา     ผมขอร้องเถอะ
            “เจ้าค่ะวนาจะเดินดูเฉยๆ  ไม่ทำให้ใครตกอกตกใจอีกแล้ว  ขอสัญญาค่ะ” 
            นางไม้สาวย่อตัวถอนสายบัวแล้วยิ้มเจื่อนๆ แบบรู้สำนึกผิด  ชายหนุ่มหัวเราะหึๆ  รู้สึกขำในท่าทางของหล่อน  นึกอยู่ในใจว่า  เขาคิดผิดหรือเปล่าที่พาหล่อนมาเที่ยวตลาดนัดแบบนี้   กำลังจะขยับก้าวออกเดิน  พลันรู้สึกมีมือยื่นมาแต่ะที่ไหล่
            “พี่ต้น
            ชายหนุ่มรีบหันขวับไปมอง







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น