โดย...เจิด จินตนา
35...
ตุ่มรอฟังคำนี้มานานแล้ว รีบลืมตาขึ้นมองทันที ภาพที่ปรากฎต่อสายตาคือ สีเขียวขจีของพืชพรรณไม้นานาชนิด ท่ามกลางขุนเขาอันกว้างใหญ่ไพศาล ลองหยิกแขนตัวเองดูจึงรู้ว่าไม่ใช่ฝันไปแน่
“โอว๊าว…..มาได้ยังไงกันเนี่ยะ ปุ๊บเดียวก็ถึงแล้ว??”
“บอกแล้วไงว่าเตียงตัวนี้พาเรามา”
ต้นชี้ให้ดูที่เตียง หญิงสาวรีบก้มลงมองเห็นเตียงตัวนั้นอยู่บนพื้น ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นแปลกใจ
“อ้าว….เตียงวิเศษหรอกเหรอ ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ยะ” กระโดตุ๊บลงจากเตียง ก้มๆเงยๆ ดูอย่างสงสัย “มันพาเรามาได้ไง ถามหน่อยซิ?”
“คุณวนาใช้อำนาจบารมีเทพที่เธอมีอยู่ ทำให้เตียงตัวนี้ไปที่ไหนก็ได้ตามใจนึก ไม่ต้องแปลกใจหรอก เธอเป็นนางไม้ที่มีอิทธิ์ฤทธิ์ เลยทำอะไรก็ได้อยู่แล้ว”
“จริงซิพี่ต้น….แหม,
คุณวนานี่เก่งจังเลยนะ”
ตั้งแต่ได้มาคลุกคลีใกล้ชิดกับนางไม้สาว ความหวาดกลัวของตุ่มค่อยๆเลือนหายไป กลายเป็นความรู้สึกนิยมชมชอบขึ้นมาแทน
ได้เห็นความพยายามในการช่วยสัตว์ป่า ที่ถูกจับมาขายในตลาดนัด ตุ่มจึงเชื่อแล้วว่าหล่อนเป็นนางไม้ที่มีจิตใจเมตตาอารี มิได้ดุร้ายน่ากลัวอย่างที่ใครๆคิด
วนาอุ้มลูกชะนีลุกขึ้นจากเตียง แล้วหันมาชวนทุกคน
“ไปกันเถอะคะ
ฝูงชะนีคงจะอยู่ใกล้ๆแถวนี้เอง”
หล่อนก้าวออกเดินนำหน้า ฝ่าเข้าไปในคงไม้หนาทึบ ต้นกับตุ่มจึงเดินตามหลังไปอย่างเงียบๆ
สักพักใหญ่ๆ
ต่อมา
ก็ได้ยินเสียงชะนีร้องดังแว่วมาแต่ไกล
วนาแหงนมองไปยังทิศทางที่มาของเสียงนั้น รู้สึกดีใจเพราะความหวังที่จะช่วยชีวิตลูกชะนีอยู่ใกล้แค่เอื้อมนี่เอง
“ทนเอาหน่อยเถอะนะ
ไม่ช้าเจ้าก็จะได้อยู่กับครอบครัวของเจ้าแล้ว”
ลูบหลังเบาๆบอกกับมัน
ดูท่าทางเจ้าชะนีน้อยค่อยมีชีวิตชีวาสดใสขึ้นมาหน่อย เมื่อได้เห็นดินแดนถิ่นกำเนิดของมัน
เดินต่อไปอีกไม่นานนัก เบื้อนงหน้าเป็นต้นมะค่าใหญ่ เห็นฝูงชะนีห้อยโหนไปมาอยู่เต็มต้นไม้ หน้าสลอน
“ว้าว,
นั่นไงชะนี….โอ้โฮเยอะแยะเลย !”
เสียงร้องตื่นเต้นของตุ่ม ทำให้ชะนีฝูงนั้นพากันชะงัก พอเห็นมนุษย์เข้าเท่านั้นแหละ พวกมันรีบกระโจนพรวดๆหายวับเข้าดงไม้ไปทันที
“โวยวายไปได้ตุ่ม….ดูซี่, เห็นมั้ย พวกมันหนีไปกันหมดแล้ว ” ต้นต่อว่าเพื่อนสาว
“ขอโทษค่ะ….ตุ่มดีใจจนลืมตัวไป ไม่เคยเห็นชะนีมากมายแบบนี้มาก่อน” หญิงสาวสารภาพเสียงอ่อย
“ไม่เป็นไรหรอกนะ เดี๋ยวพวกมันก็กลับมาเอง” นางไม้สาวบอก “คุณตุ่มกับคุณต้นรออยู่ที่นี่ก่อนนะวนาจะเอาลูกชะนีขึ้นไปไว้บนต้นไม้”
ทั้งสองคนพยักหน้ารับ วนาโบกมือเปลี่ยนชุดที่สวมใส่อยู่
กลับกลายเป็นชุดนางไม้ของหล่อนตามเดิมเพราะไม่อยากให้พวกชะนีต้องตกใจกลัว เมื่อหล่อนเข้าไปใกล้ จากนั้นจึงทะยานตัวลอยขึ้นจากพื้นดิน
ร่างในชุดสีชมพูเรืองแสง ลอยพริ้วขึ้นไปที่ต้นมะค่าใหญ่ ตุ่มอ้าปากหวอมองดูอย่างตื่นตะลึง
เห็นวนาลอยเข้าไปใกล้กิ่งไม้
คล้ายปุยเมฆเบาบางที่ไร้น้ำหนักหล่อนวางลูกชะนีไว้บนคาคบ พูดอะไรกับมันสองสามคำ โบกมือให้แล้วพริ้วลอยตัวกลับมา
“เรียบร้อยแล้วค่ะ เดี๋ยวพวกมันคงจะมารับตัวไปเอง”
“ดีค่ะ…งั้นเราก็หายห่วง กลับกันได้แล้วน่ะซีคะ ?” ตุ่มกระซิบถาม ไม่กล้าทำเสียงดัง
“ยังหรอกตุ่ม ฉันอยากจะรอดูให้แน่ใจเสียก่อน”
ต้นยังไม่ยอมกลับ
จนกว่าจะรู้ว่าลูกชะนีตัวนั้นปลอดภัยแล้วจริงๆ วนาพยักหน้าเห็นด้วย
“ดีเหมือนกันค่ะ….งั้นเราไปแอบดูในพุ่มไม้ดีกว่าพวกมันจะได้ไม่ตกใจกลัว”
ทุกคนพากันล่าถอยออกไปจากจุดที่ยืนอยู่ เห็นมีพุ่มไม้ใบหญ้าทึบอยู่ไม่ไกลนัก จึงเข้าไปซุกซ่อนตัวแอบอยู่ในดงไม้นั้น
เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างเชื่องช้า
ลูกชะนีตัวน้อยส่งเสียงร้องโหวยหวนได้ยินไปไกล เหมือนกำลังเรียกร้องความสนใจ เมื่อต้องถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพัง
ในพุ่มไม้ วนากับทุกคนนั่งนิ่งเงียบ สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องไปที่คาคบมะค่าใหญ่
สังเกตดูความเคลื่อนไหวของลูกชะนีตัวนั้นอย่างใจจดใจจ่อ
ชะรอยฝูงชะนีคงจะได้ยินเสียงร้อง มันค่อยๆโผล่หน้าออกมาดูทีละตัวสองตัว แต่ยังคุมเชิงอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้ามาใกล้
พอลูกชะนีเห็นพวกของมัน
เลยยิ่งส่งเสียงร้องดังขึ้นทำท่าจะลุกเดินไปหา
ทว่ากลับล้มฟุบลง
เพราะความอ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรง
ทำให้วนาเกือบจะลุกไปหามันด้วยความเป็นห่วง กลัวว่ามันจะตกลงมาจากต้นไม้
“รอดูไปก่อนดีกว่าครับ ผมว่ามันไม่ตกลงมาแน่ ” ต้นกระซิบบอก
จริงอย่างที่ชายหนุ่มว่า
มือของชะนีนั้นมีคุณสมบัติพิเศษในการยึดเกาะ
ก่อนที่ลูกชนะจะพลัดหล่นลงมามันรีบเกาะคบไม้เอาไว้แน่น แล้วโหนตัวกลับขึ้นไปอย่างช้าๆ
ปากก็ร้องลั่นไม่ได้หยุด
ชะนีตัวใหญ่ท่าทางจะเป็นจ่าฝูง แสดงความกล้าหาญกระโจนพรวดออกจากที่ซ่อน โยนตัวโหนกิ่งไม้ข้ามมาจนถึงคบมะค่า แล้วนั่งเอียงคอมองดูลูกชะนีอย่างแปลกใจ
สักครู่หนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัยแล้ว ชะนีตัวอื่นๆจึงค่อยๆทะยานตามกันมา เกาะอยู่ตามกิ่งต่างๆ ของต้นมะค่า ส่งเสียงร้องกันระงม
ชะนีแม่ลูกอ่อนตัวหนึ่งเข้าไปดมๆดูแล้วผละออกมาอย่างไม่สนใจพอลูกชะนีทำท่าจะตามมันไป กลับถูกมันขู่คำรามเข้าใส่จนลูกชะนีกลัวหง๋อร้องลั่นป่า
“สงสัยจะไม่ได้เรื่องเสียแล้ว ชะนีฝูงนี้ไม่ยอมรับมัน” ต้นพึมพำอย่างรู้สึกผิดหวังเมื่อเห็นเหตุการณ์ออกมาในรูปนี้
“แม่ของลูกชะนีเป็นเมียของเจ้าตัวจ่าฝูงนี้แหละ” วนาบอกกับชายหนุ่ม ตามที่ได้ยินพวกชะนีพูดกันมา “แต่ในเมื่อแม่ของมันถูกมนุษย์ฆ่าตายไปแล้ว ก็ไม่มีชะนีตัวไหนยอมรับมันเป็นพวกอีก”
“ตายจริง….!” ตุ่มอุทานออกมาเบาๆด้วยความรู้สึกสงสารลูกชะนี “ทำไมพวกมันถึงได้ใจดำกันอย่างงี้ล่ะ?”
ชายหนุ่มมองดูลูกชะนี ที่กำลังส่งเสียร้องคร่ำครวญ แล้วถอนหายใจยาว “เหมือนอย่างที่ผมคิดไว้ไม่มีผิด
ธรรมชาติของสัตว์ป่า เมื่อแม่ของสัตว์ตัวไหนมีอันต้องตายไป ในขณะที่ลูกของมันยังตัวเล็กๆอยู่
ลูกสัตว์ตัวนั้นจะถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดียว โดยไม่ได้รับการเหลียวแลจากฝูงอีกต่อไป ถ้ายังช่วยตัวเองไม่ได้ก็จะต้องไปในที่สุด”
“เหรอ…..งั้นเราก็ไม่มีทางช่วยอะไรมันได้เลยน่ะซี” ได้ฟังต้นอธิบาย
ตุ่มยิ่มเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ
“ไม่เป็นไรหรอกนะ เดี๋ยววนาจะจัดการเอง” นางไม้สาวรู้ดีอยู่แล้ว ว่าเหตุการณ์มันจะต้องเป็นแบบนี้ หล่อนค่อยๆลอยตัวออกจากพุ่มไม้ ตรงดิ่งเข้าไปหาต้นมะค่าใหญ่ ชะนีหลายตัวเหลียวมาเห็นเข้า
ต่างส่งเสียงร้องดังลั่น
ฝูงชะนีทำท่าจะกระโจนหนี แต่กลับชะงักเหมือนต้องมนต์สะกด เมื่อวนาออกคำสั่งกับพวกมัน ทางกระแสจิต ทุกตัวต่างยืนนิ่งหยุดส่งเสียง
รอฟังคำสั่งจากนางไม้สาวด้วนอาการแสดงความยำเกรง
ตุ่มกันต้นเห็นเช่นนั้น จึงคอยๆลุกขึ้นยืนด้วยความอยากรู้อยากเห็นให้ชัดๆว่าวนาจะมีวิธีการ
ช่วยลูกชะนีตัวนั้นอย่างไร
เห็นนางไม้สาวลอยเข้าไปใกล้ฝูงชะนี
แล้วหยุดลอยตัวนิ่งอยู่กลางอากาศ
หล่อนคงกำลังพูดอะไรกับชะนีแม่ลูกอ่อน เพราะเห็นมันเดินเข้าไปหาด้วยท่าทางนบนอบ และนั่งคุกเข่าอย่างสงบ สักครู่ใหญ่ๆต่อมา
วนาจึงชี้นิ้วปล่อยสะเก็ดดาวพรั่งพรูไปที่ร่างชะนีแม่ลูกอ่อนตัวนั้นเป็นประกายแสงระยิบระยับ
พอสะเก็ดดาวจางหายไป
ชะนีแม่ลูกอ่อนก็เดินเข้าไปหาลูกชะนีกำพร้า อุ้มมันขึ้นมากอดอย่างทะนุถนอม และยอมให้มันกินนมโดยไม่ได้มีความรังเกียจรังงอนอีกต่อไป
นางไม้สาวยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ แล้วลอยกลับมาหาตุ่มกับต้นซึ่งกำลังยืนรออยู่
************
“คุณวนาน่ะยอดจริงๆเลยแตน ทำอะไรได้สารพัดอย่าง” ตุ่มคุยจ้อไม่อยมหยุดปาก เมื่อเจอหน้าเพื่อสาว “เพียงแค่ชี้นิ้วเท่านั้นเองนะ ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่เขาสั่งหมดเลย”
ด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นไม่หายกับเหตุการณ์ต่างๆที่ได้พบเห็นมา
หญิงสาวร่างตุ้ยนุ้ยจึงต้องรีบแล่นมาหาแตนถึงบ้าน ทันทีที่ออกจากห้องพักของต้น และเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้หล่อนฟัง
“ก็มันเป็นผีนี่ยะ ถึงทำอะไรๆ พิศดารได้” แตนพูดเสียงสะบัด แสดงอาการจงเกลียดจงชังจนออกนอกหน้า
“เขาไม่ใช่ผีธรรมดานะยัยแตน เขาเป็นนางไม้น่ารักแล้วก็ใจดีออก”
“นี่หล่อนคงจะถูกมันครอบเข้าอีกคนแล้วซี
ถึงได้ยกยอปอปั้นมันดีนัก?”
“ไม่ใช่อย่างงั้นนะยัยแตน ฉันเห็นอะไรต่ออะไรทั้งหมดด้วยตาของฉันเอง แรกๆฉันก็ไม่เชื่อเหมือนเธอนี่แหละ แต่พอได้รู้ความจริงแล้ว ฉันจึงเชื่อ”
“อ้อ…..นี่หมายความว่าหล่อนจะเปลี่ยนใจ ไปเข้าข้างเป็นพวกมันแล้วยังงั้นล่ะซี่?”
“เปล่าหลอกนะแตน
ฉันอยากให้เธอเข้าใจอะไรในตัวคุณวนาเสียใหม่ เขาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอคิดเลย เชื่อฉันเถอะ”
“ไม่เลวยังไง มันกำลังจะแย่งพี่ต้นไปจากฉันหล่อนไม่เห็นหรือไงหือ ตุ่ม?”
แตนตะคอกใส่เพื่อนสาวด้วยความฉุนเฉียว
จนตุ่มสะดุ้งโหยงหน้าเปลี่ยนสี
“เธอกำลังเข้าใจผิดแล้วแตน อะไรกัน…..ขี้หึงเสียจนไม่ยอมลืมหูลืมตา คนกับผีจะรักกันเข้าไปได้ยังไงกัน เซี้ยวจริงๆ”
“ฉันไม่บ้าหรอกนะตุ่ม…..การแสดงออกของพี่ต้นมันบ่งบอกอยู่เห็นชัดๆ คอยช่วยปกป้องมันทุกอย่าง ไม่ว่าฉันจะทำอะไรกับอีนังผีตัวนั้น แล้วจะให้ฉันคิดยังไง?”
“นั่นเป็นเป็นเพราะเธอจะไปทำร้ายเขานี่ คุณวนาเป็นเพื่อนของพี่ต้น พี่ต้นก็ต้องช่วยปกป้องเพื่อนน่ะซี” ตุ่มช่วยแก้ตัวแทน “เธอน่ะมีอคติ ชอบมองคนในแง่ร้ายอยู่เรื่อย ทำตัวเสียใหม่เถอะนะ ก่อนที่จะต้องนั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่า จะบอกให้”
“พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันกลัวว่าพี่ต้นจะเกิดความรำคาญในความเฮี้ยวของเธอ แล้วบอกเลิกลากับเธอไปน่ะซี”
คำพูดของตุ่มทำให้แตนต้องฉุกคิด
ในระยะหลังๆนี้ต้นทำตัวเหินห่วงกับหล่อนมาก ท่าทางของเขาดูเปลี่ยนไป เย็นชากับหล่อนทุกครั้งที่ได้พบหน้ากัน หรืออาจจะเป็นจริงอย่างที่ตุ่มพูด
หล่อนยอมไม่ได้แน่ที่จะให้มันเป็นเช่นนั้น แต่หล่อก็โยนความผิดทั้งหมดไปให้กับวนา ถ้าไม่มีแม่นางไม้สาวตัวแสบ เข้ามาเกี่ยวข้องหล่อนคงไม่ต้องมานั่งผิดใจกับต้น เป็นเพราะนังผีร้ายนี่ทีเดียวถึงทำให้สัมพันธภาพระหว่างหล่อนกับชายคนรักต้องเปลี่ยนแปลงไป
มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น
ต้องรีบกำจัดศัตรูหัวใจของหล่อนออกไปให้พ้นทางโดยเร็ว แล้วแตนก็นึกถึงคำพูดของอาจารย์บุญขึ้นมาได้ วิธีกำจัดนางไม้ตนนี้ ต้องใช้ไม้นวมหลอกล่อให้มันตายใจเสียก่อนแล้วค่อยหาโอกาสทำลายมันภายหลัง
ร้อยยิ้มเหี้ยมเกรียมปรากฎขึ้นบนในหน้าแว่บหนึ่ง ก่อนที่หญิงสาวจะรีบปั้นสีหน้า ทำเป็นได้สำนึกเสียใจ
“จริงเหมือนกันนะตุ่ม…..ฉันชอบทำอะไรเอาแต่ใจตัวเองจนติดเป็นนิสัย
นี่ถ้าพี่ต้นเกิดโกรธเกลียดฉัยขึ้นมาจริงๆล่ะก้อ…..ฉันต้องแย่แน่ๆเลย”
“ยังไม่สายเกินไปหรอกนะ ที่เธอจะปรับตัวเสียใหม่ พี่ต้นเขาคงไม่ตัดสวาทกับเธอง่ายๆหรอกน่า”
“ฉันต้องทำยังไงมั่ง ช่วยแนะนำหน่อยซี่ตุ่ม….?”
“เธอก็เลิกตั้งแง่กับพี่ต้น เลิกมีข้อแม้อะไรกับเขาทั้งนั้น ทำใจตัวเองให้ยอมรับคุณวนา เลิกคิดผูกพยาบาท อาฆาตกับเขาอีกต่อไป เรื่องก็จบแค่นั้นเอง”
“แล้ว…..แล้วคุณวนาเขาจะยอมอภัยให้ฉันเหรอ?”
“คิดว่าคงงั้นแหละมั้ง….เพราะคุณวนาเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเคืองอะไรแตนนี่
ตรงกันข้าม เขาอยากจะผูกมิตรกับเธอเสียด้วยซ้ำ
เพียงแต่เธอไม่ยอมเปิดโอกาสให้เขาเอง”
แตนแกล้งทำเป็นนิ่งคิดอยู่นิดหนึ่ง
แล้วจึงพยักหน้าช้าๆ
“เอาล่ะ….ตั้งแต่นี้ไป ฉันจะพยายามทำตัวเสียใหม่ตามที่เธอแนะนำ”
************
ต้นรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เมื่อเห็นตุ่มพาแตนมาหาเขาที่ห้อง และบอกกับเขาว่า
“แตนเขาอยากจะมาขอโทษพี่ต้นน่ะ”
สังเกตดูท่าทางของหญิงสาวเปลี่ยนแปลงไป ไม่มีแววบึ้งตึงให้เห็นเหมือนแต่ก่อน ชายหนุ่มจึงเปิดประตูรับ
“เข้ามาก่อนซิครับคุณแตน” เขาบอกพร้อมกับหลีกทางให้สองสาวเดินเข้ามาในห้องพักของเขา
แตนกวาดตามองไปรอบๆห้อง
ไม่เห็นมีร่างนางไม้สาวศัตรูของหล่อนอยู่ในนั้น
รู้ว่าวนาต้องอยู่ในห้องนี้แน่
เพียงแต่ยังไม่ปรากฎกายออกมาให้เห็นเท่านั้น
“พี่ต้น….แตนผิดไปแล้ว” หล่อนพยายามระงับอารมณ์ของตัวเอง
ปั้นสีหน้าให้ดูเศร้าสร้อย “แตนขอโทษค่ะที่เคยแสดงกิริยาไม่ดีกับพี่ต้น……ยกโทษให้แตนเถอะนะคะ?”
“พี่เข้าใจดี…..แล้วก็ไม่ได้โกรธอะไรแตนหรอก”
“แตนไม่ดีเอง ชอบเอาแต่ใจตัว ทำให้พี่ต้นต้องเดือดร้อนลำบากใจ แตนรู้สึกสำนึกผิดแล้วค่ะ ต่อไปนี้แตนขอสัญญาว่า จะไม่ทำอะไรบ้าๆแบบนั้นอีกแล้ว”
“พี่ดีใจจริงๆที่แตนคิดได้….ลืมมันเสียเถอะนะ อย่าได้เก็บมาคิดให้เป็นกังวลเลย ทำใจให้สบายดีกว่า”
ในเมื่อแตนอุตส่าห์มาขอโทษขอโพยแล้ว เพื่อเป็นการแสดงว่าเขาไม่ได้มีความชิงชัง อะไร
ในตัวหล่อนเลย ชายหนุ่มจึงยิ้มให้อย่างเปิดใจเต็มที่ พร้อมกับบีบไหล่หล่อนเบาๆ
“เห็นมั้ยล่ะ…บอกแล้วว่าพี่ต้นเขาไม่ได้คิดโกรธเคืองอะไรแตนหรอก ถ้าพูดกันดีๆ รู้เรื่อง”
ตุ่มพูดโพล่งออกมาอย่างลิงโลดใจ
เมื่อเห็นเพื่อนของหล่อนทั้งสองคนสามารถคืนดีกันได้ แตนพยักหน้ารับ แล้วแกล้งยิ้มหน้าเศร้า
“ขอบคุณพี่ต้นค่ะ….ถึงยังไงแตนก็อยากจะขอโทษคุณวนาด้วย ที่เคยเข้าใจผิดๆไป คุณวนาอยู่หรือเปล่าล่ะคะ พี่ต้น?”
“อยู่นะ พี่จะเรียกให้” ต้นหันหน้าไปทางเตียง “ออกมาเถอะครับคุณวนา แตนอยากจะพบคุณแน่ะ”
นางไม้สาวปรากฎร่างขึ้นบนเตียง ใบหน้ายิ้มแย้มอย่าเป็นมิตร
“สวัสดีค่ะ คุณแตน”
หญิงสาวเตรียมใจเอาไว้อยู่แล้ว รีบยิ้มร่าเดินเข้าไปหา จับมือวนามากุมไว้
“คุณวนา…..แตนต้องขอโทษนะคะ ที่เคยคิดร้ายกับคุณ ยัยตุ่มบอกความจริงทุกอย่างให้แตนรู้แล้ว ว่าคุณวนาน่ะเป็นเพื่อนที่ดีของพี่ต้น ไม่ได้มีจุดประสงค์ร้ายอะไรกับพี่ต้นเลย…..แตนขอโทษจริงๆ”
“ไม่เป็นหรอกค่ะ เพราะวนาไม่ใช่มนุษย์จึงทำให้คุณแตนต้องหวาดระแองเอาไว้ก่อน เมื่อคุณแตนเข้าใจอะไรในตัววนาดีแล้ว วนาก็ดีใจ”
“คุณนี่น่ารักจังเลย ไม่ได้น่าเกลียดน่ากลัวอะไรสักหน่อย หวังว่าเราคงจะเป็นมิตรที่ดีต่อกันได้นะคะ”
“ด้วยความยินดีค่ะ วนาเองก็อยากเป็นเพื่อนกับคุณแตนอยู่เหมือนกัน” นางไม้สาวพูดออกไปจากใจจริง
“นึกๆดูแล้วแตนรู้สึกละอายใจจริงๆ ที่เคยทำไม่ดีกับคุณวนาเอาไว้ ถึงขนาดเชิญหมอผีมาขับไล่คุณ แต่คุณยังยอมให้อภัยแตนทุกอย่าง…..คุณวนาช่างมีจิตใจงดงามจริงๆนะคะ”
“แหม ไม่ต้องยอกันหรอกค่ะ” นางไม้สาวชักเขินอาย “วนาไม่ได้โกรธคุณแตนเลยนะคะที่ทำไปอย่างนั้น แต่ก็ดีแล้วค่ะที่เราเป็นเพื่อนกันได้ วนาจะได้หายห่วง
ไม่ต้องคอยกังวลว่าคุณต้นจะถูกลอบทำร้ายอีกต่อไป”
“เอ๊ะ ใครจะทำร้ายพี่ต้นหรือคะ?”
หญิงสาวแกล้งตีหน้าเซ่อ
“อาจารย์บุณน่ะซีแตน” ชายหนุ่มบอกเขา “เขาทำพิธีเรียกวิญญาณคุณวนา แต่ไม่สำเร็จ
บังเอิญพี่มาเห็นเข้าเสียก่อน
เลยขัดขวางไว้ ทำให้อาจารย์บุญโกรธมาก ถึงกับเศกผีพรายจะมาทำร้าย ดีว่าคุณวนาทำลายมันลงไปได้เสียก่อน ไม่งั้นพี่คงต้องตายไปแล้ว”
หล่อนเพิ่งจะรู้ความจริงเดี๋ยวนี้เอง ว่าอาจารย์บุญเคยคิดร้ายกับคนรักของหล่อน หญิงสาวแสดงความไม่พอใจออกมาทันที แต่ก็ต้องแสดงละครต่อไป
“แตนไม่รู้อะไรเลยจริงๆนะคะพี่ต้น อาจารย์บุญเป็นใครแตนไม่รู้จัก ไม่เคยว่าจ้างให้มาทำอะไรคุณวนากับพี่ต้น อาจจะเป็นหมอฉุยก็ได้
ที่ไปว่าจ้างมาอีกทีเพราะอยากได้เงินรางวัลจากแตน ต้องขอโทษด้วย
แตนจะไปบอกเลิกจ้างเขา
พี่ต้นกับคุณวนาจะได้สบายใจ”
“ดีมากเลยแตน….พี่จะได้เลิกนอนสะดุ้งผวาเสียที”
“ค่ะ
แตนจะรีบบอกให้เขารู้โดยเร็วที่สุด…..เสียใจจริงๆ
ที่ทำให้ต้องเดือดร้อนวุ่นวายกันไปหมด
ไม่รู้ว่าทำยังไงถึงจะชดใช้ความผิดที่แล้วๆ มาของแตนได้”
“แค่แตนเป็นเพื่อนกับคุณวนาได้ พี่ก็ดีใจแล้ว”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น