37...
“คุณแตน….คุณแตนคะ!”
โฉมศรีดักรอพบแตนอยู่นาน พอเห็นหญิงสาวเดินลงบันได
อพาร์ตเม้นท์มาจึงเรียกไว้
“มีอะไรหรือคะ?”
“เข้าไปคุยในห้องทำงานดีกว่าค่ะ”
สาวใหญ่เดินนำแตนเข้าไปในออฟฟิชแล้วรีบเปิดประตู
เพราะไม่อยากให้มีใครแอบได้ยินเรื่องที่จะคุยกัน
“คุณแตนขึ้นไปที่ห้องคุณต้นมาหรือคะ?” ถามเสียงเบา จนเกือบจะกลายเป็นกระซิบ
“ใช่ค่ะ”
“แล้ว….แล้วได้เจอกับผีนางไม้ตนนั้นหรือเปล่าคะ?”
“เจอซี่น้าโฉม…มันก็อยู่ในห้องนั่นแหละ”
“ต๊าย!” สาวใหญ่อุทานตาโต “เก่งจริงๆนะคุณแตน ไม่กลัวเลยบ้างหรือไงคะเนี่ย…..ถามจริง? ”
“กลัวๆ อยู่เหมือนกันแหละค่ะ แต่แตนจำเป็นต้องทำใจดีสู้เสือเอาไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เสียแผนการณ์ไงคะ”
“แหม คุณแตรนี่ใจกล้าจังเลยนะคะ เป็นโฉมล่ะก้อ…แค่เห็นหน้ามันเท่านั้นแหละ มีหวังเผ่นแน่บแหง๋เลย นึกขึ้นมาทีไรยังขนลุกไม่หายทุกที”
“อันที่จริงแล้ว หน้าตาของมันก็เหมือนกับคนดีๆนี่แหละ ไม่ได้ดูน่ากลัวตรงไหนเลย ตอนนี้แตนกำลังแกล้งทำดีกับมันอยู่ เพื่อให้ตายใจว่า เราเลิกคิดตั้งตัวเป็นศัตรูกับมันแล้ว”
“เอ…แล้วมันไม่ได้นึกสงสัยมั่งเลยหรือคะ?”
“ไม่หรอกน้าโฉม มันก็พูดกับแตนดีนี่….มันคงคิดว่าแตนน่ะเลิกเป็นศัตรูกับมันแล้วจริงๆละมั้งคะ”
“ดีแล้วค่ะ
โฉมอยากให้อาจารย์บุญรีบลงมือจัดการกับมันเสียเร็วๆจังเลย ขืนปล่อยทิ้งไว้แบบนี้ อีกหน่อยคงไม่มีใครกล้ามาเช่า ถ้ารู้ว่าอพาร์ตเม้นท์มีผีอยู่”
สีหน้าของสาวใหญ่เต็มไปด้วยความกังวล นอกจากกลัวนางไม้สาวแล้ว
หล่อนยังกลัวกิจการของหล่อนจะต้องพลอยพินาศล่มจมลงไปอีกด้วย
“ใจเย็นๆไว้ก่อนเถอะค่ะน้าโฉม เห็นอาจารย์บุญบอกกับแตนว่า คืนแรมสิบห้าค่ำเดือนนี้ จะลงมือทำพิธีอีกครั้งหนึ่ง” แตนบอก
“จรงหรือคะคุณแตน?”
“ค่ะ...แตนอยากจะขอไหว้วานอะไรน้าโฉมสักหน่อยจะได้ไหมคะ?”
“อ๋อ ได้ซิคะ…มีอะไรจะให้โฉมช่วยก็บอกมาเลยค่ะ”
“วานน้าโฉมช่วยไปบอกอาจารย์บุญทีว่า ให้ลงมือทำพิธีได้เลย สำหรับเรื่องพี่ต้นไม่ต้องเป็นห่วง
แตนพอมีหนทางที่จะล็อกตัวเอาไว้แล้ว
จะจัดการให้เอง”
“ได้ค่ะ พรุ่งนี้เช้า โฉมจะรีบไปทันที” โฉมศรีรับปากอย่างแข็งขัน
************
“คุณวนาครับ….เปิดประตูให้หน่อยครับ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นแต่เช้าตรู่
นางไม้สาวซึ่งกำลังนอนคิดอะไรเพลินอยู่ ต้องรีบลุกขึ้นอย่างแปลกใจ
“ใครน่ะ…คุณปื๊ดหรือคะ?”
“ใช่ครับ ผมเอง”
“เข้ามาซิคะ”
หล่อนหยักหน้าให้ประตูเปิดออกเอง เห็นปื๊ดพรวดพราดเข้ามาหน้าตาตื่น
“แย่แล้วล่ะครับคุณวนา..เมื่อกี้ผมเห็นพี่ต้นขึ้นรถไปกับคุณแตน”
“อ๋อ
ไม่มีอะไรหรอก…เขามารับคุณต้นไปทำงานแน่ะค่ะ”
“เอ๋...” เด็กหนุ่มหน้าเซ่อไปเลย
ที่เห็นนางไม้สาวไม่ได้แสดงอาการอนาทรร้อนใจอะไรออกมา
“ทำไมคุณวนาถึงยอมปล่อยให้พี่ต้นไปกับเขาล่ะครับ?”
“ก็เขาเป็นแฟนกันนี่คะ...คุณต้นน่ะถูกผู้หญิงที่ชื่ออรอนงค์ตามตื้ออยู่ บังเอิญคุณแตนไปเห็นเข้าเกิดหึงหวงขึ้นมาเลยคอยตามคุมแจ มารับมาส่งไม่ยอมให้คลาดสายตา
เพราะกลัวว่าคุณต้นจะแอบติดต่อกับผู้หญิงคนนั้นอีก”
“อรอนงค์เหรอ?”
ปื๊ดงงหนักเข้าไปอีก “อีนังตัวแสบคนนี้ มันเป็นเมียน้อยเตี่ยผมเองนี่นา
มันนั่นแหละที่ทำให้แม่ของผมผมช้ำอกช้ำใจ
กินไม่ได้นอนไม่หลับทุกวันนี้”
“แต่ตอนนี้เขาเกิดหันมาสนใจคุณต้นแทนแล้วล่ะ
ถึงกับกล้าประกาศต่อหน้าคุณแตน
ว่าเป็นแฟนของคุณต้นจนเกือบจะมีเรื่องมีราวกัน”
“ยัยนี่มันร้ายจริงๆ…ให้ตายซิ พี่ต้นไม่น่าไปยุ่งกับผู้หญิงพรรค์ยังงี้เลย”
“คุณต้นคงไม่ได้คิดที่จะไปมีอะไรกับเขาหรอกค่ะ” วนาช่วยพูดแก้ตัวแทน “อาจเป็นเพราะว่าคุณอรอนงค์เขาเข้ามาขานรับอาสา
ที่จะช่วยให้ได้สัญญาประกันภัยจากเตี่ยคุณปื๊ด ก็เลยจำเป็นต้องติดต่อกัน”
“ เรื่องนั้นผมรู้แล้วล่ะ พี่ต้นเคยพูดให้ฟัง แต่ไม่นึกว่ามันจะออกมาในรูปนี้”
“รู้สึกว่าคุณปื๊ดจะไม่ชอบหน้าคุณอรอนงค์เหมือนกัน?”
“จะให้ชอบได้ไงครับคุณวนา…ผู้หญิงคนนี้ใช้เสน่ห์ยั่วให้เตี่ยผมหลงมันจนไม่ลืมหูลืมตา
หมดเงินหมดทองไปกับมันมาแล้วไม่รู้ตั้งเท่าไหร่…คนอย่างอีนังนี่มันๆไม่มีความจริงใจกับใครหรอก”
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะปื๊ด
มีคุณแตนคอยคุมอยู่เขาคงไม่กล้ามายุ่งเกี่ยวกับคุณต้นอีกแล้วน่ะ”
“ไอ้นี่แหละครับที่ผมแปลกใจ…คุณแตนเคยทำกับคุณวนาเอาไว้มาก ทำไมพี่ต้นจึงยอมกลับไปคืนดีกับเขาอีก ผมไม่เข้าใจเลย”
“ เขารู้สำนึกผิดแล้วล่ะ สองวันก่อนคุณตุ่มพาคุณแตนมาขอโทษ เขารับปากว่าจะเลิกคิดปองร้ายวนาอีกต่อไป”
“แล้วคุณวนาเชื่อหรือครับ ว่าคุณแตนจะยอมเลิกคิดร้ายกับคุณจริงๆ?”
“ทำไมล่ะคะ?”
“ลองคิดดูให้ดีซีครับ
ที่ผ่านๆมาคุณแตนทำกับคุณเอาไว้ขนาดไหน
มีอย่างหรือที่จู่ๆก็มาขอโทษคุณ
อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
มันชักจะยังไงๆชอบกลอยู่นา…นิสัยของคุณแตนเป็นยังไงก็รู้ๆกันอยู่ ผมว่าจะต้องมีแผนอะไรที่ไม่ชอบมาพากล แอบแฝงอยู่อย่างแน่นอนเลยครับ”
ปื๊ดพูดทิ้งท้ายไว้ให้คิด
************
“ดีมากเลย….ฮะฮะฮะฮ่า
!”
อาจารย์บุญหัวเราะอย่างดีใจ เมื่อโฉมศรีนำข่าวจากแตนมาบอก
“คืนพรุ่งนี้แหละ จะเป็นวาระสุดท้ายของอีนางไม้ตนนี้ ผมจะสะกดมันเอาไว้ ไม่ให้ได้ไปผุดไปเกิดอีก!”
“อย่าให้พลาดนะคะอาจารย์ ถ้าคราวนี้เกิดไม่ได้ผลอีก เห็นทีเราจะต้องเดือดร้อนไปตามๆกัน”
สาวใหญ่ท้วงติงด้วยความเป็นห่วง
“รับร้องไม่พลาดหรอกครับ ถ้าคุณแตนสามารถกันคุณต้นออกไปได้จริงๆอย่างที่บอก อีนางไม้ตัวแสบมันจะต้องเสร็จผมแน่”
เพราะมีความมั่นใจในวิชาอาคมของตนเต็มที่หมอผีเฒ่าหัวโล้นถึงกล้าคุยโอ่อย่างลำพอง
“อาจารย์บุญเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ที่สุดอยู่แล้ว
ขอให้วางใจเถอะครับคุณโฉมศรี” หมอฉุยช่วยพูดสนับสนุนเพื่อให้สาวใหญ่เกิดความสบายใจ เจ้าอ้นลูกศิษย์หน้าผีเลยต้องเป็นขุนพลอยพยัก
“ใช่แล้วครับ...อาจารย์ของผมน่ อย่าว่าแต่ผีเลย แม้เทวดายังต้องเกรงกลัว แค่นางไม้มันเรื่องจิ๊บจ๊อยครับ”
“คุณแตนฝากเงินมาให้อาจารย์ห้าพัน” โฉมศรีหยิบเงินจากกระเป๋าถือ ออกมาวางลงบนเสื่อตรงหน้า “เอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายซื้อของในการทำพิธี
เมื่องานสำเร็จแล้วจะเอามาจ่ายให้อีกสองหมื่นบาท”
ได้ยินแค่นั้น ทุกคนก็หูผึ่ง
“ขอบใจมากคุณโฉมศรี”
อาจารย์บุญทำท่าจะยื่นมือไปหยิบ
“เดี๋ยวก่อน” โฉมศรีคว้าข้อมือเอาไว้ “เราต้องมาตกลงกันก่อนนะคะอาจารย์…งานชิ้นนี้ฉันเป็นคนติดต่อเงินรางวัลต้องแบ่งกันคนละครึ่ง ถูกมั้ยคะ?”
“อ๊ะ ไม่ได้ซิครับ” หมอฉุยรีบแย้ง “ ผมก็มีส่วนร่วมด้วย เกือบถูกมันเล่นงานจนแทบเอาชีวิตไม่รอด ต้องแบ่งเป็ฯสามส่วนมันถึงจะถูกนะครับ”
“เอาเป็นว่า
เราแบ่งเท่าๆ กันก็แล้วกันนะ
ไอ้ผมน่ะไม่ได้คิดอะไรมากหรอก ขอเพียงได้แก้แค้นอีนางไม้นั่นให้สาสมใจก็พอแล้ว”
อาจารย์บุญสรุปอย่างเป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โฉมศรีจึงต้องพยักหน้ารับนับว่าเป็นการจัดสินอย่างยุติธรรมที่สุดแล้ว
ดีกว่าที่จะไม่ได้อะไรเลย
“สุดแล้วแต่อาจารย์จะเห็นสมควรเถอะค่ะ ฉันไม่ใช่คนโลภอะไรหรอกนะคะ แต่ว่าเรื่องเงินเรื่องทองน่ะ มันไม่เข้าใครออกใคร ต้องตกลงกันให้เรียบร้อยเสียก่อน จะได้ไม่ต้องมานั่งทะเลาะกันทีหลัง….จริงมั้ยล่ะคะ?”
“ถูกของโฉมศรี ผมเห็นด้วย
เราต่างมีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องนี้ด้วยกันทุกคน แบ่งเป็นสามส่วนมันถูกต้องแล้วล่ะ”
หมอฉุยพูดสนับสนุน เพราะถึงยังไงต้องขอมีเอี่ยวด้วย
“ช่วยกลับไปบอกคุณแตนด้วยนะครับ ผมจะลงมือทำพิธีสะกดวิญญาณอีนางไม้นั่น ตามที่ตกลงกันเอาไว้ อย่าลืมกันคุณต้นให้ด้วยแล้วกัน”
อาจารย์บุญกำชับ
************
ฮอนด้าซีวิคสีแดง พุ่งทะยานมาตามถนนรัตนาธิเบศร์ เมื่อหลุดออกจากสี่แยกแคลายได้ การจราจรค่อยคล่องตัวขึ้น แตนจึงสามารถเหยียบคันเร่งได้ตามความพอใจ
“จะไปไหนหรือครับคุณแตน?”
ต้นถามขึ้นมา
เพราะเห็นว่านี่ไม่ใช่เส้นทางกลับสู่อพาร์ตเม้นท์
“หาอะไรกินกันหน่อย
ได้ยินว่าที่เชิงสะพานพระนั่งเกล้าฝั่งโน้นมีสวนอาหารอยู่ริมแม่น้ำบรรยากาศเขาดีอาหารก็อร่อย แตนอยากไปลองชิมดูตั้งนานแล้วล่ะ แต่ยังไม่เคยได้ไปซักที”
“คุณมีรถเอง
อยากไปเมื่อไหร่ก็ได้นี่นา”
“แหมให้แตนไปคนเดียวมันก็เซ็งตายชักน่ะซีมีอย่างเหรอ.มันต้องมีพี่ต้นไปด้วยค่อยเข้าท่าหน่อยจริงมั้ยล่ะคะ?”
“ตามใจคุณแตนเถอะครับ เอาไงก็ได้”
ชายหนุ่มตอบอย่างเนือยๆ ขี้เกียดขัดใจหล่อน
ทั้งๆที่รู้สึกอึดอัดใจเต็มประดา
ที่ต้องถูกคุมตัวแจเหมือนนักโทษ
ตลอดระยะเวลาสองสามวันมานี้
“ท่าทางพี่ต้น
เหมือนไม่เต็มใจจะไปกับแตนยังงั้นแหละ”
เหลือบเห็นอาการของเขา หญิงสาวเลยพูดดักคอ
“เปล่าหรอกครับคุณแตน…ผมเพียงอต่อยากกลับไปให้ถึงบ้านเร็ซๆมากกว่า อยากพักผ่อนเท่านั้นแหละ”
“เหม็นหน้าแตนก็บอกมาตรงๆเถอะ ไม่พอใจล่ะซี่
ที่แตนคอยทำตัวเป็นก้างขวางคอพี่ต้นใช่มั้ย?”
“ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกครับ คุณแตนชอบเข้าใจผิดอยู่เรื่อย บอกแล้วไงว่าผมไม่เคยคิดที่จะมีอะไร กับคุณอรอนงค์เลยจริงๆ”
“ลองแตนไม่ไปคอบคุมดูซี่ ยัยนั่นมันจะต้องมาตามตื้อพี่ต้นอีก หุ่นอย่างงั้นโดนมันยั่วหนักๆ เข้า มีหรือ
พี่ต้นจะอดใจไหว”
โดนพูดแดกดันเข้าแบบนั้น ชายหนุ่มเลยต้องหุบปากเงียบ ไม่อยากโต้เถียงให้มากความอีกต่อไปเพียงแต่นึกภาวนาอยู่ในใจ ขอให้เรื่องมันยุติลงไปโดยเร็ว
แตนจะได้เลิกตามคุมเขาเสียที
*************
“พี่ต้นยังไม่กลับมาอีกหรือครับ คุณวนา?”
ปื๊ดแวะมาที่ห้อง ไม่เห็นชายหนุ่มจึงถามขึ้น
“ยังค่ะคุณปื๊ด”
“จะสามทุ่มแล้ว”
เด็กหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือ “ป่านนี้พี่ต้นน่าจะกลับมาถึงนานแล้วนี่นา”
“อาจจะแวะไปหาอะไรทานกันก่อนละทั้งคะ”
“ไปกับคุณแตนน่ะเหรอครับ?”
“ค่ะ คิดว่าเดี๋ยวก็คงจะกลับมา คุณปื๊ดมีอะไรหรือคะ?”
“คืนนี้ผมไม่ได้ไปเล่นดนตรี ตั้งใจจะมาชวนพี่ต้นออกไปข้างนอก มีเรื่องอยากจะคุด้วยน่ะครับ”
“งั้นเดี่ยวคุณต้นกลับมา วนาจะบอกให้ไปหาคุณปื๊ดที่ห้องดีมั้ยคะ?”
“ดีเหมือนกันครับ ขอบคุณ” เด็กหนุ่มพยักหน้ารับแล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องไป แต่กลับฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ “เอ้อ…คุณวนาครับ ผมขอถามอะไรหน่อยเถอะ”
“มีอะไรหรือคะ?” นางไม้สาวขมวดคิ้ว
“อย่าหาว่าผมละลาบละล้วงเลยนะครับ ผมอยากจะรู้ว่า
สองสามวันมานี่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นมามั่งหรือเปล่า?”
“ไม่เห็นมีอะไรนี่คะ
นอกจากว่า
ตั้งแต่มีคุณแตนตอบมารับมาส่งคุณต้น
รู้สึกจะกลับมาช้ากว่าปกติหน่อยเท่านั้นเอง”
“ไม่ใช่อย่างงั้น ผมหมมายถึงเหตุการณ์ปกติที่เกิดกับตัวคุณเองน่ะ”
“อ๋อ
ไม่มีหรอกค่ะคุณปื๊ดถามทำไมหรือคะ?”
“เปล่า ไม่มีอะไรหรอกครับ…ผมรู้สึกหวั่นๆ
ใจว่า คุณวนาจะถูกหมอผีลอบเล่นงานเข้าให้อีกเท่านั้นเอง”
“โถ…คิดมากไปได้
ไม่มีใครจมาคิดร้ายกับวนาอีกแล้วละค่ะ
ไม่ต้องห่วงห่วงหรอกคุณปื๊ด”
“อย่าเพิ่งวางใจดีกว่านะครับคุณวนา ผมไม่เชื่อหรอกนะ
ว่าคนอย่างคุณแตนจะยอมเลิกจองเวรกับคุณแล้วจริงๆ”
“รู้สึกคุณปื๊ดจะไม่ยอมมองเธอในแง่ดีเสียมั่งเลยนะคะ”
“ผมคิดว่า
ผมมองคนไม่ผิดหรอกนะครับคุณวนา…เรื่องนี้แหละที่ผมอยากจะพูดกับพี่ต้น”
“เรื่องคุณแตนน่ะหรือคะ?”
“ใช่ครับ
ผมมั่นใจเลยว่า ที่เขามาทำดีกับคุณ
ต้องมีแผนการณ์ชั่วร้ายแอบแฝงอยู่อย่างแน่นอนพันเปอร์เซ็นต์”
“ไม่จริงหรอกมั้ง เขาอาจจะมีความบริสุทธิ์ใจจริงๆ คุณปื๊ดคิดมากไปเอง”
“ผมต้องคิดแน่ล่ะครับ เพระาเห็นๆอยู่แล้วว่าคุณแตนมีความพยายามที่จะทำลายคุณกี่ครั้งกี่หนแล้ว มีหรือที่จะยอมเลิกรากันง่ายๆ”
“แล้วคุณปื๊ดคิดว่ายังไงล่ะคะ?”
“ผมว่านะ เขากำลังหลอกให้คุณตายใจ แล้วค่อยหาโอกาสทำลายคุณในภายหลัง ผู้หญิงคนนี้น่ะครับ ดูก็รู้แล้วว่า
มีความอาฆาตพยาบาทแค่ไหน”
“ยังไงก็ไม่มีทางทำอะไรวนาได้หรอก อย่าห่วงเลยคุณปื๊ด ทำใจให้สบายดีกว่า”
“อย่าเพิ่งชะล่าใจดีกว่านะครับคุณวนา…จำไม่ได้หรือว่าครั้งก่อน คุณเกือบจะพลาดท่าเสียทีอาจารย์บุญมาแล้ว ยังดีที่มีพี่ต้นมาช่วยเอาไว้ทัน”
“จริงซีนะ
อาจารย์บุญน่ะเป็นหมอผีที่มีวิชาอาคมเก่งกล้ามากเลยทีเดียว” นางไม้สาวยอมรับ
“เพราะอย่างงี้แหละครับ ผมถึงต้องเป็นห่วงคุณวนา ถ้าเผื่อว่าคุณแตนกับอาจารย์บุญกำลังวางแผนคิดร้ายต่อคุณจริงๆ
มีหวังแย่แน่เลย
พี่ต้นก็ไม่อยู่เสียด้วยแล้วใครล่ะจะช่วยคุณ เอาอย่างงี้ดีกว่า ผมจะอยู่เป็นเพื่อนคุณวนา จนกว่าพี่ต้นจะกลับมาก็แล้วกัน”
แม้ไม่ค่อยเชื่อนักว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นแต่วนาก็ไม่อาจปฏิเสธความหวังดีของปื๊ดได้
************
กลุ่มหมอกบางๆแผ่กระจายอยู่ทั่วป่าช้าอันเงียบสงัดจนวังเวง ท้องฟ้าคืนนี้ดูมือมิดด้วยเป็นคืนข้างแรมแม้แต่แสงดาวยังริบหรี่คล้ายกับจะเป็นลางบอกเหตุ
กลางป่าช้าใต้ต้นไม้ใหญ่ อาจารย์บุญ
หมอฉุย และเจ้าอ้น กำลังช่วยกันจัดเตรียมอุปกรณ์
ในการพิชิตนาไงม้สาวอยู่อย่างขะมักเขม้น
ผ้าแพรสีแดงผืนใหญ่ถูกผูกเอาไว้รอบต้นไม้
ซึ่งเคยใช้เรียกวิญญาณ ของนางไม้สาวมาแล้ว
และคราวนี้เพื่อความประมาท
อาจารย์บุญจึงสั่งให้เจ้าอ้นลูกศิษย์หน้าผีตั้งวงสายสิญจน์ขึ้น
“ผูกให้ดีนะ คราวนี้มันจะต้องต่อสู้อย่างสุดฤทธิ์แน่
เอ็งกับหมอฉุยอย่าออกไปนอกวงสายสิญจน์เป็นอันขาด” อาจารย์บุญกำชับ
เพียงชั่วครู่เดียว สายสิญจน์ก็ถูกวนไว้กับหลักทั้งสี่ต้นอย่างเรียบร้อย มีเสื่อผืนหนึ่งปูอยู่กลางวง
“เอาล่ะ…นั่งดูเฉยๆ ในระว่างี่ข้าทำพิธีอยู่ห้ามส่งเสียงรบกวนสมาธิของข้าอย่างเด็ดขาด ถ้าไม่อยากวิ่งกันตับแลบอย่างคราวที่แล้วอีก”
“เข้าใจแล้สอาจารย์
” หมอฉุยรับคำ
ทุกคนพากันนั่งลง อาจารย์บุญหยิบธูปเทียนออกมาจากย่าม จุดเทียนก่อนปักไว้บนพาน แล้วค่อยจุดธูปยกขึ้นพนม หลับตาพึมพำว่าคาถา
พิธีกรรมกำลังจะเริ่มขึ้นเดี๋ยวนี้แล้ว
หมอฉุยกับเจ้าอ้นนั่งมองด้วยใจอันเต้นระทึก คราวนี้จะสำเร็จหรือไม่
อีกไม่นานนักคงได้รู้กัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น