โดย...เจิด จินตนา
38...
“ดึกมากแล้ว กลับกันดีกว่านะครับคุณแตน”
ต้นรบเร้าเพราะเห็นหญิงสาวตั้งท่าจะสั่งเบียร์มาอีกขวด
“ไม่เอาพี่ต้น….แตนยังไม่อยากกลับนี่ บรรยากาศที่นี่เค้าดีจริงๆ
เราสั่งอะไรมาเพิ่มอีกเถอะนะ แตนอยากจะนั่งคุยกับพี่ต้นนานๆ” ตั้งใจจะถ่วงเวลาชายหนุ่มเอาไว้ให้ได้นานที่สุด แตนถึงกับยอมนั่งแช่ที่สวนอาหารริมแม่น้ำหลังจากต้นทานอาหารอิ่มแล้ว หญิงสาวยังสั่งเบียร์มานั่งดื่มต่อหลายขวด
“คุณแตนทานเบียร์ไปมากแล้วนะครับ ผมกลัวจะขับรถไม่ไหว”
“
แตนไม่เมาหรอกพี่ต้น แค่เบียร์สองสามขวดเอง
ที่นี่ลมพัดเย็นสบายดีออกแตนชักชอบเสียแล้ว อน่าเพิ่งกลับเลย นั่งต่ออีกสักหน่อยเถอะนะ”
หล่อนพยายามหาทางบ่ายเบี่ยง
หันไปกวักมือเรียกพนักงานเสิร์ฟ“น้องๆ…ขอเบียร์อีกขวดนึง”
“พอแล้วครับคุณแตนไม่เอาน่า” ต้นรีบร้องห้าม
“แตนอยากกินกุ้งเผาอีกนี่ กุ้งแม่น้ำที่นี่ตัวโตเนื้อแน่นอร๊อย…อร่อย ขอกุ้งอีกจานกับเบียร์อีกขวดนะพี่ต้น?”
“สี่ทุ่มเขาก็จะปิดร้านแล้ว
เรียกเช็คบิลล์ดีกว่าคุณแตน”
ยังไงชายหนุ่มไม่ยอมเออออด้วย
ตั้งท่าจะกลับลูกเดียวสุดปัญญาของแตนที่จะหน่ววงเหนี่ยวเอาไว้อีกต่อไป หญิงสาวนั่งนิ่งไปพักหนึ่งสมองเริ่มคิดหาทางออก
‘ได้….งั้นเราไปต่อที่อื่นแล้ว”
“จะไปไหนอีกล่ะครับ นี่มันดึกมากแล้วนะครับคุณแตน”
“อะไร้….แค่สามทุ่มกว่าเอง ยังหัวค่ำอยู่เลย แตนอยากฟังเพลง พี่ต้นไปเป็นเพื่อนแตนหน่อยเถอะนะ”
“กลับบ้านดีกว่า เดี่ยวคุณพ่อของคุณจะเป็นห่วง”
“ไม่หรอกน่า คุณพ่อรู้ว่าแตนมากับพี่ต้น ท่านไม่ว่าอะไรหรอก…นานแล้วนะ
ที่เราไม่ได้ไปไหนมาไหนกันตามลำพังสองคนแบบนี้
คืนนี้ขอให้เป็นคืนพิเศษสำหรับแตนสักคืนไม่ได้หรอคะ”
หล่อนออดอ้อนจนชายหนุ่มชักเริ่มจะใจอ่อน ไม่ได้คิดเฉลียวใจเลยสักนิดว่า หญิงสาวกำลังดึงเกมส์เตะถ่วงเวลาของเขาเอาไว้
เพื่อเปิดโอกาสให้อาจารย์บุญจัดการกับนางไม้สาว
ตามแผนการณ์ที่ช่วยกันวางขึ้นอย่างแนบเนียน
“ได้ครับคุณแตน แต่อย่าให้ดึกมากนะครับ พรุ่งนี้เช้าผมต้องไปทำงานอีก”
“รับรองไม่เกินเที่ยงคืนแน่ค่ะ เพราะแตนต้องเป็นคนขับรถไปส่งพี่ต้นเหมือนกันนี่คะ”
************
วนาเริ่มรู้สึกว่า บรรยากาศรอบๆตัวมีความวังเวงอย่างน่าประหลาด
เหลือบมองไปทางปื๊ด เห็นเขากำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่ที่ห้องนั่งเล่น อ่านไปก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างชอบอกชอบใจ
แต่เสียงหัวเราะของเด็กหนุ่ม ไม่อาจข่มความวังเวงนี้ได้เลยแม้แต่น้อย
มันกลับทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
จนหล่อนชักเอะใจ ช่างเหมือนกับคืนที่หล่อนถูกหมอผีเฒ่าเล่นงานเอาด้วยคาถาอาคมขลังอย่างไม่ผิดเพี้ยน มันวังเวงจนหล่อนรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
“มาซิ…จงมาหาข้า”
ใช่แน่แล้ว
เสียงอาจารย์บุญค่อยๆดังแทรกบรรยากาศอันวังเวงเข้ามา
เจ้าหมอผีคนนี้กำลังทำพิธีเรียกวิญญาณของหล่อนอยู่อีกอย่างแน่นอน
หรือว่าทุกอย่างจะเป็นความจริง ตามที่ปื๊ดคาดการณ์เอาไว้ นางไม้สาวรีบทรุดกายลงนั่งขัดสมาธิบนเตียงในทันที
มีหนทางเดียวที่จะแก้ไขสถานการณ์ครั้งนี้ได้หล่อนต้องรีบชิงลงมือทำลายพิธีกรรมของอาจารย์บุญเสียก่อน
“มาซิ…เจ้าจงรีบมาหาข้าเดี๋ยวนี้ !”
เสียงเรียกของอาจารย์บุญได้ยินเฉพาะวนา
ปื๊ดจึงยังไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น เด็กหนุ่มกำลังใจจดใจจ่ออยู่กับหนังสือการ์ตูนตลกขบขันในมือ
ในทันใดนั้น มีแสงสว่างจ้าบังเกิดขึ้นทั่วทั้งห้อง
ดึงความสนใจของเขาจนต้องหันสายตาจากหนังสือเงยขึ้นมอง
“คุณวนา” ร้องเรียกอย่างตกใจ
เมื่อเห็นนางไม้สาวกับเตียงที่หล่อนนั่งอยู่ กำลังมีแสงสว่างเรืองออกมา
“คุณพระช่วย
เกิดอะไรขึ้นล่ะนี่ !?”
รีบพรวดพราดลุกขึ้น มองดูเหตุการณ์อย่างตื่นตะลึง
ภาพของนางไม้สาวและเตียงตัวนั้น
ค่อยๆเลือนหายไปกลายเป็นแสงสว่างจ้าแสบตา
เขานึกรู้ทันทีว่า
หล่อนกำลังจะใช้เตียงนางไม้พาไปยังอีกสถานที่หนึ่ง
“เดี๋ยวก่อนคุณวนา นั่นคุรจะไปไหน?” ปื๊ดร้องถามออกไป
แต่ไม่ทันเสียแล้วแสงนั้นพลันหายวับไปต่อหน้าต่อตา
************
อาจารย์บุญกำลังบริกรรมคาถาอยู่ในวงสายสิญจน์ใต้ต้นไม้ใหญ่ หมอฉุยกับเจ้าอ้นนั่งดูอย่างสงบ แต่ในใจนั้นกลับร้อนรนกระวนกระวาย
ความมืดมิดและวังเวงในป่าช้า ทำให้หมอผีผู้อ่อนวัยกว่าและเด็กหนุ่มหน้าตาอัปลักษณ์ เกิดอาการเกร็งขึ้นมาทีละน้อย…ละน้อย
ทั้งคู่ยังรู้สึกหวาดหวั่นต่ออิทธิ์ฤทธิ์ของนางไม้สาวไม่หาย
ชักเริ่มไม่แน่ใจว่า อาจารย์บุญจะสามารถ
ต่อกรกับนาไงม้ตนนี้ได้หรือไม่
หล่อนมิใช่แค่เพียงผีสางนางไม้ชั้นธรรมกฃดา แต่เป็นถึงขั้นรุกเทวดา อำนาจบุญบารมีย่อมมีอยู่ไม่ใช่น้อย จึงมีหรือที่จะยอมให้ถูกสะกดวิญญาณได้ง่ายๆ
ความพ่ายแพ้ของอาจารย์บุญครัง้ที่แล้ว เป็นบทเรียนที่ทุกคนยังไม่มีวันลืม
หากเกิดผิดพลาดซ้ำขึ้นมาอีก คราวนี้หล่อนคงไม่ยอมไว้ชีวิตแน่
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ !”
เสียงตวาดดังก้องกังวานขึ้น
พาให้ทุกคนสะดุ้งเฮือกพร้อมกัน
หมอผีเฒ่ารีบลืมตามอง
เห็นแสงสว่างค่อยๆปรากฏขึ้นที่ตรงเบื้องหน้า แสงนั้นเริ่มก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่าง กลายเป็นนางไม้สาวนั่งอยู่บนเตียง
จากนั้น แสงสว่างจ้าจึงหายไป
“หมอผีเฒ่า เจ้ายังไม่ยอมเลิกคิดตามรังควานข้าอยู่อีกหรือ?”
วนาส่งเสียงร้องถามไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจ
ทุกอย่างผิดความคาดหมายของอาจารย์บุญจนหมดสิ้น คิดว่าจะสะกดหล่อนให้มาหาด้วยอำนาจเวทมนต์เพื่อตรึงวิญญาณเอาไว้กับต้นไม้ แต่หล่อนกลับชิงมาปรากฎตัวขึ้นเสียก่อน
พิธีกรรมครั้งนี้เห็นทีจะไม่ใช่เรื่องหญ้าปากคอกเสียแล้ว
กวาดตามองดู ไม่เห็นต้นมาด้วย ค่อยรู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย
“เจ้าทำกับข้าเอาไว้สาหัสนัก คืนนี้แหละ ข้าต้องขอคิดบัญชีกับเจ้าบ้าง!”
หมอผีตวาดเสียงอันดัง เพื่อเป็นการตัดไม้ข่มนามเอาไว้ก่อน
“อ๋อ ได้ซี…ข้าเคยไว้ชีวิตเจ้า เพราะคิดว่าเจ้าจะรู้สำนึก
กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี แต่เจ้ามันเหมือนอสรพิษ ยังคิดจะแว้งกัดข้าอยู่อีก คราวนี้ข้าไม่ยอมปล่อยเจ้าไว้แน่!”
นางไม้สาวรีบสะบัดมือ
ปล่อยลูกไฟดวงเล็กๆ ออกไป
เสียงแหวกอากาศดังหวีดหวิว
เมื่อลูกดวงไปดวงนั้นพุ่งทะยานเข้าหาอาจารย์บุญ
หมอฉุยกับเจ้าอ้นตาเหลือกลานด้วยความหวาดกลัว แต่อาจารย์เฒ่าหัวโล้นกลับอยู่ในอาการสงบ ไม่รู้สึกสะทกสะท้าน
เปรี้ยง!
ลูกไฟแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ก่อนที่จะกระทบถูกเป้าหมาย มันแตกตัวออกตรงริมขอบรัศมีของวงสายสิญจน์
หมอฉุยกับเจ้าอ้นหันมองหน้ากัน รู้สึกดีใจจนบอกไม่ถูก เมื่อเห็นวงสายสิญจน์ของอาจารย์บุญสามารถป้องกันฤทธิ์อำนาจจากนางไม้สาวได้
กำลังใจเพิ่มขึ้นมาอีกอักโข
เลิกคิดกลัวอีกต่อไป ช่วยกันนั่งลุ้นอย่างเงียบๆ
ให้อาจารย์บุญรีบจัดการสะกดวิญญาณนางไม้สาวตนนี้ให้ได้โดยเร็ว
“เห็นรึยัง ว่าเจ้าไม่มีทางทำอะไรข้าได้หรอก ตัวของเจ้านั่นแหละ จะต้องเสร็จข้าแน่ละคราวนี้!” อาจารย์เฒ่าคุยโอ่สำทับ
สีหน้าของวนาชักไม่ค่อยสู้ดี แปลกใจที่เห็นพลังอำนาจของตนไม่อาจผ่านวงสายสิญจน์เข้าไปได้ แสดงว่าหมอผีเฒ่าคนนี้ มีวิชาอาคมแก่กล้ามิใช่น้อย
หากไม่รีบหาทางทำลายวงสายสิญจน์นี้ลงให้ได้เสียก่อน
หล่อนนั่นแหละที่จะต้องเผชิญหน้ากับอันตรายอันใหญ่หลวง
เห็นทีจะต้องลองเสี่ยงดูใหม่อีกครั้งหนึ่ง นางไม้สาวลุกขึ้นยืกตั้งหลัก
สะบัดทั้งสองมือออกไป ปรากฎมีลูกไฟดวงใหญ่แสงเจิดจ้า
พุ่งแหวกอากาศเข้าหาอาจารย์บุญอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง….ครืนนนนนน!
เสียงดังสนั่นดุจฟ้าผ่า
เมื่อลูกไฟดวงนั้นกระทบถูกขอบรัศมีของสงสายสิญจน์ ติดตามมาด้วยสียงสะเทือนเลือนลั่น
จากการสั่นไหวของพื้นดิน
หมอฉุยกับเจ้าอ้นรีบยึดจับตัวอาจารย์บุญเอาไว้แน่น
แรงสั่นสะเทือนทำให้ทั้งคู่เกือบกลิ้งกระเด็นหลุด ออกไปนอกวงสายสิญจน์
เพียงชั่วครู่เดียว ทุกอย่างจึงกลับคืนสู่ปกติ ลูกไฟดวงใหญ่อันตรธารหายไป พื้นดินหยุดไหว หมอฉุเหลือบมองหน้าอาจารย์บุญ
เห็นนั่งหลับตานิ่งท้องคาถาอยู่ด้วยอาการอันสงบ
ตรงกันข้ามกับนางไม้สาวที่เริ่มมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น
หล่อนเริ่มรู้สึกว่า มีพลังบางอย่างกำลังดึงดูดหล่อน ให้เข้าไปหาต้นไม่ใหญ่ที่มีผ้าแพรสีแดงพันรอบเอาไว้
มันคือพลังจากอำนาจเวทมนต์คาถาของอาจารย์บุญนั่นเอง หากไม่รีบทำลายพิธีกรรมนี้ลงให้ได้โดยเร็ว
หล่อนจะต้องถูกตรึงเอาไว้ในต้นไม้ต้นนั้นไปตลอดกาล
แต่จะทำอย่างไรกันเล่า ในเมื่อศัตรูมีวงสายสิญจน์เป็นเกราะคุ้มกันอยู่แบบนี้
เมื่อลองใช้พลังอำนาจในการทำลายไม่เป็นผลแล้วเห็นทีจะต้องรีบเปลี่ยนวิธีการ
แรงดึงดูดจากต้นไม้ใหญ่ ทวีคงามรุนแรงเพิ่มมากขึ้นทุกที
เวลาจึงมีค่าที่สุดสำหรับนางไม้สาวในตอนนี้ หล่อนรีบประสานฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน เหยียดนิ้วขี้ประกบชี้ตรงไปเบื้องหน้า
บังเกิดเป็นพลังลมพุ่งออกมาจากนิ้วชี้นั้น
และแผ่ขยายออกเป็นวงกว้างโหมพัดกระหน่ำไปยังทุกคนที่นั่งอยู่ในวงสายสิญจน์
เทียนที่อาจารย์บุญจุดไว้ดับวูบลงทันที
เศษหญ้าและใบไม้แห้วปลิวว่อนไปตามแรงลมคละคลุ้งกับฝุ่นธุลี
ด้ายสายสิญจน์ที่พันไว้กับหลักไม้รวกสั่นพริ้วอย่างรุงแรน
ทำท่าจะขาดผิ๋งลงไปเพราะแรงลมพัดกรรโชกมา
ไม่วินาทีใดก็วินาทีหนึ่งสร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้แก่หมอฉุยและเจ้าอ้นยิ่งนัก
อยากจะร้องเตือนอาจารย์บุญแต่ก็ไม่กล้า
เพราะเห็นหมอผีเฒ่า กำลังขะมักเขม้นอยู่กับการท่องบ่นมนต์คาถา
กระแสลมทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อวนาโหมเพิ่มพลังลงไปที่นิ้วชี้อย่างเต็มที่
หลักไม้รวกเริ่มสั่นคลอนหมอฉุยกับเจ้าอ้นแทบจะนั่งไม่ติดพื้นแล้ว
ไม่ว่าสายสิญจน์หรือหลักไม้รวกโค่นล้ม นั่นย่อมหมายถึงวาระสุดท้ายของทุกคนในที่นี้อย่างแน่นอนที่สุด
ในนาทีวิกฤตเช่นนี้ ทั้งหมอฉุยและเจ้าอ้น ต่างต้องช่วยกันยึดหลักไม้รวกเอาไว้ไม่ให้หลุดถอนออกจากพื้น
ขณะที่อาจารย์เฒ่ายังคงนั่งนิ่งท่องคาถาอย่างต่อเนื่อง
การต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย ดำเนินไปได้สักพักใหญ่ๆ พลังลมจากวนาจึงค่อยๆอ่อนแรงลง
แสงที่เริ่มปรากฎจากผ้าแพรแดง ซึ่งพันอยู่รอบต้นไม้ใหญ่ เป็นที่มาของสาเหตุ มันมีแรงดึงดูดอันมหาศาล
ทำให้นางไม้สาวชักจะเริ่มยืนไม่ติดพื้น
วงสายสิญจน์ก็ไม่ยอมขาดลงเสียที โอกาสของวนาชักเหลือน้อยเต็มทีแล้ว
หล่อนเริ่มตระหนักดีว่า ไม่อาจจะต่อสู่กับพลังอำนาจของหมอผีเฒ่าได้แน่ หากไม่มีต้นอยู่เคียงข้าง
ไม่มีอะไรที่จะทำได้อีกแล้ว นอกจากรีบกลับไปที่ห้องพักก่อนที่จะโดนดึงดูดเข้าไปในต้นไม้นั้น
วนาตัดสินใจอย่างฉับพลันว่าต้องรีบกลับไปที่ห้องพักก่อน
ถ้าโชคยังมีอยู่ ต้นอาจจะกลับไปถึง ก่อนแล้ว
ค่อยๆก้าวถอยหลังไปที่เตียงช้าๆ แล้วทิ้งตัวลงนั่ง
รีบบังคับเตียงนางไม้ให้หายวัยไปจากป่าช้าในทันที
“มันหนีไปแล้วอาจารย์!”
เจ้าอ้นร้องตะโกนออกมาเสียงดังลั่นอย่างลืมตัวทำให้อาจารย์บุญชะงักการท่องมนต์คาถาลงชั่วขณะ
ลืมตาขึ้นมามองทำตาเขียว
“มึงไม่ต้องแหกปากร้องตะโกนหรอกวะไอ้อ้น
กูรู้แล้วไอ้ฉิบหาย…อีนังนั่น มันหนีกูไปไหนไม่พ้นหรอกมึง คอยดูเฉยๆก็แล้วกัน”
“ฉันขอโทษจ๊ะอาจารย์ มันเผลอตัวไปหน่อยแฮะๆ” เจ้าอ้นหน้าจ๋อย รีบพนมมือไหว้ประหลกๆ
“ถ้ามึงขืนรบกวนสมาธิกูอีกครั้ง กูจะดีดมึงออกไปนอกวงสายสิญจน์ทันทีจำไว้!”
หมอผีเฒ่าพูดกำชับ แล้วหลับตาลงพนมมือว่าคาถาต่อไป
************
“คุณวนา!”
ปื๊ดร้องเรียกอย่างดีใจ ทันทีที่เห็นเตียงนางไม้กลับมาปรากฎยังที่เดิม
“คุณไปไหนมาครับ ผมเป็นห่วงเสียแทบแย่?”
“คุณต้นกลับมาหรือยัง?”
แทนที่จะตอบคำถามของเด็กหนุ่ม
หล่อนกลับเป็นฝ่ายย้อนถาม ท่าทางของนางไม้สาวในเวลานี้ ดูอ่อนปวกเปียกคล้ายคนหมดเรี่ยวหมดแรง
“ยังไม่กลับมาเลยครับคุณวนา...เกิดอะไรขึ้นหรือครับ?”
“อาจารย์บุญทำพิธีสะกดวิญญาณอีกแล้ว วนา…วนาไปขัดขวางไม่สำเร็จ”
“นึกแล้วเชียว!”
ปื๊ดตบเข่าตัวเองดังฉาดใหญ่ “บอกแล้วไง ต้องเป็นแผนของคุณแตนแหงๆ เดาไว้ไม่มีผิด!”
“ขอโทษนะที่ไม่เชื่อคุณปื๊ดเสียตั้งแต่ทีแรก…หมอผีคนนี้มีวิชาอาคมขลังมากจริงๆ”
“แล้ว…แล้วนี่จะทำยังไงดีล่ะครับ?”
เด็กหนุ่มชักเริ่มกังวล ขนาดวนายังต้องพ่ายแพ้กลับมา
แล้วคนอย่างเขาจะมีปัญญาช่วยเหลืออะไรได้
“ตามคุณต้นมาเร็ว หาเขาให้พบ เขาคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยวนาได้”
เสียงวนาบอกอย่างร้อนรน พลอยทำให้ปื๊ดเกิดอาการลดลานขึ้นมาในทันทีเหมือนคนบ้าจี้ รีบวิ่งพรวดพราดออกไปจากห้อง สักพักเดียวก็ย้อนโผล่หน้าเข้ามา
“จะไปหาพี่ต้นเจอได้ยังไงล่ะ…ผมไม่รู้นี่ครับว่าเขาไปที่ไหน?”
“ไม่ต้องแล้ว…มันสายเกินไปเสียแล้ว”
ในห้องพลันเกิดปั่นป่วนด้วยกระแสลม
ดุจมีพายุหมุนปรากฎขึ้น จากนั้นประตูแห่งมิติที่เชื่อมระหว่างห้องกับป่าช้า
อันเกิดจากอำนาจเวทมนต์ของอาจารย์บุญจึงถูกเปิดออก
แสงสว่างปรากฎจ้าขึ้นกลางห้อง
หมุนวนเป็นเกลียวหมอกคล้ายรูปอุโมงค์ ส่งพลังดึงดูดอันมหาศาล
มายังร่างของนางไม้สาว
“ช่วยด้วยคุณปื๊ด…ช่วยด้วย…วนา…วนาไม่อยากไป!”
สองแขนยึดเหนี่ยวหัวเตียงเอาไว้แน่น เพราะร่างกำลังจะลอยไปตามแรงดึงดูด
“รอเดี๋ญวครับคุณวนา…รอเดี๋ยว!”
ปื๊ดวิ่งกลับมายืนหันรีหหันขวาง ทำอะไรไม่ถูก เห็นไม้กวาดวางพิงอยู่มุมห้อง
รีบคว้าขึ้นมาฟาดที่แสงจ้านั้น แต่มันไม่มีผลอะไรเกิดขึ้นเลย
“ไม่มีประโยชน์หรอกคุณปื๊ด…มันเกิดจากอาคมมาช่วยวนาเร็วเข้า…วนากำลังจะถูกมันดูดเข้าไปแล้ว!”
เด็กหนุ่มรีบทำตาม
วิ่งอ้อมไปที่หัวเตียง
ใช้สองมือเหนี่ยวแขนของนางไม้สาวเอาไว้
แต่ดูเหมือนว่าพลังที่ดึงดูดร่างนางไม้สาว
จะมีมากกว่าแรงเหนี่ยวรั้งของเขา ร่างของหล่อนจึงโดนดูดจนลอยขึ้นจากเตียง
“ไม่ไหวครับคุณวนา…แรงมันมากจริงๆ”
“ตั้งสมาธิเข้าซิคุณปื๊ด…พลังจิตของคุณอาจจะช่วยวนาได้…เร็วเข้า!”
“ผมจะพยายามครับ…ผมจะพยายาม”
ปื๊ดรวบรวมสมาธิออกแรงเหนี่ยวแขนวนาต้านกับอำนาจแรงดึงดูดนั้น
แต่ไม่ได้ผลอีกนั่นแหละ ส่วนเท้าของหล่อนถูกดูดเข้าไปในกลางแสงจ้านั้นแล้ว
“ปล่อยมือเถอะคุณปื๊ด…คุณช่วยอะไรวนาไม่ได้แล้ว…บอกคุณต้นด้วย…วนา…วนาลาก่อน!”
ร่างนางไม้สาวค่อยๆ
ถูกกลืนเข้าไปในกลางลำแสงทีละน้อยๆ ปื๊ดยังไม่ยอมละความพยายาม
เขายึดแขนหล่อนเอาไว้
ออกแรงดึงจนสุดกำลัง
หวังจะฉุดให้หล่อนหลุดพ้นออกมาจากลำแสงนั้น
ถึงจะโถมเรี่ยวแรงเพียงไหน ไม่ออาจสู้กับพลังดึงดูดอันมหาศาลนั้นได้เลย ไม่ช้าร่างของวนาจึงถูกดูดหายเข้าไปในนั้น ปื๊ดจำเป็นต้องปล่อยมือไปในที่สุด
“ลาก่อนคุณปื๊ด…”
“คุณวนา!!”
เขาตะโกนขึ้นสุดเสียง
เมื่อเห็นร่างนางไม้สาวหายวับไปพร้อมกับแสงสว่างนั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น