42...
“แย่ละ….มีคนมาช่วยพวกมัน !”
อาจารย์บุญลืมตาโพลงขึ้นมา
สีหน้าตื่นตระหนก
พลอยทำให้เจ้าอ้นต้องเหลียวมองล่อกแล่ก
“ไหน อาจารย์...อยู่ไหน?”
“ไอ้เซ่อเอ๊ย….มันไม่ได้มาที่นี่หรอก
อยู่กับพวกมันหลังป่าช้าโน่น”
“อ้าว
แล้วอาจารย์มองเห็นได้ยังไงกันล่ะ?”
ถามออกไปตามประสาคนเซ่อซ่าด้อยปัญญา เลยถูกอาจารย์ยันโครมเข้าเกือบหงายเก๋งไป
“ไอ้เวร…กูนั่งสมาธิเห็นเว้ย วิชาอาคมมันไม่เบา ทำลายผีดิบของกูเสียหมดเลย!”
“ฮ้า! ใครเหรออาจารย์?”
“พระธุดงค์แก่ๆ เห็นทีกูจะเอามันไว้ไม่ได้เสียแล้ว!”
หมอผีเฒ่าล้วงหยิบเอาควายธนูออกมาจากย่าม เจ้าอ้นเห็นเช่นนั้นรู้สึกหนาวสะท้านเยือกทันที ขนาดพระสงฆ์องค์เจ้า ยังมุ่งหมายจะเอาชีวิต
นับว่าอาจารย์เป็นคนมีจิตใจโหดเหี้ยมอำหหิตผิดมนุษย์มนา
“อย่านะอาจารย์อย่าทำอย่างงั้น !”
เห็นอาจารย์ตั้งท่าจะร่ายคาถา
รีบลนลานร้องห้ามเสียงหลง หมอผีเฒ่าชะงักหันควับมองตาเขียว
“กูจำเป็นต้องฆ่ามัน
มึงไม่ต้องมาเสือก”
“แต่…แต่ว่า ท่านเป็นพระนะอาจารย์”
“กูรู้แล้ว แต่ถ้ากูขืนปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ ไอ้พระแก่นั่นมันอาจจะช่วยแก้มนต์สะกดของกู ได้มึงอยากให้
พวกเราถูอีผีนางไม้นั่นตามมาฆ่าตายหมดหรือ
ไอ้อ้น?”
“ไม่….ไม่หรอก อาจารย์ ไม่อยากน่ะ” เจ้าอ้นหัวเราะแหะๆ
“งั้นมึงก็จงนั่งดูอยู่เฉยๆ
ไม่ต้องมาแย้งหรือขัดขวางกูอีก ไม่งั้นกูกระทืบมึงเละแน่!”
อาจารย์บุญกำชับลูกศิษย์
แล้วเอาความธนูวางลงตรงหน้า
พนมมือหลับตาว่าคาถาพึมพำ
************-
พระธุดงค์ชรานั่งฟังต้นตุ่มและปื๊ด
ช่วยกันเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นด้ยอาการอันสำรวม
“ด้วยเหตุนี้
โยมทั้งสามจึงถูกหมอผีตามปองร้ายอย่างงั้นล่ะซี” หลวงพ่อผู้ทรงศีลเอ่ยขึ้น เมื่อรับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้ว
“ถูกแล้วครับหลวงพ่อ” ต้นพยักหน้ารับ “ผมไม่เข้าใจจริงๆว่า
ทำไมหมอผีคนนี้ถึงต้องหมายเอาชีวิตของเราด้วย”
“เขาคงไม่อยากให้โยม
ปล่อยนางไม้ออกมาเป็นอิสระนั่นแหละ
บุคคลใดแล้วแต่ที่คิดเล่นกับไฟ
ย่อมกลัวไฟเผาตัวอยู่เช่นกัน”
“หมายความว่ายังไงคะหลวงพ่อ?” ตุ่มขมวดคิ้วถาม
เพราะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำที่มีความลึกซึ้ง อย่างที่หลวงพ่อพูดออกมา
“หมอผีบุญกำลังท้าทายอยู่กับสิ่งที่มีอำนาจเหนือคนธรรมดา เป็นถึงรุกเทวดา จึงกลัวว่าจะโดนแก้แค้นเป็นการตอบแทน หากนางไม้ตนนั้นถูกปลดปล่อยออกมาได้น่ะซีโยม” พระธุดงค์ชราอธิบาย
“แต่คุณวนา
ไม่เคยคิดมุ่งร้ายหมายเอาชีวิตใคร
หมอผีบูญไม่น่าจะทำกับเธออย่างงั้นนี่ครับ
หลวงพ่อ” ปื๊ดพูดด้วยน้ำเสียงบ่งบอกถึงความไม่พอใจ “เธอเป็นนางไม้ที่จิตใจเมตตา โอบอ้อมอารี
เคยมีแต่คอยช่วยเหลือคนและสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยากเสมอมา ผมรู้จักกับเธอดี เธอเป็นอย่างงี้จริงๆ ครับ หลวงพ่อ”
“อาตมาเข้าใจ
โดยปกติรุกขเทวดาย่อมประพฤติปฏิบัติแต่คุณงามความดี มีเมตตาธรรมอยู่แล้ว หมอผีคงทำลงไป เพราะเห็นแก่อามิสสินจ้างนั่นแหละโยม”
“ใช่จริงๆ ด้วยครับหลวงพ่อ ” ต้นเห็นด้วยกับพระธุดงค์ชรา
“คุณวนายังเคยไว้ชีวิตเขามาแล้วหนหนึ่ง
แต่หมอผีคนนี้กลับไม่รู้คุณคนยังคิดแว้งกัดอีก
จิตใจช่างโหดเหี้ยมจริงๆ เลยครับ”
“ผู้ใดก่อกรรมเอาไว้อย่างไร
ย่อมต้องได้รับกรรมนั้นๆ ตอบสนองเองนั่นแหละโยม ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามกฎแห่งกรรม พระพุทธองศ์ทรงสอนไว้เช่นนั้น”
หลวงพ่อผู้ทรงศีลเทศนาช้าๆ เนินนาบ
ทำให้ต้น ตุ่มและปื๊ด
เมื่อได้ฟังแล้วจิตใจพลันสงบเหยือกเย็นลงอย่างน่าประหลาด ต่างพากันก้มกราบลงด้วยความรู้สึกที่ซาบซื้งเลื่อมใส
เสียงลมพัดอื้ออึงมาแต่ไกล
ยอมไม้พริ้วไหวเอนลู่ดุจต้องพายุมรสุม
ติดตามด้วยเสียงฝีเท้าที่หนักแน่น จนพื้นเดินเกิดการสั่นสะเทือน
“เอาอีกแล้ว….เสียงอะไรกัน!?” ปื๊ดเหลียวมองล่อกแล่ก ท่าทางตื่นตระหนก
“หมอผีบุญคงจะส่งอะไรมาเล่นงานเราอีกแน่เลย!” ต้นคาดคะเนเอา
“แย่แล้ว…ช่วยเราด้วยเถอะค่ะหลวงพ่อ!”
เสียงลมและเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามาทุกที
ตุ่มเกิดอาการลนลานหวาดกลัวจนแทบจะนั่งไม่ติด
“เย็นไว้โยม…ขยับมานั่งข้างหลังเถอะ
หมอผีกำลังจะลองดีกับอาตมา
ไม่ใช่โยมทั้งสามหรอกนะ”
ทุกคนรีบทำตามที่พระธุดงค์ชราบอก
พากันถดถอยมานั่งรวมกันเป็นกระจุกอยู่ที่ใต้ต้นไม้ มองดูสิ่งที่กำลังจะปรากฎออกมาอย่างตื่นเต้น
ตรงกันข้ามกับพระภิกษุชรา
ซึ่งยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ในอาการสำรวม
ไม่ได้มีท่าทีหวั่นไหวแต่อย่างไร
พื้นดินสั่นสะเทือนหนักขึ้น
กิ่งไม้ใบหญ้าหักโผงผาง
ดงไม้เบื้องหน้าถูกแหวกออกเป็นทาง
แล้วควายธนูขนาดเขื่องตัวดำมะเมื่อมก็ปราฎออกมา
รูปร่างของมันใหญ่โตมโหฬาาร เขายาวโง้งแหลมเฟี้ยว กำลังควบตะบืงมาด้วยท่าทางอันดุดัน
“มัน….มันมาแล้วหลวงพ่อ”
ปื๊ดตะโกนออกมาอย่างลืมตัว
เมื่อเห็นท่าทางอันน่ากลัวของมัน
พระภิกษุชรานั่งสำรวมสมาธิแน่นิ่ง
มิได้มีความประหวั่นพรั่นพรึงต่อมหันตภัยที่กำลังเผชิญอยู่เลย
แม้แต่น้อย สีหน้ายังคงราบเรียบ สงบเยือกเย็น
ควายธนูซึ่งเกิดจากอาคมของหมอผีเฒ่า
ห้อเหยียดมาอย่างรวดเร็ว
แล้วหยุดชะงักพรืดลงนิดหนึ่งรู้สึกแปลกใจที่เห็นศัตรูซึ่งมันได้รับคำสั่งให้มาทำลาย ยังคงนั่งนิ่งเฉย
มันหายใจพือฟาดสะบัดหัวไปมา
ยกขาหน้าตะกุยพื้นเพื่อเป็นการข่มขวัญ
จากนั้นจึงก้มลงเล็กน้อยให้เขาทั้งคู่พุ่งเหยียดตรงไปข้างหน้า หมายจะขวิดให้ไส้ทะลัก
เมื่อตั้งท่าเตรียมพร้อมเต็มที่
มันจึงพุ่งเข้าใส่พระภิกษุชราอย่างรวดเร็ว
ตุ่มเกือบจะหวีดร้องออกมาอย่างใจหายใจคว่ำ
เมื่อเห็นควายธนูวิ่งใกล้เข้ามาด้วยท่าทางอันดุร้ายคิดว่าคราวนี้ทุกคนคงไม่รอดแน่
เปรี้ยง !
น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
ทันทีที่ควายธนูพุ่งเข้าปะทะพระภิกษุชรา
ร่างของมันเกิดระเบิดแหลกเป็นจุลไปในพริบตา
************
หมอผีเฒ่า ตกตะลึงต่อสิ่งที่ได้เห็นทางมโนภาพ
เกิดอาการประหวั่นพรั่นพรึงในบุญบารมีของพระธุดงค์ชราขึ้นทันที
สิ่งที่เกิดจากคาถาอาคมของตนเอง
ไม่สามารถแตะต้องทำอันตรายพระภิกษุผู้ทรงศีล แม้แต่เพียงแค่ปลายเล็บ
แสดงว่า
อำนาจแห่งธรรมะอันบริสุทธิ์ผุดผ่องนั้น เหนือกว่าเวทมนต์คาถาของตนมากมายหลายเท่านัก
“เป็นอะไรไปอาจารย์?”
เห็นหมอผีเฒ่าเหงื่อกาฬแตกพลั่กชุ่มโชมหัวโล้น
ศิษย์หน้าผีอดถามขึ้นมาไม่ได้
“ควายธนูของกูถูกทำลายไปแล้ว!
”อาจารย์บุญบอกกับมัน “ยังไม่ทันได้ขวิดไอ้พระแก่นั่นเลยเสียด้วยซ้ำไป!”
“หนีกันดีกว่าอาจารย์
รีบเผ่นไปจากที่นี่เถอะเดี๋ยวพวกมันต้องมาแน่!”
ได้ยินอาจารย์บอกเช่นนั้น เจ้าอ้นรู้สึกลัวขึ้นมาเหมือนกัน ขนาดควายธนูยังทำอะไรพระธุดงค์ไม่ได้
แล้วจะมีปัญญาอะไรไปขัดขวางไม่ให้คนพวกนั้นมาช่วยปลดปล่อยนางไม้สาว
“ไม่…กูไม่หนี!” หมอผีเฒ่าไม่ลดฐิทิมานะที่จะเอาชนะ “กูไม่ยอมให้พวกมันมาช่วยอีนางไม้นี่อย่างเด็ดขาด!”
“อาจารย์ขัดขวางไม่ได้หรอกนะ รีบหนีไปตอนนี้ยังทัน ถ้าพวกนั้นปล่อยนางไม้ออกมาได้เมื่อไหร่ เรามีหวังตายแหง๋แก๋!” เด็กหนุ่มหน้าผีพูดเตือนสติ
“ไม่หรอกนะไอ้อ้น กูจะทำลายมันเสียก่อนที่จะมีคนมาช่วย!”
อาจารย์บุญบอกด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
************
“ได้โปรดช่วยคุณวนด้วยเถอะครับหลวงพ่อ”
เด็กหนุ่มเจ้าเนื้ออ้อนวอนพระธุดงค์ชรา ด้วยความศรัทธาอย่างเปี่ยมล้ม ในบุญบารมีของพระธุดงค์รูปนี้
“อาตมาภาพเป็นบรรพชิต สาวกแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตัดแล้วซึ่งทางโลกทั้งปวง ยึดถือปฏิบัติ
ตามคำสั่งสอนมาโดยเคร่งครัด
อย่าให้อาตมาต้องแปดเปื้อนมีมลทินเลยนะโยม”
“ทำไมละคะหลวงพ่อ?” ตุ่มข้องใจสงสัย
“หมุดสนับเงินเล่มนั้น
ถูกปักตรึงอยู่กับร่างนางไม้ อาตมามิอาจช่วยถอนให้ได้หรอก”
ฆราวาสทั้งสามเพิ่งจะถึงบางอ๋อเหตุผลที่ช่วยไม่ได้
เป็นเพราะพระสงฆ์ที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย
จะแตะต้องถูกกายของอิสตรีไม่ได้อย่างเด็ดขาดนั่นเอง
“นอกจากหลวงพ่อแล้ว
ผมยังมองไม่เห็นใครอีกเลย
ที่จะช่วยคุณวนาได้”
ต้นชักหน้าเสีย ความหวังที่แจ่มจรัสดับวูบลงในทันที
“มีซิ….ตัวโยมนั่นยังไงล่ะ”
“ผมน่ะหรือครับ?” ชายหนุ่มเบิกตากว้าง
ไม่แน่ใจว่าพระภิกษุชราพูดจริงหรือเปล่า “อย่าล้อเล่นน่าหลวงพ่อ จะให้ผมเอาอะไรไปสู้กับอาคมของหมอผีบุญล่ะครับ?”
“เอาของสิ่งนี้ไป” หลวงพ่อล้วงหยิบเศษจีวรเก่าๆ ผืนเล็กๆ ออกจากย่ามยื่นส่งให้
“โยมจะต้องเป็นคนถอดหมุดด้วยตนเอง ตั้งจิตอธิษฐานให้ดีก่อนนะ”
“โห,
หลวงพ่อ ….ขนาดฆ้อนยังงัดไม่ออก
แล้วเศษผ้าผืนแค่นี้เนี้ยจะดึงออกเรอะ?” ปื๊ดแสดงความข้องใจ
“เอาเถอะนะ แล้วโยมจะเห็นเองนั่นแหละ
จงไปเถอะ”
ได้ยินพระธุดงค์ชราบอกเช่นนั้น
ต้นทำท่าจะกราบลา
แต่ตุ่มรีบสะกิดเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนพี่ต้น….แล้วถ้าเผื่อหมอผีบุญเสกอะไรมาเล่นงานเราอีกล่ะ จะทำยังไง?”
“อย่ากลัวไปเลยโยม” หลวงพ่อเข้าใจความรู้สึกของเด็กสาวดี “เอาอย่างงี้แล้วกัน
ไปเด็ดใบไม้มาให้อาตมาสามใบ”
“ได้ครับ,หลวงพ่อ”
ปื๊ดรีบกระวีกระวาดทำตามคำสั่ง ลุกไปเด็ดใบไม้มาให้ หลวงพ่อรับไปถือไว้ในมือ หลับตาลงนิ่งอยู่สักพักครู่หนึ่ง แล้วลืมตายื่นคืนให้
“เอาติดตัวพกใส่กระเป๋าไว้
สิ่งชั่วร้ายจะทำอะไรโยมไม่ได้”
เด็กหนุ่มรับมาแจกให้จนครบคน
แล้วพากันก้มลงกราบลาพระธุดงค์ชรา
“รีบไปเถอะนะ
หมอผีกำลังคิดการชั่วร้ายอีกแล้ว
โยมทั้งสามจะต้องรีบกลับไปที่ป่าช้าโดยเร็ว”
หลวงพ่อบอกพร้อมกับช่วยชี้ทางให้
************
แตนเดินงุ่นง่านไปมา
อย่างกระวนกระวายใจเหลือบมองไปทางขอบฟ้าด้านทิศตะวันตก เห็นเมฆฝนตั้งเค้าทะมึนมาแต่ไกล
“พาแตนไปที่ป่าช้าหน่อยได้มั้นคะ?”
หมดความอดกลั้นที่จะทนรอต่อไปได้
หล่อนจึงตัดสินใจขอร้องหมอฉุย
“อย่าดีกว่าครับคุณแตน
ผมกลัวคุณจะไปขัดขวางพิธีกรรมของอาจารย์ มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมา ต้องขอโทษด้วยนะครับ” หมอฉุยปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
“แต่อาจารย์ไปนานแล้ว ยังไม่ยอมกลับมาเสียที แตนใจร้อนอยากรู้น่ะ ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า”
“ใจเย็นๆดีกว่านะคุณแตน
เดี๋ยวอาจารย์คงจะกลับมาเองแหละค่ะ” โฉมศรีพูดปลอบใจ “ที่ป่าช้าน่ะมีแต่ความน่ากลัว ไม่เห็นจะน่าไปเลยนะคะคุณ”
“แตนต้องไปให้ได้!”
หญิงสาวยืนกรานความตั้งใจ โดยไม่คิดพึ่งพาความช่วยเหลือจากหมอฉุยอีกต่อไป
“อย่าไปดีกว่าครับคุณแตน
เชื่อผมเถอะ”
“ไม่ได้หรอกนะหมอฉุย แตนเป็นห่วงกลัวว่าอาจารย์อาจจะไปทำอะไรพี่ต้นเข้า”
“แต่อาจารย์บุญรับปากกับคุณแตนไว้แล้วนี่ครับ”
“แตนรู้นิสัยของพี่ต้นดี
คนอย่างเขาลองตั้งใจทำอะไรแล้ว
ไม่มีทางยอมเลิกล้มง่ายๆ นี่แหละ ที่ทำให้แตนเป็นห่วง”
หมอฉุยอึ้งไปครู่หนึ่ง
เมื่อไม่มีทางขัดขวางหญิงสาวได้
เขาจึงจำเป็นต้องพยักหน้ารับ
“ได้ครับ…ถ้างั้นผมจะพาคุณแตนไปเอง” บอกแล้วหันไปทางสาวใหญ่เจ้าของอพาร์ตเม้นท์
“ไปด้วยกันมั้ยครับคุณโฉมศรี ?”
“ไม่หรอกค่ะ!” หล่อนรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน
“โฉมขอรออยู่ที่นี่ดีกว่า
ที่ป่าช้าน่ากลัวออกจะตายไป!”
************
อาจารย์บุญกับเจ้าอ้น
กำลังช่วยกันหาเศษไม้เศษฟืนมากองสุมๆ กันไว้ใต้ต้นไม้
“เอาล่ะ,
พอแล้ว
จุดไฟได้แล้วล่ะไอ้อ้น!”
เมื่อเห็นว่าได้ฟืนกองโต
พอที่จะเผาต้นไม่ใหญ่ให้วอดวายลงไปได้
หมอผีเฒ่าจึงล้วงไฟแช็คแก๊สจากย่าม ส่งให้ลูกศิษย์หน้าผี
“ทำอะไรกันน่ะอาจารย์?”
เสียงทักของแตน
ทำให้เจ้าอ้นที่กำลังจะจุดไฟต้องชะงักมือหันมอง เห็นหญิงสาวกับหมอฉุยเดินตรงเข้ามาหา
“พวกเขากำลังจะมาช่วยปลดปล่อยผีนางไม้ ผมจำเป็นต้องเผาต้นไม้นี้ทิ้งเสีย!” หมอผีเฒ่าบอก
“อ้าว, ไหนอาจารย์บอกว่า
ไม่มีใครจะดึงหมุดสนับเงินเล่มนี้ออกได้ยังไงล่ะ
ทำไมต้องเผาต้นไม้ด้วย?”
หมอฉุยถามด้วยความแปลกใจ
“ฉันขับไล่คุณต้นกับเพื่อนไปแล้ว แต่พวกเขาไปเจอพระธุดงค์ ให้ของดีมาแก้มนต์สะกดของฉัน” อาจารย์บุญเล่าให้ฟัง แต่ไม่ยอมบอกว่า ตนเองพยายามฆ่าคนเหล่านั้นด้วย “ขืนปล่อยให้มาช่วยอีนางไม้นี่ได้ พวกเราจะเดือดร้อนไปตามๆ กัน”
“ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วหรือ นี่มันต้นไม้ของวัดนะอาจารย์!”
“ไม่มีหรอกหมอฉุย
นอกจากต้องรีบเผาต้นไม้ทำลายดวงวิญญาณของมันเสีย ก่อนที่พวกนั้นจะมาถึง”
“งั้นรีบลงมือเลยอาจารย์!”
แตนสนับสนุน
เพราะหล่อนก็ไม่ต้องการให้นางไม้สาวหลุดออกมาได้เช่นกัน
ไฟถูกจุดขึ้นมาแล้ว
ค่อยๆลุกลามจากกิ่งไม้แห้งอันเล็กๆ
แผ่ขยายกว้างออกไปทีละน้อย แล้วเริ่มโหมแรงขึ้น
“ข้าจำเป็นต้องทำอย่างงี้
ไม่งั้นเจ้าต้องฆ่าข้าแน่ อโหสิให้ข้าด้วยเถอะนะ
ฮะฮะฮะฮ่า!”
เสียงหัวเราะของอาจารย์บุญ
บ่งบอกถึงความดีใจในชัยชนะ
กลุ่มควันจากเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นทางยาว เป็นที่พออกพอใจของหมอผีเฒ่าผู้นี้ยิ่งนัก
หากต้นไม้ถูกเผามอดไปเมื่อไหร่
วิญญาณของนางไม้สาวจะต้องดับสูญไปด้วยทันที
“หยุดนะ!....หยุดเดี๋ยวนี้!!”
ต้นวิ่งพรวดพราดออกมาจากดงไม้หลังป่าช้า เปลวไฟกำลังลุงโชติช่วงอยู่ตรงหน้า ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตกใจ
“ช่วยกันดับไฟเร็วยัยตุ่ม
ปิ๊ด!”
หันไปสั่งเพื่อนๆ
แล้วชายหนุ่มจึงรีบหักกิ่งไม้อันใหญ่
ออกวิ่งตรงไปที่ต้นไม้
ใช้กิ่งไม่ในมือหวดลงไปเพื่อให้ไไฟกำลังลุกไหม้อยู่ดับลง
ตุ่มกับปื๊ดทำตาม
หักกิ่งไม้มาคนละกิ่งถือวิ่งมาที่ใต้ต้นไม้
“อย่านะ !”
หมอผีเฒ่าตวาดห้าม สืบเท้าเข้ามายืนขวางหน้า
ผลั๊วะ !
ไม่ต้องมีความเกรงใจในอาวุโสกันอีกต่อไป ปื๊ดใช้กื่งไม้ใหญ่ในมือหวดอาจารย์บุญผวา เสียหลักถลาไป
“ใครขวางกูเป็นเจอดีแน่!” เด็กหนุ่มประกาศก้อง
“จัดการกับมันเลยหมอฉุย
ไอ้อ้น…เร็วเข้า
มัวยืนเซ่อทำอะไรอยู่ล่ะ?”
หมอผีเฒ่ารีบร้องสั่ง ยังไงต้องขัดขวางกันสุดฤทธิ์
จะยอมให้พวกนี้มาช่วยปลดปล่อยนางไม้สาวไม่ได้อย่างเด็ดขาด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น