วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เตียงนางไม้ ตอนที่ 3

โดย...เจิด จินตนา
. . .

         
          โฉมศรีกำลังยืนชี้นิ้วออกคำสั่งให้ลุงม้วนเล็มหญ้าที่ขึ้นรกขอบสนามใกล้ ๆ กับสำนักงานหล่อนเป็นคนจู้จี้จุกจิกเจ้าระเบียบ เห็นอะไรรกหูรกตานิดเดียวก็ไม่ได้ ชายชราผู้มีหน้าที่ดูแลความสะอาดรอบ ๆ บริเวณอพาร์ตเม้นท์ก้มหน้าก้มตาใช้กรรไกรตัดหญ้าในมือเล็มเลาะไปตามคำสั่งอย่างงกๆเงิ่นๆ
          ช่วยกันดูช่วยกันแล ให้มันเป็นระเบียบเรียบร้อยหน่อยซิ่….นี่อะไรกันปล่อยให้รกรุงรังอยู่ได้คอยแต่จะอู้งานอยู่นั่นแหละ ฉันจ้างแกมาเสียเงินเสียทองนะยะข้าวปลาที่หลับที่นอนก็มีให้ หัดทำงานให้มันคุ้มกับค่าจ้างหน่อยซิ่…..ตาม้วน นั่น ๆ ตรงโน้นด้วย ตรงนี้ด้วยเล็มออกอีกนิด…”
            ชี้นิ้วไปปากว่าฉอดๆลุงม้วนได้แต่กล้ำกลืนทำงานไปตามสั่ง
            เสียงผิวปากดังมาจากบันได ปื๊ดกำลังเดินลงมาอย่างอารมณ์ดี แต่พอเห็นหน้าผู้เป็นเจ้าของอพาร์ตเม้นท์เด็กหนุ่มต้องชะงักหยุดผิวปากทันที ทำเป็นมองไม่เห็นจะเดินเลี่ยงไปที่ลานจอดรถ
            ตาปื๊ดมานี่หน่อยซิ!”
            โฉมศรีเรียกเสียงห้วน ปื๊ดรู้ดีว่าหล่อนจะพูดอะไรกับเขา แต่ต้องจำใจเดินเข้ามาหาแกล้งถาม
            เรียกผมทำไมครับ….เจ๊โฉม?”
            “หน็อยยังมีหน้ามาถามอีกค่าเช่าห้องว่ายังไงยะ นี่จะสองเดือนเข้าไปแล้วนะ!”
            “โถ ! เจ๊ก็เงินนิดหน่อยแค่เนี้ยทวงเช้าทวงเย็น มีเมื่อไหร่ผมให้เองน่า
            “แล้วเมื่อไหร่ล่ะถึงจะมีฉันถามแกทีไรก็พูดยังงี้ทุกที เป็นคนอื่นฉันไล่ออกไปนานแล้วนะ จะบอกให้
            “ขอเวลาอีกสองวันเถอะเจ๊….รับรองผมเอามาจ่ายเจ๊แน่ ตอนนี้ยังไม่มี….”
            “แน่นะตาปื๊ด?” หล่อนคาดคั้น อีกสองวันถ้าแกยังไม่ยอมจ่ายค่าเช่าเตรียมขนของออกไปได้ ฉันจะเอาห้องให้คนอื่นเช่าต่อ
            “ชัวร์ครับเจ๊!” ปื๊ดรับปาก  แล้วทำท่าจะเดินจากไป แต่นึกอะไรขึ้นมาได้  เออ ! นี่แน่ะเจ๊โฉมห้อง 316 ทำไมยังปล่อยคนเช่าอยู่อีกล่ะ?”
            “แล้วมันหนักหัวอะไรของแกหือตาปื๊ด?”
            “ไอ้ห้องนั้นใครเข้าไปอยู่ก็บอกว่ามีผีสิง ผมไม่เห็นเจ๊จัดการอะไรลงไปสักอย่าง
            “แกจะให้ฉันจัดการอะไรในเมื่อฉันเคยเข้าไปดูตั้งหลายครั้ง  ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ คนพวกนั้นประสาทหลอนกันไปเอง กลัวไม่เข้าเรื่องปล่อยเอาไว้อย่างงั้นแหละดีแล้ว ฉันจะได้ถือโอกาสริบค่าเช่าฟรีๆยิ่งย้ายกันบ่อยยิ่งดีฉันชอบ !”
            “โลภฉิบเป๋ง!”
            ปื๊ดพึมพำเบา ๆ แต่โฉมศรีกลับได้ยินชัด หูผึ่ง
            แกว่าอะไรหรือตาปื๊ด?”
            “เปล่าเจ๊ผมลาล่ะ!”
            เด็กหนุ่มรีบจ้ำอ้าวไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตนไม่สนใจกับเจ้าของอพาร์ตเม้นท์ที่ยืนมองทำตาขวาง
                        ***************
            วันนั้นทั้งวัน ต้นแทบไม่มีกะจิตกะใจที่ทำงานเขามีนัดกับลูกค้าสองสามราย  ต้องโทรไปบอกขอเลื่อนนัดหมด คิดไม่ออกจริง ๆ ว่า ทำไมอยู่ดีๆผู้จัดการจึงเรียกเขาเข้าไปต่อว่า เรื่องนี้มันจะต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรสักอย่างแอบแฝงอยู่
            บางทีอาจจะเป็นแผนของมานพเองที่แกล้งกุเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่ออ้างเป็นสาเหตุ ทำให้เขาต้องออกจากงานด้วยความไม่ชอบขี้หน้า
            ต้นรู้ตัวดีว่า มานพไม่พอใจที่เห็นเขามีความสนิทสนมกับนุช เลขาคนสวยของมานพ นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง
            พนักงานทุกคนในแผนก ต่างรู้กิตติศัพท์ในความเป็นเสือผู้หญิงของมานพดี พนักงานหญิงคนไหนรูปร่างหน้าตาดีเป็นที่ถูกใจ มานพเป็นต้องหาทางเคลมให้ได้ซึ่งบางคนก็มีความเต็มใจ และยินยอมให้มานพได้ระบายตัณหาเพื่อแลกกับตำแหน่งการงาน และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
            ผู้จัดการแผนกประกันภัยซึ่งมากด้วยตัณหาราคะมีความพึงพอใจในตัวนุชเป็นพิเศษ  หมายมั่นปั่นมือที่จะพิชิตความสาวในเรือนร่างขาวอวบแต่งตึงของหล่อนให้ได้
            แต่นุชไม่เคยยอมเปิดโอกาสให้ มานพได้เชยชมสมใจปรารถนา เพียงแค่ยอมให้เขาได้ใช้สายตาโลมเลียและถือโอกาสแต๊ะอั๋งบ้างเป็นบางครั้งคราว ที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ เพราะการที่ต้องทำงานใกล้ชิดกันนั่นเอง
            ความใกล้ชิดสนิทสนมกันระหว่างต้นกับนุช ทำให้มานพเห็นต้นเป็นขวางคอที่น่าชิงชัง ทั้ง ๆ ที่ต้นกับนุชหาได้คบกันในฐานะชู้สาวไม่ ทั้งคู่เป็นเพียงเพื่อนร่วมงาน ที่มีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันเท่านั้น
            หรืออาจจะไม่ใช่สาเหตุนี้ เพราะมานพหลุดปากออกมาว่า ท่านประธานเป็นคนแทงเรื่องนี้ลงมาให้พิจารณา ถ้าเช่นนั้น….ใครกันล่ะที่เป็นไอ้โม่งผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ทำให้เขาต้องถูกเรียกตัวเข้าไปต่อว่าต่อขานแต่เช้า ยิ่งคิดสมองของต้นยิ่งมึนงง จนจับต้นชนปลายไม่ถูก
            ใกล้เที่ยง มานพเปิดประตูห้องทำงานส่วนตัวออกมา ยืนเท้าโต๊ะทำงานเลขาหน้าห้อง พยายามวางมาดซึ่งคิดว่าเท่ที่สุด
            เที่ยงนี้ผมไม่มีนัดลูกค้า ไปทานข้าวกลางวันกับผมไหมครับคุณนุช?”
            “ขอโทษเถอะนะคะผู้จัดการเอ้อ ! นุชนัดกับพี่ต้นเอาไว้แล้ว!”
            ทุกครั้งที่โดนชวน หล่อนมักจะอ้างเอาต้นมาเป็นกันชน เพื่อหลีกเลี่ยงการที่จะต้องไปไหนมาไหนตามลำพังกับมานพสองต่อสอง หนุ่มใหญ่จอมเจ้าชู้ยักษ์มองไปที่โต๊ะทำงานของต้นด้วยสายตาไม่พอใจแว้บหนึ่งแล้วทำท่าออกอ้อนถอนใจ
            งั้นไม่เป็นไรนะครับ แต่หวังว่าผมคงมีโอกาสได้เป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารคุณนุชสักมื้อหนึ่งบ้าง
            หญิงสาวได้แต่นั่งอมยิ้มไม่ตอบ มองดูผู้จัดการของหล่อนที่เดินออกจากห้อง กดปุ่มเรียกลิฟท์ลงไปชั้นล่าง พนักงานคนอื่น ๆ เริ่มทยอยออกไปจากห้องทำงานแล้ว นุชนั่งรออยู่สักครู่ใหญ่ ๆ คะเนดูจนแน่ใจว่าผู้จัดการจอมชีกอของหล่อนออกไปพ้นบริษัทแล้ว จึงลงมือเก็บข้าวของบนโต๊ะให้เรียบร้อย แล้วหันไปชวนเพื่อนสาวใส่แว่นตาหนาเตอะ ที่นั่งพิมพ์ดีดอยู่ด้านหลังหล่อน
            ไปกินข้าวกันเถอะอี๊ด!”
            โดยปกติทั้งสองสาวมักจะไปไหนมาไหนด้วยกัน อี๊ดรอให้นุชเอ่ยปากชวนอยู่แล้ว หล่อนพยักหน้าหงึกวางมือจากเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้า คว้ากระเป๋าเดินตามนุชไปที่โต๊ะทำงานของต้น
            เป็นอะไรไปหรือพี่ต้น….ผู้จัดการเรียกเข้าไปพบเรื่องอะไรล่ะ?”
            นุชถามเพราะเห็นต้นนั่งซึมอยู่ ชายหนุ่มจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้สองสาวเพื่อนร่วมงานฟังอย่างไม่มีปิดบัง ทั้งคู่มีท่าทางงงงันไม่น้อยเมื่อได้ฟังเรื่องที่ต้นเล่าจนจบ
            คุณนุชได้เห็นเอกสารของท่านประธานเกี่ยวกับเรื่องขอเลื่อนตำแหน่งของผมบ้างหรือเปล่าครับ?” ต้นถาม
            ไม่เห็นมีนี่คะ…” นุชสั่นหน้า เพียงแต่เมื่อเช้านี้ พอมาถึงผู้จัดการก็ให้ค้นแฟ้มประวัติของพี่ต้นเอาเข้าไปให้ดูเท่านั้น
            “ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าใครเป็นคนเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา…” ชายหนุ่มยังไม่หายคลางแคลงใจ
            อย่าไปคิดมากให้มันปวดเฮดดีกว่าพี่ต้น ไปหาอะไรกินกันเถอะ อี๊ดชักจะหิวแล้ว ยัยแว่นเอ่ยปากชวน
            จริงด้วยพี่ต้นไปเหอะน่า!”
            นุชกระตุกแขนเสื้อต้นให้ลุกขึ้นดินออกจากห้องทำงานไปด้วยกัน
                        ***************
            เมื่อลิฟท์ลงมาถึงชั้นล่าง ประตูถูกเปิดออก ผู้คนต่างออกมาจากลิฟท์คล้ายสายน้ำที่ถูกปล่อยออกจากทำนบกั้น ต่างคนต่างรีบเร่งทำเวลาเสาะหาอาหารใส่ปากใส่ท้องไว้เป็นพลังงานไว้ต่อสู้กับงานในช่วงบ่าย
            ต้น นุชและอี๊ด เดินปะปนมากับพนักงานร่วมบริษัท ส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปทางประตูหลังสำนักงานซึ่งทะลุออกไปสู่ลานจอดรถ
            มีร้านขายอาหารแบบประเภทข้าวแดง และก๋วยเตี๋ยวอยู่สี่ห้าร้าน ที่ตึกแถวในซอยหลังลานจอดรถนี้คอยบริการพนักงาน ทั้งที่ทำงานอยู่ในอาคารบริษัทประกันภัย และบริเวณใกล้เคียง ซึ่งส่วนใหญ่จะมากันเป็นกลุ่ม เมื่อเวลาพักเที่ยง และแชร์กันออกค่าอาหารตามประสาของพนักงานผู้มีรายได้น้อย
            พี่ต้น….”
            ผ่านลานจอดรถต้นได้ยินเสียงใส ๆ ขานเรียกชื่อของเขา ทงชายหนุ่มกับสองสาวชะงักฝีเท้าหันไปมอง
            คนเรียกเป็นหญิงสาวหุ่นนางแบบ ในชุดกระโปรงสีแดง ใบหน้าสวยเฉี่ยว ดัดผมเป็นลอนยาวพลิ้วผวนวลเนียน ร่างเพรียวระหงดูสง่า กำลังยืนยิ้มและมองมาทางต้นด้วยท่าทางดีใจ
            แฟนพี่ต้นมาแล้ว เราแยกกันตรงนี้ดีกว่านะ…”
            นุชบอกพร้อมฉุดแขนอี๊ดให้เดินจากไป ไม่อยากให้คนรักของพี่ต้นเข้าใจผิด
            คุณแตนมาที่นี่ทำไมครับ?”
            “ถามได้ก็แตนคิดถึงพี่ต้นน่ะซิ…” ผู้ถูกถามทำหน้าเง้านิดหน่อย เดินเข้ามาควงแขนชายหนุ่มพร้อมกับตัดพ้อต่อว่า คนอะไรไม่รู้ใจดำจริงเชียวย้ายที่อยู่ก็ไม่ยอมบอกเลยสักคำ ปล่อยให้แตนไปหาที่แฟลตเก้อ
            “ผมตัดสินใจอย่างกะทันหันน่ะ รำคาญเสียงคนที่มาพักห้องข้างเคียง
            “ผู้หญิงที่เดินมากับพี่ต้นเป็นใคร?”
            หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องคุย มองดูนุชกับอี๊ดซึ่งกำลังเดินตรงไปยังร้านอาหารหลังลานจอดรถ
            คนไหนล่ะ?”
            “ไม่ใส่แว่น
            “อ๋อ! คุณนุชเพื่อนร่วมงานอยู่แผนกเดียวกัน
            “น่ารักดีนี่….”  แตนพูดเปรียบเปรยเหมือนประชด
            เป็นเพื่อนกันเฉย ๆ แค่นั้นจริง ๆ เหรอ?”
            “คุณแตนเคยเห็นผมทำก้อก้อก้อตึกกับใครบ้างหรือเปล่าล่ะครับ?” ต้นย้อนถามด้วยสีหน้าเอือมระอา
            โตแตนแค่พูดล้อเล่นเท่านั้นเองแหละ อย่าทำหน้าแบบนั้นซิคะ วันนี้แตนมีข่าวดีจะมาบอก พี่ต้นอยากรู้มั้ยคะว่าเรื่องอะไรเอ่ย?”
            “อะไรหรือ...?”
            “ไปกินข้าวกับแตนก่อน แล้วแตนจะบอกให้ยัยตุ่มก็มาด้วย รออยู่ที่รถไปซิคะ!”
            ไม่ได้พูดแต่ปาก แตนกระตุกชายแขนเสื้อให้ต้นเดินตามไปด้วย
            ยัยตุ่มที่แตนเอ่ยถึง เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ครั้งเรียนมหาวิทยาลัย ความที่ชอบบริโภคของทุกอย่างที่ขวางหน้า จึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยไขมันสมชื่อ
            ตุ่มกำลังนั่งชะเง้อมองอยู่ในรถฮอนด้าซีวิคสีแดงพอเห็นต้นกับแตนเดินมา  จึงรีบเปิดประตูออกมาโบกมือทักทายเสียงโหวกเหวก
            หวัดดีพี่ต้น….!  นึกว่าจะโดนสาวงาบไปกินซะแล้ว ไม่เบาเลยนี่แฮะ!” เล่นขนาบทั้งซ้ายขวาเลยเชียวนะ
            “ถ้ามาช้าอีกนิดก็ไม่แน่เหมือนกันนะ…”
            เขาแกล้งแหย่กลับ ทำเอาแตนหันขวับมามองตาเขียว
            “ลองไปดูดี้เป็นได้เห็นฤทธิ์แม่แตนกันบ้างล่ะ!”
เอายังงี้ดีกว่า…” ตุ่มรีบตัดบทกลัวว่าเรื่องจะไปกันใหญ่ เราโยกย้ายโลเกชั่นไปหาไอ้ที่มันมีของกินเยอะ ดูเข้าท่ากว่านะท้องตุ่มหิวจนร้องจ๊อกๆแล้วเมื่อเช้าหม่ำแค่นมสดสองกล่อง โจ๊กสองชาม แล้วก็กล้วยหอมอีกหวีเดียวเท่านั้นเอง”
            “อยากกินก็รีบ ๆ ขึ้นรถซิแตนมองหน้าเพื่อนสาวอย่างนึกขำ
            ไม่ต้องรอให้พูดเตือนซ้ำสองตุ่มรีบเคลื่อนย้ายเรือนร่างอันอุดมสมบูรณ์ไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่เบาะหลัง ต้นเปิดประตูเข้าไปนั่งคู่กับแตนข้างหน้า หญิงสาวสตาร์ทเครื่องแล้วหันถาม
            จะไปไหนกันดีคะ?”
            “ที่ไหนก็ได้ตามใจคุณแตนเถอะครับ
            ฮอนด้าซีวิคสีแดงคันใหม่เอี่ยมค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถของบริษัทประกันภัย
                        **********
            ห้องอาหารแห่งนั้น….อยู่ชั้นบนสุดของอาคารห้างสรรพสินค้าใหญ่….บรรยากาศหรูหรา พนักงานแต่งชุดสุภาพเรียบร้อย เวลาเที่ยงแบบนี้ ลูกค้าจึงค่อนข้างจะพลุกพล่าน ต้น แตน และตุ่ม นั่งอยู่ที่โต๊ะโซฟายาวเข้ามุม ริมหน้าต่างกระจกใส มองเห็นวิวทิวทัศน์รอบ ๆ ตัวอาคาร
            อาหารหลากหลายชนิดถูกสั่งมาจนเต็มโต๊ะ  ตุ่มตั้งหน้าตั้งตากินเอาๆ คล้ายกับจะพยายามลำเลียงของทุกอย่างเข้าไปบรรจุในกระเพาะให้ได้มากที่สุด
            ต้นรวบช้อนส้อม เมื่อเห็นแฟนสาวเริ่มจัดการกับของหวานหลังอาหารคาว ปล่อยให้ของที่เหลือบนโต๊ะเป็นหน้าที่ของตุ่มสาวาปามต่อไป ชายหนุ่มยกแก้วน้ำเย็นขึ้นดื่มกลั้วคอ
            ไหนคุณแตนว่ามีข่าวดีอะไรจะบอกผม?”
            หญิงสาววางช้อนลงข้างจานรองถ้วยขนม ดึงกระดาษทิชชู่ซับริมฝีปาก แล้วเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
            อีกหน่อย….พี่ต้นคงไม่ต้องออกไปวิ่งเต้นหาลูกค้าเอาประกันอีกแล้วล่ะ
            “เพราะอะไรหรือครับ?” ต้นขมวดคิ้วสงสัย
            แตนเพิ่งจะรู้ว่า คุณกำธรประธานกรรมการบริษัทที่พี่ต้นทำงานอยู่เป็นเพื่อนสนิทกับคุณพ่อของแตนเลยขอร้องคุณพ่อกำธรให้ช่วยหาตำแหน่งงานที่ดีกว่านี้ให้พี่ต้นทำ
            “อะไรนะครับ?” ต้นตะลึงแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง  ทั้งหมดนี้เป็นเพราะฝีมือของคุณแตนเองหรอกหรือนี้?”
            เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่าคนที่ทำให้เขาถูกเรียกเข้าไปต่อว่าในห้องผู้จัดการตอนเช้าเป็นใคร
            ทำไมล่ะแตนอยากเห็นพี่ต้นสบาย ไม่อยากให้ต้องลำบาก คอยเป็นลูกน้องเขาต๊อกต๋อยอยู่แบบนี้
            คำพูดของสาวคนรัก ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหน้าชาเหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง
            ผมขอรองเถอะครับคุณแตนอย่าได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องงานของผมเลย…”
            หญิงสาวหน้าถอดสี ไม่นึกว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้ออกมาจากปากของเขา หล่อนคิดว่าเขาน่าจะดีใจมากกว่าเมื่อได้ยินจากปากของเขา แต่กลับมีท่าทีที่ไม่พอใจในความหวังดีขอหล่อนเลยแม้สักนิด
            ตุ่มพลอยชะงักการกินอย่างเอร็ดอร่อย มองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที รู้สึกว่าบรรยากาศชักจะเริ่มไม่ค่อยโสภาเสียแล้ว
            ก็แตนเป็นห่วงพี่…” หญิงสาวพยายามบังคับน้ำเสียงให้เป็นปกติ  แตนอยากให้พี่ต้นได้ทำงานที่มีหน้ามีตามากกว่านี้…”
            “ไม่ต้องเลยครับ…”  เขาเน้นคำพูดหนักแน่น… “ผมมีความพอใจในหน้าที่การงานที่ผมทำอยู่นี้แล้ว และจะดีใจหากได้เลื่อนตำแหน่งฐานะด้วยความสามารถของตัวผมเอง…”
            “ตามใจพี่ต้นเถอะนะ…” หญิงสาวชักเสียงสั่นเครือ น้ำตาแห่งความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเริ่มรินไหลออกมา โอกาสเปิดให้แล้วแต่พี่ต้นไม่ยอมที่จะไขว่คว้ามันเอาไว้ แตนอยากจะรู้นักว่าพี่ต้นจะทนดักดานอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้ไปอีกนานสักเท่าไร?”
            “พี่ต้นเป็นคนที่มีความสามารถตุ่มอดสอดขึ้นมาไม่ได้เราน่าจะปล่อยให้เขาได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเองมากกว่านะแตน…”
            หญิงสาวเปิดกระเป๋าถือ หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา นั่งก้มหน้านิ่ง นึกเสียใจที่คนรักไม่ยอมเดินตามทางที่หล่อนคาดหวังไว้
            ต้นลอบมองแฟนสาวแล้วถอนหายใจยาว
            แตนเป็นคนสวยรวยเสน่ห์ พร้อมทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ คุณพ่อของหล่อนเป็นข้าราชการระดับสูง มีฐานะดี แตนเองก็เป็นคนน่ารัก เอาอกเอาใจเก่ง เขาไม่ชอบอยู่อย่างเดียวตรงที่หล่อนมักเจ้ากี้เจ้าการก้าวก่ายกับเรื่องราวส่วนตัวของเขามาจนเกินไปเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เริ่มรักกันใหม่ ๆ แล้ว
            นี่แตนคงคิดจะอาศัยอิทธิพล ปลัดกระทรวงพาณิชย์ของคุณพ่อ เพื่อช่วยเหลือเขาในครั้งนี้อย่างแน่นอน
            กลับไปเรียนคุณพ่อของแตน ขอให้ท่านยกเลิกเรื่องนี้เสียเถอะนะครับ
            “ก็ได้แต่จะให้แตนพูดกับคุณพ่อว่ายังไงล่ะ คุณพ่อต้องโกรธแตนแน่เลยที่ทำให้ท่านเสียหน้า
            “เรียนท่านไปตามจริงซิครับ..ว่าผมรู้เรื่องหมดแล้ว และขอขอบคุณที่ท่านมีเมตตาต่อผม แต่ผมไม่อยากจะรบกวนเวลาอันมีค่าของท่าน ให้ต้องมาคอยเป็นกังวลกับเรื่องอันไม่สลักสำคัญเช่นนี้
            “แตนจะไปบอกคุณพ่อให้แต่พี่ต้นต้องรับปากกับแตนอย่างหนึ่ง…”
            “ว่ามาเลยครับคุณแตน!”
            “พี่ต้นทำให้แตนเสียกำลังใจ วันนี้แตนไม่ยอมให้พี่ต้นกลับไปทำงานอีกแตนอยากไปไหนพี่ต้นต้องไปเป็นเพื่อน ห้ามขัดใจแตนเด็ดขาดนะคะ
            “แต่ว่า…”
            “ไม่มีแต่…” หญิงสาวดักคอ ขาดงานเพียงแค่ครึ่งวัน ถึงกับจะโดนไล่ออกให้มันรู้ไปซิคะความจริงพี่ต้นไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าออฟฟิศก็ได้อยู่แล้วนี่ นะ….พี่ต้นนะ….”
            ทนคำออดอ้อนของคนรักไม่ได้ ชายหนุ่มจึงพยักหน้ารับ สองสาวยิ้มออกมาอย่างดีอกดีใจ ตุ่มเข้าความคิดเริ่มวางแผนว่าจะไปเที่ยวไหนกันดี นาน ๆ จะได้มาเจอกับต้นสักหน ขอสนุกกันให้เต็มที่
            ทั้งสามรู้จักกันตั้งแต่ยังเรียนมหาวิทยาลัย พื้นเพต้นเป็นเด็กบ้านนอก มาจากครอบครัวชาวนาที่มาฐานะยากจน แต่มีความมุมานะ เรียนดีจนได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาตลอด
            ส่วนแตนเป็นลูกสาวคนเดียว ของครอบครัวที่มีอันจะกิน จึงถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจมาตั้งแต่เด็ก การเรียนไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพาย ชอบแต่เที่ยวเตร่ แต่งตัวใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ด้วยถือว่าเงินทองทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่สะสมไว้ หล่อนใช้ไปตลอดชาตินี้ก็ไม่มีวันหมด
            แตนเป็นดาวของคณะ มีผู้ชายมากหน้าหลายตามาติดพัน ล้วยแล้วแต่มีฐานะดี แต่หล่อนกับไม่เคยสนใจใยดีด้วย
            ตุ่มเป็นคนชักนำให้แตนรู้จักกับต้น เริ่มจากการมาขอให้เขาช่วยติววิชา แรกทีเดียวแตนรู้สึกไม่ค่อยชอบขี้หน้าต้นสักเท่าไหร่นัก เพราะเขาเป็นคนทึ่มๆเฉยๆ ฝักใฝ่แต่การเล่าเรียน ไม่เคยสนใจเพศตรงข้าม คบทุกคนเป็นเพื่อนเสมอกันไปหมด ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย
            ทั้ง ๆ ที่แตนออกจะสวยและมีฐานะร่ำรวย แต่ดันกลับไม่เคยให้ความสนใจในตัวหล่อนเป็นพิเศษเลย ผิดกับผู้ชายอีกมากหน้าหลายตา ที่พยายามเสนอตัวเข้ามาตีสนิทกับหล่อน ซึ่งมีแต่คำหวานป้อยอและของกำนัลมาคอยเอาใจมิเคยขาด
            นี่คือจุดที่ทำให้แตนเริ่มมองเห็น ความแตกต่างระหว่างผู้ชายเหล่านั้นกับต้น และเริ่มเกิดความสนใจในตัวเขาขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ
            ทีแรกหล่อนเพียงแค่ต้องการเอาชนะเขา อยากเห็นเขามาสยบต่อหล่อนเหมือนเช่นผู้ชายคนอื่น ๆ อีกมากมาย แต่เขายังคงทำตัวเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เคยยอมปิ๊งกับหล่อนหรือเพื่อนสาวคนไหนเลย
            ประกอบกับแตนเริ่มจะมองเห็นลายของผู้ชายที่มาจีบ ซึ่งล้วนแล้วแต่ประเภทเจ้าชู้ประตูดิน จีบดะไม่เลือกหน้า หาความจริงใจไม่ได้สักคน หล่อนจึงเริ่มเห็นความดีของต้น
            ผู้ชายแบบต้นนี่แหละที่หล่อนต้องการ เขาเป็นคนไม่เจ้าชู้ ไม่ชอบเที่ยวเตร่สำมะเลเทเมา แตนจึงเริ่มตั้งความหวังที่จะพิชิตหัวใจของเขาให้ได้ จากการที่เป็นฝ่ายถูกเอาใจ แตนต้องกลายมาเป็นคนคอยเอาใจต้นเพื่อผูกมัดใจของเขา แล้วในที่สุดหล่อนก็ทำได้ผลสำเร็จ ต้นยอมพ้ในความดีที่หล่อนปฏิบัติต่อเขา แต่ความรักของหนุ่มสาวคู่นี้จะยืนยาวไปอีกนานสักเท่าไหร่….นั่นสิเป็นปัญหา
            เพราะทั้งพื้นเพฐานะและนิสัยนั้นแตกต่างกันลิบลับ แตนเป็นคนเอาแต่ใจตัว และชอบเอาชนะคนมาแต่ไหนแต่ไร แม้จะพยายามฝืนความรู้สึกต่าง ๆ ด้วยความรักต้น แต่หล่อนจะทนฝืนทำเช่นนี้ไปได้อีกนานสักเพียงใด??


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น