โดย...เจิด
จินตนา
๓
. . .
โฉมศรีกำลังยืนชี้นิ้วออกคำสั่งให้ลุงม้วนเล็มหญ้าที่ขึ้นรกขอบสนามใกล้
ๆ กับสำนักงานหล่อนเป็นคนจู้จี้จุกจิกเจ้าระเบียบ
เห็นอะไรรกหูรกตานิดเดียวก็ไม่ได้ ชายชราผู้มีหน้าที่ดูแลความสะอาดรอบ ๆ
บริเวณอพาร์ตเม้นท์ก้มหน้าก้มตาใช้กรรไกรตัดหญ้าในมือเล็มเลาะไปตามคำสั่งอย่างงกๆเงิ่นๆ
“ช่วยกันดูช่วยกันแล ให้มันเป็นระเบียบเรียบร้อยหน่อยซิ่….นี่อะไรกันปล่อยให้รกรุงรังอยู่ได้…คอยแต่จะอู้งานอยู่นั่นแหละ
ฉันจ้างแกมาเสียเงินเสียทองนะยะ…ข้าวปลาที่หลับที่นอนก็มีให้
หัดทำงานให้มันคุ้มกับค่าจ้างหน่อยซิ่…..ตาม้วน
นั่น ๆ ตรงโน้นด้วย ตรงนี้ด้วยเล็มออกอีกนิด…”
ชี้นิ้วไปปากว่าฉอดๆลุงม้วนได้แต่กล้ำกลืนทำงานไปตามสั่ง
เสียงผิวปากดังมาจากบันได ปื๊ดกำลังเดินลงมาอย่างอารมณ์ดี
แต่พอเห็นหน้าผู้เป็นเจ้าของอพาร์ตเม้นท์เด็กหนุ่มต้องชะงักหยุดผิวปากทันที
ทำเป็นมองไม่เห็นจะเดินเลี่ยงไปที่ลานจอดรถ
“ตาปื๊ด…มานี่หน่อยซิ!”
โฉมศรีเรียกเสียงห้วน ปื๊ดรู้ดีว่าหล่อนจะพูดอะไรกับเขา
แต่ต้องจำใจเดินเข้ามาหาแกล้งถาม
“เรียกผมทำไมครับ….เจ๊โฉม?”
“หน็อย…ยังมีหน้ามาถามอีก…ค่าเช่าห้องว่ายังไงยะ
นี่จะสองเดือนเข้าไปแล้วนะ!”
“โถ ! เจ๊ก็…เงินนิดหน่อยแค่เนี้ยทวงเช้าทวงเย็น มีเมื่อไหร่ผมให้เองน่า”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะถึงจะมี…ฉันถามแกทีไรก็พูดยังงี้ทุกที เป็นคนอื่นฉันไล่ออกไปนานแล้วนะ จะบอกให้”
“ขอเวลาอีกสองวันเถอะเจ๊….รับรองผมเอามาจ่ายเจ๊แน่ ตอนนี้ยังไม่มี….”
“แน่นะตาปื๊ด?” หล่อนคาดคั้น “อีกสองวันถ้าแกยังไม่ยอมจ่ายค่าเช่าเตรียมขนของออกไปได้
ฉันจะเอาห้องให้คนอื่นเช่าต่อ”
“ชัวร์ครับเจ๊!”
ปื๊ดรับปาก
แล้วทำท่าจะเดินจากไป แต่นึกอะไรขึ้นมาได้
“เออ ! นี่แน่ะเจ๊โฉมห้อง 316
ทำไมยังปล่อยคนเช่าอยู่อีกล่ะ?”
“แล้วมันหนักหัวอะไรของแกหือ…ตาปื๊ด?”
“ไอ้ห้องนั้นใครเข้าไปอยู่ก็บอกว่ามีผีสิง
ผมไม่เห็นเจ๊จัดการอะไรลงไปสักอย่าง”
“แกจะให้ฉันจัดการอะไร…ในเมื่อฉันเคยเข้าไปดูตั้งหลายครั้ง
ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ คนพวกนั้นประสาทหลอนกันไปเอง กลัวไม่เข้าเรื่อง…ปล่อยเอาไว้อย่างงั้นแหละดีแล้ว
ฉันจะได้ถือโอกาสริบค่าเช่าฟรีๆยิ่งย้ายกันบ่อยยิ่งดี…ฉันชอบ
!”
“โลภฉิบเป๋ง!”
ปื๊ดพึมพำเบา ๆ
แต่โฉมศรีกลับได้ยินชัด หูผึ่ง
“แกว่าอะไรหรือ…ตาปื๊ด?”
“เปล่าเจ๊…ผมลาล่ะ!”
เด็กหนุ่มรีบจ้ำอ้าวไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของตนไม่สนใจกับเจ้าของอพาร์ตเม้นท์ที่ยืนมองทำตาขวาง
***************
วันนั้นทั้งวัน
ต้นแทบไม่มีกะจิตกะใจที่ทำงานเขามีนัดกับลูกค้าสองสามราย ต้องโทรไปบอกขอเลื่อนนัดหมด คิดไม่ออกจริง ๆ
ว่า ทำไมอยู่ดีๆผู้จัดการจึงเรียกเขาเข้าไปต่อว่า
เรื่องนี้มันจะต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรสักอย่างแอบแฝงอยู่
บางทีอาจจะเป็นแผนของมานพเองที่แกล้งกุเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่ออ้างเป็นสาเหตุ
ทำให้เขาต้องออกจากงานด้วยความไม่ชอบขี้หน้า
ต้นรู้ตัวดีว่า
มานพไม่พอใจที่เห็นเขามีความสนิทสนมกับนุช เลขาคนสวยของมานพ
นี่อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่ง
พนักงานทุกคนในแผนก
ต่างรู้กิตติศัพท์ในความเป็นเสือผู้หญิงของมานพดี
พนักงานหญิงคนไหนรูปร่างหน้าตาดีเป็นที่ถูกใจ
มานพเป็นต้องหาทางเคลมให้ได้ซึ่งบางคนก็มีความเต็มใจ
และยินยอมให้มานพได้ระบายตัณหาเพื่อแลกกับตำแหน่งการงาน และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ผู้จัดการแผนกประกันภัยซึ่งมากด้วยตัณหาราคะมีความพึงพอใจในตัวนุชเป็นพิเศษ
หมายมั่นปั่นมือที่จะพิชิตความสาวในเรือนร่างขาวอวบแต่งตึงของหล่อนให้ได้
แต่นุชไม่เคยยอมเปิดโอกาสให้
มานพได้เชยชมสมใจปรารถนา
เพียงแค่ยอมให้เขาได้ใช้สายตาโลมเลียและถือโอกาสแต๊ะอั๋งบ้างเป็นบางครั้งคราว
ที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ เพราะการที่ต้องทำงานใกล้ชิดกันนั่นเอง
ความใกล้ชิดสนิทสนมกันระหว่างต้นกับนุช
ทำให้มานพเห็นต้นเป็นขวางคอที่น่าชิงชัง ทั้ง ๆ
ที่ต้นกับนุชหาได้คบกันในฐานะชู้สาวไม่ ทั้งคู่เป็นเพียงเพื่อนร่วมงาน
ที่มีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกันเท่านั้น
หรืออาจจะไม่ใช่สาเหตุนี้
เพราะมานพหลุดปากออกมาว่า ท่านประธานเป็นคนแทงเรื่องนี้ลงมาให้พิจารณา ถ้าเช่นนั้น….ใครกันล่ะที่เป็นไอ้โม่งผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
ทำให้เขาต้องถูกเรียกตัวเข้าไปต่อว่าต่อขานแต่เช้า ยิ่งคิดสมองของต้นยิ่งมึนงง
จนจับต้นชนปลายไม่ถูก
ใกล้เที่ยง
มานพเปิดประตูห้องทำงานส่วนตัวออกมา ยืนเท้าโต๊ะทำงานเลขาหน้าห้อง
พยายามวางมาดซึ่งคิดว่าเท่ที่สุด
“เที่ยงนี้ผมไม่มีนัดลูกค้า
ไปทานข้าวกลางวันกับผมไหมครับคุณนุช?”
“ขอโทษเถอะนะคะผู้จัดการ…เอ้อ ! นุชนัดกับพี่ต้นเอาไว้แล้ว!”
ทุกครั้งที่โดนชวน
หล่อนมักจะอ้างเอาต้นมาเป็นกันชน เพื่อหลีกเลี่ยงการที่จะต้องไปไหนมาไหนตามลำพังกับมานพสองต่อสอง
หนุ่มใหญ่จอมเจ้าชู้ยักษ์มองไปที่โต๊ะทำงานของต้นด้วยสายตาไม่พอใจแว้บหนึ่งแล้วทำท่าออกอ้อนถอนใจ
“งั้นไม่เป็นไรนะครับ
แต่หวังว่าผมคงมีโอกาสได้เป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารคุณนุชสักมื้อหนึ่งบ้าง”
หญิงสาวได้แต่นั่งอมยิ้มไม่ตอบ
มองดูผู้จัดการของหล่อนที่เดินออกจากห้อง กดปุ่มเรียกลิฟท์ลงไปชั้นล่าง
พนักงานคนอื่น ๆ เริ่มทยอยออกไปจากห้องทำงานแล้ว นุชนั่งรออยู่สักครู่ใหญ่ ๆ
คะเนดูจนแน่ใจว่าผู้จัดการจอมชีกอของหล่อนออกไปพ้นบริษัทแล้ว
จึงลงมือเก็บข้าวของบนโต๊ะให้เรียบร้อย แล้วหันไปชวนเพื่อนสาวใส่แว่นตาหนาเตอะ
ที่นั่งพิมพ์ดีดอยู่ด้านหลังหล่อน
“ไปกินข้าวกันเถอะอี๊ด!”
โดยปกติทั้งสองสาวมักจะไปไหนมาไหนด้วยกัน
อี๊ดรอให้นุชเอ่ยปากชวนอยู่แล้ว หล่อนพยักหน้าหงึกวางมือจากเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้า
คว้ากระเป๋าเดินตามนุชไปที่โต๊ะทำงานของต้น
“เป็นอะไรไปหรือพี่ต้น….ผู้จัดการเรียกเข้าไปพบเรื่องอะไรล่ะ?”
นุชถามเพราะเห็นต้นนั่งซึมอยู่
ชายหนุ่มจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้สองสาวเพื่อนร่วมงานฟังอย่างไม่มีปิดบัง
ทั้งคู่มีท่าทางงงงันไม่น้อยเมื่อได้ฟังเรื่องที่ต้นเล่าจนจบ
“คุณนุชได้เห็นเอกสารของท่านประธานเกี่ยวกับเรื่องขอเลื่อนตำแหน่งของผมบ้างหรือเปล่าครับ?”
ต้นถาม
“ไม่เห็นมีนี่คะ…”
นุชสั่นหน้า “เพียงแต่เมื่อเช้านี้
พอมาถึงผู้จัดการก็ให้ค้นแฟ้มประวัติของพี่ต้นเอาเข้าไปให้ดูเท่านั้น”
“ผมอยากรู้จริง ๆ
ว่าใครเป็นคนเสนอเรื่องนี้ขึ้นมา…” ชายหนุ่มยังไม่หายคลางแคลงใจ
“อย่าไปคิดมากให้มันปวดเฮดดีกว่าพี่ต้น
ไปหาอะไรกินกันเถอะ อี๊ดชักจะหิวแล้ว ยัยแว่นเอ่ยปากชวน
“จริงด้วยพี่ต้น…ไปเหอะน่า!”
นุชกระตุกแขนเสื้อต้นให้ลุกขึ้นดินออกจากห้องทำงานไปด้วยกัน
***************
เมื่อลิฟท์ลงมาถึงชั้นล่าง
ประตูถูกเปิดออก ผู้คนต่างออกมาจากลิฟท์คล้ายสายน้ำที่ถูกปล่อยออกจากทำนบกั้น
ต่างคนต่างรีบเร่งทำเวลาเสาะหาอาหารใส่ปากใส่ท้องไว้เป็นพลังงานไว้ต่อสู้กับงานในช่วงบ่าย
ต้น นุชและอี๊ด
เดินปะปนมากับพนักงานร่วมบริษัท
ส่วนใหญ่มุ่งหน้าไปทางประตูหลังสำนักงานซึ่งทะลุออกไปสู่ลานจอดรถ
มีร้านขายอาหารแบบประเภทข้าวแดง
และก๋วยเตี๋ยวอยู่สี่ห้าร้าน ที่ตึกแถวในซอยหลังลานจอดรถนี้คอยบริการพนักงาน
ทั้งที่ทำงานอยู่ในอาคารบริษัทประกันภัย และบริเวณใกล้เคียง
ซึ่งส่วนใหญ่จะมากันเป็นกลุ่ม เมื่อเวลาพักเที่ยง
และแชร์กันออกค่าอาหารตามประสาของพนักงานผู้มีรายได้น้อย
“พี่ต้น….”
ผ่านลานจอดรถต้นได้ยินเสียงใส
ๆ ขานเรียกชื่อของเขา ทงชายหนุ่มกับสองสาวชะงักฝีเท้าหันไปมอง
คนเรียกเป็นหญิงสาวหุ่นนางแบบ
ในชุดกระโปรงสีแดง ใบหน้าสวยเฉี่ยว ดัดผมเป็นลอนยาวพลิ้วผวนวลเนียน
ร่างเพรียวระหงดูสง่า กำลังยืนยิ้มและมองมาทางต้นด้วยท่าทางดีใจ
“แฟนพี่ต้นมาแล้ว
เราแยกกันตรงนี้ดีกว่านะ…”
นุชบอกพร้อมฉุดแขนอี๊ดให้เดินจากไป
ไม่อยากให้คนรักของพี่ต้นเข้าใจผิด
“คุณแตนมาที่นี่ทำไมครับ?”
“ถามได้…ก็แตนคิดถึงพี่ต้นน่ะซิ…” ผู้ถูกถามทำหน้าเง้านิดหน่อย
เดินเข้ามาควงแขนชายหนุ่มพร้อมกับตัดพ้อต่อว่า “คนอะไรไม่รู้…ใจดำจริงเชียวย้ายที่อยู่ก็ไม่ยอมบอกเลยสักคำ ปล่อยให้แตนไปหาที่แฟลตเก้อ”
“ผมตัดสินใจอย่างกะทันหันน่ะ
รำคาญเสียงคนที่มาพักห้องข้างเคียง”
“ผู้หญิงที่เดินมากับพี่ต้นเป็นใคร?”
หญิงสาวเปลี่ยนเรื่องคุย
มองดูนุชกับอี๊ดซึ่งกำลังเดินตรงไปยังร้านอาหารหลังลานจอดรถ
“คนไหนล่ะ?”
“ไม่ใส่แว่น”
“อ๋อ! คุณนุช…เพื่อนร่วมงานอยู่แผนกเดียวกัน”
“น่ารักดีนี่….” แตนพูดเปรียบเปรยเหมือนประชด
“เป็นเพื่อนกันเฉย ๆ
แค่นั้นจริง ๆ เหรอ?”
“คุณแตนเคยเห็นผมทำก้อก้อก้อตึกกับใครบ้างหรือเปล่าล่ะครับ?”
ต้นย้อนถามด้วยสีหน้าเอือมระอา
“โต…แตนแค่พูดล้อเล่นเท่านั้นเองแหละ อย่าทำหน้าแบบนั้นซิคะ
วันนี้แตนมีข่าวดีจะมาบอก พี่ต้นอยากรู้มั้ยคะว่าเรื่องอะไรเอ่ย?”
“อะไรหรือ...?”
“ไปกินข้าวกับแตนก่อน แล้วแตนจะบอกให้ยัยตุ่มก็มาด้วย
รออยู่ที่รถ…ไปซิคะ!”
ไม่ได้พูดแต่ปาก
แตนกระตุกชายแขนเสื้อให้ต้นเดินตามไปด้วย
ยัยตุ่มที่แตนเอ่ยถึง
เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ครั้งเรียนมหาวิทยาลัย
ความที่ชอบบริโภคของทุกอย่างที่ขวางหน้า จึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยไขมันสมชื่อ
ตุ่มกำลังนั่งชะเง้อมองอยู่ในรถฮอนด้าซีวิคสีแดงพอเห็นต้นกับแตนเดินมา จึงรีบเปิดประตูออกมาโบกมือทักทายเสียงโหวกเหวก
หวัดดี…พี่ต้น….! นึกว่าจะโดนสาวงาบไปกินซะแล้ว
ไม่เบาเลยนี่แฮะ!” เล่นขนาบทั้งซ้ายขวาเลยเชียวนะ”
“ถ้ามาช้าอีกนิดก็ไม่แน่เหมือนกันนะ…”
เขาแกล้งแหย่กลับ
ทำเอาแตนหันขวับมามองตาเขียว
“ลองไปดูดี้…เป็นได้เห็นฤทธิ์แม่แตนกันบ้างล่ะ!”
“เอายังงี้ดีกว่า…”
ตุ่มรีบตัดบทกลัวว่าเรื่องจะไปกันใหญ่ “เราโยกย้ายโลเกชั่นไปหาไอ้ที่มันมีของกินเยอะ
ดูเข้าท่ากว่านะ…ท้องตุ่มหิวจนร้องจ๊อกๆแล้วเมื่อเช้าหม่ำแค่นมสดสองกล่อง
โจ๊กสองชาม แล้วก็กล้วยหอมอีกหวีเดียวเท่านั้นเอง”
“อยากกินก็รีบ ๆ ขึ้นรถซิ” แตนมองหน้าเพื่อนสาวอย่างนึกขำ
“อยากกินก็รีบ ๆ ขึ้นรถซิ” แตนมองหน้าเพื่อนสาวอย่างนึกขำ
ไม่ต้องรอให้พูดเตือนซ้ำสองตุ่มรีบเคลื่อนย้ายเรือนร่างอันอุดมสมบูรณ์ไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่เบาะหลัง
ต้นเปิดประตูเข้าไปนั่งคู่กับแตนข้างหน้า หญิงสาวสตาร์ทเครื่องแล้วหันถาม
“จะไปไหนกันดีคะ?”
“ที่ไหนก็ได้…ตามใจคุณแตนเถอะครับ”
ฮอนด้าซีวิคสีแดงคันใหม่เอี่ยมค่อย
ๆ เคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถของบริษัทประกันภัย
**********
ห้องอาหารแห่งนั้น….อยู่ชั้นบนสุดของอาคารห้างสรรพสินค้าใหญ่….บรรยากาศหรูหรา
พนักงานแต่งชุดสุภาพเรียบร้อย เวลาเที่ยงแบบนี้ ลูกค้าจึงค่อนข้างจะพลุกพล่าน ต้น
แตน และตุ่ม นั่งอยู่ที่โต๊ะโซฟายาวเข้ามุม ริมหน้าต่างกระจกใส
มองเห็นวิวทิวทัศน์รอบ ๆ ตัวอาคาร
อาหารหลากหลายชนิดถูกสั่งมาจนเต็มโต๊ะ ตุ่มตั้งหน้าตั้งตากินเอาๆ คล้ายกับจะพยายามลำเลียงของทุกอย่างเข้าไปบรรจุในกระเพาะให้ได้มากที่สุด
ต้นรวบช้อนส้อม
เมื่อเห็นแฟนสาวเริ่มจัดการกับของหวานหลังอาหารคาว
ปล่อยให้ของที่เหลือบนโต๊ะเป็นหน้าที่ของตุ่มสาวาปามต่อไป
ชายหนุ่มยกแก้วน้ำเย็นขึ้นดื่มกลั้วคอ
“ไหนคุณแตนว่ามีข่าวดีอะไรจะบอกผม?”
หญิงสาววางช้อนลงข้างจานรองถ้วยขนม
ดึงกระดาษทิชชู่ซับริมฝีปาก
แล้วเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
อีกหน่อย….พี่ต้นคงไม่ต้องออกไปวิ่งเต้นหาลูกค้าเอาประกันอีกแล้วล่ะ”
“เพราะอะไรหรือครับ?”
ต้นขมวดคิ้วสงสัย
“แตนเพิ่งจะรู้ว่า
คุณกำธรประธานกรรมการบริษัทที่พี่ต้นทำงานอยู่เป็นเพื่อนสนิทกับคุณพ่อของแตนเลยขอร้องคุณพ่อกำธรให้ช่วยหาตำแหน่งงานที่ดีกว่านี้ให้พี่ต้นทำ”
“อะไรนะครับ?” ต้นตะลึงแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง “ทั้งหมดนี้เป็นเพราะฝีมือของคุณแตนเองหรอกหรือนี้?”
เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนี้เองว่าคนที่ทำให้เขาถูกเรียกเข้าไปต่อว่าในห้องผู้จัดการตอนเช้าเป็นใคร
“ทำไมล่ะ…แตนอยากเห็นพี่ต้นสบาย ไม่อยากให้ต้องลำบาก คอยเป็นลูกน้องเขาต๊อกต๋อยอยู่แบบนี้”
คำพูดของสาวคนรัก
ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหน้าชาเหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง
“ผมขอรองเถอะครับคุณแตน…อย่าได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องงานของผมเลย…”
หญิงสาวหน้าถอดสี
ไม่นึกว่าจะได้ยินคำพูดเช่นนี้ออกมาจากปากของเขา หล่อนคิดว่าเขาน่าจะดีใจมากกว่าเมื่อได้ยินจากปากของเขา
แต่กลับมีท่าทีที่ไม่พอใจในความหวังดีขอหล่อนเลยแม้สักนิด
ตุ่มพลอยชะงักการกินอย่างเอร็ดอร่อย
มองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที รู้สึกว่าบรรยากาศชักจะเริ่มไม่ค่อยโสภาเสียแล้ว
“ก็แตนเป็นห่วงพี่…”
หญิงสาวพยายามบังคับน้ำเสียงให้เป็นปกติ “แตนอยากให้พี่ต้นได้ทำงานที่มีหน้ามีตามากกว่านี้…”
“ไม่ต้องเลยครับ…” เขาเน้นคำพูดหนักแน่น… “ผมมีความพอใจในหน้าที่การงานที่ผมทำอยู่นี้แล้ว
และจะดีใจหากได้เลื่อนตำแหน่งฐานะด้วยความสามารถของตัวผมเอง…”
“ตามใจพี่ต้นเถอะนะ…”
หญิงสาวชักเสียงสั่นเครือ น้ำตาแห่งความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเริ่มรินไหลออกมา
“โอกาสเปิดให้แล้วแต่พี่ต้นไม่ยอมที่จะไขว่คว้ามันเอาไว้
แตนอยากจะรู้นักว่าพี่ต้นจะทนดักดานอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้ไปอีกนานสักเท่าไร?”
“พี่ต้นเป็นคนที่มีความสามารถ”
ตุ่มอดสอดขึ้นมาไม่ได้ “เราน่าจะปล่อยให้เขาได้พิสูจน์ความสามารถของตัวเองมากกว่านะแตน…”
หญิงสาวเปิดกระเป๋าถือ
หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา นั่งก้มหน้านิ่ง
นึกเสียใจที่คนรักไม่ยอมเดินตามทางที่หล่อนคาดหวังไว้
ต้นลอบมองแฟนสาวแล้วถอนหายใจยาว
แตนเป็นคนสวยรวยเสน่ห์
พร้อมทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ คุณพ่อของหล่อนเป็นข้าราชการระดับสูง มีฐานะดี
แตนเองก็เป็นคนน่ารัก เอาอกเอาใจเก่ง
เขาไม่ชอบอยู่อย่างเดียวตรงที่หล่อนมักเจ้ากี้เจ้าการก้าวก่ายกับเรื่องราวส่วนตัวของเขามาจนเกินไปเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เริ่มรักกันใหม่
ๆ แล้ว
นี่แตนคงคิดจะอาศัยอิทธิพล
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ของคุณพ่อ เพื่อช่วยเหลือเขาในครั้งนี้อย่างแน่นอน
“กลับไปเรียนคุณพ่อของแตน
ขอให้ท่านยกเลิกเรื่องนี้เสียเถอะนะครับ”
“ก็ได้…แต่จะให้แตนพูดกับคุณพ่อว่ายังไงล่ะ คุณพ่อต้องโกรธแตนแน่เลยที่ทำให้ท่านเสียหน้า”
“เรียนท่านไปตามจริงซิครับ..ว่าผมรู้เรื่องหมดแล้ว และขอขอบคุณที่ท่านมีเมตตาต่อผม
แต่ผมไม่อยากจะรบกวนเวลาอันมีค่าของท่าน
ให้ต้องมาคอยเป็นกังวลกับเรื่องอันไม่สลักสำคัญเช่นนี้”
“แตนจะไปบอกคุณพ่อให้…แต่พี่ต้นต้องรับปากกับแตนอย่างหนึ่ง…”
“ว่ามาเลยครับคุณแตน!”
“พี่ต้นทำให้แตนเสียกำลังใจ
วันนี้แตนไม่ยอมให้พี่ต้นกลับไปทำงานอีก…แตนอยากไปไหนพี่ต้นต้องไปเป็นเพื่อน
ห้ามขัดใจแตนเด็ดขาดนะคะ”
“แต่ว่า…”
“ไม่มีแต่…” หญิงสาวดักคอ “ขาดงานเพียงแค่ครึ่งวัน
ถึงกับจะโดนไล่ออกให้มันรู้ไปซิคะ…ความจริงพี่ต้นไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าออฟฟิศก็ได้อยู่แล้วนี่
นะ….พี่ต้นนะ….”
ทนคำออดอ้อนของคนรักไม่ได้
ชายหนุ่มจึงพยักหน้ารับ สองสาวยิ้มออกมาอย่างดีอกดีใจ
ตุ่มเข้าความคิดเริ่มวางแผนว่าจะไปเที่ยวไหนกันดี นาน ๆ จะได้มาเจอกับต้นสักหน
ขอสนุกกันให้เต็มที่
ทั้งสามรู้จักกันตั้งแต่ยังเรียนมหาวิทยาลัย
พื้นเพต้นเป็นเด็กบ้านนอก มาจากครอบครัวชาวนาที่มาฐานะยากจน แต่มีความมุมานะ
เรียนดีจนได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาตลอด
ส่วนแตนเป็นลูกสาวคนเดียว
ของครอบครัวที่มีอันจะกิน จึงถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจมาตั้งแต่เด็ก
การเรียนไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพาย ชอบแต่เที่ยวเตร่ แต่งตัวใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย
ด้วยถือว่าเงินทองทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่สะสมไว้
หล่อนใช้ไปตลอดชาตินี้ก็ไม่มีวันหมด
แตนเป็นดาวของคณะ
มีผู้ชายมากหน้าหลายตามาติดพัน ล้วยแล้วแต่มีฐานะดี แต่หล่อนกับไม่เคยสนใจใยดีด้วย
ตุ่มเป็นคนชักนำให้แตนรู้จักกับต้น
เริ่มจากการมาขอให้เขาช่วยติววิชา
แรกทีเดียวแตนรู้สึกไม่ค่อยชอบขี้หน้าต้นสักเท่าไหร่นัก เพราะเขาเป็นคนทึ่มๆเฉยๆ
ฝักใฝ่แต่การเล่าเรียน ไม่เคยสนใจเพศตรงข้าม คบทุกคนเป็นเพื่อนเสมอกันไปหมด
ไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย
ทั้ง ๆ ที่แตนออกจะสวยและมีฐานะร่ำรวย
แต่ดันกลับไม่เคยให้ความสนใจในตัวหล่อนเป็นพิเศษเลย ผิดกับผู้ชายอีกมากหน้าหลายตา
ที่พยายามเสนอตัวเข้ามาตีสนิทกับหล่อน
ซึ่งมีแต่คำหวานป้อยอและของกำนัลมาคอยเอาใจมิเคยขาด
นี่คือจุดที่ทำให้แตนเริ่มมองเห็น
ความแตกต่างระหว่างผู้ชายเหล่านั้นกับต้น
และเริ่มเกิดความสนใจในตัวเขาขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ
ทีแรกหล่อนเพียงแค่ต้องการเอาชนะเขา
อยากเห็นเขามาสยบต่อหล่อนเหมือนเช่นผู้ชายคนอื่น ๆ อีกมากมาย
แต่เขายังคงทำตัวเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เคยยอมปิ๊งกับหล่อนหรือเพื่อนสาวคนไหนเลย
ประกอบกับแตนเริ่มจะมองเห็นลายของผู้ชายที่มาจีบ
ซึ่งล้วนแล้วแต่ประเภทเจ้าชู้ประตูดิน จีบดะไม่เลือกหน้า หาความจริงใจไม่ได้สักคน
หล่อนจึงเริ่มเห็นความดีของต้น
ผู้ชายแบบต้นนี่แหละที่หล่อนต้องการ
เขาเป็นคนไม่เจ้าชู้ ไม่ชอบเที่ยวเตร่สำมะเลเทเมา
แตนจึงเริ่มตั้งความหวังที่จะพิชิตหัวใจของเขาให้ได้ จากการที่เป็นฝ่ายถูกเอาใจ
แตนต้องกลายมาเป็นคนคอยเอาใจต้นเพื่อผูกมัดใจของเขา
แล้วในที่สุดหล่อนก็ทำได้ผลสำเร็จ ต้นยอมพ้ในความดีที่หล่อนปฏิบัติต่อเขา
แต่ความรักของหนุ่มสาวคู่นี้จะยืนยาวไปอีกนานสักเท่าไหร่….นั่นสิเป็นปัญหา
เพราะทั้งพื้นเพฐานะและนิสัยนั้นแตกต่างกันลิบลับ
แตนเป็นคนเอาแต่ใจตัว และชอบเอาชนะคนมาแต่ไหนแต่ไร แม้จะพยายามฝืนความรู้สึกต่าง ๆ
ด้วยความรักต้น แต่หล่อนจะทนฝืนทำเช่นนี้ไปได้อีกนานสักเพียงใด??
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น