โดย....เจิด
จินตนา
๔
. . .
![]() |
อุ้ม อิษยา ฮอสุวรรณ เป็นวนา |
คืนนั้น…ทั้งต้น แตนและตุ่มนั่งฟังเพลงในผับที่มีบรรยากาศอันแสนโรแมนติกจนดึก
ต้นรู้สึกง่วงนอนจัด จนต้องเป็นฝ่ายออกปากขอตัวกลับก่อน แตนอาสาขับรถไปส่งชายคนรักเพราะอยากรู้จักที่อยู่ใหม่ของเขา
โดยมีตุ่มนั่งไปเป็นเพื่อน
เมื่อถึงอพาร์ตเม้นท์
แตนดึงดันที่จะขอขึ้นไปส่งถึงห้องพัก แต่ชายหนุ่มกลับปฏิเสธ
“อย่าเลยนะคุณแตน..นี่ก็ดึกมากแล้ว
ใครเห็นเข้าจะน่าเกลียด คุณแตนจะถูกมองไปในแง่ไม่ดี เอาไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับ
กลับบ้านก่อนเถอะ ป่านนี้คุณพ่อของคุณท่านคงจะเป็นห่วงมากแล้ว…”
“ใครจะว่ายังไงก็ช่าง แตนไม่แคร์…” หญิงสาวยักไหล่ “อ๋อ ! หรือว่าพี่ต้นแอบซ่อนใครเอาไว้ในห้องถึงไม่อยากให้แตนขึ้นไปเห็น…บอกมานะ”
“เพ้อเจ้อไปได้น่าแตน….”
ตุ่มรีบเตือนสติเพื่อนสาว “เธอรู้ดีอยู่แก่ใจนี่นาว่าพี่เขาไม่ใช่เป็นคนแบบนั้น
อย่าพูดเป็นเชิงดูหมิ่นน้ำใจพี่ต้นให้เสียบรรยยากาศอีกเลย….กลับหอกันเหอะ
!”
“กลับก็ได้…!”
หญิงสาวสะบัดเสียง
เดินจ้ำอ้าวรี่ไปที่รถ กระชากประตูเปอดผัวะออกมาสุดแรงด้วยอารมณ์อันฉุนเฉียว
เป็นจังหวะเดียวกับที่ปื๊ดควบมอเตอร์ไซค์
ตีโค้งเข้าประตูมา
เด็กหนุ่มร่างสมบูรณ์อ้าปากหวอเมื่อเห็นประตูรถของแตนเปิดหราขวางทางอยู่
รีบตัดสินใจเบรกจนตัวโก่ง
เบนมอเตอร์ไซค์ปัดไปทางกำแพงรั้ว จนแฉลบเสียหลักทั้งรถทั้งคนกลิ้งไถลไปกับพื้น
ทุกคนยืนมองอย่างตกตะลึง
ต้นกับตุ่มรีบปราดเข้าไปดูอาการปื๊ด
เคราะห์ดีที่เป็นสนามหญ้า
จึงไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายอะไรนักเพียงแค่เคล็ดยอกนิดหน่อยเท่านั้นเอง
“เป็นยังไงบ้างครับคุณปื๊ด?”
ต้นถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ต้น
นิดหน่อยเอง…แต่ถ้ามาแรงกว่านี้อีกนิด ไม่แน่เหมือนกัน”
ปื๊ดลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นตามแขนขา
ตุ่มรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ
เราไม่ทันเห็น…เสียใจจริงๆค่ะที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น
ทำให้คุณต้องมาได้รับบาดเจ็บ”
ตุ่มกุลีกุจอช่วยปัดฝุ่นให้ตามเนื้อตามตัวปื๊ด
จนเด็กหนุ่มรู้สึกจั๊กจี้ขนลุก โบกมือห้ามเป็นพัลวัน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ…ไม่เป็นไร เป็นความผิดของผมเองครับที่ซุ่มซ่ามเข้ามาไม่ดูตาม้าตาเรือ
อย่าเป็นกังวลเลยครับคุณ….เอ้อ….คุณ….”
“ตุ่มค่ะ…แล้วนั่นแตน…” ชี้มือไปทางเพื่อนสาวซึ่งยืนทำเป็นไม่รู้ไม่ชี่
ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายผิด “เราเป็นเพื่อนพี่ต้น…”
“ยินดีที่ได้รู้จัก….ผมปื๊ดครับ พักอยู่ห้องติดกับพี่ต้น” ปื๊ดยิ้มให้กับทุกคนอย่างอารมณ์ดี
“อย่าไปถือสาอะไรกับแตนเลยนะคะ”
แม่สาวน้อยหุ่นใกล้เคียงกับปื๊ดกระซิบบอก… “เค้ากำลังอรมณ์บูดกับพี่ต้น
เลยหน้าหงิกเป็นจวักอย่างที่เห็นนั่นแหละ…”
ชะรอยแตนจะได้ยินเพื่อนสาวแอบนินทา
ทำตาขวาง
“จะกลับหรือยังยัยตุ่ม
มัวชักช้าโอ้เอ้อยู่นั่นแหละ ! !”
“จะไปเดี๋ยวนี้แหละย่ะ…”
ตุ่มค้อนขวับ แล้วหันไปพูดกับปื๊ด “ไปก่อนนะคะคุณปื๊ด
ยินดีที่ได้รู้จักกับคุณเช่นกัน ต้องขอโทษแทนยัยแตนอีกครั้งนะคะ"
“ครับ….ผมดีใจที่ได้รู้จักกับคนน่ารักอย่างคุณตุ่มวันหลังแวะมาเที่ยวใหม่นะครับ…”
“ค่ะ!”
ไม่เคยมีใครชมแบบนี้มาก่อน
ตุ่มหน้าแดงเป็นลูกตำลึง วิ่งต้วมเตี้ยมไปขึ้นรถ ยังไม่ทันปิดประตูเรียบร้อยดี
แตนก็ตบเกียร์ถอยหลัง กระชากฮอนด้าซีวิคงามแล่นปรี๊ดถอยออกไปนอกรั้วแล้วเร่งเครื่องพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
เสียงเครื่องยนต์คำรามลั่นก่อนที่รถจะหายลับไป
“แฟนพี่เหรอครับ….สวยดีนะ เสียอย่างเดียวหน้าบอกบุญไม่รับ”
ปื๊ดมองตามไปพร้อมกับส่ายหน้าดิก
ต้นได้แต่หัวเราะหึๆ ก้มลงมองรถมอเตอร์ไซค์
“รถเป็นยังไงบ้าง มา…ผมจะช่วยดูแลให้”
สองคนช่วยกันยกมอเตอร์ไซค์ขึ้นมาตั้งแสตนด์ปื๊ดนั่งยอง
ๆ สำรวจไปรอบ ๆ รถของเขา
“ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเสียหายหรอกพี่ต้น
เดี๋ยวผมจัดการเอง พี่ขึ้นไปนอนก่อนเหอะ”
“งั้นผมต้องขอตัวก่อนนะครับ
รู้สึกง่วงนอนเต็มที่แล้ว”
เขาทำท่าจะเดินผละจากไป
“อ้อ ! เดี๋ยวก่อน…” ปื๊ดนึกอะไรขึ้นได้รีบเรียกเอาไว้ “พี่ต้องระวังตัวให้ดีด้วยนะครับ ห้องที่พี่อยู่ผีดุจริง ๆ
เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เตือน”
“คุณปื๊ดเคยเห็นหรือ?”
“เปล่า………แต่ทุกคนที่มาเช่าอยู่ มักจะต้องโดนหลอกจนเผ่นหนีกันแทบไม่ทันทุกรายไป
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร…”
“ขอบใจนะที่เตือน….”
ถึงจะไม่เชื่อ
แต่ต้นก็รับฟังเอาไว้ ไม่แสดงความเห็นอะไรออกมา เขาเดินไปที่บันไดอพาร์ตเม้นท์
ปล่อยให้เด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์ จูงมอเตอร์ไซค์ไปเก็บในลานจอดรถ
**********
พอเปิดไฟในห้องสว่างขึ้น
ต้นต้องรู้สึกแปลกใจไม่น้อย ที่เห็นกระเป๋าเสื้อผ้าหล่นลงมาอยู่ข้างเตียงข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว
ที่เขาบรรจงเรียงใส่กระเป๋าไว้กระจายอยู่เกลื่อนพื้นห้อง
ชายหนุ่มยืนงง มองสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง
ประตูหน้าต่างก็ไม่มีร่องรอยถูกงัดแงะ จะว่าขโมยเข้ามาในห้องนี้คงเป็นไปไม่ได้แน่
แล้วอะไรล่ะ…ที่ทำให้กระเป๋าเดินทางสีน้ำตาลใบใหญ่ขนาดนี้ลงมาเทกระจาดอยู่ข้างเตียงได้?
อาจเป็นเพราะมือของเขาเอง
ไปปัดโดนเข้าโดยไม่รู้สึกตัว ตอนที่รีบร้อนจะไปทำงานเมื่อเช้านี้
ต้นคิดในแง่ดีเอาไว้ก่อน
รีบลงมือเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายรวบใส่กระเป๋า
แล้วยกขึ้นไปตั้งไว้บนเก้าอี้ตัวเล็กหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเรียงของใช้ส่วนตัวกระจุกกระจิกไว้บนโต๊ะ
เอาเสื้อผ้าออกมาแขวนเก็บไว้ในตู้ เก็บกระเป๋าไว้ในซอกตู้ชั้นล่างสุด
ก่อนจะดึงผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ออกมาพร้อมกับปิดประตูตู้เสื้อผ้าเสีย
รู้สึกเหนียวเนื้อเหนียวตัวเต็มทน
ดึงเน็คไทที่คอออก มองหันรีหันขวางแล้วโยนเน็คไทเส้นนั้นไว้บนเตียง
ถอดเสื้อกางเกงออกโยนตามไป นุ่งผ้าเช็ดตัวฝืนเดียว คว้าขันใส่กล่องสบู่
ยาสีฟันและแชมพูสระผมเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำไป
พอลับหลังต้น
เสื้อผ้าและเน็คไทที่กองอยู่บนเตียงก็มีอันปลิวหวือลงมาอยู่บนพื้นอีก
หายเงียบไปเกือบยี่สืบนาที
หลังจากอาบน้ำชำระคราบเหงื่อไคลจนค่อยรู้สึกสดชื่นขึ้น ต้นจึงเดินออกมาจากห้องน้ำ
สิ่งแรกที่เขาเห็นคือ เสื้อผ้าที่เขาถอดทิ้งไว้บนเตียง
กลับลงไปกองแหมะอยู่ที่พื้นห้องข้างเตียง
ชายหนุ่มชะงักนิดหนึ่ง
ก้มลงเก็บขึ้นมาโดยไม่คิดเอะใจสงสัยอะไร เอาไปพาดไว้บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
ตั้งใจเอาไว้ว่า
พรุ่งนี้นี้เย็นหากมีเวลาว่าง ค่อยเก็บรวบรวมเอาไปซัก
เวลานี้เขารู้สึกอ่อนเพลียเมื่อยล้าเต็มทนแล้ว เพราะต้องผจญกับเรื่องยุ่ง ๆ
วุ่นวายมาทั้งวัน อยากจะขอพักผ่อนหลับนอนให้สบายก่อน
หยิบกระป๋องแป้งจากโต๊ะเครื่องแป้งขึ้นมาโรยตามตัว
จนรู้สึกสดชื่นเย็นสบาย แล้วเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนอนขึ้นมาสวมใส่
เอาผ้าเช็ดตัวใส่ราวแขวนเสื้อ แขวนไว้ตรงหูจับของตู้เสื้อผ้า
เขาไม่ได้นอนเต็มตามาสองสามคืนแล้ว
คืนนี้กะจะขอนอนให้เต็มอิ่ม
ยืนบิดตัวไล่ความขบเมื่อยสองสามทีหน้ากระจก แล้วหย่อนก้นนั่งลงบนเตียงตั้งท่าจะนอนหลังลงหลับให้สบาย
ทันใดนั้น…เขารู้สึกเหมือนโดนผลักเข้าที่กลางหลังอย่างสุดแรง
จนร่างของเขาต้องผวาจากเตียงลงไปคว่ำคะมำอยู่บนพื้นห้อง
ต้นรีบเงยหน้าขึ้นมามอง
เขาแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง….เพราะภาพที่เห็นคือ…ผู้หญิงสาวสวยมากคนหนึ่ง
ใบหน้ามีความงดงามอย่างประหลาด ผมยาวสยายลงมาเกือบถึงสะเอว
แต่งกายด้วยชุดสีชมพูผ้าละเอียดอ่อนเบาพลิ้ว ดูคล้ายกับชุดนอน แต่ไม่ใช่ ประกายสีเงินสีทองริบระยับสะท้อนออกมาจากชุดที่สวมใส่อยู่นั้น
หล่อนกำลังนั่งพับเพียบอยู่บนเตียง
ดวงตากลมโตจ้องมองมาที่เขา อย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก
ชายหนุ่มยกมือขึ้นขยี้ตา
เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่ใช่ภาพหลอนหรือตาฝากไป
หญิงสาวยังคงนั่งนิ่งในท่าเดิม
ผิวกายนวลเนียนผุดผ่อง รูปร่างทรวดทรงอรชรอ้อนแอ้น ดูน่ารักไปทุกส่วนสัด
ชักนึกสงสัยตงิด ๆ
หล่อนมานั่งอยู่บนเตียงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“คุณ…คุณเป็นใคร…เข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง?”
ต้นถาม
พร้อมกับขยับตัวลุกขึ้นยืน
“เตียงนี้เป็นของข้า…เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะมานอนจงไปให้พ้น! !”
เสียงใส ๆ
ดังลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่มเอิบคู่นั้น แม้ในยามโกรธก็ยังมีความไพเราะ
ประดุจเสียงระฆังเงิน
ต้นยืนเซ่อไปเลย อะไรกันหว่า…นี่มันห้องของเขาเองนี่นา หรือว่าเขาเข้าห้องผิด
เพื่อความแน่ใจ…รีบเดินผลุนผลันเดินไปเปิดประตูหน้าห้อง ชะโงกดูป้ายตรงประตูห้อง316สายตาของเขาไม่หลอกตัวเองแน่
ชักรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาทันที
คงไม่มีใครคิดเล่นตลกกับเขา ซึ่งมันไม่ถูกกาลเทศะเอาเสียเลย เวลานี้เขาอยากจะนอนเป็นที่สุด
เพราะรู้สึกง่วงจัดเต็มที่แล้ว
ชายหนุ่มเปิดประตูห้องทิ้งไว้แล้วรีบเดินรี่กลับมาที่เตียง
“นี่คุณ…คุณจะเป็นใครก็ช่าง รีบออกไปจากห้องของผมเดี๋ยวนี้นะ
ผมไม่มีเวลาที่จะมาเล่นตลกกับคุณหรอก เชิญออกไปได้แล้ว!”
หญิงสาวในชุดสีชมพูยาวนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน
ยืนยันออกมาอีกครั้งหนึ่ง
“เจ้านั่นแหละที่ต้องรีบออกไป
จะมานอนที่นี่ไม่ได้ ! !”
“ทำไมผมจะนอนที่นี่ไม่ได้
ในเมื่อผมเป็นเจ้าของห้อง จ่ายค่าเช่าห้องเรียบร้อยแล้วด้วย
คุณเป็นใครมีสิทธิ์อะไรจะมาไล่ผม?” ต้นพูดโพล่งออกมาเสียงดังเพราะเหลืออดเต็มที่
“ข้าชื่อวนา…เป็นเจ้าของเตียงนี้”
“ผิดไปละมั้ง…ผมนี่ซิเจ้าของห้องที่แท้จริง…” เขาชี้หน้าอกตัวเอง “คุณอาจจะเข้าห้องผิดแล้วมาตู่เอาว่าเป็นห้องของคุณ ดูให้ดีเสียใหม่ซิครับ”
“ไม่ผิด…ข้าอยู่ที่นี่มานานแล้ว” หล่อนยืนยันหนักแน่น
มันยังไงกันแน่ ต้นคิด
ทำไมจู่ ๆ
ถึงมีคนมาอ้างเป็นเจ้าของห้อง หรือว่านี่เป็นแผนของคุณนายโฉมศรี
ใช้ผู้หญิงคนนี้มาก่อกวนเพื่อให้เขาทนอยู่ไม่ได้
แล้วจะได้รับเงินมัดจำค่าเช่าห้องของเขาไปกินฟรีๆ
ได้ยินว่าห้องนี้ไม่มีใครอยู่ได้นาน
คงเป็นเพราะคุณนายโฉมศรีใช้วิธีสกปรกแบบนี้นี่เอง
“ใครใช้ให้คุณมาก่อกวน
คุณวนา คุณนายโฉมศรีใช่ไหม….ไม่ได้ผลหรอกนะ รีบออกไปเสียดีกว่า…ก่อนที่ผมจะทำอะไรรุนแรงกับคุณลงไป….”
“ไม่มีใครใช้ข้า…เจ้านั่นแหละรีบไปเสีย ข้าไม่ชอบให้ใครมาอยู่เกะกะในห้องนี้
อย่าได้คิดที่จะมาลองดีกับข้าจะเหมาะกว่า…”
ป่วยการพูดให้เสียเวลา
ต้นตัดสินใจรวบร่างหญิงสาวอุ้มขึ้นมาไว้ในวงแขนอย่างรวดเร็ว
หล่อนดิ้นรนด้วยความตกใจไม่คิดว่าชายหนุ่มจะใช้วิธีการจู่โจมเช่นนี้
“ปล่อยข้าลงนะ!
!”
“ไม่!”
เขายิ่งกระชับวงแขนแน่นขึ้น
จนเรือนร่างของหล่อนแนบชิดสัมผัสกับกายของเขา มีกลิ่นหอมละมุนจากกายหญิงสาวลอยมากระทบจมูกต้น
เป็นกลิ่นที่นุ่มนวลละมุนละไม ที่น่าแปลกประหลาด ไม่รุนแรกเหมือนน้ำหอม
คล้ายเป็นกลิ่นดอกไม้อะไรสักอย่างมากกว่า
แต่ในเวลานี้ชายหนุ่มไม่อยากสนใจสิ่งอื่นใดทั้งสิ้นคิดอยู่อย่างเดียวว่าต้องรีบกำจัดผู้หญิงคนนี้ไปโดยเร็วที่สุด
เขาอุ้มร่างของหล่อนเดินจ้ำออกมานอกประตูห้องแล้วคลายวงแขนออก
ทำให้หญิงสาวเสียหลักถลาล้มลงนั่งก้นกระแทกพื้น ร้องอุทานอย่างตกอกตกใจ
ต้นไม่ได้ใส่ใจเลยสักนิด
รีบกลับเข้าห้องปิดประตูล็อคแล้วลงกลอนอย่างแน่นหนา
เพื่อป้องกันไม่ให้หล่อนกลับเข้ามาก่อกวนในห้องนี้อีกได้ จากนั้นจึงยืนพิงประตูถอนหายใจยาวออกมาอย่างรู้สึกโล่งอก
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ…ถ้าไม่เปิดมีเรื่องแน่! !”
เสียงดังมาจากนอกห้อง
“ไม่เปิด ! ไปให้พ้น…จะไปไหนก็รีบไปซะ…ผมจะนอน!
!”
เขาตะโกนออกไป
แล้วเดินกลับไปล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างสบายใจเฉิบ
ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ ตื้อชะมัดยากเลย
หน้าตาก็ดูน่ารักดีออก ไม่น่าจะหากินทางรับจ้างก่อกวนชาวบ้านแบบนี้เลย
ต้นนึกอยู่ในใจ
พยายามสลัดความคิดต่าง ๆ ออกไป
ไม่อยากเก็บมาให้รกสมองเพราะง่วงจัดเต็มที่อยู่แล้ว ไม่นานนักจึงค่อยๆผล็อยหลับไป
ด้วยความเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลีย
หลังจากตรวจเช็คความเสียหายมอเตอร์ไซค์คู่ชีพรีบร้อยแล้ว
ปื๊ดจึงหันมาที่ห้องพักของตน เพื่ออาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า
เตรียมตัวไปทำงานที่ห้องอาหาร ซี่งเขาเล่นดนตรีประจำอยู่
พอก้าวพ้นบันไดชั้นที่สามขึ้นมาเท่านั้น
สายตาของเด็กหนุ่มเหลือบไปเห็นหญิงสาวรูปร่างอ้อนแอ้น เอวเล็กเอวบางน่ารัก
กำลังยืนหน้าบูดหน้าบึ้งอยู่หน้าประตูห้องพี่ต้น
เด็กหนุ่มเจ้าเนื้อเขม้นมองอย่างสงสัย
แตนคนรักของต้นเพิ่งจะกลับไปเมื่อสักครู่นี้เอง แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันล่ะ?
“บอกให้เปิดประตู…จะเปิดหรือไม่เปิด?”
เห็นท่าทางทุบประตูด้วยความฉุนเฉียวของหล่อนปื๊ดถึงได้อมยิ้มร้องอ๋อในใจ
นี่คงจะเป็นแฟนอีกคนหนึ่งของพี่ต้นแน่
เด็กหนุ่มคิด ไม่เลวเลยนี่
เพื่อนข้างห้องคนใหม่คนนี้เห็นท่าทางหงิมๆแท้ๆเล่นมีแฟนทีเดียวตั้งสองคนแน่ะ
แต่ละคนก็สวยน่ารักทั้งนั้นเลย ช่างน่าอิจฉาชะมัด
ผู้หญิงคนนี้อาจจะแอบเห็นแตนขับรถมาส่งต้นเลยเกิดความหึงหวงทะเลาะกันขึ้นมา
ด้วยความชอบสอดรู้สอดเห็น ปื๊ดจึงแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
ไขกุญแจห้องของตนเอง เปิดประตูเดินเข้าไปแล้วงับประตูเอาไว้ กะว่าจะค่อย ๆ
แง้มประตูออกไปแอบดู
แต่พอบานประตูห้องปิดสนิทลง
วนาซึ่งรู้ดีแล้วว่าต้นไม่ยอมเปิดประตูให้แน่ เลยตัดสินใจเดินทะลุผ่านประตูเข้าไปในห้องเองหน้าตาเฉย
เมื่อปื๊ดแง้มประตูห้องออกมาดูอีกที
จึงไม่เห็นร่างของหญิงสาวเสียแล้ว
เด็กหนุ่มจอมสอดรู้สอดเห็น
รู้สึกงุนงงยิ่งนักเขาไม่ได้ยินเสียงประตูห้องของต้นเปิดออกมาเลยสักแกร๊กเดียว
แล้วผู้หญิงคนนั้นหายไปไหน ชะโงกหน้ามองไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
เขายกมือเกาหัวแกรกแล้วกลับเข้าไปในห้องปิดประตูตามเดิม
ในห้องของต้น
ชายหนุ่มยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง วนาเดินเข้ามายืนจ้องมองตาเขียว
ผู้ชายคนนี้ยังไม่รู้จักฤทธิ์ของหล่อนดีพอ
ถึงได้กล้าอวดดีอุ้มหล่อนโยนออกไปจากห้องอย่างหยาบคาย
เห็นเขากำลังหลับอย่างสบาย
ให้รู้สึกนึกหมั่นไส้ยิ่งนัก หล่อนยกมือขึ้นกอดอก แล้วพยักหน้าขึ้นหนหนึ่ง
ร่างต้นที่นอนอยู่บนเตียงหายวับไปในพริบตาแล้วไปปรากฏอยู่ที่หน้าห้องแทน
หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างรู้สึกพึงพอใจ
ล้มตัวลงนอนบนเตียงแทนที่ นึกสมน้ำหน้าต้นยิ่งนัก ในเมื่ออยากจะมาลองดี
ก็ต้องสั่งสอนให้รู้จักฤทธิ์นางไม้อย่างหล่อนเอาไว้เสียบ้าง
ตรงทางเดินหน้าห้อง
ร่างของต้นยังคงนอนหลับสนิทอย่างไม่รู้สึกตัวในท่าเดิม
เป็นเพราะความง่วงจัดอย่างเต็มที่แล้วนั่นเอง
และอาจจะต้องนอนอยู่อย่างนั้นไปอีกนาน หากปื๊ดไม่เปิดประตูออกมาเห็นเข้า
เด็กหนุ่มแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วถือกีตาร์ไฟฟ้าคู่มือเตรียมตัวที่จะออกไปเล่นดนตรี
พอเห็นต้นมานอนอยู่กับพื้นแบบนั้น ให้รู้สึกแปลกใจจนต้องเดินเข้ามาดูด้วยความสงสัย
ท่าทางของต้นคงจะกำลังหลับสนิทเอาจริง
ๆขนาดยุงบินมาเกาะบนใบหน้าตั้งหลายตัวยังไม่รู้สึกปล่อยให้พวกมันดูดเลือดกันเพลินไปเลย
ปื๊ดคุกเข่าลงข้าง ๆ โบกปัดไล่ยุงให้แล้วสะกิดเรียก
“พี่…พี่….”
“อย่ามายุ่งน่า…”
ต้นปัดมือปื๊ดพูดพึมพำเสียงอู้อี้ ทั้งๆที่ตายังหลับสนิท “จะไปไหนก็ไปซิ่ คนจะหลับจะนอน มากวนใจอยู่ได้…โน่น…ประตู”
ปื๊ดสะดุ้งโหยง
ที่เห็นต้นยกมือขึ้นชี้ไปส่งเดช นึกขำจนแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่
มันยังไงกันแน่…สงสัยท่าจะละเมอขนาดหนัก ขืนปล่อยทิ้งไว้มีหวังโดนยุงหามตาย ปื๊ดเขย่าตัวต้นแรงๆเพื่อปลุกให้เขารู้สึกตัว
“พี่ต้น…พี่ต้น…”
ชายหนุ่มลุกพรวดพราดขึ้นนั่งงัวเงีย
เห็นปื๊ดมานั่งคุกเข่า มองทำตาเป๋าเหลออยู่ตรงหน้า แทบหายง่วงในทันที หันมองไปรอบ
ๆยิ่งรู้สึกแปลกใจเมื่อรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องนอนของตนเอง
แล้วเขาออกมานอนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง พยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก
“เมื่อกี้นี้ผมเห็นแฟนพี่ยืนทุบประตูอยู่…ทะเลาะกับแฟนหรือครับพี่ต้น?”
คำว่าแฟนที่ปื๊ดพูดถึง
คงหมายถึงผู้หญิงคนที่มีเรื่องถกเถียงกับเขานั่นเอง
ชายหนุ่มทำท่าทางอึกอักไม่รู้จะตอบปื๊ดว่ายังไงดี ต้องตกกระไดพลอยโจน
พยักหน้ารับหงึก
“อ๋อ! ใช่ ๆ ผิดใจกันเรื่องนิดหน่อยน่ะ…”
“เข้าไปนอนในห้องผมก่อนก็ได้นะครับพี่ต้นกว่าผมจะกลับก็เกือบสว่าง
พี่มานอนอยู่แบบนี้มีหวังโดนยุงหามตายกันพอดี” ปื๊ดบอกด้วยความหวังดี
ดึงมือชายหนุ่มให้ลุกขึ้นยืน
“ขอบใจมากนะปื๊ด…ไม่ต้องหรอกนะ เดี๋ยวผมจะกลับเข้าไปนอนในห้องของผมเอง”
“แน่ใจนะครับพี่ต้นว่าจะไม่ถูกแฟนพี่ไล่ออกมาอีก?”
ปื๊ดยังอดเป็นห่วงไม่ได้
“ไม่มีอะไรหรอก…ไปทำงานเถอะครับ…ไม่ต้องเป็นห่วงผม”
เด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์ยืนลังเลใจอยู่สักครู่หนึ่งแล้วเดินผละไปอย่างงงๆ
พอปื๊ดก้าวลงบันไดลับหลังไปเท่านั้นเอง ต้นรีบถลันไปที่ประตู
จับลูกบิดประตูห้องจะบิดเปิดออก
ทว่า..มันถูกล็อคเอาไว้จากข้างใน แถมยังใส่กลอนอีกต่างหาก เป็นฝีมือของเขาเองนั่นแหละ
เมื่อตอนที่เขาอุ้มหญิงสาวแปลกหน้าโยนออกจากห้อง
ลองขยับลูกบิดประตูอีกสักสองสามที
แล้วยืนนึกทบทวนเหตุการณ์ดู
เขาเป็นคนปิดประตูล็อคใส่กลอนเองกับมือนี่นา…ผู้หญิงคนนั้นกลับเข้าไปในห้องได้ยังไงกัน
แล้วทำไมตัวเองถึงออกมานอนอยานอกห้อง
เป็นไปไม่ได้หรอกนะที่หล่อนจะอุ้มเขาออกมาผู้หญิงตัวเล็กๆเอวบางร่างน้อยแบบนั้น
จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาอุ้มเขาไหว
คิดๆไปยิ่งมึนหนัก
ลองเรียกหล่อนออกมาถามดูให้มันรู้เรื่องกันไปเลยดีกว่า
เปิดประตูซิ…เปิดประตู! !” ต้นเคาะประตูเรียก
“ไม่เปิด…ไปให้พ้น…จะไปไหนก็รีบไปซะ ผมจะนอน! !” วนาพูดล้อเลียนแบบต้น
ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือก
เอาเข้าแล้วไง
ยัยคนนี้ตั้งใจจะหาเรื่องกับเขาแน่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น