วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เตียงนางไม้ ตอนที่ 5

โดย...เจิด จินตนา
. . .
ต้นกับวนา


          ต้นฉุกกึ่กขึ้นมาทันทีทุบประตูเสียงดังสนั่น
          เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อนซิคุณ ! !”
          เงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบหรือเสียงเคลื่อนไหวใดๆดังออกมาจากในห้อง ต้นชักมีโมโหหนัก ทั้งทุบทั้งเตะถีบประตูเสียงดังโคมคราม
          บอกให้เปิดเปิดซี่โธ่เว้ย!”
          มีเสียงเปิดประตู แต่ว่าไม่ใช่ห้องของต้นเป็นประตูห้องในบริเวณใกล้เคียง ต่างเปิดโผล่หน้าออกมาดูกันสลอน หลายคนทำตาเขียวใส่ต้น
          รู้จักเกรงอกเกรงใจกันบ้างซิ่คู้นนี่ดึกแล้วนะ เอะอะโวยวายอยู่ได้…”
            “ขอโทษครับขอโทษ…”
            ชายหนุ่มหน้าจ๋อย ที่โมโหจนลืมตัว เผลอทำเสียงดังรบกวนเพื่อนห้องข้างเคียง เขาหัวเราะแฮ่ะๆแล้วรีบยกมือไหว้ ขอโทษของโพยเป็นการใหญ่
            คนเหล่านั้นพากันจ้องมองดูเขา เหมือนเห็นเขาเป็นตัวประหลาด บางคนทำปากขมุบขมิบ นึกแช่งชักหักกระดูกอยู่ในใจ จากนั้นจึงค่อยๆทยอยกันปิดประตูกลับไปนอนต่อ ปล่อยให้ชายหนุ่มยืนกลืนน้ำลายเอื้อกอย่างรู้สึกฝืดคอ หน้าแหกยับแทบเย็บไม่ติด
            ถ้าขืนใช้วิธีเรียกแบบนี้อีก คราวนี้มีหวังต้องโดนด่าพ่อล่อแม่แน่ ต้นพยายามลดเสียงลงให้เบาที่สุด
            คุณวนาคุณวนาครับ ช่วยเปิดประตูให้ผมทีเถอะ มีอะไรไว้ค่อยๆพูดค่อยๆ จา ตกลงกันได้นี่นา
            นิ่งรอสักครู่แล้วเงี่ยหูฟัง ไม่มีทีท่าว่าผู้ที่อยู่ภายในห้องจะให้ความสนใจ
            ได้โปรดเถอะครับคุณวนา อย่าทำแบบนี้กับผมซี่ จู่ๆคุณก็มาตู่เอาว่าห้องนี้เป็นของคุณ ทั้ง ๆ ที่ผมเองเป็นคนจ่ายค่าเช่า มันไม่ถูกต้องนาครับ เปิดประตูออกมาพูดกันดีกว่า คุณจะเอายังไงขอให้บอกมาเถอะครับ
            อุตส่าห์พูดดีด้วยแล้ว คู่กรณียังไม่มีท่าทีว่าจะยอมสนใจ เล่นเอาต้นต้องจนปัญญา คิดไม่ออกว่าจะจัดการยังไงดี ได้แต่เดินวนเวียนไปมาอยู่หน้าห้อง หนักๆเข้าชักรู้สึกง่วงนอนขึ้นมา ตาทั้งคู่ทำท่าจะหรี่ลงๆทุกที
            ผมง่วงนอนเต็มที่แล้วนะครับ ช่วยเปิดประตูทีเถอะน่าคุณวนา !”
            ต้นยกมือปิดปากหาว แล้วยืนหันหลังกอดอกพิงประตู ความง่วงจัดทำให้ร่างของเขาค่อยๆไหลครูดลงกลายเป็นนั่งพิงประตูหลับอยู่ตรงนั้นเอง
            นอนฟังอยู่สักครู่ใหญ่ๆ ต่อมาวนาชักรู้สึกเอะใจที่เสียงของต้นเงียบหายไป
            หรือว่าเจ้าหนุ่มจอมดื้อคนนี้จะยอมยกธง รามือจากไปเสียแล้วแต่โดยดี
            มันก็ดีเหมือนกันนะ หล่อนจะได้ไม่ต้องอาละวาดแผลงฤทธิ์เอาเหมือนเช่นที่ทำกับผู้เช่าห้องรายก่อนๆ
            นางไม้สาวยิ้มให้กับตัวเองในความมืด นอนพลิกตัวในท่าที่รู้สึกสบาย อย่างน้อยที่สุดในตอนนี้คงไม่มีใครมายุ่งเกี่ยวกับเตียงของหล่อนอีกต่อไปแล้ว
            แต่ทว่าวนากลับฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ รีบผุดลุกขึ้นมานั่งขมวดคิ้ว
            ไม่น่าเป็นไปได้นี่นาที่ชายหนุ่มคนนี้จะยอมเลิกราไปแบบง่าย ๆ ท่าทีในตอนแรกของเขาที่หล่อนเห็นเขาดูเป็นคนขึงขังเอาจริงเอาจัง ไม่ยอมอ่อนข้อเลยสักนิด มีหรือที่เขาจะยอมไปง่าย ๆ แบบนี้
            เพื่อความแน่ใจ วนาค่อย ๆลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปถอดกลอนประตู
            พอประตูห้องถูกเปิดออกมา ร่างของต้นที่นั่งพิงหลับอยู่ก็เอนราบลงนอนเหยียดยาว ขวางคาประตูอยู่ตรงนั้นเอง อย่างไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวเลย วนาสะดุ้ง
            อุ้ย
            เผลออุทานออกมา ขยับก้าวถอยหลังเพราะความตกใจ
            ไม่เคยพบเคยเห็น คนอะไรขี้เซาขนาดหนักแบบนี้ลักษณะเหมือนคนที่อดหลับอดนอนมานาน เขาคงไม่ได้แกล้งหลับ ขอบตาทั้งคู่ที่ปิดสนิทอยู่มีแววอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด
            ดูๆไปก็น่าสงสารเหมือนกัน เขาอาจจะไม่มีที่ไปถึงต้องมานั่งพิงประคูหลับอยู่แบบนี้ วนาเริ่มรู้สึกหนักใจคิดไม่ออกว่าจะเอายังไงกับชายหนุ่มคนนี้ดี
            ถ้าปล่อยให้นอนหลับอยู่แบบนี้หล่อนก็ไม่สามารถที่จะปิดประตูได้ และหากจะใช้ฤทธิ์นางไม้ที่หล่อนมีอยู่เคลื่อนย้ายร่างของเขาให้ไปนอนที่อื่น ชายหนุ่มคนนี้คงต้องนอนตากยุงทั้งคืนแน่
            นี่นี่ตื่นซิลุกขึ้น”   
            วนาตัดสินใจก้มลงปลุก เพื่อจะบอกให้เขาไปหาที่นอนใหม่ ต้นงัวเงียลืมตาขึ้นมา
            มีอะไรไว้ค่อยพูดกันพรุ่งนี้แล้วกัน….ผมง่วงนอนเต็มที่แล้ว
            เขาทำหน้ามุ่ย ค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินโผเผไปล้มตัวลงนอนฟุบบนเตียง กอดหมอนหลับต่อ ทำเอาวนายืนตะลึงตาค้างเพราะนึกไม่ถึง ต้องรีบวิ่งตามเข้าไปร้องห้าม
            เฮ้ ! เจ้าจะมานอนที่เตียงนี้ไม่ได้นะได้ยินมั้ย?”
            ชายหนุ่มยังคงนอนหลับตาเฉย วนาชักฉุน ใช้สองมือดันล่างของเขาให้กลิ้งลงไปอยู่ข้างเตียง แล้วก้าวขึ้นไปนอนบนเตียง นั่งกอดอกจ้องมองดูเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
            อะไรกันอีกเล่า?” ต้นผงกศรีษะขึ้นมา ขมวดคิ้วหน้ายุ่ง
            จะนอนในห้องนี้ก็ได้ แต่ไม่ใช่บนเตียงนี้ แล้วพรุ้งนี้เจ้าจะต้องรีบขนของออกไปจากห้องนี้ทันทีเข้าใจมั้ย?”
            “ก็ได้ๆ ตกลง…” ต้นรับปากตัดความรำคาญ หวงเตียงชะมัด พับผ่า!”
            บ่นพึมพำอะไรออกมาสองสามคำ แล้วล้มตัวลงนอนคุดคู้หลับต่อ
            วนาส่ายหน้าอย่างรู้สึกอิดหนาระอาใจ คนอาไร้ช่างหลับง่ายดายเสียจริง มันน่าปล่อยให้นอนตากยุงอยู่ข้างนอกเสียให้เข็ด แต่เขาคงจะไม่ใช่คนที่มีจิตใจเลวทรามต่ำช้าอะไรหรอกนะ
            ใบหน้าของเขาดูซื่อ ๆ ไม่น่าจะเป็นคนมีพิษมีภัยอะไร นี่ก็ดึกมากแล้ว ปล่อยให้เขานอนหลับต่อไปรอไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่น่าจะเป็นการดีกว่า
            วนาจ้องไปที่ประตู ใช้อิทธิฤทธ์ของนางไม้บังคับให้ประตูปิดกลับเข้ามาตามเดิม แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียง ร่างค่อย ๆ จางหายวับไป
                        **********
            ต้นรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อแสงอาทิตย์ในยามเช้าสอดลอดผ่านบานหน้าต่างกระจกเข้ามาแยงตาจนรู้สึกรำคาญ เขาลุกขึ้นมานั่งอย่างงงๆ นึกไม่ออกว่าทำไมตัวเองถึงมานอนอยู่บนพื้น
            ลองนั่งทบทวนดู จำได้ว่าเมื่อคืนนี้เกิดมีปากเสียงกับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งมาตู่เอาอย่างหน้าด้านๆอ้างว่าเป็นเจ้าของห้อง
            จริงซิผู้หญิงจอมกวนคนนั้นหายไปไหนเสียแล้วล่ะ หล่อนกลับไปแล้วหรือ
            ลุกขึ้นเดินดูที่ประตูเพื่อให้แน่ใจ กลอนประตูยังใส่อยู่อย่างเรียบร้อย เดินสำรวจดูรอบ ๆ ห้อง ในห้องน้ำก็ไม่เห็นมี ประตูหน้าต่างด้านระเบียงยังใส่กลอนปิดสนิทอยู่ แล้วหล่อนออกไปจากห้องนี้ได้ยังไงกัน?”
            หรือว่าทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน แล้วเขาเกิดนอนละเมอตกเตียงมาเอง
            แต่กลิ่นอ่อน ๆ คล้ายกลิ่นดอกไม้ป่าหอมกรุ่นยังคงติดอยู่ตามเสื้อชุดนอนของเขา ทำไมเขาจึงได้มีความรู้สึกเหมือนกับว่าได้แตะต้องเรือนร่างนุ่มนวลหอมกรุ่นของหญิงสาวคนนั้นกับมือจริง ๆ
            จำได้ว่าเขาเป็นคนอุ้มหล่อนโยนออกจากห้องและยังคงจำใบหน้าอันงดงามสวยซึ้งของหญิงสาวคนนั้นได้อย่างติดตา
            ยิ่งคิดก็ยิ่งงงเป็นไก่ตาแตก ต้นสะบัดหน้าสองสามทีขับไล่ความงงลุกขึ้นคว้านาฬิกาข้อมือ ซึ่งถอดวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งขึ้นมาดู
            เกือบสองโมงเช้าเข้าไปแล้ว  ตายล่ะเขาคงจะมัวหลับเพลิน รีบดึงผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ อาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวจะไปทำงาน
            พอเปิดประตูห้องออกมา ชายหนุ่มต้องรู้สึกแปลกใจที่คุณโฉมศรีอพาร์ตเม้นท์ ลุงม้วนกับแม่แจ่มต่างพากันมายืนมองดูเขาอยู่ด้วยสายตาแปลกๆ
            มีอะไรหรือครับ?” ต้นถามนึกสงสัยในท่าทางของคนเหล่านี้
            เอ้อ!เปล่าไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณ…” โฉมศรียิ้มหน้าเจื่อน  เมื่อคืนนอนหลับสบายดีหรือคะคุณต้น?”
            “ก้อสบายดีนี่ครับ
            “ไม่มีอะไรมากวนคุณเลยหรือครับ?”
            ลุงม้วนถามซื่อๆ อย่างไม่แน่ใจ เพระคนที่มาเช่าห้องนี้มักจะต้องโดนผีหลอกจนเผ่นหนีแทบไม่ทัน แต่ชายหนุ่มกลับไม่มีท่าทีผิดปกติอะไรเลย
            แล้วลุงคิดว่า..จะมีอะไรรบกวนผมล่ะ…..ผีเหรอ?” ต้นย้อนถามพร้อมเอานิ้วชี้จิ้มลงไปที่หน้าอกของชายสูงอายุ  ใช่ผีผีของลุงเป็นผู้หญิง สวยเสียด้วยซิครับแต่ไม่ทีทางทำให้ผมตกใจกลัวอย่างเด็ดขาด  ผมไม่เหมือนผู้เช่าห้องรายก่อน ๆ หรอกนะครับ วิธีนี้นำมาใช้กับผมไม่ได้หรอกจะบอกให้รู้ไว้
            ล็อคประตูห้องเลิกสนใจคนเหล่านี้ แล้วเดินลงบันไดไปชั้นล่างปล่อยให้ทั้งสามคนยืนมองหน้ากันทำตาปริบๆ
                        **********
            เมื่อถึงที่ทำงาน ต้นถูกนายมานพเรียกตัวเข้าไปพบในห้องผู้จัดการ
            มาสายอีกตามเคยนะคุณต้น
            ทันทีที่เห็นหน้า ผู้จัดการเขาก็ต่อว่า ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มแห้งๆ ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวว่ายังไง มานพยื่นมือไปกดปุ่มเครื่องโทรศัพท์สำหรับติดต่อภายใน
            คุณนุชช่วยเอาแฟ้มประวัติลูกค้าของคุณกำชัยเข้ามาให้ผมที
            “ค่ะผู้จัดการ
            เสียงเลขาคนสวยดังตอบมา มานพจึงวางมือจากโทรศัพท์ติดต่อ หันมองต้น
            ผมได้ปรึกษากับท่านประธานแล้ว เกี่ยวกับเรื่องพิจารณาเลื่อนตำแหน่งหน้าที่การงานของคุณ ท่านประธานมีความเห็นว่า ให้คุณลองทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการพิสูจน์ผลงานก่อน…”
            “ด้วยความยินดีครับผู้จัดการ สั่งมาได้เลยครับผมจะพยายามทำอย่างสุดความสามารถต้นยืดอกอย่างมั่นใจ
            นุชถือแฟ้มเปิดประตูเดินเข้ามายื่นส่งให้กับมานพเขารับไปพลิกดูนิดหนึ่ง แล้วส่งต่อให้ต้น
            นี่คือแฟ้มของคุณกำชัย ลูกค้ารายใหญ่ที่เคยทำประกันเอาไว้กับเรา แต่ยกเลิกไม่ต่อสัญญากรมธรรม์อีก หน้าที่ของคุณคือ หาทางให้ลูกค้ารายนี้ทำสัญญาประกันกับบริษัทเราต่อให้ได้
            หนุ่มใหญ่จอมเจ้าเล่ห์ทำเป็นลุกจากเก้าอี้ เดินเอามือไพล่หลัง แบบกำลังใช้ความคิดหนัก
            คุณกำชัยเป็นเจ้าของกิจการโรงงานทอผ้าขนาดใหญ่ มีคนนับพันคน โรงงานของเขาตั้งอยู่แถวถนนแจ้งวัฒนะ ย่านปากเกร็ด..เขาเคยทำประกันทรัพย์สินและสวัสดิภาพของคนงานทั้งหมดกับเรา ปีหนึ่งรวมมูลค่าเบี้ยประกันหลายล้านบาท รายละเอียดต่าง ๆ มีอยู่ในแฟ้มนี้แล้ว คุณลองเอาไปศึกษาดู
            ต้นพลิกแฟ้มอยู่อย่างคร่าวๆ
            แล้วพนักงานคนเก่าที่รับผิดชอบติดตามลูกค้ารายนี้อยู่ละครับ?”
            “เขาลาออกไปแล้วคุณจะต้องเป็นคนเดินเรื่องนี้ต่อ หาข้อมูลให้ได้ว่า เขาเลิกทำประกันกับบริษัทของเราเพราะสาเหตุอะไร ผมได้รับรายงานว่า กำลังมีบริษัทอื่นส่งคนเข้าไปติดต่อคุณกำชัย ให้ทำประกันกับบริษัทนั้น คุณจะต้องหาวิธีจูงใจลูกค้ารายนี้ชิงกลับมาเป็นของเราให้ได้”
            มานพหยุดเดิน หันมองต้นด้วยท่าทางขึงขังเอาจริงเอาจัง
            ผลงานชิ้นนี้ จะเป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถของคุณถ้าคุณทำได้เป็นผลสำเร็จ ก็จะมีการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งให้คุณอย่างแน่นอน แต่หากงานนี้เกิดล้มเหลวขึ้นมา คุณนั่นแหละเป็นฝ่ายที่จะต้องพิจารณาตัวคุณเองคุณกล้าพอที่จะรับทำไมล่ะครับคุณต้น?”
            “ครับผู้จัดการ ขอบคุณที่ให้เกียรติผมเป็นผู้รับผิดชอบงานชิ้นนี้ ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุดเลยครับ….” ต้นตอบอย่างไม่มีการลังเล
            ดีมาก….งั้นขอให้คุณจงโชคดี
            มานพยืนยิ้ม ยื่นมือออกมา ต้นรีบลุกจับมือกับผู้จัดการของเขา
            ขอบคุณนะครับผู้จัดการ…”
            รู้สึกว่ามานพจะบีบมือของเขาแน่นผิดปกติ สายตาที่จ้องมองดูเขาคล้ายมีความลับลมคมในอะไรแอบแฝงอยู่แต่ต้นก็ไม่ได้สนใจ โค้งคำรับแล้วหอบแฟ้มงานที่จะต้องรับผิดชอบแล้วเดินออกจากห้องไป
            ทำไมผู้จัดการถึงได้มอบหมายงานชิ้นนี้ให้คุณต้นไปทำล่ะคะ?” นุชถามเมื่อต้นเดินออกจากห้องแล้ว ผู้จัดการก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่า เสี่ยกำชัยแกเป็นคนขี้ตืดขนาดไหน..คุณต้นไม่มีวันทำงานชิ้นนี้ได้สำเร็จหรอกค่ะ…”
            “นั่นแหละคือสิ่งที่ผมต้องการมานพยิ้มแพรวพราวเต็มใบหน้า มันไม่รู้จักเจียมตัว หน็อยสะเออะคิดจะมาเส้นใหญ่กับผม คราวนี้แหละมันจะต้องถูกเขี่ยออกไปจากบริษัทเมื่อทำงานล้มเหลว
            หนุ่มใหญ่ผู้มีมันสมองอันชั่วร้าย เดินกลับมานั่งหยิบกล่องยาเส้นขึ้นมาจุดสูบอย่างสบายอกสบายใจ นุชมองดูผู้จัดการของหล่อนด้วยความรู้สึกสังเวชใจ นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเขาจะมีความคิดน่าขยะแขยงเช่นนี้
                        **********
            ต้นนั่งศึกษาข้อมูลจากแฟ้มประวัติที่ได้รับมอบหมายมาอยู่พักใหญ่ แล้วจักแจงยกหูโทรศัพท์ติดต่อขอนัดหมายเวลาเข้าพบคุณกำชัย เลขาทางฝ่ายโน้นแจ้งกำหนดเวลามาให้ทราบ เขารีบจดเอาไว้ในสมุดบันทึก
            พอวางหูโทรศัพท์ลงได้เพียงไม่ถึงอึดใจดี ก็ต้องยกขึ้นมาใหม่ เพราะมีเสียงเรียกเข้ามา
            สวัสดีครับ…”   
            “พี่ต้นเหรอนี่แตนนะ เสียงแจ๋ว ๆ ดังตามสาย  แตนขอโทษเรื่องเมื่อคืนนี้ แตนกำลังอารมณ์เสียเลยทำท่าปึงปังน่าเกลียดกับพี่ต้นไป  พี่ต้นอย่าโกรธแตนเลยนะ
            “ไม่หรอกครับคุณแตน ผมไม่ได้โกรธคุณเลย
            “แหม! พี่ต้นนี่น่ารักจัง…” เสียงแสดงความดีอกดีใจ แตนอยากบอกเรื่องของพี่ต้นกับคุณพ่อแล้วล่ะ ท่านหัวเราะชอบใจใหญ่เลย ยังชมพี่ต้นว่าเป็นคนมีมุมานะดี ท่านว่าคนหนุ่มไฟแรงแบบพี่ต้นท่านชอบ อนาคตต้องไกลแน่ค่ะ
            “คุณพ่อของคุณแตนเป็นคนชมหรือว่าคุณแกล้งชมผมเองกันแน่ครับ?”
            “แตนเปล่านะคะ คุณพ่อท่านเป็นคนชมพี่ต้นเองจริง ๆ ค่ะ ท่านฝากบอกมาว่า ขอให้พี่ต้นสบายใจได้ท่านจะไม่เข้ามาก้าวก่ายยุ่งเกี่ยวกับเรืองของพี่ต้นอีก ขอให้พี่ต้นตั้งใจทำงาน ท่านจะรอดูความสำเร็จของพี่แค่นี้พอใจหรือยังล่ะ?”
            “ฝากเรียนท่านด้วยว่า ผมขอบคุณท่านมีความเข้าใจในตัวผมดี เวลานี้ผมกำลังได้รับมอบหมายให้ทำงานใหญ่อยู่ชิ้นหนึ่ง เพื่อเป็นการพิสูจน์ความสามารถของผมเอง…”
            “งานอะไรหรือคะพี่ต้น?”
            “ติดต่อกับลูกค้ารายหนึ่ง ที่เคยทำประกันไว้กับบริษัท แล้วบอกเลิกไปเป็นลูกค้ารายใหญ่มาก เจ้าขอกิจการโรงงานทอผ้า ถ้าทำงานชิ้นนี้สำเร็จ ผมก็จะได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่ง
            “แตนดีใจด้วยนะคะ มีอะไรจะให้แตนช่วยพี่ต้นได้บ้างล่ะ?”
            “ไม่ต้องหรอกครับคุณแตน อย่าดีกว่าผมอยากทำงานชิ้นนี้ด้วยตัวของผมเอง
            “งั้นก้อขอให้พี่ต้นโชคดีแล้วกันนะคะเย็นนี้เลิกงานแล้วแตนจะไปรับนะคะ
            “วันนี้ผมมีนัดที่จะต้องติดต่อกับลูกค้ารายนี้ ยังไม่รู้เลยว่างานจะเสร็จเมื่อไหร่ ไม่ต้อหรอกครับคุณแตน
            “แหม ! ก็แตนคิดถึงพี่ต้นนี่นา อยู่บ้านเฉย ๆ ไม่มีอะไรทำเหงาจะตายไป งั้นพรุ่งนี้วันเสาร์ เป็นวันหยุดของพี่ต้น แตนจะไปหาที่อพาร์ตเม้นท์นะคะ…”
            “เอ้อ ! ห้องผมมันยังไม่ค่อยเรียบร้อยดีเลย…”  ต้นพยายามจะบ่ายเบี่ยง
            พี่ต้นพูดเหมือนกับว่า ไม่ต้องการให้แตนไปหายังงั้นแหละเสียงทางโน้นตัดพ้อต่อว่า
            เปล่าหรอกนะอย่าเข้าใจผิดผมก็คิดถึงคุณแตนเหมือนกัน ถ้าอยากไปก็ตามใจเถอะครับ
            งั้นดีแล้วแตนจะชวนยัยตุ่มไปเป็นเพื่อน ซื้ออะไรไปทานกันที่ห้องพี่ต้น แล้วพรุ่งนี้ค่อยพบกันนะคะ บ๊ายบาย…”
            แตนวางหูไปแล้ว ต้นค่อย ๆ วางหูโทรศัพท์ลงดึงลิ้นชักโต๊ะทำงานออกมา หาเอกสารที่จำเป็นออกมาใส่แฟ้มไว้เตรียมตัวที่จะไปพบลูกค้าตามนัด
            พี่ต้น!”
            เสียงนุชเรียก ทำให้ชายหนุ่มที่กำลังจะลุกขึ้นต้องชะงักหันไปมองหล่อนกำลังเดินเข้ามาหา
            พี่ต้นกำลังจะไปไหนน่ะ?”
            “ผมมีนัดกับคุณกำชัยเอาไว้ก่อนเที่ยง ต้องรีบไป
            “พี่ต้นจะรับงานชิ้นนี้จริง ๆ หรือ มันเป็นกับดักของผู้จัดการนะ
            “ทำไมหรือคุณนุช?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วสงสัย
            เสี่ยกำชัยแกเป็นคนขี้ตืด เหลี่ยมจัดที่สุดในโลกคราวก่อนกว่าจะยอมทำสัญญา ก็ตั้งแง่เรียกร้องโน่นนี่เยอะแยะไปหมด แกไม่ได้ต่อสัญญากรมธรรม์มาตั้งเกือบปีแล้ว พนักงานรายที่ส่งไปติดต่อ ถูกปฏิเสธกลับมาหมด งานนี้มันไม่ง่าย ๆ นะพี่ต้น มันเป็นแผนของผู้จัดการที่จะหาทางกำจัดพี่ต้นเมื่อทำงานไม่สำเร็จ ขอให้คิดดูใหม่ก่อนเถอะนะนุชเตือนด้วยความหวังดี ทำให้ต้นถึงกับยืนอึ้งไป
            เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมานพถึงได้มีความชิงชังในตัวเขามากมายนัก แต่ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนกำจัดเขา ต้นก็ยังไม่ยอมเลิกราความตั้งใจที่จะทำงานชิ้นนี้
            อย่างมากถ้าไม่สำเร็จก็ลาออกเองไม่ต้องรอให้เขาไล่หรอก แต่ถ้างานชิ้นนี้เกิดสำเร็จขึ้นมาล่ะ เขาอยากจะรู้เหมือนกันว่า มานพจะทำตามที่เขารับปากเอาไว้หรือเปล่า
            ผมไม่เปลี่ยนใจหรอกคุณนุชจะลองทำดู เพื่อเป็นการพิสูจน์อะไรบางอย่าง
            เขาบอกอย่างมั่นใจ ก่อนที่จะเดินออกจากที่ทำงานไป
            โรงงานทอผ้าของเสี่ยกำชัยมีอาณาบริเวณใหญ่โตกว้างขวาง ประกอบด้วยอาคารหลายหลังเรียงรายติดต่อกันอยู่ในกำแพงรั้วสูง
            ต้นลงจากรถแท็กซี่ชำระค่าโดยสาร แล้วเดินเข้าไปติดต่อกับยามที่บล็อกหน้าประตู เมื่อทราบจุดประสงค์ในการมาของเขา ยามรักษาการณ์จึงชี้บอกทางให้กับชายหนุ่ม
            ผ่านประตูรั้วเข้าไป ทางซ้ายมือเป็นตึกสามชั้นหลังใหญ่ ต้นเดินเข้าไปในตึกหลังนั้น ขึ้นบันไดไปชั้นที่สามตามที่ยามแนะนำ ชั้นนี้เป็นออฟฟิศของโรงงานมีลักษณะเป็นห้องกระจกกว้างติดตั้งเครื่องปรับอากาศ
            ชายหนุ่มผลักประตูกระจกเข้าไป ติดต่อกับพนักงานสาวที่นั่งทำงานอยู่ใกล้ประตู หล่อนชี้ทางให้เดินผ่านโต๊ะทำงานพนักงานแผนกต่าง ๆเข้าไปจนถึงโต๊ะเลขาหน้าห้องผู้อำนวยการโรงงาน
            ผมมาจากบริษัทประกัน จะมาขอพบท่านผู้อำนวยการตามที่ได้นัดหมายเอาไว้ครับ
            เขาบอกจุดประสงค์นี้ พร้อมกับส่งนามบัตรให้หล่อนรับไปพลิกดู
            เชิญนั่งก่อนค่ะท่านผู้อำนวยการกำลังพูดธุระอยู่กับลูกชายของท่าน นั่งรอสักครู่นะคะ
            ใกล้กับโต๊ะทำงานของหล่อน มีโซฟายาวสำหรับให้แขกที่จะมาเข้าพบนั่งรอ ต้นเดินไปทรุดตัวลงนั่งรอ ต้นเดินไปทรุดตัวลงนั่งตรวจดูเอกสารในแฟ้มให้เรียบร้อยอีกครั้งเป็นการฆ่าเวลา
            ในห้องทำงานของเสี่ยกำชัย เสี่ยใหญ่รูปร่างสมบูรณ์ หัวเถิกตาหยีเล็กตามลักษณะของคหบดีจีนผู้มั่งคั่ง กำลังนั่งมองเด็กหนุ่มซึ่งมีหุ่นสมบูรณ์ใกล้เคียงกัน นั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาอันเดือดดาล
            พอกันทีกูไม่ให้มึงอีกแล้วไอ้ปื๊ดไอ้เด็กฉิบหายไอ้ลูกไม่รักดี









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น