วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2559

เตียงนางไม้ ตอนที่ 13

โดย...เจิด จินตนา

13. . .


          สีหน้าที่ปั้นให้แย้มยิ้มชื่นบาน แปรเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดอย่างฉับพลัน เมื่อแตนเห็นต้นกำลังติดกิ๊บติดผมให้กับวนาอยู่
          หญิงสาวยืนตะลึงตัวชาวูบขึ้นมา
          เพราะเหตุนี้นี่เอง ชายหนุ่มถึงไม่ยอมไปงอนง้อหล่อน เขามีผู้หญิงคนใหม่เคลียคลออยู่เคียงข้างให้เห็นตำตา
          หล่อนขบริมฝีปากตัวเองแทบห้อเลือด รู้สึกเดือดพล่านขึ้นมาในทันที
          ต้นรู้สึกตกใจไม่น้อยเหมือนกัน ไม่นึกไม่ฝันว่าแตนจะโผล่พรวดพราดเข้ามาในตอนนี้ ชายหนุ่มยืนอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก
            ลมเพชรหึงพุ่งขึ้นถึงขีดสุด แตนเงื้อง่าฝ่ามือถลันเข้าหาวนา หมายตบหน้าผู้หญิงหน้าด้านที่มาแย่งแฟนของตนสักฉาดให้สมแค้น
            อย่านะ ! คุณแตน….”
            ต้นร้องห้ามเสียงหลง  รีบก้าวออกมายืนขวางเอาไว้ แต่แตนไม่ยอมฟังเสียง หล่อนผลักร่างชายคนรักให้หลีกทางไปด้วยอารมณ์อันฉุนเฉียว
            ถอยไปนะพี่ต้น!”
            ไม่รู้ว่าแตนเอาเรี่ยวเอาแรงมาจากไหน ต้นถึงกับเซถลาไป แต่แล้วหล่อนก็ต้องชะงักเงื้อมือค้าง เพราะผู้หญิงที่ต้นยืนบังอยู่เกิดหายวับไปกับตา
            มันหายไปไหนอีผู้หญิงหน้าด้านมันหายไปไหน?”
            หล่อนแผดเสียงดังตะคอกถาม ชายหนุ่มเหลียวไปมองดูรอบห้อง รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง ที่วนาชิงหายตัวไปเสียก่อน รีบตีหน้าเซ่อสวมรอยทันที
            ไหน….ใครกันครับคุณแตน  ผมไม่เห็นมีใครเลย !”
            “ก็….นังผู้หญิงคนเมื่อกี้
            หญิงสาวรู้สึกงุนงงจนพูดอะไรไม่ถูก รีบผลุนผลันตรวจค้นดูตามซอกมุมต่าง ๆ ที่คิดว่าจะมีคนไปแอบซ่อนอยู่ แต่แล้วกลับไม่พบอะไรเลย
            มันเป็นไปได้ยังไง เมื่อสักครู่นี้เองที่หล่อนเห็นผู้หญิงผมยาว ใส่ชุดสีชมพูยืนพูยืนอยู่กับต้น ไม่น่าเชื่อว่าหล่อนจะหายไปไหนได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
            บอกมาดี ๆ นะพี่ต้น  เอานังผู้หญิงคนนั้นไปซ่อนไว้ที่ไหน?” หล่อนเดินตาขวางกลับมาถามต้น
            ผู้หญิงที่ไหนกัน คุณแตนพูดเพ้อเจ้อเหลวไหลไปได้….” เขาทำปากแข็งไม่ยอมบอกความจริงกับหล่อน ยืนกระต่ายขาเดียวไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
            อย่ามาทำเป็นแกล้งไก๋ดีกว่าพี่ต้น แตนเห็นชัด ๆ ว่าอีนังนั่นมันยืนอยู่กับพี่ต้น
            “คุณแตนหาดูจนทั่วห้องแล้วนี่ เจอใครหรือเปล่าล่ะ?”
            โดนย้อนเข้าแบบนี้ หญิงสาวได้แต่ยืนทำท่าทางฮึดฮัด ที่ไม่สามารถจับให้มั่นคั้นให้ตายคามือ
            แล้วต้นต้องสะดุ้งสุดตัว วนากำลังเดินเข้ามาหาทางด้านหลังของแตน แม้จะมองไม่เห็นตัว แต่กิ๊บที่เขาติดให้มันไม่ยอมล่องหนตามไปด้วย จึงยังเห็นลอยอยู่ในอากาศ
            ชายหนุ่มทำท่ายกมือทั้งสองข้างขึ้นจับที่ปลายผมของตัวเองเหนือกกหู เป็นสัญญาณบอกใบ้ให้กับนางไม้สาว
            ยังจะมีหน้ามาทำทะเล้นอีก มันไม่ขำเลยนะพี่ต้นจะบอกให้
            แตนซึ่งยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรแว้ดใส่ชายหนุ่ม ดูเหมือนว่าวนาก็ไม่เข้าใจความหมายของต้นเช่นกัน  กิ๊บติดผมรูปผีเสื้อทั้งคู่จึงยังลอยอยู่ที่เดิม ชายหนุ่มต้องรีบลงมือทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่แตนจะหันไปเห็นเข้า
            ไม่เอาน่าคุณแตน…..เราอย่ามาทะเลาะกันเพราะเรื่องเหลวไหลไร้สาระแบบนี้เลย….” เขาโอบไหล่หล่อนแล้วยื่นมือข้างหนึ่งไปดึงกิ๊บที่เห็นลอยอยู่ในอากาศทั้งสองอันมากำเอาไว้  คุณน่ะคิดมากจนเกิดอุปทานหลอกตาคุณเอง  ห้องเล็กนิดเดียวแค่นี้ ผมจะเอาผู้หญิงทั้งคนไปซุกซ่อนเอาไว้ตรงจุดไหนได้….ไม่ใช่ตุ๊กตาตัวเล็ก ๆนี่
            “แต่แตนว่าแตนเห็นจริง ๆ นาหล่อนชักไม่แน่ใจ น้ำเสียงเริ่มอ่อนลง
            คุณรู้อยู่แก่ใจว่า ผมรักคุณคนเดียวเท่านั้นตลอดเวลาหลายปีที่รู้จักกันมา คุณเคยเห็นผมทำตัวสนิทสนมกับผู้หญิงคนไหนบ้างล่ะผมเสียใจจริง ๆ ที่คุณไม่ยอมไว้เนื้อเชื่อใจผม และชอบมองผมในแง่ร้ายเสมอ
            “พี่ต้น..แตนขอโทษ….”  หญิงสาวโผเข้ากอดซุกหน้าลงบนแผ่นอกของเขา  แตนเสียใจที่แสดงกิริยาไม่ดีกับพี่ต้นอย่าโกรธแตนเลยนะคะ  แตนทำลงไปเพราะรักพี่ต้น หวงพี่ต้นมากนั่นเอง…”
            “ไม่ว่าคุณแตนจะทำอะไร ผมไม่เคยนึกโกรธเคืองเลย เพียงแต่รู้สึกน้อยใจเท่านั้นเองแหละ…”
            “โถ ! พี่ต้น…….แตนขอสัญญาว่าต่อไปนี้ แตนจะไม่ทำอะไรให้พี่ต้นต้องน้อยใจอีกแล้วค่ะ….”
            หล่อนเลื่อนมือมากุมที่มือของต้น  แล้วรู้สึกเหมือนสะดุดอะไรเข้าบางอย่าง
            เอ๊ะ ! พี่ต้นกำอะไรไว้ในมือน่ะ?”
            ชายหนุ่มรู้สึกใจหายวาบ จะไม่ให้หล่อนดูก็ไม่ได้ จำใจต้องแบมืออกมา
            พอเห็นว่าเป็นกิ๊ปติดผมรูปผีเสื้อน่ารัก แตนทำตาลุกวาว
            โอ้โฮ….น่ารักจังเลย  พี่ต้นซื้อมาให้แตนหรือคะ?”
            ทึกทักโมเมเอาเองเสร็จ  ไม่พูดแต่ปาก  หล่อนถือวิสาสะหยิบฉวยไปจากมือต้น  เดินไปที่หน้ากระจกเอากิ๊บทั้งสองอันเหน็บไว้ที่ผมของตนเอง เอียงหน้าส่องกระจกอย่างพึงพอใจ แล้วจึงหมุนตัวหันมาทางชายหนุ่ม
            สวยมั้ยคะพี่ต้น?”
            เขายืนงงจนเซ่อเป็นใบ้กิน ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยิ้มแล้วพยักหน้าหงึกลูกเดียว
            ทันใดนั้น แตนรู้สึกเหมือนมีลมแรงปะทะวูบเฉียดผ่านหน้าหล่อนไป พร้อมกับกลิ่นหอมละมุนละไมที่โชยมากระทบจมูก
            กลิ่นนี้รู้สึกคุ้น ๆ จำไม่ผิดว่าหล่อนเคยสัมผัสกับมันมาก่อน ในห้องของต้นนี่เอง ขมวดคิ้วนิ่วหน้าอย่างสงสัย
            เสียงประตูห้องที่หล่อนเป็นคนเปิดทิ้งเอาไว้ปิดเข้ามาดังปังใหญ่ ทำให้แตนสะดุ้งหันไปมอง
            ไม่มีอะไรหรอกครับ ลมพัดน่ะคุณแตน ที่นี่ลมแรง !” ต้นรีบพูดแก้ตัวกลบเกลื่อน
            ความจริงเขารู้อยู่เต็มอกว่า   เสียงประตูที่ปิดกระแทกอย่างแรงแบบนี้เป็นฝีมือของวนา ซึ่งคงมีความไม่พอใจแตนเลยทำประชด
            ออกไปหาอะไรกินกันข้างนอกเถอะค่ะ….แตนหิวแล้ว!”
            หญิงสาวดึงแขนชายคนรัก  จะให้เขาเดินตามไปกับหล่อน  แต่เขากลับยืนนิ่งท่าทางเหมือนไม่เต็มใจไปด้วย
            ผมเห็นจะต้องขอตัวครับคุณแตน รู้สึกปวดหัวยังไงไม่รู้  มันบอกไม่ถูก อยากจะขอนอนพักผ่อนมากกว่า
            “เหรอคะพี่ต้น?”  หล่อนยกมืออังที่หน้าผากของเขา ตัวไม่เห็นร้อนซักกะหน่อย
            “จริง ๆ ครับคุณแตน…..ผมรู้สึกเพลีย ๆ ยังไงชอบกล
            ความจริงแล้วเขากำลังเป็นห่วงว่าวนาจะโกรธเคืองแตน แล้วทำเรื่องยุ่งยากขึ้นมาอีก เลยแกล้งไม่สบายเพื่อให้หญิงสาวรีบกลับไปเสีย จะได้หาทางพูดกับนางไม้สาว
            ถ้างั้นพี่ต้นนอนพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ…” ประคองเขาไปที่เตียง ต้นทำเป็นเอนตัวลงนอนตาปรอยให้น่าสงสาร  หญิงสาวก้มหน้าลงมาจุมพิตที่แก้มของเขา  “หลับให้สบาย ไว้พรุ่งนี้แตนจะมาหาใหม่นะคะ
            หล่อนเดินไปที่ประตูหันกลับมายิ้มให้เขา
            แตนกลับก่อนนะคะ….บ๊ายบาย
            โบกมือพร้อมกับส่งจูบ ชายหนุ่มโบกมือบ๊ายบายตอบ แล้วนอนรอดูจนกระทั่งเห็นหล่อนออกไปจากห้องปิดประตูเรียบร้อยแล้ว จึงรีบลุกพรวดพราดขึ้นจากเตียง
            คุณวนาคุณวนา….!”
            เขามองไปรอบ ๆ ไม่กล้าส่งเสียงดังนัก แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา ในห้องมีแต่ความเงียบ แสดงว่าวนาไม่ได้อยู่ในนี้
            ที่หน้าห้องของต้น  แตนเอามือแตะที่กิ๊บซึ่งติดอยู่กับผมของตัวเอง แล้วยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
            ถึงแม้จะเป็นของราคาถูก ๆ แต่หล่อนกลับรู้สึกว่ามันมีค่าสำหรับหล่อนยิ่งนัก เพราะคิดเหมาเอาเองว่าเป็นของที่ชายคนรักซื้อให้กับหล่อน
            ก้าวเดินอย่างร่าเริงไปที่บันไดพลันสายตาเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนจ้องมองหล่อนอยู่ที่ข้างราวบันได
            ผู้หญิงคนนั้นนุ่งกระโปรงยาวสีชมพู ซึ่งคล้ายกับจะเรืองแสงได้อย่างประหลาด แตนรู้สึกว่าใบหน้าหวาน ๆนี้คุ้น ๆตาหล่อนอยู่
            แต่หล่อนกลับทำท่าเหมือนไม่สนใจ เดินเชิดหน้าผ่านไป รู้สึกเหมือนมีลมแรง ๆ ปะทะเข้าที่หน้าของหล่อนวูบหนึ่ง
            พอก้าวลงบันไดไปสองสามชั้นลองชายตาเหลือบมองดูอีกที ผู้หญิงคนนั้นก็หายไปเสียแล้ว
            แตนยืนงงอยู่นิดหนึ่ง นึกสงสัยว่าทำไมวันนี้ถึงได้ตาฝาดอยู่เรื่อย
            จริงสินะ…..ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเหมือนกับคนที่พบอยู่ในห้องกับต้น หรือว่าหล่อนจะเกิดความหึงมากจนเกินไปเลยเห็นอะไรเป็นภาพลวงตาไปหมด
            คิดมากเปลืองสมองเปล่า แตนยักไหล่นิดหนึ่งแล้วจึงก้าวลงบันไดต่อไป
            คุณหายไปไหนมาคุณวนา?”
            ต้นรีบปรี่เข้ามาถาม ทันทีที่เห็นนางไม้สาวปรากฏกายออกมายืนยิ้มหน้าระรื่น
            ผมต้องขอโทษนะคุณแตนถือวิสาสะเอากิ๊บติดผมของคุณไป อย่าโกรธเลยนะคุณวนา แล้วผมจะซื้อมาให้ใหม่!”
            นางไม้สาวแบมือให้ต้นดู
            กิ๊บติดผมรูปผีเสื้อทั้งสองอันอยู่ในมือของหล่อน
                        **********
            “กิ๊บติดผม….กิ๊บติดผมของฉันหายไปไหน?”
            เสียงร้องเอะอะของนายสาว ทำให้แม่แหววสาวใช้วิ่งแจ้นหน้าตาตื่นมายืนมอง
            แตนเพิ่งจะได้รู้ว่ากิ๊บติดผมคู่นั้นหายไป เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว และกำลังเตรียมตัวจะผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าไปอาบน้ำ เมื่อส่องดูในกระจกไม่เห็นเข้าเลยตกใจ โวยวายเสียงลั่นบ้าน
            หล่อนอธิบายรูปร่างลักษณะของกิ๊บติดผมให้แม่แหววรู้ และช่วยกันค้นหาดูจนทั่วห้องนอน แต่ไม่พบเลยแม้แต่เงา
            ค้นดูให้ทั่วนะ ตามทางที่ฉันเข้าบ้านมา ฉันอาจจะทำตกตรงไหนสักแห่ง……รีบไปตามคนมาช่วยกันหาเร็วเข้า!”
            คนใช้ในบ้านมีกี่คนถูกกะเกณฑ์ให้มาช่วยกันค้นหากิ๊บติดผมจนหมดเริ่มตั้งแต่หน้าห้องของหล่อนไปยันโรงรถ แม้แต่ในรถเก๋งคันงามของแตนยังถูกรื้อค้นอย่างละเอียดยี่ถิบ
            ไฟฟ้าในบ้านเปิดสว่างพรึ่บทุกดวงไม่ว่าจะเป็นในคฤหาสน์หลังใหญ่ในโรงรถหรือที่สนามหญ้า
            หล่อนจะจะยอมให้มันหายไปไม่ได้เพราะเพิ่งจะได้มาจากต้นสด ๆ ร้อน ๆนี่เอง ถึงแม้มันจะไม่มีราคาค่างวดอะไรแต่มีความหมายต่อหล่อนมาก มากกว่าของขวัญทุกชิ้นที่ต้นเคยให้หล่อน
            กิ๊บติดผมคู่นี้อาจจะเป็นเครื่องหมายแสดงว่า ต้นยังรักหล่อนอยู่ และยินดีให้อภัยทุกอย่าง ไม่ว่าหล่อนจะเคยทำอะไรรุนแรงกับเขาไว้
            คุณพิทักษ์กลับมาถึงบ้าน เห็นทุกคนกำลังก้ม ๆ เงย ๆหาอะไรกันอยู่ที่สนามหญ้าจึงลงจากรถเดินเข้ามาถามบุตรสาวด้วยความสงสัย
            หาอะไรกันหรือยัยแตน?”
            “กิ๊บค่ะกิ๊บติดผมของแตน
            หล่อนบอกโดยที่สายตายังคงกวาดหาตามพื้นไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง
            ตายจริง ! แย่แล้ว….เอ้า ! เร็วเข้า ทุกคนช่วยกันหาเร็ว!”
            คุณพิทักษ์สั่งให้คนขับลงมาช่วยค้นหาด้วยอีกคนเมื่อไม่พบในสนามหญ้าจึงย้อนเข้าไปตรวจค้นดูในบ้านอีกที
            ในห้องโถง….ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ถูกรื้อค้นอย่างระเอียดทุกซอกทุกมุม เล่นเอาเหนื่อยหอบไปตาม ๆ กัน
            เมื่อไม่มีทางหาเจอแน่แล้ว คุณพิทักษ์จึงหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่เรียกหาน้ำดื่มแก้กระหายแล้วมองหน้าแตนด้วยสายตาเป็นเชิงตำหนิ
            แย่จริงนะลูกแตน….ลูกไม่น่าสะเพร่าทำของมีค่าแบบนั้นหายไปเลย
            ท่านบ่นกับบุตรสาว เพราะคิดว่าเป็นเช่นนั้น ยกแก้วน้ำเย็นที่แม่แหววเอามาให้ขึ้นดื่มอย่างรู้สึกคอแห้งเต็มที่
            ไม่ใช่หรอกค่ะคุณพ่อเป็นกิ๊บติดผมพลาสติกรูปผีเสื้อน่ะค่ะ
            ผู้เป็นพ่อสำลักน้ำพรวดทันทีผุดลุกจากโซฟาแผดเสียงดังลั่น
            ว่าอะไรนะยัยแตนแค่กิ๊บติดผมอันละไม่กี่สตางค์ แกทำให้บ้านต้องวุ่นวายโกลาหลกันขนาดนี้เลยเชียวหรือ?” โวยวายพร้อมกับชี้นิ้วให้บุตรสาวดูผลงานที่ทำเอาไว้
            หญิงสาวเหลียวไปมองรอบตัว เห็นข้าวของภายในบ้านถูกรื้อค้นจนกระจัดกระจาย ได้แต่นั่งหน้าซีดตัวลีบเหลือนิดเดียว
                        ***********
            ถึงจะดึกมากแล้ว แต่วนายังคงนั่งอยู่ที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง มองดูกิ๊บติดผมทั้งสองอัน ซึ่งถูกเหน็บติดอยู่บนเรือนผมดำขลับของหล่อนอย่างพึงพอใจ
            คุณนี่ร้ายกาจไม่เบาเลยนะคุณวนา อุตส่าห์ไปแย่งคืนเอามาจากคุณแตนจนได้ต้นพูดค่อนขอด
            มันเป็นสิทธิอันชอบธรรมของวนานี่ของสิ่งนี้คุณต้นออกปากยกให้กับวนานี่แล้ว มันต้องเป็นของวนาถูกมั้ยคะ?”
            ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ แล้วส่ายหน้าเดียะ
            คุณไม่ได้เป็นเพียงแค่นางไม้หวงเตียงเท่านั้น แต่ยังหวงของทุกอย่างที่เป็นของคุณอีกด้วยนะคุณวนา
            “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะคุณต้นหล่อนหันมาค้อนให้เขา ถ้าเอ่ยปากขอกับวนาดี ๆ วนาก็เต็มใจจะยกให้อยู่แล้ว ในครั้งที่วนาอยู่ในป่า ทำหน้าที่รักษาป่าบริเวณนั้น มีคนมาขออะไรต่ออะไรกับวนาเยอะแยะวนาไม่เคยปฏิเสธเลยสักราย….แม้แต่เลขสามตัวยังเคยให้จนมีคนถูกหวยตั้งหลายรายแล้ว….คุณต้นอยากรวยกับเขาบ้างมั้ยล่ะ?”
            “ไม่ล่ะขอบใจต้นสั่นหน้า ผมไม่ชอบวิธีรวยทางลัดแบบนั้น มันเป็นอบายมุข ทำให้คนที่หลงมัวเมากับมันต้องเสียผู้เสียคนมากมาย แล้วเพราะเอาแต่หมกมุ่นจนไม่เป็นอันทำงานทำการ มีความหวังอยู่แต่กับความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ผมอยากจะสร้างฐานะด้วยความสามารถของตัวผมเองมากกว่า
            วนารู้สึกทึ่งไม่น้อย ในความคิดอ่านของเขา
            ถ้าอย่างนั้น  คุณต้นอยากจะได้อะไรบ้างล่ะขอมาเลยถ้าวนาทำได้จะให้
            แน่ใจรื้อ?” ต้นทำเสียงสูง
            แน่ซิคะ!”
            หล่อนบอกท่าทางขึงขัง แล้วยกมือขึ้นกอดอกพยักหน้าขึ้นครั้งหนึ่ง
            ฉับพลัน ข้าวของทุกอย่างในห้องของต้น เกิดเปลี่ยนแปลงไปอย่างขนานใหญ่  ของทุกชิ้นกลายเป็นทองคำไปหมดนับตั้งแต่โต๊ะเครื่องแป้งที่วนานั่งอยู่ไปจนถึงตู้เสื้อผ้า เตียงนอน โต๊ะ เก้าอี้ หรือของใช้กระจุกกระจิกที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งนั้น
            เห็นหรือยังคะว่าวนาทำได้ทุกอย่างจริง ๆ?”
            ประกายสีทองสะท้อนวูบวาบไปทั่วทั้งห้อง ต้นเหลียวมองไปรอบอย่างตื่นตะลึง เขาลองหยิบหวีขึ้นมาพิจาณาดูใกล้ ๆ มันกลายเป็นทองคำแท้ไปจริง ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ
            ทำให้ทุกอย่างกลับเป็นอย่างเดิมเถอะครับคุณวนา….ผมเชื่อคุณแล้วเขาบอกพร้อมกับวางหวีในมือกลับคืนไปบนโต๊ะเครื่องแป้งตามเดิม
            ทำไมล่ะคะคุณต้นไม่ชอบแบบนี้หรือคะ?
            “เปล่าหรอกคุณวนา แต่ลองคิดดูให้ดีนะครับ ถ้าเผื่อใครมาเห็นของในห้องนี้เข้า จะต้องแตกตื่นกันไปขนาดไหน?”
            วนานั่งนึกแล้วจริงตามที่ต้นว่า หล่อนกอดอกพยักหน้าขึ้นอีกครั้ง ของทุกอย่างกลับคืนเป็นปกติเหมือนเดิม
            เออแบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อยต้นยิ้มออกมาอย่างรู้สึกพึงพอใจ
            เงินทองคุณต้นไม่อยากได้ แล้วอยากได้อะไรล่ะ…?”
            “สิ่งที่ผมอยากจะขอ ไม่ใช่เพื่อตัวผมเอง แต่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม ผมอยากขอให้คุณวนาช่วยทำให้คนเลิกเห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน มีความรักเอื้ออาทรต่อกัน เลิกกอบโกยหวังผลประโยชน์ใส่ตนแต่ฝ่ายเดียว เพียงแค่นี้ทุกคนก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสงบสุขคุณวนาช่วยทำให้ผมได้ไหมล่ะ?”
            “มากไปคุณต้น….เรื่องแบบนี้มันเหนือความสามารถของวนา แม้แต่องค์พระพรหมเทพผู้เป็นใหญ่ที่สุดแห่งสรวงสวรรค์ ท่านยังมิสามารถบันดาลให้จิตใจคนเปลี่ยนเป็นแบบที่คุณต้องการไปเลย….”
            “หมายความว่าโลกมนุษย์จะต้องวุ่นวายแบบนี้อีกต่อไป ไม่มีทางแก้ไชได้อย่างนั้นหรือ?”
            “ถูกแล้วค่ะ…” หล่อนพยักหน้ารับ วางมาดขึงขังจริงจัง แต่ทุกอย่างมันเป็นไปตามกฎแห่งกรรม บุคคลใด สร้างกรรมเอาไว้อย่างไร มิช้านานจะต้องได้รับผลกรรมนั้นตอบสนองเอง ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว ขอให้เชื่อเถอะค่ะ…”
            ชายหนุ่มเปิดรอยยิ้มนิด ๆ เมื่อได้ฟังคำเทศนาของนางไม้สาว
            แล้วอย่างคนที่ขโมยตัดต้นไม้ของคุณล่ะ?”
            “พวกนี้เป็นคนประเภทนักลักลอบตัดต้นไม้ทำลายป่าทำลายสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ สร้างความพินาศ เดือดร้อนอย่างใหญ่หลวง ให้เกิดขึ้นกับคนหมู่มาก นับว่าเป็นพวกที่มีบาปหนัก มักจะต้องพบกับความตายอย่างพิกลพิการ ไม่สมประกอบ และเมื่อตายไปแล้ว วิญญาณของเขายังต้องได้รับโทษทัณฑ์ในขุมนรกโลกันต์ มีกงจักรคอยเลื่อยฟันตามร่างกายขาดเป็นท่อน ๆ ให้ได้รับความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส จนกว่าจะสิ้นเวรสิ้นกรรม
            แม้จะไม่ค่อยเชื่อสนิท ในคำพูดของนางไม้สาวเท่าไรนัก แต่ต้นก็อยากให้พวกนักลักลอบตัดต้นไม้ทำลายป่ามาได้ยินคำพูดเช่นนี้จากปากของหล่อนเอง
            บางทีอาจจะทำให้พวกนั้นเกิดความเกรงกลัวต่อบาป แล้วเลิกคิดตัดไม้ทำลายป่าอีกต่อไปก็ได้
            ป่าไม้ซึ่งมีเหลืออยู่เพียงน้อยนิดเต็มที่แล้วในเวลานี้ จะได้ไม่หมดสิ้นไปจากผืนแผ่นดินไทย
            เมื่อไหร่คุณจะเลิกส่องกระจกเสียทีล่ะ…..คุณวนา?”
            ชายหนุ่มถาม เมื่อเห็นหล่อนยังไม่ยอมลุกจากหน้ากระจก
            ทำไมหรือคะคุณต้น?”
            “ก็ตรงนี้มันเป็นที่นอนของผมถ้าคุณยังไม่ยอมลุกขึ้น แล้วผมจะนอนได้ยังไงกันล่ะ?”






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น