โดย...เจิด
จินตนา
13.
. .
สีหน้าที่ปั้นให้แย้มยิ้มชื่นบาน
แปรเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดอย่างฉับพลัน
เมื่อแตนเห็นต้นกำลังติดกิ๊บติดผมให้กับวนาอยู่
หญิงสาวยืนตะลึงตัวชาวูบขึ้นมา
เพราะเหตุนี้นี่เอง ชายหนุ่มถึงไม่ยอมไปงอนง้อหล่อน
เขามีผู้หญิงคนใหม่เคลียคลออยู่เคียงข้างให้เห็นตำตา
หล่อนขบริมฝีปากตัวเองแทบห้อเลือด
รู้สึกเดือดพล่านขึ้นมาในทันที
ต้นรู้สึกตกใจไม่น้อยเหมือนกัน
ไม่นึกไม่ฝันว่าแตนจะโผล่พรวดพราดเข้ามาในตอนนี้ ชายหนุ่มยืนอ้าปากค้างทำอะไรไม่ถูก
ลมเพชรหึงพุ่งขึ้นถึงขีดสุด
แตนเงื้อง่าฝ่ามือถลันเข้าหาวนา
หมายตบหน้าผู้หญิงหน้าด้านที่มาแย่งแฟนของตนสักฉาดให้สมแค้น
“อย่านะ ! คุณแตน….”
ต้นร้องห้ามเสียงหลง รีบก้าวออกมายืนขวางเอาไว้
แต่แตนไม่ยอมฟังเสียง หล่อนผลักร่างชายคนรักให้หลีกทางไปด้วยอารมณ์อันฉุนเฉียว
“ถอยไปนะพี่ต้น!”
ไม่รู้ว่าแตนเอาเรี่ยวเอาแรงมาจากไหน
ต้นถึงกับเซถลาไป แต่แล้วหล่อนก็ต้องชะงักเงื้อมือค้าง
เพราะผู้หญิงที่ต้นยืนบังอยู่เกิดหายวับไปกับตา
“มันหายไปไหน…อีผู้หญิงหน้าด้านมันหายไปไหน?”
หล่อนแผดเสียงดังตะคอกถาม
ชายหนุ่มเหลียวไปมองดูรอบห้อง รู้สึกใจชื้นขึ้นมาเป็นกอง
ที่วนาชิงหายตัวไปเสียก่อน รีบตีหน้าเซ่อสวมรอยทันที
“ไหน….ใครกันครับคุณแตน
ผมไม่เห็นมีใครเลย !”
“ก็….นังผู้หญิงคนเมื่อกี้”
หญิงสาวรู้สึกงุนงงจนพูดอะไรไม่ถูก
รีบผลุนผลันตรวจค้นดูตามซอกมุมต่าง ๆ ที่คิดว่าจะมีคนไปแอบซ่อนอยู่ แต่แล้วกลับไม่พบอะไรเลย
มันเป็นไปได้ยังไง
เมื่อสักครู่นี้เองที่หล่อนเห็นผู้หญิงผมยาว ใส่ชุดสีชมพูยืนพูยืนอยู่กับต้น
ไม่น่าเชื่อว่าหล่อนจะหายไปไหนได้รวดเร็วถึงเพียงนี้
“บอกมาดี ๆ
นะพี่ต้น เอานังผู้หญิงคนนั้นไปซ่อนไว้ที่ไหน?”
หล่อนเดินตาขวางกลับมาถามต้น
“ผู้หญิงที่ไหนกัน
คุณแตนพูดเพ้อเจ้อเหลวไหลไปได้….” เขาทำปากแข็งไม่ยอมบอกความจริงกับหล่อน
ยืนกระต่ายขาเดียวไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น
“อย่ามาทำเป็นแกล้งไก๋ดีกว่าพี่ต้น
แตนเห็นชัด ๆ ว่าอีนังนั่นมันยืนอยู่กับพี่ต้น”
“คุณแตนหาดูจนทั่วห้องแล้วนี่
เจอใครหรือเปล่าล่ะ?”
โดนย้อนเข้าแบบนี้
หญิงสาวได้แต่ยืนทำท่าทางฮึดฮัด ที่ไม่สามารถจับให้มั่นคั้นให้ตายคามือ
แล้วต้นต้องสะดุ้งสุดตัว
วนากำลังเดินเข้ามาหาทางด้านหลังของแตน แม้จะมองไม่เห็นตัว แต่กิ๊บที่เขาติดให้มันไม่ยอมล่องหนตามไปด้วย
จึงยังเห็นลอยอยู่ในอากาศ
ชายหนุ่มทำท่ายกมือทั้งสองข้างขึ้นจับที่ปลายผมของตัวเองเหนือกกหู
เป็นสัญญาณบอกใบ้ให้กับนางไม้สาว
“ยังจะมีหน้ามาทำทะเล้นอีก
มันไม่ขำเลยนะพี่ต้นจะบอกให้”
แตนซึ่งยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรแว้ดใส่ชายหนุ่ม
ดูเหมือนว่าวนาก็ไม่เข้าใจความหมายของต้นเช่นกัน กิ๊บติดผมรูปผีเสื้อทั้งคู่จึงยังลอยอยู่ที่เดิม
ชายหนุ่มต้องรีบลงมือทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่แตนจะหันไปเห็นเข้า
“ไม่เอาน่าคุณแตน…..เราอย่ามาทะเลาะกันเพราะเรื่องเหลวไหลไร้สาระแบบนี้เลย….” เขาโอบไหล่หล่อนแล้วยื่นมือข้างหนึ่งไปดึงกิ๊บที่เห็นลอยอยู่ในอากาศทั้งสองอันมากำเอาไว้ “คุณน่ะคิดมากจนเกิดอุปทานหลอกตาคุณเอง ห้องเล็กนิดเดียวแค่นี้
ผมจะเอาผู้หญิงทั้งคนไปซุกซ่อนเอาไว้ตรงจุดไหนได้….ไม่ใช่ตุ๊กตาตัวเล็ก
ๆนี่”
“แต่แตนว่าแตนเห็นจริง
ๆ นา” หล่อนชักไม่แน่ใจ น้ำเสียงเริ่มอ่อนลง
“คุณรู้อยู่แก่ใจว่า
ผมรักคุณคนเดียวเท่านั้นตลอดเวลาหลายปีที่รู้จักกันมา
คุณเคยเห็นผมทำตัวสนิทสนมกับผู้หญิงคนไหนบ้างล่ะ…ผมเสียใจจริง
ๆ ที่คุณไม่ยอมไว้เนื้อเชื่อใจผม และชอบมองผมในแง่ร้ายเสมอ”
“พี่ต้น..แตนขอโทษ….” หญิงสาวโผเข้ากอดซุกหน้าลงบนแผ่นอกของเขา
“แตนเสียใจที่แสดงกิริยาไม่ดีกับพี่ต้น…อย่าโกรธแตนเลยนะคะ
แตนทำลงไปเพราะรักพี่ต้น หวงพี่ต้นมากนั่นเอง…”
“ไม่ว่าคุณแตนจะทำอะไร
ผมไม่เคยนึกโกรธเคืองเลย เพียงแต่รู้สึกน้อยใจเท่านั้นเองแหละ…”
“โถ ! พี่ต้น…….แตนขอสัญญาว่าต่อไปนี้ แตนจะไม่ทำอะไรให้พี่ต้นต้องน้อยใจอีกแล้วค่ะ….”
หล่อนเลื่อนมือมากุมที่มือของต้น แล้วรู้สึกเหมือนสะดุดอะไรเข้าบางอย่าง
“เอ๊ะ ! พี่ต้นกำอะไรไว้ในมือน่ะ?”
ชายหนุ่มรู้สึกใจหายวาบ
จะไม่ให้หล่อนดูก็ไม่ได้ จำใจต้องแบมืออกมา
พอเห็นว่าเป็นกิ๊ปติดผมรูปผีเสื้อน่ารัก
แตนทำตาลุกวาว
“โอ้โฮ….น่ารักจังเลย
พี่ต้นซื้อมาให้แตนหรือคะ?”
ทึกทักโมเมเอาเองเสร็จ ไม่พูดแต่ปาก
หล่อนถือวิสาสะหยิบฉวยไปจากมือต้น
เดินไปที่หน้ากระจกเอากิ๊บทั้งสองอันเหน็บไว้ที่ผมของตนเอง เอียงหน้าส่องกระจกอย่างพึงพอใจ
แล้วจึงหมุนตัวหันมาทางชายหนุ่ม
“สวยมั้ยคะพี่ต้น?”
เขายืนงงจนเซ่อเป็นใบ้กิน
ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยิ้มแล้วพยักหน้าหงึกลูกเดียว
ทันใดนั้น แตนรู้สึกเหมือนมีลมแรงปะทะวูบเฉียดผ่านหน้าหล่อนไป
พร้อมกับกลิ่นหอมละมุนละไมที่โชยมากระทบจมูก
กลิ่นนี้รู้สึกคุ้น ๆ
จำไม่ผิดว่าหล่อนเคยสัมผัสกับมันมาก่อน ในห้องของต้นนี่เอง
ขมวดคิ้วนิ่วหน้าอย่างสงสัย
เสียงประตูห้องที่หล่อนเป็นคนเปิดทิ้งเอาไว้ปิดเข้ามาดังปังใหญ่
ทำให้แตนสะดุ้งหันไปมอง
“ไม่มีอะไรหรอกครับ
ลมพัดน่ะคุณแตน ที่นี่ลมแรง !” ต้นรีบพูดแก้ตัวกลบเกลื่อน
ความจริงเขารู้อยู่เต็มอกว่า
เสียงประตูที่ปิดกระแทกอย่างแรงแบบนี้เป็นฝีมือของวนา
ซึ่งคงมีความไม่พอใจแตนเลยทำประชด
“ออกไปหาอะไรกินกันข้างนอกเถอะค่ะ….แตนหิวแล้ว!”
หญิงสาวดึงแขนชายคนรัก จะให้เขาเดินตามไปกับหล่อน แต่เขากลับยืนนิ่งท่าทางเหมือนไม่เต็มใจไปด้วย
“ผมเห็นจะต้องขอตัวครับคุณแตน
รู้สึกปวดหัวยังไงไม่รู้ มันบอกไม่ถูก อยากจะขอนอนพักผ่อนมากกว่า”
“เหรอคะพี่ต้น?” หล่อนยกมืออังที่หน้าผากของเขา “ตัวไม่เห็นร้อนซักกะหน่อย”
“จริง ๆ ครับคุณแตน…..ผมรู้สึกเพลีย ๆ ยังไงชอบกล”
ความจริงแล้วเขากำลังเป็นห่วงว่าวนาจะโกรธเคืองแตน
แล้วทำเรื่องยุ่งยากขึ้นมาอีก เลยแกล้งไม่สบายเพื่อให้หญิงสาวรีบกลับไปเสีย
จะได้หาทางพูดกับนางไม้สาว
“ถ้างั้นพี่ต้นนอนพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ…”
ประคองเขาไปที่เตียง ต้นทำเป็นเอนตัวลงนอนตาปรอยให้น่าสงสาร หญิงสาวก้มหน้าลงมาจุมพิตที่แก้มของเขา “หลับให้สบาย
ไว้พรุ่งนี้แตนจะมาหาใหม่นะคะ”
หล่อนเดินไปที่ประตูหันกลับมายิ้มให้เขา
“แตนกลับก่อนนะคะ….บ๊ายบาย”
โบกมือพร้อมกับส่งจูบ
ชายหนุ่มโบกมือบ๊ายบายตอบ
แล้วนอนรอดูจนกระทั่งเห็นหล่อนออกไปจากห้องปิดประตูเรียบร้อยแล้ว จึงรีบลุกพรวดพราดขึ้นจากเตียง
“คุณวนา…คุณวนา….!”
เขามองไปรอบ ๆ
ไม่กล้าส่งเสียงดังนัก แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา ในห้องมีแต่ความเงียบ
แสดงว่าวนาไม่ได้อยู่ในนี้
ที่หน้าห้องของต้น แตนเอามือแตะที่กิ๊บซึ่งติดอยู่กับผมของตัวเอง
แล้วยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
ถึงแม้จะเป็นของราคาถูก ๆ
แต่หล่อนกลับรู้สึกว่ามันมีค่าสำหรับหล่อนยิ่งนัก
เพราะคิดเหมาเอาเองว่าเป็นของที่ชายคนรักซื้อให้กับหล่อน
ก้าวเดินอย่างร่าเริงไปที่บันไดพลันสายตาเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนจ้องมองหล่อนอยู่ที่ข้างราวบันได
ผู้หญิงคนนั้นนุ่งกระโปรงยาวสีชมพู ซึ่งคล้ายกับจะเรืองแสงได้อย่างประหลาด
แตนรู้สึกว่าใบหน้าหวาน ๆนี้คุ้น ๆตาหล่อนอยู่
แต่หล่อนกลับทำท่าเหมือนไม่สนใจ
เดินเชิดหน้าผ่านไป รู้สึกเหมือนมีลมแรง ๆ ปะทะเข้าที่หน้าของหล่อนวูบหนึ่ง
พอก้าวลงบันไดไปสองสามชั้นลองชายตาเหลือบมองดูอีกที
ผู้หญิงคนนั้นก็หายไปเสียแล้ว
แตนยืนงงอยู่นิดหนึ่ง
นึกสงสัยว่าทำไมวันนี้ถึงได้ตาฝาดอยู่เรื่อย
จริงสินะ…..ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเหมือนกับคนที่พบอยู่ในห้องกับต้น
หรือว่าหล่อนจะเกิดความหึงมากจนเกินไปเลยเห็นอะไรเป็นภาพลวงตาไปหมด
คิดมากเปลืองสมองเปล่า แตนยักไหล่นิดหนึ่งแล้วจึงก้าวลงบันไดต่อไป
“คุณหายไปไหนมา…คุณวนา?”
ต้นรีบปรี่เข้ามาถาม
ทันทีที่เห็นนางไม้สาวปรากฏกายออกมายืนยิ้มหน้าระรื่น
“ผมต้องขอโทษนะคุณแตนถือวิสาสะเอากิ๊บติดผมของคุณไป
อย่าโกรธเลยนะคุณวนา แล้วผมจะซื้อมาให้ใหม่!”
นางไม้สาวแบมือให้ต้นดู
กิ๊บติดผมรูปผีเสื้อทั้งสองอันอยู่ในมือของหล่อน
**********
“กิ๊บติดผม….กิ๊บติดผมของฉันหายไปไหน?”
เสียงร้องเอะอะของนายสาว
ทำให้แม่แหววสาวใช้วิ่งแจ้นหน้าตาตื่นมายืนมอง
แตนเพิ่งจะได้รู้ว่ากิ๊บติดผมคู่นั้นหายไป
เมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว และกำลังเตรียมตัวจะผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าไปอาบน้ำ
เมื่อส่องดูในกระจกไม่เห็นเข้าเลยตกใจ โวยวายเสียงลั่นบ้าน
หล่อนอธิบายรูปร่างลักษณะของกิ๊บติดผมให้แม่แหววรู้
และช่วยกันค้นหาดูจนทั่วห้องนอน แต่ไม่พบเลยแม้แต่เงา
“ค้นดูให้ทั่วนะ
ตามทางที่ฉันเข้าบ้านมา ฉันอาจจะทำตกตรงไหนสักแห่ง……รีบไปตามคนมาช่วยกันหาเร็วเข้า!”
คนใช้ในบ้านมีกี่คนถูกกะเกณฑ์ให้มาช่วยกันค้นหากิ๊บติดผมจนหมดเริ่มตั้งแต่หน้าห้องของหล่อนไปยันโรงรถ
แม้แต่ในรถเก๋งคันงามของแตนยังถูกรื้อค้นอย่างละเอียดยี่ถิบ
ไฟฟ้าในบ้านเปิดสว่างพรึ่บทุกดวงไม่ว่าจะเป็นในคฤหาสน์หลังใหญ่ในโรงรถหรือที่สนามหญ้า
หล่อนจะจะยอมให้มันหายไปไม่ได้เพราะเพิ่งจะได้มาจากต้นสด
ๆ ร้อน ๆนี่เอง ถึงแม้มันจะไม่มีราคาค่างวดอะไรแต่มีความหมายต่อหล่อนมาก
มากกว่าของขวัญทุกชิ้นที่ต้นเคยให้หล่อน
กิ๊บติดผมคู่นี้อาจจะเป็นเครื่องหมายแสดงว่า
ต้นยังรักหล่อนอยู่ และยินดีให้อภัยทุกอย่าง ไม่ว่าหล่อนจะเคยทำอะไรรุนแรงกับเขาไว้
คุณพิทักษ์กลับมาถึงบ้าน
เห็นทุกคนกำลังก้ม ๆ เงย
ๆหาอะไรกันอยู่ที่สนามหญ้าจึงลงจากรถเดินเข้ามาถามบุตรสาวด้วยความสงสัย
“หาอะไรกันหรือยัยแตน?”
“กิ๊บค่ะ…กิ๊บติดผมของแตน”
หล่อนบอก…โดยที่สายตายังคงกวาดหาตามพื้นไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง
“ตายจริง ! แย่แล้ว….เอ้า ! เร็วเข้า
ทุกคนช่วยกันหาเร็ว!”
คุณพิทักษ์สั่งให้คนขับลงมาช่วยค้นหาด้วยอีกคนเมื่อไม่พบในสนามหญ้าจึงย้อนเข้าไปตรวจค้นดูในบ้านอีกที
ในห้องโถง….ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ถูกรื้อค้นอย่างระเอียดทุกซอกทุกมุม
เล่นเอาเหนื่อยหอบไปตาม ๆ กัน
เมื่อไม่มีทางหาเจอแน่แล้ว
คุณพิทักษ์จึงหย่อนกายลงนั่งบนโซฟาตัวใหญ่เรียกหาน้ำดื่มแก้กระหายแล้วมองหน้าแตนด้วยสายตาเป็นเชิงตำหนิ
“แย่จริงนะลูกแตน….ลูกไม่น่าสะเพร่าทำของมีค่าแบบนั้นหายไปเลย”
ท่านบ่นกับบุตรสาว เพราะคิดว่าเป็นเช่นนั้น
ยกแก้วน้ำเย็นที่แม่แหววเอามาให้ขึ้นดื่มอย่างรู้สึกคอแห้งเต็มที่
“ไม่ใช่หรอกค่ะคุณพ่อ…เป็นกิ๊บติดผมพลาสติกรูปผีเสื้อน่ะค่ะ”
ผู้เป็นพ่อสำลักน้ำพรวดทันทีผุดลุกจากโซฟาแผดเสียงดังลั่น
“ว่าอะไรนะ…ยัยแตน…แค่กิ๊บติดผมอันละไม่กี่สตางค์ แกทำให้บ้านต้องวุ่นวายโกลาหลกันขนาดนี้เลยเชียวหรือ?”
โวยวายพร้อมกับชี้นิ้วให้บุตรสาวดูผลงานที่ทำเอาไว้
หญิงสาวเหลียวไปมองรอบตัว
เห็นข้าวของภายในบ้านถูกรื้อค้นจนกระจัดกระจาย
ได้แต่นั่งหน้าซีดตัวลีบเหลือนิดเดียว
***********
ถึงจะดึกมากแล้ว
แต่วนายังคงนั่งอยู่ที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง มองดูกิ๊บติดผมทั้งสองอัน
ซึ่งถูกเหน็บติดอยู่บนเรือนผมดำขลับของหล่อนอย่างพึงพอใจ
“คุณนี่ร้ายกาจไม่เบาเลยนะคุณวนา
อุตส่าห์ไปแย่งคืนเอามาจากคุณแตนจนได้” ต้นพูดค่อนขอด
“มันเป็นสิทธิอันชอบธรรมของวนานี่…ของสิ่งนี้คุณต้นออกปากยกให้กับวนานี่แล้ว มันต้องเป็นของวนา…ถูกมั้ยคะ?”
ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ
แล้วส่ายหน้าเดียะ
“คุณไม่ได้เป็นเพียงแค่นางไม้หวงเตียงเท่านั้น
แต่ยังหวงของทุกอย่างที่เป็นของคุณอีกด้วยนะคุณวนา”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะคุณต้น”
หล่อนหันมาค้อนให้เขา “ถ้าเอ่ยปากขอกับวนาดี ๆ
วนาก็เต็มใจจะยกให้อยู่แล้ว ในครั้งที่วนาอยู่ในป่า ทำหน้าที่รักษาป่าบริเวณนั้น
มีคนมาขออะไรต่ออะไรกับวนาเยอะแยะวนาไม่เคยปฏิเสธเลยสักราย….แม้แต่เลขสามตัวยังเคยให้จนมีคนถูกหวยตั้งหลายรายแล้ว….คุณต้นอยากรวยกับเขาบ้างมั้ยล่ะ?”
“ไม่ล่ะ…ขอบใจ” ต้นสั่นหน้า ผมไม่ชอบวิธีรวยทางลัดแบบนั้น
มันเป็นอบายมุข ทำให้คนที่หลงมัวเมากับมันต้องเสียผู้เสียคนมากมาย
แล้วเพราะเอาแต่หมกมุ่นจนไม่เป็นอันทำงานทำการ มีความหวังอยู่แต่กับความฝันลม ๆ
แล้ง ๆ ผมอยากจะสร้างฐานะด้วยความสามารถของตัวผมเองมากกว่า”
วนารู้สึกทึ่งไม่น้อย
ในความคิดอ่านของเขา
“ถ้าอย่างนั้น คุณต้นอยากจะได้อะไรบ้างล่ะ…ขอมาเลย…ถ้าวนาทำได้จะให้”
“แน่ใจรื้อ?”
ต้นทำเสียงสูง
“แน่ซิคะ!”
หล่อนบอกท่าทางขึงขัง
แล้วยกมือขึ้นกอดอกพยักหน้าขึ้นครั้งหนึ่ง
ฉับพลัน ข้าวของทุกอย่างในห้องของต้น เกิดเปลี่ยนแปลงไปอย่างขนานใหญ่ ของทุกชิ้นกลายเป็นทองคำไปหมดนับตั้งแต่โต๊ะเครื่องแป้งที่วนานั่งอยู่ไปจนถึงตู้เสื้อผ้า
เตียงนอน โต๊ะ เก้าอี้ หรือของใช้กระจุกกระจิกที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งนั้น
“เห็นหรือยังคะว่าวนาทำได้ทุกอย่างจริง
ๆ?”
ประกายสีทองสะท้อนวูบวาบไปทั่วทั้งห้อง
ต้นเหลียวมองไปรอบอย่างตื่นตะลึง เขาลองหยิบหวีขึ้นมาพิจาณาดูใกล้ ๆ
มันกลายเป็นทองคำแท้ไปจริง ๆ อย่างไม่น่าเชื่อ
“ทำให้ทุกอย่างกลับเป็นอย่างเดิมเถอะครับคุณวนา….ผมเชื่อคุณแล้ว” เขาบอกพร้อมกับวางหวีในมือกลับคืนไปบนโต๊ะเครื่องแป้งตามเดิม
“ทำไมล่ะคะ…คุณต้นไม่ชอบแบบนี้หรือคะ?
“เปล่าหรอกคุณวนา
แต่ลองคิดดูให้ดีนะครับ ถ้าเผื่อใครมาเห็นของในห้องนี้เข้า
จะต้องแตกตื่นกันไปขนาดไหน?”
วนานั่งนึกแล้วจริงตามที่ต้นว่า
หล่อนกอดอกพยักหน้าขึ้นอีกครั้ง ของทุกอย่างกลับคืนเป็นปกติเหมือนเดิม
“เออ…แบบนี้ค่อยยังชั่วหน่อย” ต้นยิ้มออกมาอย่างรู้สึกพึงพอใจ
“เงินทองคุณต้นไม่อยากได้
แล้วอยากได้อะไรล่ะ…?”
“สิ่งที่ผมอยากจะขอ
ไม่ใช่เพื่อตัวผมเอง แต่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม
ผมอยากขอให้คุณวนาช่วยทำให้คนเลิกเห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบซึ่งกันและกัน
มีความรักเอื้ออาทรต่อกัน เลิกกอบโกยหวังผลประโยชน์ใส่ตนแต่ฝ่ายเดียว
เพียงแค่นี้ทุกคนก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสงบสุขคุณวนาช่วยทำให้ผมได้ไหมล่ะ?”
“มากไปคุณต้น….เรื่องแบบนี้มันเหนือความสามารถของวนา
แม้แต่องค์พระพรหมเทพผู้เป็นใหญ่ที่สุดแห่งสรวงสวรรค์
ท่านยังมิสามารถบันดาลให้จิตใจคนเปลี่ยนเป็นแบบที่คุณต้องการไปเลย….”
“หมายความว่าโลกมนุษย์จะต้องวุ่นวายแบบนี้อีกต่อไป
ไม่มีทางแก้ไชได้อย่างนั้นหรือ?”
“ถูกแล้วค่ะ…” หล่อนพยักหน้ารับ วางมาดขึงขังจริงจัง “แต่ทุกอย่างมันเป็นไปตามกฎแห่งกรรม
บุคคลใด สร้างกรรมเอาไว้อย่างไร มิช้านานจะต้องได้รับผลกรรมนั้นตอบสนองเอง ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่ว
ขอให้เชื่อเถอะค่ะ…”
ชายหนุ่มเปิดรอยยิ้มนิด
ๆ เมื่อได้ฟังคำเทศนาของนางไม้สาว
“แล้วอย่างคนที่ขโมยตัดต้นไม้ของคุณล่ะ?”
“พวกนี้เป็นคนประเภทนักลักลอบตัดต้นไม้ทำลายป่าทำลายสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ
สร้างความพินาศ เดือดร้อนอย่างใหญ่หลวง ให้เกิดขึ้นกับคนหมู่มาก
นับว่าเป็นพวกที่มีบาปหนัก มักจะต้องพบกับความตายอย่างพิกลพิการ ไม่สมประกอบ
และเมื่อตายไปแล้ว วิญญาณของเขายังต้องได้รับโทษทัณฑ์ในขุมนรกโลกันต์
มีกงจักรคอยเลื่อยฟันตามร่างกายขาดเป็นท่อน ๆ ให้ได้รับความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส
จนกว่าจะสิ้นเวรสิ้นกรรม”
แม้จะไม่ค่อยเชื่อสนิท
ในคำพูดของนางไม้สาวเท่าไรนัก
แต่ต้นก็อยากให้พวกนักลักลอบตัดต้นไม้ทำลายป่ามาได้ยินคำพูดเช่นนี้จากปากของหล่อนเอง
บางที…อาจจะทำให้พวกนั้นเกิดความเกรงกลัวต่อบาป
แล้วเลิกคิดตัดไม้ทำลายป่าอีกต่อไปก็ได้
ป่าไม้ซึ่งมีเหลืออยู่เพียงน้อยนิดเต็มที่แล้วในเวลานี้
จะได้ไม่หมดสิ้นไปจากผืนแผ่นดินไทย
“เมื่อไหร่คุณจะเลิกส่องกระจกเสียทีล่ะ…..คุณวนา?”
ชายหนุ่มถาม
เมื่อเห็นหล่อนยังไม่ยอมลุกจากหน้ากระจก
“ทำไมหรือคะคุณต้น?”
“ก็ตรงนี้มันเป็นที่นอนของผมถ้าคุณยังไม่ยอมลุกขึ้น
แล้วผมจะนอนได้ยังไงกันล่ะ?”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น