โดย...เจิด
จินตนา
๑๕
. . .
ฮอนด้าซีวิคสีแดงเลี้ยวเข้าประตูอพาร์ตเม้นท์มา
เมื่อดวงอาทิตย์กำลังใกล้จะอำลาขอบฟ้า
และเข้าไปจอดนิ่งในลานจอดรถที่ใต้ถุนสองสาวซึ่งมีรูปร่างแตกต่างกันอย่างลิบลับ
คนหนึ่งหุ่นเพรียวระหงดุจนางแบบ ส่วนอีกคนตัวป้อม ๆ เหมือนตุ่มต่อขา
พากันก้าวลงมาจากรถเก๋งคันงาม
แตนอยากจะรู้ว่าหล่อนทำกิ๊บติดผมลืมตกเอาไว้ในห้องต้นหรือเปล่า
เลยชวนยัยตุ่มมาเป็นเพื่อน เพื่อจะได้ช่วยกันหา ตุ่มกำลังคิดถึงปื๊ดเด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์
เพื่อนใหม่ของหล่อนอยู่เหมือนกัน จึงไม่กล้าปฏิเสธคำชวนของแตน
ต้นยังไม่กลับมา
หลังจากที่ชวนกันเดินไปเคาะประตูเรียกดูแล้วไม่มีเสียงตอบ
สองสาวจึงกลับลงมานั่งรอที่โต๊ะม้าหินขัดข้างสนามหญ้า
เกือบหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ดวงอาทิตย์หายลับขอบฟ้าไปนานแล้ว
ยังไม่เห็นมีวี่แววของชายหนุ่มที่ตั้งตามารอคอย
แตนกับตุ่มเริ่มมีอาการกระสับกระส่าย
“ทำไมป่านนี้แล้ว
พี่ต้นยังไม่เห็นกลับมาเสียที?” แตนหน้าง้ำ
บ่นพึมพำเหมือนหมีกินผึ้ง “ไม่รู้มัวไปเถลไถลอยู่เสียที่ไหน
แย่จังเลยพี่ต้นนะพี่ต้น”
“นั่นน่ะซิ…” ตุ่มตั้งข้อศอกบนโต๊ะม้าหิน เอามือเท้าคางทำตาลอย “หรืออาจจะไปธุระต่อที่ไหน
คุณปื๊ดไม่อยู่ด้วยซิ…เลยไม่รู้จะไปถามใครดี”
ในออฟฟิศ
โฉมศรีสังเกตเห็นทั้งสองสาวคอยชะเง้อมองไปที่ประตูรั้วอยู่บ่อย ๆ
อดไม่ได้ต้องลุกเดินออกมาถามดู
“มารอพบใครหรือคะ?”
“รอคุณต้น…คนที่อยู่ห้องสามหนึ่งหกแน่ะค่ะ” แตนเงยหน้าขึ้นตอบ
“ห้องสามหนึ่งหก!!”
สาวใหญ่อุทานเสียงดังลั่น
สีหน้าและท่าทางแสดงความประหวั่นพรั่นพรึ่ง
แตนขมวดคิ้วเมื่อเห็นอาการเช่นนั้นของหล่อน
“ทำไมหรือคะ…ห้องสามหนึ่งหกมีอะไรหรือคะคุณน้า?”
“ปะ…เปล่า…ไม่มีอะไรหรอก” หล่อนรีบออกตัวปฏิเสธด้วยกลัวว่าจะถูกเด็กหัวเราะเยาะเอา
ทำให้แตนข้องใจเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
“ท่าทางคุณน้าเหมือนกลัวอะไรอย่างงั้นแหละ…บอกมาเถอะค่ะ หนู เอ้อ…หนูกับพี่ต้นเป็นแฟนกันน่ะค่ะ
โฉมศรียืนลังเลใจอยู่นิดหนึ่ง
แล้วหย่อนก้นลงนั่งแหมะลงที่ม้าหิน ทำตาล่อกแล่ก ยื่นหน้าเข้าไปใกล้แตน
จีบปากจีบคอพูดเสียงค่อย ๆจนเกือบจะเป็นกระซิบ
“หนูอาจจะไม่เชื่อ
เมื่อเช้านี้ฉันเห็นมีผู้หญิงผมยาว ๆนั่งอยู่ในห้องนั้น
ข้าวของก็ลอยไปลอยมาเต็มไปหมด แต่พอพาคนกลับไปดูอีกทีนะ ไม่เห็นมีอะไรเลย สงสัยว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นผี
ไม่ใช่คนแน่…อุ้ย, น่ากลัวจริง ๆ ค่ะ…”
เล่าแล้วทำท่าขนลุกขนชัน
แตนชักนึกเอะใจเหมือนหล่อนเคยเจอผู้หญิงผมยาวในห้องของต้นเข้าเหมือนกัน
“ผู้หญิงคนนั้น…หน้าตาเป็นยังไงคะคุณน้า?”
“สวย….สวยมากเลย ตาโตหวาน ๆใส่กระโปรงยาวดูเหมือนจะคล้ายชุดราตรี สีชมพูสว่าง ๆ
อะไรอย่างงั้นแหละ”
ใช่คนเดียวกันแน่…คนที่แตนเห็นมีลักษณะและการแต่งกายแบบเดียวกันนี้
หล่อนคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะต้องมีอะไรกับต้นอย่างแน่นอน
อารมณ์หึงหวงงพุ่งพล่านขึ้นมาในทันที
ต้นยังไม่กลับมา ดีแล้ว หล่อนจะขึ้นไปดูให้เห็นกับตา จับให้ได้คาหนังคาเขา
“คุณน้ามีกุญแจสำรองใช่มั้ยคะ
หนูอยากจะขึ้นไปดูสักหน่อยค่ะ”
“เฮ้ย, มันจะดีหรือวะยัยแตน?”
ตุ่มพูดทักท้วง
เพราะรู้สึกหวาก ๆ ยังไงพิกลอยู่ แต่แตนไม่ยอมเลิกล้มความตั้งใจ
ขอยืมกุญแจห้องสำรองจากโฉมศรี แล้วดึงยัยตุ่มขึ้นไปที่ห้องของต้นจนได้
หล่อนเดินย่องมาที่หน้าห้องของต้นอย่างเงียบกริบตุ่มตามหลังมาด้วยใจที่เต้นตุ้ม
ๆ ต่อม ๆ แตนไขกุญแจห้อง แล้วเปิดผัวะออกอย่างรวดเร็ว
ในห้องแลดูมืดสลัว
ทำให้ยังมองเห็นอะไรไม่ชัดเจนนัก ตุ่มคลำหาสวิตซ์ไฟจนเจอ แล้วเปิดไฟให้สว่างขึ้น
ไม่เห็นมีใครเลย
ทั้งห้องมีแต่ความว่างเปล่า แตนรู้สึกผิดหวังอย่างแรงที่ไม่ได้เจอกับผู้หญิงคนนั้นตามที่หล่อนตั้งใจ
ข้าวของทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ดูสะอาดตา
ตุ่มเดินไปเปิดหน้าต่างด้านระเบียงเพื่อให้ลมเย็นฉ่ำจากภายนอกโชยพัดเข้ามา
ลองเอามือลูบขอบหน้าต่างดูไม่มีฝุ่นติดมาเลยสักนิด
คิดอยู่ในใจว่าต้นช่างขยันเอาเวลาที่ไหนมาทำความสะอาดห้อง
จนดูเอี่ยมอ่องเช่นนี้ได้
“อย่ามัวยืนเซ่ออยู่เลยยัยตุ่ม
มาช่วยกันหากิ๊บติดผมกันเถอะ”
แตนบอกกับเพื่อน
แล้วก้มหน้าลงมองดูตามพื้นห้อง ตุ่มลงทุนนั่งคุกเข่าลงก้ม ๆ เงย ๆ
คลานสี่เท้าช่วยเพื่อนของหล่อนมองหาอย่างขะมักเขม้น
ทั้งสองคนช่วยกันค้นทั่วห้องอย่างละเอียดถี่ยิบทุกซอกทุกมุม
ไม่ว่าจะเป็นที่ใต้เตียง ซอกตู้ หรือใต้โต๊ะเก้าอี้ แต่ไม่มีวี่แววว่าจะเจอเลย
แตนชักเริ่มรู้สึกท้อใจ เชื่อว่าหล่อนคงไม่ได้ทำตกตายที่ห้องนี้แน่ เดินซึมไปหย่อนตัวลงนั่งที่เก่าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
นึกตำหนิตัวเองที่ไม่น่าสะเพร่าทำกิ๊บติดผมคู่นั้นหายไป
“ช่างมันเถอะวะแตน….ของราคาไม่กี่สตางค์ซื้อเอาใหม่ได้นี่หว่า
ฐานะอย่างนายไอ้กิ๊บติดผมกระจอกๆแบบนั้น เหมาหมดทั้งร้านเลยยังไหว”
ตุ่มเข้ามาปลอบ เมื่อเห็นเพื่อนนั่งซึมกระทืบเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก
แต่แตนกลับถอนใจยาวสีหน้าเศร้าสลด
“นายไม่รู้อะไรหรอกยัยตุ่ม….ถึงมันจะดูไม่มีราคาแต่มีความหมายต่อฉันมาก
เพราะมันเป็นของที่พี่ต้นซื้อให้…..นี่ถ้าพี่ต้นเขารู้ว่าฉันทำหายไป
จะว่ายังไงบ้างก็ไม่รู้”
หล่อนนั่งก้มหน้า
แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นอะไรเข้าบนโต๊ะเครื่องแป้งโดยบังเอิญ
กิ๊บติดผมรูปผีเสื้อวางคู่กันอยู่ที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งนี่เอง
“เจอแล้ว….เจอแล้ว….” หล่อนอุทานเสียงลั่นจนตุ่มสะดุ้งเฮือกตกใจ
แตนรีบคว้ากิ๊บติดผมคู่นั้นขึ้นมาจากโต๊ะ “ฉันทำตกเอาไว้ในห้องนี้จริง
ๆ พี่ต้นคงเจอเข้าเลยเก็บเอาไว้ให้”
ท่าทางหล่อนรู้สึกจะดีใจมาก
แต่สำหรับตุ่ม พอเห็นของที่เพื่อนค้นหาเสียแทบเป็นแทบตาย
ถึงกับต้องส่ายหน้าอย่างนึกสมเพชเวทนา มันก็ไอ้กิ๊บติดผมพลาสติกธรรมดา
ไม่มีราคาค่างวดอะไรเลยนี่เอง
แตนมองดูเงาตัวเองในกระจกทำท่าจะยกกิ๊บติดผมขึ้นติด
แต่แล้วกลับต้องชะงักมือ เมื่อได้ยินเสียงตวาดร้องห้ามดังขึ้น
“อย่านะ!”
ทั้งแตนกับตุ่มหันขวับไปมองพร้อมกัน
ที่เตียงนอนวนากำลังนั่งขัดสมาธิจ้องมองมาที่แตนอย่างไม่พึงพอใจพร้อมกับออกคำสั่ง
“เอากลับไปวางลงที่เก่าเดี๋ยวนี้”
“อ๋อ,แกนี่เอง…”
พอเห็นหน้าแตนจำได้ทันที
ว่านี่คือผู้หญิงคนที่หล่อนเคยเห็นอยู่กับต้นในห้องนี้
หญิงสาวทำตาลุกวาวดุจแม่เสือ “แกมีสิทธิ์อะไรที่จะมาออกคำสั่งนี่มันของ
ๆ ฉัน!”
หล่อนสะบัดหน้า
หันกลับไปที่กระจกเงา ติดกิ๊บทั้งคู่ไว้ที่ชายผมของตัวเองเหมือนจะเป็นการท้าทาย
“คุณเข้าใจผิด กิ๊บคู่นั้นคุณต้นซื้อให้ฉัน…เอาคืนมานะ!”
วนาก้าวลงจากเตียง
แล้วหงายฝ่ามือทั้งสองข้างยื่นไปตรงหน้า
ทันใดนั้น แตนรู้สึกเหมือนมีพลังลึกลับอะไรบางอย่างดึงดูดตัวหล่อนเซถลาเข้าไปหานางไม้สาวอย่างไม่มีทางดิ้นรนขัดขืนได้
หล่อนยืนตกตะลึง ปล่อยให้วนาดึงกิ๊บติดผมกลับคืนไปอย่างง่ายดาย
รู้สึกแค้นใจจนเลือดขึ้นหน้าที่โดนวนาทำเช่นนี้กับหล่อน
แตนเงื้อง่าฝ่ามือหมายจะตบหน้าสั่งสอน
“แก….แกกล้าดียังไง?”
แต่ฝ่ามือยังไม่ทันได้สัมผัสกับแก้มนวลของนางไม้สาว
วนาเพียงแค่ถลึงแล้วพยักหน้า ร่างของแตนก็ผวากระเด็นออกไป เหมือนถูกผลักอย่างแรงไปปะทะกับโต๊ะเครื่องแป้ง
ข้าวของที่วางเรียงรายอยู่บนนั้น ถูกแรงปะทะสะเทือนล้มกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นห้อง
พร้อมกับร่างแตนที่ทรุดฮวบลงไป
“ขอเถอะนะแตน อย่ามีเรื่องกันเลย”
ตุ่มรีบเข้าไปประคองเพื่อนสาวให้ลุกขึ้นยืน
“ไม่ต้องมายุ่ง….” แตนสะบัดมือ แล้วหันมาจ้องหน้าวนาอย่างรู้สึกแปลกใจ
“แกเป็นใคร”
“ฉันชื่อวนา….ของสิ่งนี้คุณต้นเป็นคนให้ฉัน คุณไม่มีสิทธิ์จะเอาไป”
“แก…..แกเป็นอะไรกับพี่ต้น บอกมาเดี๋ยวนี้น่ะ?
แตนแผดเสียงร้องถามดังลั่นห้อง
“ฉันอยู่ที่นี่….คุณต้นเป็นคนอนุญาตให้ฉันอยู่….”
คำก็คุณต้นสองคำก็คุณต้น
แตนรู้สึกแค้นใจจนต้องแผดเสียงร้องกรี๊กกระทืบเท้าเร่า ๆ
“อ้อ ! นี่หมายความว่า แกเป็นเมียพี่ต้นอย่างงั้นหรือ แก…แกนะแก
อีนังตัวแสบ!”
หล่อนกัดฟันกรอดแล้วพุ่งตัวกระโจนพรวดเข้าหาวนา
หมายผลักให้ล้มหงายไป แต่ทว่า มือทั้งสองข้างกลับสัมผัสกับอากาศอันว่างเปล่า แตนตาเหลือกเพราะคิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้
แล้วร่างของหล่อนก็ทะลุผ่านร่างนางไม้สาว
เสียหลักถลาลงไปล้มฟุบหน้าคว่ำอยู่บนเตียง
ยัยตุ่มแหกปากร้องเสียงหลง
วิ่งหนีปุเลง ๆ ออกไปจากห้องอย่างสุดชีวิต
แตนเพิ่งจะรู้สึกตัวว่ากำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่หล่อนไม่อาจจะเอาชนะด้วยกำลังได้
หล่อนยืนตกตะลึง ใบหน้าเริ่มถอดสี
ศีรษะของนางไม้สาวปรากฏกลับมาอย่างเดิมจ้องมองหล่อนด้วยสายตาดุดัน
“คุณเป็นคนหยาบคายมาก
ชอบถืออำนาจบาตรใหญ่ ข่มเหงรังแกทำร้ายจิตใจคนอื่น….คุณทำกับคนอื่นได้
แต่ทำกับฉันไม่ได้ผลหรอกจะบอกให้”
ความจริงแล้ว วนาไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะทำร้ายแตนเลยแม้สักนิด
นางไม้สาวเพียงแค่พูดข่มขู่ให้หล่อนเกิดความหวาดกลัวเท่านั้นเอง
แต่กลับได้ผลเกินคาดแตนกลัวจนเกิดอาการเกร็งไปทั้งตัว พอวนาก้าวเข้ามาหาอีกเพียงก้าวเดียว
หล่อนถึงกับมือไม้อ่อนปวกเปียก เป็นลมล้มฟุบไปทันที
ต้นกลับมาถึงอพาร์ตเม้นท์
เห็นตุ่มหวีดร้องวิ่งลงบันไดมาด้วยสีหน้าแสดงความหวาดกลัวอย่างขีดสุดขีดเขาต้องรีบกระโดดลงจากเบาะท้ายรถมอเตอร์ไซค์ของปื๊ด
ทั้ง ๆ ที่ยังจอดไม่สนิท วิ่งปราดเข้าไปหา
“เป็นอะไรไปน่ะตุ่ม?”
“พี่ต้น…ช่วยทีเร็ว ยัยแตน….ยัยแตนถูก….ถูกผีหลอกในห้องพี่ต้น รีบขึ้นไปช่วยเร็วเข้า!” ตุ่มละล่ำละลักบอกเสียงสั่น
“ตายห่ะ…ยุ่งล่ะซิ !”
ชายหนุ่มอุทานอย่างตกอกตกใจ
รีบกระโจนพรวดพราดขึ้นบันไดไป ทิ้งให้ตุ่มยืนตัวสั่นอยู่ตรงนั้นปื๊ดดับเครื่องตั้งขาหยั่งมอเตอร์ไซค์
แล้วเดินเข้ามาหาอย่างงงๆ
“มีอะไรหรือครับคุณตุ่ม?”
“ตุ่มโดนผีหลอก…มีผีอยู่ในห้องของพี่ต้น มันน่ากลัวจริง ๆ บริ๋อ อ อ….”
ตุ่มทำท่าขนลุกขนพอง
เผลอตัวผวาเข้าไปกอดปื๊ดเอาไว้แน่น ข้างฝ่ายเด็กหนุ่มพอได้ยินคำว่าผี
ก็เกิดความกลัวจนแทบขวัญหนีดีฝ่อขึ้นมาเช่นกัน เลยยืดกอดกันกลมตัวสั่น
ทำให้คุณนายโฉมศรี ซึ่งโผล่หน้าออกจากออฟฟิศมาได้ยินเข้าพอดี
รีบปิดประตูผลุบกลับเข้าไปนั่งพนมมือสวดมนต์ปากคอสั่นไปหมด
“ตายล่ะ ! พี่ต้น…พี่ต้นขึ้นไปแล้ว….” ตุ่มเพิ่งนึกขึ้นได้ ผละออกจากปื๊ด “คุณปื๊ดรีบตามไปช่วยทีซี่เดี๋ยวพี่ต้นก็โดนผีหักคอเอาหรอก…”
“ผมน่ะเหรอ?” เด็กหนุ่มทำตาเหลือกอ้าปากค้าง
“ก็ใช่น่ะซี่…จะมีใครอีกล่ะ เร็วเข้าเถอะ ป่านนี้พี่ต้นกับยัยแตน
จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้….”
หล่อนพูดพร้อมกับจับแขนของเขาเขย่า
เพื่อเร่งเร้าให้ปื๊ดรีบขึ้นไปช่วยเร็ว ๆ เด็กหนุ่มทำท่าทางอิดออด
เขาก็กลัวผีเหมือนกันนี่นา มันจะไหวหรือ
แต่เมื่อเห็นสายตาอันวิงวอนของหญิงสาวหุ่นตุ้ยนุ้ย
ชายหนุ่มต้องกลืนน้ำลายเอื๊อกอย่างรู้สึกฝืดคอตัดสินใจรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีอยู่
ค่อย ๆ ก้าวขาขึ้นบันไดอย่างหวาด ๆ
ต้นมาถึงที่ห้อง
เขาเห็นแตนนอนแผ่อยู่บนพื้นมีวนากำลังยืนมองดูอยู่ รีบเข้าไปประคองหญิงคนรักแล้วเงยหน้าขึ้นขมวดคิ้วถามนางไม้สาว
“คุณทำอะไรคุณแตนหรือ?”
“วนาไม่ได้ทำอะไรเลย…..เธอตกใจเป็นลมพับไปเอง” นางไม้สาวบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
แต่ยังเห็นสายตาของเขาแสดงความคลางแคลงใจอยู่ “สงสัยอะไรหรือคะคุณต้น
วนาเป็นเทพเทพารักษ์ พูดจาโกหกไม่ได้หรอกนะคะ…”
เขาไม่ติดใจสงสัยอะไรอีกต่อไป
เขย่าหญิงคนรักในอ้อมแขนเบา ๆ เพื่อให้หล่อนรู้สึกตัว
“คุณแตน…คุณแตนครับ?”
หญิงสาวค่อย ๆ ได้สติ เปิดเปลือกตาขึ้นมา
พอเห็นหน้าชายหนุ่ม หล่อนรีบผวาเข้ากอดเอาไว้แน่น
“พี่ต้น…อีนังนั่นมันเป็นผี รีบไล่มันไปซะ…พี่ต้นไล่มันไปเร็ว!”
ร้องบอกปากคอสั่น
พร้อมกับชี้มือไปที่วนา แต่เขากลับมีท่าทีนิ่งเฉยอยู่
“มัวชักช้าอยู่ทำไมล่ะพี่ต้น….รีบไล่มันไปซี่ แตนกลัว!”
เสียงหล่อนเร่งเร้าอีก
ต้นหันมองไปที่นางไม้สาวเห็นมีสีหน้าสลดลง ทำให้เขาเกิดความอึดอัดใจขึ้นมา
ถ้าเขาออกปากไล่วนาตามคำขอร้องของแตน
นางไม้สาวจะต้องไปจากที่นี่ และไม่มีวันหวนกลับคืนมาอีกอย่างแน่นอน
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ปื๊ดกำลังยืนอยู่ที่ประตูค่อย
ๆ โผล่หน้ามามองดูเหตุการณ์อย่างหวาด ๆ เขาเห็นแตนกำลังออกงิ้วเช้าพอดี
“ไล่มันไปซี่พี่ต้น แตนบอกให้ไล่มันไป”
หล่อนออกคำสั่งกับชายคนรักอย่างวางอำนาจ
“เธอไม่ทำอะไรคุณแตนหรอกครับ
ถ้าหากว่าคุณแตนไม่ไปทำให้เธอโกรธ”
คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวตาลุกวาวขึ้นมาในทันที
“อ้อ ! พี่ต้นพูดเข้าข้างมัน เห็นนังปีศาจนั่นมันดีกว่าแตนอย่างงั้นใช่ไหม…ดีแล้ว! !”
หล่อนผลักอกเขาอย่างแรงด้วยความฉุนเฉียว
แล้วสะบัดหน้าลุกขึ้นจ้ำพรวด ๆ ไปที่ประตู ปื๊ดต้องรีบเบี่ยงตัวเปิดทางให้
“เดี๋ยวก่อนซิคุณแตนฟังผมก่อน
เธอไม่ใช่ผี” ต้นวิ่งตามมาฉุดรั้งแขนของหล่อนเอาไว้
“อย่ามาถูกตัวฉันนะ คนวิตถารเห็นผีดีกว่าคน….เชอะ!”
หล่อนเชิดหน้าอย่างดูกเหยียดหยาม
แล้วเดินอ้าวลงบันไดไป โดยไม่ยอมรับฟังคำชี้แจงใด ๆ
ทั้งสิ้นปล่อยให้ชายหนุ่มยืนหน้าชากับคำสบประมาทนั้น
ปื๊ดกำลังก้าวถอยหลัง
ย่องกลับออกจากในห้อง ต้นเหลือบไปเห็นเข้าพอดี เขารีบคว้าแขนเสื้อเด็กหนุ่มเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนปื๊ด….อย่าเพิ่งไปมารู้จักกับคุณวนาก่อน”
ไหน ๆ
เด็กหนุ่มก็ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วเขาจึงไม่อยากจะปิดบังอะไรอีกต่อไป แต่ปื๊ดกลับสั่นหน้าโบกไม้โบกมือวุ่นวาย
“มะ….มะ….ไม่เอาหรอกพี่ต้น อย่าดีกว่า”
“มาเถอะน่า….เธอไม่ใช่ผีหรอก”
เขารั้งตัวปื๊ดเข้ามาในห้องจนได้
แล้วปิดประตูเสียเด็กหนุ่มรู้สึกกลัวจนแทบจะฉี่ราดกางเกง แข้งขาสั่นพึ่บพับไปหมด
เมื่อมายืนอยู่ต่อหน้านางไม้โฉมงาม
“นี่คือคุณวนา….เธอเป็นรุกขเทวดาไม่ใช่ผี” ต้นกล่าวแนะนำ
“ยินดีมากค่ะที่ได้รู้จักกับคุณปื๊ด”
นางไม้สาวเปิดยิ้มอย่างแสดงไมตรี
“ชะ…..ชะ….เช่นกันครับ คุณวนา” เสียงปื๊ดยังไม่หายสั่น
“ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ
วนาไม่ทำอะไรคุณปื๊ดหรอก….คุณปื๊ดเป็นคนดี วนาอยากรู้จักเป็นเพื่อนกับคุณมานานแล้วเหมือนกัน”
“เห็นมั้ย….เธอไม่มีอะไรน่ากลัวเลย ใจดีออกดูน่ารักด้วยจริงมั้ย…ปื๊ด?” ต้นพยายามพูดโน้มน้าวจิตใจให้เด็กหนุ่มคลายความหวาดกลัวลง
“แฮ่ะ ๆ จริงครับพี่ต้น….แต่ว่าคุณวนาไม่แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกผมแน่นะ?”
ปื๊ดย้ำเพื่อให้แน่ใจ
นางไม้แสนสวยพยักหน้าน้อย ๆ
“วนาไม่ใช่พวกสัมพเวสี
แล้วก็ไม่ชอบหลอกใครเล่นแบบนั้นด้วย คุณปื๊ดวางใจได้เลยนะคะ”
คำตอบของหล่อนทำให้ปื๊ดค่อยรู้สึกเบาใจขึ้นอักโขยิ้มออกมาได้อย่างเต็มที่
บรรยากาศจึงหายเครียดลง
“คุณวนาไปทำอะไรคุณแตนกับยัยตุ่มเข้า
พวกเขาถึงไม่ได้มีท่าทางหวาดกลัวแบบนั้น?” ต้นถาม
“วนาไม่ได้ทำอะไรเลย….คุณแตนเธอมาเอากิ๊บติดผมคู่นี้ไป” บอกพร้อมกับแบมือให้ดู
“แต่วนาไม่ยอมให้ คุณแตนเลยโกรธจะทำร้ายวนา แต่ทำอะไรวนาไม่ได้เลยเกิดความกลัวกันไปเอง”
“นึกแล้วเชียว
ว่าสาเหตุจะต้องมาจากกิ๊บติดผมคู่นี้!” ต้นบ่นพึมพำอย่างรู้สึกอิดหนาระอาใจ
“ของเล็ก ๆ น้อย แค่นี้เอง คุณวนายอมให้คุณแตนไปเสียมันก็หมดเรื่อง
ไว้ผมซื้อให้คุณใหม่ได้นี่นา….”
“วนาเคยบอกคุณต้นแล้วไงว่า
ของคุณต้นให้วนามันก็เป็นสิทธิ์ของวนา ใครจะมาเอาไปต้องรับอนุญาตจากวนาก่อน เหมือนกับการเอาของไปถวายศาลพระภูมิแบบนั้นแหละ”
คำชี้แจงของนางไม้สาว
ทำให้ต้นถึงกับต้องยืนนิ่งอึ้งไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น