โดย...เจิด
จินตนา
๑๖
. . .
![]() |
อุ้ม อิศยา เป็นวนา |
ตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นตน
เพิ่งจะมีหนนี้ที่แตนคิดว่าหล่อนโดนผีหลอกเข้าให้แล้ว ทั้งๆ
ที่ไม่เคยเชื่อมาก่อนเลยว่า ผีจะมีจริงในโลกนี้
ส่วนยัยตุ่มนั้นแทบจะไม่ต้องพูดถึง
หล่อนเกิดความหวาดกลัวอย่างขนาดหนัก จนไม่กล้ากลับไปนอนคนเดียวที่บ้าน ติดเกาะแจอยู่กับแตนนั่นเอง
คืนนั้น
ทั้งสองสาวปรับทุกข์กกันถึงเหตุการณ์อันน่าขนพองสยองเกล้าที่เกิดขึ้นเมื่อตอนหัวค่ำอยู่จนดึกจนดื่น
ไฟในห้องนอนของแตนถูกเปิดเอาไว้สว่างโร่ทุกดวง
ตามคำขอร้องของตุ่ม ซึ่งเป็นคนที่กลัวผีอย่างขนาดหนัก ทั้งคู่นั่งกอดเข่าจุกอยู่บนเตียงกำลังคิดกันไปต่าง
ๆ นานา
“ไม่นึกเลยนะว่าพี่ต้นจะเลี้ยงผีเอาไว้ในห้อง น่ากลัวออกจะตายไป…ทำไมพี่ต้นถึงได้กลายเป็นคนอย่างนี้ไปไม่รู้ซีนะ…”
ตุ่มพูดเปรยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแสดงความวิตกกังวล
นึกถึงความน่ากลัวที่ได้พบเห็นมาในห้องพักของชายหนุ่มทีไร เป็นต้องรู้สึกขนลุกพองขึ้นมาทุกที
“ฉันว่าไม่ใช่หรอกตุ่ม…จำที่ยายคุณนายเจ้าของอพาร์ตเม้นท์บอกกับเราได้ไหม
แสดงว่านังผีตนนี้จะต้องอยู่ในห้องนั้นมานานแล้ว
ก่อนหน้าที่พี่ต้นจะย้ายเข้าไปอยู่เสียอีก”
“เออ…จริงซินะ แล้วทำไมพี่ต้นถึงไม่กลัวมันเลยล่ะ ทนอยู่เข้าไปได้ยังไงในห้องผีสิงแบบนั้น?”
“ดู ๆ ไปแล้ว
ฉันว่าพี่ต้นกับนังผีนั้นจะต้องมีความสัมพันธ์อะไรกันอยู่แน่
ท่าทางเหมือนรู้จักกันดีเลยเชียวล่ะ”
“ฮ้า! จริงหรือนี่?” ตุ่มอุทานเสียงดัง
ทำตาโตเท่าไข่ห่าน “หมายความว่า พี่ต้นเกิดชอบกับผีขึ้นมาอย่างงั้นเหรอนี่?”
“ฉันไม่ค่อยแน่ใจนักว่าใช่หรือเปล่า….เพราะมันไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้”
“ต้องใช่แหงเลยแตน…ไม่งั้นผีกับคนจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง
ทีแรกฉันไม่รู้หรอกว่ามันเป็นผี เห็นเป็นคนหน้าตาน่ารัก ยังนึกอยู่ในใจเลยว่า
ต้องเป็นแฟนของพี่ต้นแน่”
“ใช่….นังนั่นมันก็สวยดีหรอก เพราะอย่างนี้นี่เอง
พี่ต้นถึงได้ไม่ยอมไล่มันไป คงจะเกิดหลงเสน่ห์หนังผีตนนั้นขึ้นมาจนไม่ลืมหูลืมตา
ฮึ่ม, เจ็บใจนักพี่ต้นนะพี่ต้น
แตนมีอะไรด้อยกว่านังผีตัวนั้นที่ตรงไหนถึงได้เห็นผีดีกว่าแตน”
“เอ…..ก็ไม่รู้เหมือนกันซินะว่า พี่ต้นมีเหตุผลอะไรเขาถึงได้ยอมทนอยู่กับมัน”
ตุ่มพึมพำออกมาอย่างรู้สึกข้องใจเต็มประดา
ที่ชายหนุ่ม ซึ่งเคยประพฤติตัวดีมาตลอดในสายตาของหล่อน ต้องกลายเป็นคนแบบนี้ไป
ทำราวกับว่า ผู้หญิงทั้งโลกหาไม่ได้อีกแล้วอย่างนั้นแหละ ถึงได้ไปรักกับผี
“นังผีร้ายตัวนี้มันจะต้องทำอะไรกับพี่ต้นสักอย่างแน่….” แตนออกความเห็น
หล่อนก้าวลงจากเตียงนอนแล้วเดินวนไปเวียนมาเหมือนเสือติดจั่น อย่างรู้สึกไม่สบายใจ
“นังนี่มันมีฤทธิ์เดชร้ายนัก ฉันเพิ่งจะนึกอะไรออก วันที่ฉันถูกถีบเข้าไปใต้เตียง
ต้องเป็นฝีมือของมันแน่ พี่ต้นนั่นแหละรู้ดี แต่พยายามปกปิดเอาไว้ยอมบอกเรา…”
“แล้วนี่เราจะทำยังไงกันดีล่ะ ขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้
สักวันหนึ่งพี่ต้นต้องถูกนังผีร้ายตัวนี้หักคอเอาแน่!” ตุ่มชักเป็นห่วงเพื่อนชายของหล่อน
“เมื่อก่อนฉันไม่เคยเชื่อว่าผีจะมีจริง จนกระทั่งมาเจอกับตัวเองเข้า….”
แตนหยุดเดิน ยกมือกอดอกใช้ความคิดหนัก “ฉันจะลองพูดกับพี่ต้นเขาดี
ๆ ขอให้เขาย้ายออกจากห้องนั้นเสีย!”
**********
ต้นตื่นเต้นนอนแต่เช้าตรู่ หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
แต่งตัวออกมาจากห้องน้ำพร้อมที่จะไปทำงานชายหนุ่มมองเห็นนางไม้สาวยืนยิ้มกริ่มอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง
ท่าทางดูมีพิรุธอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
“ยิ้มทำไมครับคุณวนา…ผมมีอะไรดูตลกอย่างนั้นหรือ?”
“เปล่าหรอกค่ะ คุณต้น วนาเพียงแต่รู้สึกนึกขำเหตุการณ์เมื่อวานนี้นิดหน่อย”
“มันไม่ใช่เรื่องน่าขำเลยนะคุณวนา…” ชายหนุ่มฉวยโอกาสต่อว่าต่อขาน “คุณทำให้ยัยตุ่มกับคุณแตนต้องเกิดความหวาดกลัว
เพราะเรื่องเล็กนิดเดียวเท่านั้นเอง แต่คุณกลับทำให้มันบานปลาย
จนโกลาหลกันไปหมดทั้งอพาร์ตเม้นท์”
“วนาขอโทษค่ะ นึกไม่ถึงว่าเหตุการณ์มันจะเป็นแบบนั้น
ความจริงแล้ววนาแค่อยากสั่งสอนความเย่อหยิ่งจองหองของคุณแตนนิดหน่อยเท่านั้นแหละ”
“แต่คุณทำให้ผมกับคุณแตนผิดใจกัน ท่าทางเธอจะโกรธผมมากเลยทีเดียวล่ะ”
“แต่คุณทำให้ผมกับคุณแตนผิดใจกัน ท่าทางเธอจะโกรธผมมากเลยทีเดียวล่ะ”
“ทำไมคุณต้น
ไม่ไปปรับความเข้าใจกับเธอเล่าคะ?”
“ไปได้ยังไงกัน…ผมคงมองหน้าคุณแตนไม่ติดอีกแล้ว ในเมื่อเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้”
“เธอคงไม่โกรธคุณต้นหรอกค่ะ เอาของสิ่งนี้ไปให้เธอซิคะ”
นางไม้สาวยื่นมือมาตรงหน้าต้นแล้วแบฝ่ามือออก ชายหนุ่มมีสีหน้าฉงนเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือหล่อน
“กิ๊บติดผม...ทำไมคุณเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาง่าย ๆ ล่ะทั้ง ๆ
ที่แย่งกันจะเป็นจะตาย?”
“วนามาคิดดูแล้ว สาเหตุที่ทำให้คุณต้นกับคุณแตนต้องผิดใจกัน
มันมาจากของสิ่งนี้ ในเมื่อคุณแตนอยากได้มันมาก ก็เอาไปให้เธอเสียเถอะค่ะ”
ชายหนุ่มรับกิ๊บติดผมคู่นั้นมาถือไว้
มองดูเจ้าวัตถุชิ้นเล็ก ๆ
สองชิ้นซึ่งมีราคาค่างวดเพียงไม่กี่สตางค์แต่ก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมาตั้งมากมายก่ายกอง
แล้วต้องถอนหายใจยาว พร้อมกับส่ายหน้า
“ถ้าคุณยอมให้เธอเสียแต่ทีแรก เรื่องมันคงไม่ลุกลามใหญ่โตอย่างนี้”
“ไม่ว่ามนุษย์หรือเทวดา ย่อมมีคามผิดพลาดกันได้บ้าง
วนาเพิ่งคิดได้ว่าตนเองเป็นเทพ
ไม่เป็นการสมควรที่จะทำให้คนอื่นต้องได้รับความเดือดร้อน
แม้ของสิ่งนี้จะเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของวนา แต่ถ้าเก็บเอาไว้ต่อไป
เรื่องราวทั้งหลายคงจะไม่ยอมยุติลงง่าย ๆ เป็นแน่”
“ความจริงแล้ว ผมตั้งใจที่จะซื้อมาให้คุณ
แต่คุณแตนเธอเข้าใจผิดไปเอง ถึงยังไงผมต้องขอขอบคุณที่คุณวนายอมเป็นฝ่ายเสียสละ แล้วผมจะหาซื้อของอย่างอื่นมาทดแทนให้…ผมไปทำงานก่อนนะครับ”
เขาเก็บกิ๊บติดผมคู่นั้นใส่กระเป๋าเสื้อ เดินตัวปลิวเปิดประตูออกจากห้องพักอย่างรู้สึกเบิกบานใจ
คาดไม่ถึงว่าเรื่องจะลงเอยได้ง่าย ๆ แบบนี้
เขาจะหาโอกาสอธิบายความจริงทั้งหมดให้คนรักฟัง และถ้าหากเป็นไปได้
เขาอยากให้แตนได้ทำความรู้จักและเข้าใจดีกับวนาเสีย ปัญหาทุกอย่างจะได้จบสิ้นลงไป
พอเดินลงบันไดมาถึงชั้นล่าง ต้นเห็นปื๊ดกำลังทำท่าสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ของเขาอยู่
จึงเร่เข้าไปทัก
“ไงปื๊ด….จะไปไหนแต่เช้าเลยล่ะ?”
“ทำธุระให้แม่หน่อยนะครับ พี่ต้น!”
“อ๋อ เรื่องที่รับปากกับแม่ของปื๊ดเมื่อวานนี้ ใช่ไหมล่ะ?”
“ครับพี่ต้น….ผมนัดกับพวกเพื่อนไว้ที่หน้าโรงงานอีผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นจะต้องเสร็จพวกผมแน่….”
เด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์บอกอย่างมั่นอกมั่นใจ ดูท่าทางของเขาเอาจริงเอาจังมาก
ทำให้ต้นนึกถึงคำขอร้องของคุณนายลิ้นจี่ผู้เป็นแม่ของปื๊ด ที่ร้องห่มร้องไห้ฟูมฟาย
วิงวอนให้ลูกชายช่วยสืบหาที่อยู่เมียน้อยคนโปรดของเสี่ยกำชัย
ซึ่งหล่อนระบุว่าเป็นผู้ที่จะมาผลาญทรัพย์สมบัติของตระกูล
“นี่กะว่าจะเปลี่ยนอาชีพมาเป็นนักสืบกันหรือ?” เขาแกล้งกระเซ้า
“เปล่าหรอกพี่ต้น ไอ้อ๊อดมันมีพี่ชายทำงานเป็นยามอยู่ที่โรงงานของเตี่ย
พวกเพื่อน ๆ เลยรับอาสาที่จะช่วยผมทำเรื่องนี้กัน”
“อ๋อ…เข้าใจล่ะ ถ้างานชิ้นนี้สำเร็จ คุณแม่ของปื๊ดจะอนุญาตให้เล่นดนตรีได้ตามความพอใจ
โดยไม่ขัดขวางอีกต่อไป มันก็ดีเหมือนกันนะ”
“ครับ…พี่ต้น ไปด้วยกันไหมล่ะครับ?”
“ต้องขอโทษด้วยนะ พี่อยากจะช่วยเหมือนกันแต่ต้องรีบไปทำงาน”
“งั้นขึ้นมาซิครับ ผมจะไปส่งพี่ต้นลงปากซอย”
“ขอบใจนะปื๊ด”
ชายหนุ่มขึ้นนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ปื๊ดเข้าเกียร์เร่งเครื่องให้มอเตอร์ไซค์คู่ชีพทะยานออกจากลานจอดรถของอพาร์ตเม้นท์ไปในทันที
**********
ในห้องทำงานของเสี่ยกำชัย
เสี่ยใหญ่เจ้าของโรงงานทอผ้า กำลังอารมณ์เสียแต่เช้า
เพราะเมื่อคืนนี้เกิดทะเลาะกับเมีย มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง
คุณนายลิ้นจี่พยายามคาดคั้นที่จะเอาความจริงจากเขาให้ได้
ว่าแอบไปมีเมียน้อยซุกซ่อนเอาไว้ที่ไหน
เสี่ยกำชัยรู้ดีว่า
ต้องเป็นลูกน้องของเขาในโรงงานแน่ ที่คาบข่าวไปบอกคุณนายลิ้นจี่
เมื่อมาถึงที่ทำงานเสี่ยใหญ่เลยเอ็ดตะโรลั่น
ประกาศจะเอาเรื่องกับทุกคนถ้าจับได้ว่าเป็นใคร
ทำให้พนักงานของเขาไม่มีใครกล้าเข้าหน้าเลยสักคน
ต่างก้มหน้าก้มตาทำงานกันไปตามหน้าที่ของตนอย่างสงบเงียบกริบทั้งสำนักงาน
อรอนงค์เปิดประตูห้องทำงานเข้ามา
หล่อนอยู่ในชุดกระโปรงผ้ายืดสีดำรัดรูปสั้นจู๋
แขนกุดคอคว้านลึกจนแทบจะปิดบังถันอวบมโหฬารเอาไว้ได้ไม่มิด
มีผ้าคาดเอวสีชมพูผูกชายพลิ้วแทนเข็มขัด ทำให้ร่างเพรียวระหง
ดูยั่วยวนสะดุดตาผู้พบเห็น
สีหน้าของเสี่ยใหญ่แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มทันทีที่หล่อนเดินเข้ามาหา
“นึกยังไงขึ้นมา ถึงได้มาหาป๋าแต่เช้าเชียวจ๊ะ….หนูอร?”
“แหม ! ไม่น่าถาม….อรคิดถึงป๋าน่ะซิคะ
เมื่อคืนป๋าทิ้งให้อรนอนคนเดียว เหงาจะตายไป”
“ป๋าจะไปนอนค้างกับหนูทุกคืนไม่ได้หรอกนะ ต้องกลับไปนอนบ้านมั่ง
เดี๋ยวอีแก่ที่บ้านมันเกิดสงสัยเอา ดูเหมือนมันชักจะรู้ระแคระระคายเสียแล้วด้วย ไม่รู้ว่าไอ้ปากหมาตัวไหนแอบไปฟ้องมัน…”
“อรเข้าใจป๋าดีค่ะ แต่ว่า….” หล่อนเดินเข้ามาเอามือโอบรอบคอเสี่ยกำชัย
ทำท่าทางออเซาะ “วันนี้รู้สึกเบื่อๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไม่อยากอยู่บ้านเลยป๋าพาอรไปเดินช็อปปิ้งหน่อยนะคะ…อรอยากจะหาซื้ออะไรไปตกแต่งห้องนอนให้สวย ๆ จะได้ไม่รู้สึกเซ็งยังไงล่ะคะ”
“เช้า ๆ อย่างนี้ห้างสรรพสินค้ายังไม่เปิดหรอกจ้ะหนูอร อีกอย่างป๋ายังมีงานอีกเยอะแยะต้องทำ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะป๋า…อรรอได้!!”
หล่อหย่อนสะโพกลงนั่งบนพนักเท้าแขนเก้าอี้มองไปที่โต๊ะทำงานเห็นมีกองเอกสารตั้งอยู่มากมาย
แฟ้มเอกสารของบริษัทประกันภัยวางอยู่ตรงมุมหนึ่ง
เป็นแฟ้มแบนเดียวกับที่หล่อนเคยเห็นต้นถืออยู่ในมือ
เมื่อครั้งที่หล่อนเกือบจะขับรถชนเขา ตรงหน้าออฟฟิศของโรงงาน
อรอนงค์ยังจำใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มนักหาประกันรูปหล่อคนนั้นได้อย่างติดตา
เขาเป็นผู้ชายที่ถูกสเป็คหล่อนเอามาก ๆ ตั้งแต่พบกันในวันนั้น
หล่อนเก็บเอาไปนอนฝันถึงเขาทุกคืน
หัวใจร่ำร้องปรารถนาที่จะได้พบเจอกับเขาอีกครั้งหนึ่ง
“บริษัทประกัน ส่งตัวแทนมาติดต่อกับป๋าอีกแล้วหรือคะ?” แกล้งถามไปอย่างนั้นเอง ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจดีว่าใครเป็นคนมาติดต่อ
“ใช่แล้วจ้ะ หนูอร พวกนี้มันตื้อสะบัดช่อเลยจริง ๆ”
“ป๋าน่าจะทำประกันโรงงานนะคะ โรงงานของป๋าออกใหญ่โต
หน่วยรักษาความปลอดภัยไว้วางใจนักไม่ได้หรอกค่ะ”
“ป๋าก็กำลังคิดอยู่เหมือนกัน แต่พักนี้งานมันยุ่งมาก
เลยยังไม่มีเวลาพิจารณารายละเอียด”
“ให้อรช่วยมั้ยล่ะคะป๋า?”
“หนูรู้เรื่องเกี่ยวกับประกันดีหรือ?” เสี่ยใหญ่ย้อนถาม
“ค่ะ อรเคยทำมาก่อน
บริษัทนี้อรรู้จักดีด้วยบางทีอาจจะช่วยให้ป๋าได้ผลประโยชน์มากขึ้น
และเสียเบี้ยประกันน้อยลงนะคะป๋า”
“งั้นดีน่ะซิ….ป๋าขอมอบหน้าที่ให้หนูไปเลยหพยายามหาทางต่อรองให้ได้มากที่สุดเท่าไหร่ยิ่งดี”
เสี่ยกำชัยหยิบแฟ้มของบริษัทประกันส่งให้หญิงสาว
“ค่ะ….อรจะพยายาม”
อรอนงค์ยิ้มอย่างดีใจ ด้วยวิธีนี้หล่อนีคงมีโอกาสได้พบต้นอีกอย่างแน่นอน
**********
สี่สหายเพื่อนนักดนตรีของปื๊ดกำลังนั่งจับกลุ่มในร้านกาแฟตรงข้ามกับโรงงานทอผ้า
ทุกคนต่างพากันชะเง้อมองไปที่ถนนอย่างกระวนกระวายใจ
เมื่อคืนนี้ปื๊ดนำเรื่องที่แม่ของเขาขอร้องให้ช่วยสืบหาคนที่เป็นเมียน้อยของเตี่ย
ไปปรึกษากับเพื่อน ๆ บังเอิญอ๊อดมีพี่ชายทำงานเป็นยามรักษากาณ์ อยู่ที่โรงงานทอผ้า และทุกคนยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับปื๊ด
ทั้งสี่ยกโขยงมาที่นี่ตั้งแต่เช้า
อ๊อดสอบถามจากพี่ชายดูจนได้ความว่า
ผู้หญิงที่เป็นเมียน้อยของเสี่ยกำชัยชื่ออรอนงค์ใช้รถเก๋งบีเอ็มดับบลิวสีเปลือกมังคุด
พร้อมกับบอกหมายเลขทะเบียนให้เสร็จ หล่อนมักจะมาหาเสี่ยกำชัยที่โรงงานเสมอ
พอรู้เช่นนั้น
อ๊อด หนึ่ง โจและเอก จึงสั่งน้ำอัดลมนั่งดื่มรออยู่ในร้านกาแฟแห่งนี้
จนกระทั่งเห็นรถเก๋งของอรอนงค์ แล่นเข้าไปในโรงงานตั้งนานแล้วปื๊ดก็ยังไม่เห็นโผล่โฉมหน้ามาเสียที
ทุกคนจึงเริ่มกระสับกระส่ายนั่งไม่ค่อยติด
“ทำไมไอ้ห่าปื๊ดยังไม่มาซะทีวะ” เอกบ่นพึมพำอย่างหัวเสีย
“ขืนชักช้าแบบนี้ เดี๋ยวแม่คนนั้นกลับไปเสียก่อนเราต้องเสียเวลามานั่งเฝ้ากันใหม่อีก”
“มัวไปทำห่าเหวอะไรอยู่ที่ไหนไม่รู้…เอ็งแน่ใจว่าโทร.ไปบอกมันแล้วนะไอ้โจ?” อ๊อดหันไปถามเพื่อน
“แน่ใจซี่ ไอ้ปื๊ดมีนรับปากรีบมา รถอาจจะติดมั่ง เช้า ๆ อย่างเงี้ย!”
“มันขี่มอเตอร์ไซค์โว้ย ไม่ใช่รถเก๋งจะได้ติดเหง็กไอ้หอกหัก” โจพลอยซวยถูกหนึ่งด่าเข้าให้
“เฮ้ย ! มันมานั่นแล้วไง!”
อ๊อดชี้มือให้เพื่อนดูรถมอเตอร์ไซค์ของปื๊ด
ที่กำลังบิดมาอย่างเต็มที่บนถนนแจ้งวัฒนะ แล้วชะลอความเร็วลงจอดพรืดหน้าร้านกาแฟ
ปื๊ดขึ้นสแตนด์รถมอเตอร์ไซค์ล็อคกุญแจเสร็จ
เดินเข้ามาหาเพื่อน ๆ
“ผู้หญิงคนนั้นมาถึงหรือยังวะ?”
“เข้าไปตั้งนานแล้ว นึกว่าเอ็งจะไม่มาเสียอีก ไอ้เวร” เอกเป็นคนบอกอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“เอ็งแน่ใจนะไอ้อ๊อด ว่าไม่ผิดตัว”
“รับลองชัวร์” ไอ้อ๊อดยืนยัน “คำพูดของพี่กูเชื่อถือได้แน่นอน
แล้วนี่เอ็งจะเอายังไงวะไอ้ปื๊ด ฉุดไปขายซ่องซะเลยดีมั้ย?”
“เฮ้ยมากไป” ปื๊ดตาเหลือกรีบร้องห้าม “เอ็งจะหาเรื่องติดคุกกันหรือไง
พวกเอ็งอย่าเพิ่งทำให้ไก่ตื่นก่อนอื่นกูอยากเห็นหน้ามันชัด ๆ หน่อย
กูจะเข้าไปดูซิว่ามันมาหาเตี่ยกูจริงหรือเปล่า”
“อ้าว แล้วพวกเราล่ะ?” ไอโจถาม
“พวกเอ็งนั่งรออยู่ที่นี่แหละ ถ้าเห็นมันออกมาไอ้โจ…เอ็งเอามอเตอร์ไซค์ของกูตามมันไป
สืบดูให้รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน แล้วกลับไปพบกันที่ห้องพักของกู
พวกเราจะไปรอฟังข่าวจากเอ็งที่นั่น นอกนั้นเป็นหน้าที่ของกูเอง”
“ไม่ดีล่ะมั้ง” ไอ้อ็อดพูดแย้งขึ้นมา “ไอ้โจมันยังขี่รถไม่ค่อยแข็ง กูเองดีกว่า…รับรองว่าตามไม่ให้พลาดชัวร์ป้าดแหง!”
“งั้นตามใจเอ็งไอ้อ๊อด” ปื๊ดพยักหน้าหงึก
โยนกุญแจรถให้ “ถ้าไม่ได้เรื่อง เอ็งโดนเหยียบแน่
กูไปก่อนล่ะ”
เขาผละจากกลุ่มเพื่อน ๆ เดินข้ามถนนตรงไปยังโรงงานทอผ้า พี่ชายของอ๊อดยืนรักษาการณ์อยู่หน้าประตูพอเห็นเด็กหนุ่มร่างสมบูรณ์
ลูกชายเจ้าของโรงงานเดินมา รู้ได้ทันทีว่าอะไรจะเกิดขึ้น แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
ปล่อยให้ปื๊ดเดินผ่านประตูรั้วโรงงานเข้าไป
ที่หน้าอาคารสำนักงาน
ปื๊ดเห็นรถบีเอ็มดับบลิวสีเปลือกมังคุด จอดอยู่ข้างรถเบ๊นซ์ของเตี่ย
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด แล้วเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในสำนักงานกระโจนพรวดขึ้นบันไดไปทันที
เขาผลักประคูกระจกเดินดุ่ม
ๆ ตรงไปที่ห้องทำงานของเตี่ย เลขาฯ สาวหน้าห้องตกใจแทบช็อคเมื่อเห็นปื๊ดพรวดเข้ามา
รีบถลันลุกขึ้นยืนขวางหน้าเขาไว้
“มาหาใครคะคุณปื๊ด วันนี้คุณพ่อของคุณไม่ได้มาทำงานหรอกค่ะ”
“ตอแหล…รถเตี่ยจอดอยู่ข้างล่างเห็นอยู่ได้ชัด ๆ
ผมไม่ใช่เด็กอมมือจะได้มาหลอกกันง่าย ๆ….หลีกไป!”
ปื๊ดทำท่าจะเดินไปเปิดประตู แต่หล่อนกลับยกมือขึ้นกางกั้น
“เข้าไปไม่ได้นะคะคุณปื๊ด…ตอนนี้ท่านกำลังมีแขกอยู่”
“แขกสำคัญขนาดไหนเชียว อั๊วไม่สนใจหรอกหลีกไป…หลีก!”
เขาผลักหล่อนให้พ้นทางอย่างไม่เกรงใจกันอีกต่อไป
แล้วถือวิสาสะเปิดประตูทำงานของเตี่ยทันที
อรอนงค์กำลังนั่งออเซาะเสี่ยกำชัยอยู่พอดี
พอเห็นปื๊ดเปิดประตูผัวะเข้ามา หล่อนรีบลุกพรวดพราดขึ้นยืนอย่างตกอกตกใจ
ปื๊ดมองดูหญิงสาวที่แต่งตัวในชุดปลุกใจเสือป่าด้วยสายตาเหยียดหยามแล้วหันไปทางเตี่ยของเขา
“เตี่ย ผมมีเรื่องจะพูดกับเตี่ยเป็นการส่วนตัวหน่อย”
เสี่ยกำชัยเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ชายตามองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแว้บหนึ่ง
แล้วหันไปบอกกับหญิงสาว
“กลับไปก่อนเถอะนะ คุณอรอนงค์!”
หล่อนชื่ออรอนงค์ ถ้าเช่นนั้นข้อมูลที่ได้มาไม่ผิดแน่ ปื๊ดคิดในใจ
ไม่มีประโยชน์อะไรที่หล่อนจะอยู่ต่ออีก
เด็กหนุ่มคนนี้
จะต้องเป็นลูกชายของเสี่ยกำชัยอย่างแน่นอนอรอนงค์รีบคว้ากระเป๋าสตางค์กับแฟ้มเอกสารของต้นมาถือ
แล้วเดินล่าถอยออกไปจากห้องอย่างสงบ
“มึงมีเรื่องอะไรว่ามา?”
เสี่ยกำชัยถามเสี่ยงขุ่น เมื่ออรอนงค์ออกจากห้องไปแล้ว
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียน้อยของเตี่ยใช่ไหม?” ปื๊ดถามพร้อมกับชี้มือไปที่ประตู
“ถ้าใช่แล้วมึงจะทำไม มันเรื่องส่วนตัวของกูไอ้ปื๊ด….มึงไม่เกี่ยว”
ผู้เป็นพ่อมองหน้าอย่างไม่พอใจ
“ต้องเกี่ยวซิเตี่ย…เตี่ยทำให้แม่ต้องเสียใจเพราะเรื่องนี้
ผมยอมไม่ได้หรอก!”
เสี่ยกำชัยฉุนจัด ลุกพรวดขึ้นยืนชี้หน้าลูกชาย
“ไอ้ลูกเวร…นี่มึงคิดจะแบล็คเมล์กูเรอะ??”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น