วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เตียงนางไม้ ตอนที่16

โดย...เจิด จินตนา
๑๖ . . .
อุ้ม อิศยา เป็นวนา


                    ตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นตน เพิ่งจะมีหนนี้ที่แตนคิดว่าหล่อนโดนผีหลอกเข้าให้แล้ว ทั้งๆ ที่ไม่เคยเชื่อมาก่อนเลยว่า ผีจะมีจริงในโลกนี้
                        ส่วนยัยตุ่มนั้นแทบจะไม่ต้องพูดถึง หล่อนเกิดความหวาดกลัวอย่างขนาดหนัก จนไม่กล้ากลับไปนอนคนเดียวที่บ้าน ติดเกาะแจอยู่กับแตนนั่นเอง
                        คืนนั้น ทั้งสองสาวปรับทุกข์กกันถึงเหตุการณ์อันน่าขนพองสยองเกล้าที่เกิดขึ้นเมื่อตอนหัวค่ำอยู่จนดึกจนดื่น
                        ไฟในห้องนอนของแตนถูกเปิดเอาไว้สว่างโร่ทุกดวง ตามคำขอร้องของตุ่ม ซึ่งเป็นคนที่กลัวผีอย่างขนาดหนัก ทั้งคู่นั่งกอดเข่าจุกอยู่บนเตียงกำลังคิดกันไปต่าง ๆ นานา
                        ไม่นึกเลยนะว่าพี่ต้นจะเลี้ยงผีเอาไว้ในห้อง น่ากลัวออกจะตายไปทำไมพี่ต้นถึงได้กลายเป็นคนอย่างนี้ไปไม่รู้ซีนะ…”
                        ตุ่มพูดเปรยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแสดงความวิตกกังวล นึกถึงความน่ากลัวที่ได้พบเห็นมาในห้องพักของชายหนุ่มทีไร เป็นต้องรู้สึกขนลุกพองขึ้นมาทุกที
                        ฉันว่าไม่ใช่หรอกตุ่มจำที่ยายคุณนายเจ้าของอพาร์ตเม้นท์บอกกับเราได้ไหม แสดงว่านังผีตนนี้จะต้องอยู่ในห้องนั้นมานานแล้ว ก่อนหน้าที่พี่ต้นจะย้ายเข้าไปอยู่เสียอีก
                        “เออจริงซินะ แล้วทำไมพี่ต้นถึงไม่กลัวมันเลยล่ะ ทนอยู่เข้าไปได้ยังไงในห้องผีสิงแบบนั้น?
                        “ดู ๆ ไปแล้ว  ฉันว่าพี่ต้นกับนังผีนั้นจะต้องมีความสัมพันธ์อะไรกันอยู่แน่ ท่าทางเหมือนรู้จักกันดีเลยเชียวล่ะ
                        “ฮ้า! จริงหรือนี่?” ตุ่มอุทานเสียงดัง ทำตาโตเท่าไข่ห่าน  หมายความว่า  พี่ต้นเกิดชอบกับผีขึ้นมาอย่างงั้นเหรอนี่?”
                        “ฉันไม่ค่อยแน่ใจนักว่าใช่หรือเปล่า….เพราะมันไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้
                        “ต้องใช่แหงเลยแตนไม่งั้นผีกับคนจะอยู่ด้วยกันได้ยังไง ทีแรกฉันไม่รู้หรอกว่ามันเป็นผี เห็นเป็นคนหน้าตาน่ารัก ยังนึกอยู่ในใจเลยว่า ต้องเป็นแฟนของพี่ต้นแน่
                        “ใช่….นังนั่นมันก็สวยดีหรอก เพราะอย่างนี้นี่เอง พี่ต้นถึงได้ไม่ยอมไล่มันไป คงจะเกิดหลงเสน่ห์หนังผีตนนั้นขึ้นมาจนไม่ลืมหูลืมตา ฮึ่ม, เจ็บใจนักพี่ต้นนะพี่ต้น แตนมีอะไรด้อยกว่านังผีตัวนั้นที่ตรงไหนถึงได้เห็นผีดีกว่าแตน
                        “เอ…..ก็ไม่รู้เหมือนกันซินะว่า พี่ต้นมีเหตุผลอะไรเขาถึงได้ยอมทนอยู่กับมัน
                        ตุ่มพึมพำออกมาอย่างรู้สึกข้องใจเต็มประดา ที่ชายหนุ่ม ซึ่งเคยประพฤติตัวดีมาตลอดในสายตาของหล่อน ต้องกลายเป็นคนแบบนี้ไป ทำราวกับว่า ผู้หญิงทั้งโลกหาไม่ได้อีกแล้วอย่างนั้นแหละ ถึงได้ไปรักกับผี
                        “นังผีร้ายตัวนี้มันจะต้องทำอะไรกับพี่ต้นสักอย่างแน่….” แตนออกความเห็น หล่อนก้าวลงจากเตียงนอนแล้วเดินวนไปเวียนมาเหมือนเสือติดจั่น อย่างรู้สึกไม่สบายใจ นังนี่มันมีฤทธิ์เดชร้ายนัก ฉันเพิ่งจะนึกอะไรออก วันที่ฉันถูกถีบเข้าไปใต้เตียง ต้องเป็นฝีมือของมันแน่ พี่ต้นนั่นแหละรู้ดี แต่พยายามปกปิดเอาไว้ยอมบอกเรา…”
                        “แล้วนี่เราจะทำยังไงกันดีล่ะ ขืนปล่อยเอาไว้แบบนี้ สักวันหนึ่งพี่ต้นต้องถูกนังผีร้ายตัวนี้หักคอเอาแน่!” ตุ่มชักเป็นห่วงเพื่อนชายของหล่อน
                        เมื่อก่อนฉันไม่เคยเชื่อว่าผีจะมีจริง จนกระทั่งมาเจอกับตัวเองเข้า….” แตนหยุดเดิน ยกมือกอดอกใช้ความคิดหนัก ฉันจะลองพูดกับพี่ต้นเขาดี ๆ ขอให้เขาย้ายออกจากห้องนั้นเสีย!”
                                                            **********
                        ต้นตื่นเต้นนอนแต่เช้าตรู่ หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่งตัวออกมาจากห้องน้ำพร้อมที่จะไปทำงานชายหนุ่มมองเห็นนางไม้สาวยืนยิ้มกริ่มอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ท่าทางดูมีพิรุธอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
                        ยิ้มทำไมครับคุณวนาผมมีอะไรดูตลกอย่างนั้นหรือ?”
                        “เปล่าหรอกค่ะ คุณต้น วนาเพียงแต่รู้สึกนึกขำเหตุการณ์เมื่อวานนี้นิดหน่อย
                        “มันไม่ใช่เรื่องน่าขำเลยนะคุณวนา…” ชายหนุ่มฉวยโอกาสต่อว่าต่อขาน  คุณทำให้ยัยตุ่มกับคุณแตนต้องเกิดความหวาดกลัว เพราะเรื่องเล็กนิดเดียวเท่านั้นเอง แต่คุณกลับทำให้มันบานปลาย จนโกลาหลกันไปหมดทั้งอพาร์ตเม้นท์
                        “วนาขอโทษค่ะ นึกไม่ถึงว่าเหตุการณ์มันจะเป็นแบบนั้น ความจริงแล้ววนาแค่อยากสั่งสอนความเย่อหยิ่งจองหองของคุณแตนนิดหน่อยเท่านั้นแหละ”   
                        “แต่คุณทำให้ผมกับคุณแตนผิดใจกัน ท่าทางเธอจะโกรธผมมากเลยทีเดียวล่ะ
                        “ทำไมคุณต้น  ไม่ไปปรับความเข้าใจกับเธอเล่าคะ?”
                        “ไปได้ยังไงกันผมคงมองหน้าคุณแตนไม่ติดอีกแล้ว ในเมื่อเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้
                        “เธอคงไม่โกรธคุณต้นหรอกค่ะ เอาของสิ่งนี้ไปให้เธอซิคะ
                        นางไม้สาวยื่นมือมาตรงหน้าต้นแล้วแบฝ่ามือออก ชายหนุ่มมีสีหน้าฉงนเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือหล่อน
                        กิ๊บติดผม...ทำไมคุณเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาง่าย ๆ ล่ะทั้ง ๆ ที่แย่งกันจะเป็นจะตาย?”
                        “วนามาคิดดูแล้ว สาเหตุที่ทำให้คุณต้นกับคุณแตนต้องผิดใจกัน มันมาจากของสิ่งนี้ ในเมื่อคุณแตนอยากได้มันมาก ก็เอาไปให้เธอเสียเถอะค่ะ
                        ชายหนุ่มรับกิ๊บติดผมคู่นั้นมาถือไว้ มองดูเจ้าวัตถุชิ้นเล็ก ๆ สองชิ้นซึ่งมีราคาค่างวดเพียงไม่กี่สตางค์แต่ก่อให้เกิดปัญหาขึ้นมาตั้งมากมายก่ายกอง แล้วต้องถอนหายใจยาว พร้อมกับส่ายหน้า
                        ถ้าคุณยอมให้เธอเสียแต่ทีแรก เรื่องมันคงไม่ลุกลามใหญ่โตอย่างนี้
                        “ไม่ว่ามนุษย์หรือเทวดา ย่อมมีคามผิดพลาดกันได้บ้าง วนาเพิ่งคิดได้ว่าตนเองเป็นเทพ ไม่เป็นการสมควรที่จะทำให้คนอื่นต้องได้รับความเดือดร้อน แม้ของสิ่งนี้จะเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของวนา แต่ถ้าเก็บเอาไว้ต่อไป เรื่องราวทั้งหลายคงจะไม่ยอมยุติลงง่าย ๆ เป็นแน่
                        “ความจริงแล้ว ผมตั้งใจที่จะซื้อมาให้คุณ  แต่คุณแตนเธอเข้าใจผิดไปเอง ถึงยังไงผมต้องขอขอบคุณที่คุณวนายอมเป็นฝ่ายเสียสละ   แล้วผมจะหาซื้อของอย่างอื่นมาทดแทนให้ผมไปทำงานก่อนนะครับ
                        เขาเก็บกิ๊บติดผมคู่นั้นใส่กระเป๋าเสื้อ เดินตัวปลิวเปิดประตูออกจากห้องพักอย่างรู้สึกเบิกบานใจ คาดไม่ถึงว่าเรื่องจะลงเอยได้ง่าย ๆ แบบนี้ เขาจะหาโอกาสอธิบายความจริงทั้งหมดให้คนรักฟัง และถ้าหากเป็นไปได้ เขาอยากให้แตนได้ทำความรู้จักและเข้าใจดีกับวนาเสีย ปัญหาทุกอย่างจะได้จบสิ้นลงไป
                        พอเดินลงบันไดมาถึงชั้นล่าง  ต้นเห็นปื๊ดกำลังทำท่าสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ของเขาอยู่ จึงเร่เข้าไปทัก
                        ไงปื๊ด….จะไปไหนแต่เช้าเลยล่ะ?”
                        “ทำธุระให้แม่หน่อยนะครับ พี่ต้น!”
                        “อ๋อ เรื่องที่รับปากกับแม่ของปื๊ดเมื่อวานนี้ ใช่ไหมล่ะ?”
                        “ครับพี่ต้น….ผมนัดกับพวกเพื่อนไว้ที่หน้าโรงงานอีผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นจะต้องเสร็จพวกผมแน่….”
                        เด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์บอกอย่างมั่นอกมั่นใจ ดูท่าทางของเขาเอาจริงเอาจังมาก ทำให้ต้นนึกถึงคำขอร้องของคุณนายลิ้นจี่ผู้เป็นแม่ของปื๊ด ที่ร้องห่มร้องไห้ฟูมฟาย วิงวอนให้ลูกชายช่วยสืบหาที่อยู่เมียน้อยคนโปรดของเสี่ยกำชัย ซึ่งหล่อนระบุว่าเป็นผู้ที่จะมาผลาญทรัพย์สมบัติของตระกูล
                        นี่กะว่าจะเปลี่ยนอาชีพมาเป็นนักสืบกันหรือ?” เขาแกล้งกระเซ้า
                        เปล่าหรอกพี่ต้น ไอ้อ๊อดมันมีพี่ชายทำงานเป็นยามอยู่ที่โรงงานของเตี่ย พวกเพื่อน ๆ เลยรับอาสาที่จะช่วยผมทำเรื่องนี้กัน
                        “อ๋อเข้าใจล่ะ ถ้างานชิ้นนี้สำเร็จ คุณแม่ของปื๊ดจะอนุญาตให้เล่นดนตรีได้ตามความพอใจ โดยไม่ขัดขวางอีกต่อไป มันก็ดีเหมือนกันนะ
                        “ครับพี่ต้น  ไปด้วยกันไหมล่ะครับ?”
                        “ต้องขอโทษด้วยนะ พี่อยากจะช่วยเหมือนกันแต่ต้องรีบไปทำงาน
                        “งั้นขึ้นมาซิครับ ผมจะไปส่งพี่ต้นลงปากซอย
                        “ขอบใจนะปื๊ด
                        ชายหนุ่มขึ้นนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ ปื๊ดเข้าเกียร์เร่งเครื่องให้มอเตอร์ไซค์คู่ชีพทะยานออกจากลานจอดรถของอพาร์ตเม้นท์ไปในทันที
                                                            **********
                        ในห้องทำงานของเสี่ยกำชัย  เสี่ยใหญ่เจ้าของโรงงานทอผ้า กำลังอารมณ์เสียแต่เช้า เพราะเมื่อคืนนี้เกิดทะเลาะกับเมีย มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง คุณนายลิ้นจี่พยายามคาดคั้นที่จะเอาความจริงจากเขาให้ได้ ว่าแอบไปมีเมียน้อยซุกซ่อนเอาไว้ที่ไหน
                        เสี่ยกำชัยรู้ดีว่า ต้องเป็นลูกน้องของเขาในโรงงานแน่ ที่คาบข่าวไปบอกคุณนายลิ้นจี่ เมื่อมาถึงที่ทำงานเสี่ยใหญ่เลยเอ็ดตะโรลั่น ประกาศจะเอาเรื่องกับทุกคนถ้าจับได้ว่าเป็นใคร ทำให้พนักงานของเขาไม่มีใครกล้าเข้าหน้าเลยสักคน ต่างก้มหน้าก้มตาทำงานกันไปตามหน้าที่ของตนอย่างสงบเงียบกริบทั้งสำนักงาน
                        อรอนงค์เปิดประตูห้องทำงานเข้ามา หล่อนอยู่ในชุดกระโปรงผ้ายืดสีดำรัดรูปสั้นจู๋ แขนกุดคอคว้านลึกจนแทบจะปิดบังถันอวบมโหฬารเอาไว้ได้ไม่มิด มีผ้าคาดเอวสีชมพูผูกชายพลิ้วแทนเข็มขัด ทำให้ร่างเพรียวระหง ดูยั่วยวนสะดุดตาผู้พบเห็น
                        สีหน้าของเสี่ยใหญ่แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มทันทีที่หล่อนเดินเข้ามาหา
                        “นึกยังไงขึ้นมา ถึงได้มาหาป๋าแต่เช้าเชียวจ๊ะ….หนูอร?”
                        “แหม ! ไม่น่าถาม….อรคิดถึงป๋าน่ะซิคะ เมื่อคืนป๋าทิ้งให้อรนอนคนเดียว เหงาจะตายไป”
                        “ป๋าจะไปนอนค้างกับหนูทุกคืนไม่ได้หรอกนะ ต้องกลับไปนอนบ้านมั่ง เดี๋ยวอีแก่ที่บ้านมันเกิดสงสัยเอา ดูเหมือนมันชักจะรู้ระแคระระคายเสียแล้วด้วย ไม่รู้ว่าไอ้ปากหมาตัวไหนแอบไปฟ้องมัน…”
                        “อรเข้าใจป๋าดีค่ะ แต่ว่า….” หล่อนเดินเข้ามาเอามือโอบรอบคอเสี่ยกำชัย ทำท่าทางออเซาะ วันนี้รู้สึกเบื่อๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไม่อยากอยู่บ้านเลยป๋าพาอรไปเดินช็อปปิ้งหน่อยนะคะอรอยากจะหาซื้ออะไรไปตกแต่งห้องนอนให้สวย ๆ จะได้ไม่รู้สึกเซ็งยังไงล่ะคะ
                        “เช้า ๆ อย่างนี้ห้างสรรพสินค้ายังไม่เปิดหรอกจ้ะหนูอร อีกอย่างป๋ายังมีงานอีกเยอะแยะต้องทำ
                        “ไม่เป็นไรหรอกค่ะป๋าอรรอได้!!”
                        หล่อหย่อนสะโพกลงนั่งบนพนักเท้าแขนเก้าอี้มองไปที่โต๊ะทำงานเห็นมีกองเอกสารตั้งอยู่มากมาย แฟ้มเอกสารของบริษัทประกันภัยวางอยู่ตรงมุมหนึ่ง เป็นแฟ้มแบนเดียวกับที่หล่อนเคยเห็นต้นถืออยู่ในมือ เมื่อครั้งที่หล่อนเกือบจะขับรถชนเขา ตรงหน้าออฟฟิศของโรงงาน
                        อรอนงค์ยังจำใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่มนักหาประกันรูปหล่อคนนั้นได้อย่างติดตา เขาเป็นผู้ชายที่ถูกสเป็คหล่อนเอามาก ๆ ตั้งแต่พบกันในวันนั้น หล่อนเก็บเอาไปนอนฝันถึงเขาทุกคืน หัวใจร่ำร้องปรารถนาที่จะได้พบเจอกับเขาอีกครั้งหนึ่ง
                        “บริษัทประกัน ส่งตัวแทนมาติดต่อกับป๋าอีกแล้วหรือคะ?” แกล้งถามไปอย่างนั้นเอง ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจดีว่าใครเป็นคนมาติดต่อ
                        “ใช่แล้วจ้ะ หนูอร พวกนี้มันตื้อสะบัดช่อเลยจริง ๆ
                        “ป๋าน่าจะทำประกันโรงงานนะคะ โรงงานของป๋าออกใหญ่โต หน่วยรักษาความปลอดภัยไว้วางใจนักไม่ได้หรอกค่ะ
                        “ป๋าก็กำลังคิดอยู่เหมือนกัน แต่พักนี้งานมันยุ่งมาก เลยยังไม่มีเวลาพิจารณารายละเอียด”
                        ให้อรช่วยมั้ยล่ะคะป๋า?”
                        “หนูรู้เรื่องเกี่ยวกับประกันดีหรือ?” เสี่ยใหญ่ย้อนถาม
                        ค่ะ อรเคยทำมาก่อน บริษัทนี้อรรู้จักดีด้วยบางทีอาจจะช่วยให้ป๋าได้ผลประโยชน์มากขึ้น และเสียเบี้ยประกันน้อยลงนะคะป๋า
                        “งั้นดีน่ะซิ….ป๋าขอมอบหน้าที่ให้หนูไปเลยหพยายามหาทางต่อรองให้ได้มากที่สุดเท่าไหร่ยิ่งดีเสี่ยกำชัยหยิบแฟ้มของบริษัทประกันส่งให้หญิงสาว
                        ค่ะ….อรจะพยายาม
                        อรอนงค์ยิ้มอย่างดีใจ ด้วยวิธีนี้หล่อนีคงมีโอกาสได้พบต้นอีกอย่างแน่นอน
                                                            **********
                        สี่สหายเพื่อนนักดนตรีของปื๊ดกำลังนั่งจับกลุ่มในร้านกาแฟตรงข้ามกับโรงงานทอผ้า ทุกคนต่างพากันชะเง้อมองไปที่ถนนอย่างกระวนกระวายใจ
                        เมื่อคืนนี้ปื๊ดนำเรื่องที่แม่ของเขาขอร้องให้ช่วยสืบหาคนที่เป็นเมียน้อยของเตี่ย ไปปรึกษากับเพื่อน ๆ บังเอิญอ๊อดมีพี่ชายทำงานเป็นยามรักษากาณ์ อยู่ที่โรงงานทอผ้า  และทุกคนยินดีที่จะให้ความร่วมมือกับปื๊ด
                        ทั้งสี่ยกโขยงมาที่นี่ตั้งแต่เช้า อ๊อดสอบถามจากพี่ชายดูจนได้ความว่า ผู้หญิงที่เป็นเมียน้อยของเสี่ยกำชัยชื่ออรอนงค์ใช้รถเก๋งบีเอ็มดับบลิวสีเปลือกมังคุด พร้อมกับบอกหมายเลขทะเบียนให้เสร็จ หล่อนมักจะมาหาเสี่ยกำชัยที่โรงงานเสมอ
                        พอรู้เช่นนั้น อ๊อด หนึ่ง โจและเอก จึงสั่งน้ำอัดลมนั่งดื่มรออยู่ในร้านกาแฟแห่งนี้ จนกระทั่งเห็นรถเก๋งของอรอนงค์ แล่นเข้าไปในโรงงานตั้งนานแล้วปื๊ดก็ยังไม่เห็นโผล่โฉมหน้ามาเสียที ทุกคนจึงเริ่มกระสับกระส่ายนั่งไม่ค่อยติด
                        ทำไมไอ้ห่าปื๊ดยังไม่มาซะทีวะเอกบ่นพึมพำอย่างหัวเสีย ขืนชักช้าแบบนี้ เดี๋ยวแม่คนนั้นกลับไปเสียก่อนเราต้องเสียเวลามานั่งเฝ้ากันใหม่อีก
                        “มัวไปทำห่าเหวอะไรอยู่ที่ไหนไม่รู้เอ็งแน่ใจว่าโทร.ไปบอกมันแล้วนะไอ้โจ?” อ๊อดหันไปถามเพื่อน
                        แน่ใจซี่ ไอ้ปื๊ดมีนรับปากรีบมา รถอาจจะติดมั่ง เช้า ๆ อย่างเงี้ย!”
                        “มันขี่มอเตอร์ไซค์โว้ย ไม่ใช่รถเก๋งจะได้ติดเหง็กไอ้หอกหักโจพลอยซวยถูกหนึ่งด่าเข้าให้
                        เฮ้ย ! มันมานั่นแล้วไง!”
                        อ๊อดชี้มือให้เพื่อนดูรถมอเตอร์ไซค์ของปื๊ด ที่กำลังบิดมาอย่างเต็มที่บนถนนแจ้งวัฒนะ แล้วชะลอความเร็วลงจอดพรืดหน้าร้านกาแฟ
                        ปื๊ดขึ้นสแตนด์รถมอเตอร์ไซค์ล็อคกุญแจเสร็จ เดินเข้ามาหาเพื่อน ๆ
                        ผู้หญิงคนนั้นมาถึงหรือยังวะ?”
                        “เข้าไปตั้งนานแล้ว นึกว่าเอ็งจะไม่มาเสียอีก ไอ้เวร” เอกเป็นคนบอกอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก
                        “เอ็งแน่ใจนะไอ้อ๊อด ว่าไม่ผิดตัว
                        “รับลองชัวร์ไอ้อ๊อดยืนยัน คำพูดของพี่กูเชื่อถือได้แน่นอน แล้วนี่เอ็งจะเอายังไงวะไอ้ปื๊ด ฉุดไปขายซ่องซะเลยดีมั้ย?”
                        “เฮ้ยมากไป ปื๊ดตาเหลือกรีบร้องห้าม เอ็งจะหาเรื่องติดคุกกันหรือไง พวกเอ็งอย่าเพิ่งทำให้ไก่ตื่นก่อนอื่นกูอยากเห็นหน้ามันชัด ๆ หน่อย กูจะเข้าไปดูซิว่ามันมาหาเตี่ยกูจริงหรือเปล่า
                        “อ้าว แล้วพวกเราล่ะ?” ไอโจถาม
                        พวกเอ็งนั่งรออยู่ที่นี่แหละ ถ้าเห็นมันออกมาไอ้โจเอ็งเอามอเตอร์ไซค์ของกูตามมันไป สืบดูให้รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน แล้วกลับไปพบกันที่ห้องพักของกู พวกเราจะไปรอฟังข่าวจากเอ็งที่นั่น นอกนั้นเป็นหน้าที่ของกูเอง
                        “ไม่ดีล่ะมั้งไอ้อ็อดพูดแย้งขึ้นมา ไอ้โจมันยังขี่รถไม่ค่อยแข็ง กูเองดีกว่ารับรองว่าตามไม่ให้พลาดชัวร์ป้าดแหง!”
                        “งั้นตามใจเอ็งไอ้อ๊อดปื๊ดพยักหน้าหงึก โยนกุญแจรถให้ ถ้าไม่ได้เรื่อง เอ็งโดนเหยียบแน่ กูไปก่อนล่ะ
                        เขาผละจากกลุ่มเพื่อน ๆ เดินข้ามถนนตรงไปยังโรงงานทอผ้า พี่ชายของอ๊อดยืนรักษาการณ์อยู่หน้าประตูพอเห็นเด็กหนุ่มร่างสมบูรณ์ ลูกชายเจ้าของโรงงานเดินมา รู้ได้ทันทีว่าอะไรจะเกิดขึ้น แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ปล่อยให้ปื๊ดเดินผ่านประตูรั้วโรงงานเข้าไป
                        ที่หน้าอาคารสำนักงาน ปื๊ดเห็นรถบีเอ็มดับบลิวสีเปลือกมังคุด จอดอยู่ข้างรถเบ๊นซ์ของเตี่ย ชายหนุ่มกัดฟันกรอด แล้วเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในสำนักงานกระโจนพรวดขึ้นบันไดไปทันที
                        เขาผลักประคูกระจกเดินดุ่ม ๆ ตรงไปที่ห้องทำงานของเตี่ย เลขาฯ สาวหน้าห้องตกใจแทบช็อคเมื่อเห็นปื๊ดพรวดเข้ามา รีบถลันลุกขึ้นยืนขวางหน้าเขาไว้
                        มาหาใครคะคุณปื๊ด วันนี้คุณพ่อของคุณไม่ได้มาทำงานหรอกค่ะ
                        “ตอแหลรถเตี่ยจอดอยู่ข้างล่างเห็นอยู่ได้ชัด ๆ ผมไม่ใช่เด็กอมมือจะได้มาหลอกกันง่าย ๆ….หลีกไป!”
                        ปื๊ดทำท่าจะเดินไปเปิดประตู แต่หล่อนกลับยกมือขึ้นกางกั้น
                        เข้าไปไม่ได้นะคะคุณปื๊ดตอนนี้ท่านกำลังมีแขกอยู่
                        “แขกสำคัญขนาดไหนเชียว อั๊วไม่สนใจหรอกหลีกไปหลีก!”
                        เขาผลักหล่อนให้พ้นทางอย่างไม่เกรงใจกันอีกต่อไป แล้วถือวิสาสะเปิดประตูทำงานของเตี่ยทันที
                        อรอนงค์กำลังนั่งออเซาะเสี่ยกำชัยอยู่พอดี พอเห็นปื๊ดเปิดประตูผัวะเข้ามา หล่อนรีบลุกพรวดพราดขึ้นยืนอย่างตกอกตกใจ
                        ปื๊ดมองดูหญิงสาวที่แต่งตัวในชุดปลุกใจเสือป่าด้วยสายตาเหยียดหยามแล้วหันไปทางเตี่ยของเขา
                        เตี่ย ผมมีเรื่องจะพูดกับเตี่ยเป็นการส่วนตัวหน่อย
                        เสี่ยกำชัยเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ชายตามองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนแว้บหนึ่ง แล้วหันไปบอกกับหญิงสาว
                        กลับไปก่อนเถอะนะ คุณอรอนงค์!”
                        หล่อนชื่ออรอนงค์ ถ้าเช่นนั้นข้อมูลที่ได้มาไม่ผิดแน่ ปื๊ดคิดในใจ
                        ไม่มีประโยชน์อะไรที่หล่อนจะอยู่ต่ออีก เด็กหนุ่มคนนี้ จะต้องเป็นลูกชายของเสี่ยกำชัยอย่างแน่นอนอรอนงค์รีบคว้ากระเป๋าสตางค์กับแฟ้มเอกสารของต้นมาถือ แล้วเดินล่าถอยออกไปจากห้องอย่างสงบ
                        มึงมีเรื่องอะไรว่ามา?”
                        เสี่ยกำชัยถามเสี่ยงขุ่น เมื่ออรอนงค์ออกจากห้องไปแล้ว
                        ผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียน้อยของเตี่ยใช่ไหม?” ปื๊ดถามพร้อมกับชี้มือไปที่ประตู
                        “ถ้าใช่แล้วมึงจะทำไม มันเรื่องส่วนตัวของกูไอ้ปื๊ด….มึงไม่เกี่ยวผู้เป็นพ่อมองหน้าอย่างไม่พอใจ
                        ต้องเกี่ยวซิเตี่ยเตี่ยทำให้แม่ต้องเสียใจเพราะเรื่องนี้ ผมยอมไม่ได้หรอก!”
                        เสี่ยกำชัยฉุนจัด ลุกพรวดขึ้นยืนชี้หน้าลูกชาย
                        ไอ้ลูกเวรนี่มึงคิดจะแบล็คเมล์กูเรอะ??”










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น