วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เตียงนางไม้ ตอนที่ 22

โดย...เจิด จินตนา
๒๒ . . .



          โฉมศรีรู้สึกผิดหวังอย่างแรงจนถึงกับซึมไปเลยทีเดียว เมื่อการเจรจากับต้นต้องล้มเหลวลงโดยสิ้นเชิง เงินก้อนใหญ่ที่คาดหวังไว้ว่าตะได้พลันละลายหายไปในพริบตา เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง
            ทันทีที่ต้นก้าวพ้นสำนักงานของอพาร์ตเม้นท์ออกไป หล่อนรีบติดต่อโทรศัพท์ไปถึงแตนด้วยความรู้สึกห่อเหี่ยวใจ
            เสียใจจริง ๆ นะคะคุณแตนคุณต้นปฏิเสธไม่ยอมย้ายออกจากห้องค่ะโฉมศรีบอก เมื่อหญิงสาวมารับสาย
            อ้าว ! ทำไมถึงเป็นอย่างงั้นล่ะคุณโฉมศรีบอกเขาหรือเปล่าคะ ว่าจะจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้
            “บอกค่ะ….ฉันเสนอให้คุณต้นตั้งหนึ่งหมื่นบาทแต่เขาไม่ยอมรับค่ะ
            “พี่ต้นพูดกับคุณโฉมศรีว่ายังไงหรือคะ?”
            “เขาว่าเขาชอบห้องนั้น ถึงแม้ฉันจะพยายามเตือนเขาแล้วว่าผีดุยังไงเขาก็ไม่ยอมเชื่อ ดูเหมือนคุณต้นจะไม่มีท่าทางหวาดกลัวเลยนะคะ
            “แสดงว่าพี่ต้นต้องถูกนังผีตัวนั้นทำเสน่ห์แน่ ถึงได้เกิดหลงมันจนงมงายแบบนี้…”
            เสียงของแตนกระแทกกระทั้นเหมือนกัดฟันพูดอย่างคับแค้นใจ ทำให้โฉมศรีหูผึ่ง
            ต๊าย ! เป็นไปได้หรือคะคุณแตน?”
            “หนูคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นนะคะ เพราะไม่ว่าใครจะพูดยังไงเขาก็ไม่เคยเชื่อ กลับออกตัวช่วยปกป้องมันเสียด้วยซ้ำไป
            “อืมม์….นั่นน่ะซิคะสาวใหญ่พยักหน้าหงึกหงัก นึกถึงท่าทางของต้นแล้วเห็นจริงเห็นจัง คล้อยตามคำพูดของแตนไปด้วย….” ลองเป็นแบบนี้คุณต้นต้องแย่แน่ ๆ เลยค่ะ ปล่อยไว้ไม่ได้นะคะ ไม่ช้าอาจจะโดนผีเล่นงานเอาจนตาย
            “หนูก็กลุ้มใจเหมือนกัน มันมืดแปดด้านไปหมดไม่รู้จริง ๆ ว่าจะช่วยพี่ต้นได้ยังไง…”
            “เอาอย่างนี้ดีไหมคะ ถ้าคุณแตนต้องการจะช่วยคุณต้นจริง ๆ เรื่องแบบนี้มันต้องใช้หมอผีจัดการค่ะ
            “หมอผีหรือคะ…” แตนถามย้ำ น้ำเสียงฟังดูแล้วเหมือนไม่เชื่อถือเท่าไหร่นัก
            ค่ะฉันรู้จักหมอผีอยู่คนหนึ่งชื่อหมอฉุย แกเป็นคนเก่งมากในเรื่องนี้มีวิชาอาคมในการจับผี จนเป็นที่เลื่องลือคนขึ้นมากเลยค่ะ….”
            โฉมศรีบรรยายสรรพคุณของหมอฉุยอย่างรู้สึกมีความศรัทธาในตัวหมอผีคนนี้เต็มที่แล้ว ทำให้หญิงสาวนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อมีหนทางอื่นแล้ว หากจะลองเชื่อถือดูบ้าง มันจึงไม่เสียหายอะไรไม่ใช่หรือ
            คุณโฉมศรีช่วยพาหนูไปหาหน่อย ได้หรือเปล่าล่ะคะ?”
            “ได้ซิคะคุณแตน….แต่หมอฉุยแกคิดทำพิธีแพงหน่อยนะคะ
            “แพงแค่ไหนหนูไม่ว่า……..ขอให้ได้ผลก็แล้วกันค่ะ….”
                        **********
            ต้นตรงดิ่งกลับเข้าห้องของตน ด้วยความรู้สึกสับสนวุ่นวายไปหมด เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมแตนถึงไม่ยอมฟังเขาบ้าง กลับตั้งหน้าตั้งตาที่จะเอาชนะวนาให้ได้อยู่ท่าเดียว ทั้ง ๆ ที่นางไม้สาวยอมอ่อนข้อให้กับหล่อนแล้ว
            ถ้าจะเปรียบเทียบกันไปแล้ว ผียังดีกว่าคนตรงที่พูดกันรู้เรื่อง และมีความเห็นอกเห็นใจ แต่ดูเหมือนว่าคนรักของเขาจะไม่ยอมรับรู้และเข้าใจอะไรเลย
            ชายหนุ่มลืมนึกถึงความจริงไปข้อหนึ่งที่ว่า ผู้หญิงลองเกิดความหึงหวงขึ้นมาแล้ว ต้องพยายามที่จะเอาชนะกันให้ได้ทุกวิถีทาง เพื่อช่วงชิงคนที่หล่อนรักมาเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียว
            เห็นสีหน้าของชายหนุ่ม แสดงอาการหมองคล้ำตั้งแต่ย่างก้าวเข้ามาในห้องแล้ว นางไม้สาวนึกรู้ได้ทันทีว่าเขาต้องมีเรื่องไม่สบายใจแน่
            เป็นอะไรไปหรือคะคุณต้น?” หล่อนเดินเข้ามาถาม เมื่อเห็นเขานั่งซึมอยู่ที่ห้องนั่งเล่น
            เปล่าไม่มีอะไรหรอกครับเขาพยายามบ่ายเบี่ยง เพราะไม่อยากให้วนารู้ความจริงว่าแตนกำลังคิดที่จะทำอะไรอยู่…”
            “ไม่สบายหรือเปล่าคะ?”
            นางไม้สาวรู้ว่าเขาคงมีความในใจ ที่ไม่อยากบอกทั้ง ๆ ที่ลักษณะท่าทางของเขามันฟ้องให้เห็นอยู่ชัดๆ แต่หล่อนอดถามอย่างห่วงใยไม่ได้
            ไม่หรอกครับคุณวนาผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง
            “มีอะไรบอกมาเถอะค่ะ….บางทีวนาอาจจะช่วยอะไรคุณต้นได้บ้าง!”
            หล่อนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ว่างยื่นมือจับแขนของเขาอย่างแผ่วเบาเหมือนเป็นการปลอบประโลมใจ
            เขาเงยหน้าขึ้นมองสบตาหล่อน แววตาคู่นั้นยังเต็มไปด้วยความมัวหมอง
            ช่วยบอกผมทีได้ไหมครับคุณวนา ทำไมผู้หญิงถึงได้ช่างเข้าใจอะไรยากเย็นเสียจริง?”
            “ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไปทุกคนหรอกค่ะคุณต้น….” หล่อนยิ้มน้อย ๆ มันขึ้นอยู่กับนิสัยของแต่ละคน บางคนรู้จักนึกคิด มีเหตุผล แต่บางคนอาจจะเป็นคนที่เห็นแก่ตัวจนเกินไป จนทำให้ไม่ยอมรับฟังเหตุผลและความจริง นอกจากเชื่อความรู้สึกนึกคิดของตนเองเท่านั้น”
            คงจะเป็นอย่างที่คุณว่านั่นแหละ…” เขาพยักหน้าช้า ๆ ใช้ความคิด  ความเห็นแก่ตัวทำให้คนเรามองอะไรในแง่ร้าย….เห็นคนอื่นเป็นศัตรูไปเสียหมด ที่โลกของเราต้องวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ เป็นเพราะความเห็นแก่ตัว แก่งแย่งชิงดีกันของคนเรานี่แหละ
            “อย่าไปคิดอะไรมากเลยค่ะ….ในเมื่อเรามีความจริงใจเสียอย่าง วางตัวเฉยไม่ตอบโต้ มิช้านานนักหรอกค่ะ คนอื่นจะต้องเข้าใจเราดีเอง…”
            “ผมอยากให้ทุกคนในโลกนี้ มีความคิดอย่างเดียวกับคุณ โลกของเราคงจะน่าอยู่ขึ้นมากไม่น้อยเลยทีเดียว
            “คุณต้นกำลังไม่สบายใจ บางทีถ้าหากได้เห็นอะไรที่สดใสสวยงามอาจจะช่วยให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างตามวนามาซิคะ
            หล่อนลุกขึ้นจูงมือเขาให้ลุกเดินตามไปที่เตียงนอนชายหนุ่มมองดูการกระทำของนางไม้สาวอย่างรู้สึกงุนงง
            คุณ….คุณจะทำอะไรหรือครับคุณวนา?”
            “เอาเถอะน่า….นั่งลงซิคะคุณต้นแล้วหลับตาเสีย!”
            เขายังคงยืนลังเลใจ จนวนาต้องกดไหล่ของเขาเบา ๆ ให้เขานั่งลงบนเตียงนอน ชายหนุ่มรู้ดีว่านางไม้สาวคงไม่คิดทำอะไรที่เป็นอกุศลอย่างแน่นอน จึงหลับตาลงทำตามที่หล่อนบอกอย่างว่าง่าย
            อย่าเพิ่งลืมตาขึ้นมา จนกว่าวนาจะบอกนะคะคุณต้น!”
            เสียงของหล่อนกำชับ เขาพยักหน้าแสดงอาการรับรู้แทนคำพูด แล้วนั่งตัวตรงหลับตานิ่ง อยากรู้เหมือนกันว่า หล่อนกำลังคิดที่จะทำอะไร
            นิ่งอยู่สักครู่ใหญ่ๆ ต้นไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย มีแต่ความเงียบเท่านั้น ต่อมาเขาจึงเริ่มรู้สึกเหมือนมีกระแสลมเย็นโบกโชยมากระทบถูกตัวของเขา พร้อมกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ นุ่มนวลของดอกไม้ป่า เช่นเดียวกับกลิ่นอายจากกายของนางไม้สาว
            เสียงนกร้องขับขานอย่างไพเราะเพราะพริ้ง ดังแว่วมาเข้าหู ทำให้ต้นรู้สึกสงสัยเต็มที่ว่ามันอะไรกันแน่
            ผมลืมตาได้หรือยังล่ะครับคุณวนา?”       
            “ได้แล้วค่ะคุณต้น….ลืมตาขึ้นมาซิคะ
            เสียงนางไม้สาวบอก เหมือนกระซิบอยู่ข้างหูชายหนุ่มค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมา แล้วก็ต้องพบกับความแปลกใจ
            สิ่งที่เขาเห็นอยู่โดยรอบ หาใช่ห้องนอนของเขาไม่แต่เป็นป่าเขาลำเนาไพร ที่มีทิวทัศน์อันงดงามจนสุดที่จะบรรยาย
            เขากำลังนั่งอยู่บนเตียงตัวเดิมมีวนานั่งขัดสมาธิอยู่ใกล้ ๆ แต่เวลานี้เตียงนอนกลับมาตั้งอยู่บนไหล่เขา ซึ่งแวดล้อมไปด้วยต้นไม้สักทองสูงตระหง่าน
            เบื้องหน้าของเขาเป็นทุ่งกาสะลอง ซึ่งกำลังออกดอกสีเหลืองสดใส บานสะพรั่งลดหลั่นลงไปตามไหล่เขาจนแลดูละลานตาไปหมด
            กลางทุ่งกาสะลองสีเหลืองสดเป็นลำธารเล็ก ๆ ซึ่งทอดตัวคดเคี้ยวไปตามแนวเชิงเขา น้ำในลำธารสะอาดและเห็นโขดหินและก้อนกรวดกระจัดกระจายอยู่ตลอดแนวลำธาร
            ไกลออกไป เป็นทิวเขาซึ่งถอดตัวยาวสลับซับซ้อนไปจนสุดขอบฟ้ากว้าง บางแห่งมีปุยเมฆลอยตัวปกคลุมอยู่เหนือยอดเขา ช่างเป็นภาพที่สวยสดงดงามตายิ่งนัก
            นี่มันที่ไหนกันนะครับคุณวนา
            “บนดอยแห่งหนึ่ง ไกลแสนไกลจากห้องพักที่เราอยู่
            “แล้วเรามาที่นี่ได้ยังไงกันล่ะครับ?”
            “เตียงตัวนี้พาเรามา วนาเคยอยู่ที่นี่มาก่อนหล่อนก้าวลงจากเตียงชี้ให้ดูตอไม้ผุ ๆ ซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดสองสามคนโอบ ที่ตรงนั้นเคยมีต้นสักทองต้นใหญ่และสวยงามที่สุดในกลุ่มสักทองนี้ แต่น่าเสียดาย ที่มันถูกโค่นจนกลายมาเป็นเตียงตัวนี้เสียแล้ว….”
            “สักทองต้นนั้นก็คงจะเป็นต้นไม้ที่คุณวนาเคยสิงสถิตอยู่มาก่อน?”
            “ถูกแล้วค่ะ….มันมีอายุเกือบจะครบห้าร้อยปีแล้วถ้าไม่ถูกคนแอบโค่นไปเสียก่อน….วนาอยู่กับมันมาตั้งแต่ยังเป็นต้นเล็ก ๆ มันเปรียบเสมือนกับเป็นบ้านของวนา
            “หมายความว่า….คุณวนาอยู่ในป่าแห่งนี้มาเกือบจะครบห้าร้อยปีแล้วซิครับ?”
            “ค่ะ
            หล่อนพยักหน้ารับ ท่าทางดูซึมเศร้าลงไป เมื่อพูดถึงต้นไม้ที่เคยอาศัยอยู่
            แล้วทำไมคุณถึงยอมให้คนมาโค่นมันล่ะครับ?”
            “วันนี้วนาไม่อยู่ เทพเทพารักษ์ผู้เป็นเจ้าแห่งป่าเรียกประชุมเหล่ารุกขเทวดาบนยอดเขา พอกลับมาถึงก็เห็นต้นไม้ถูกโค่นล้มลงมา และถูกเลื่อยเป็นท่อน ๆ เสียแล้ว วนาจึงต้องตามคนตัดไม้ไป ไม้ส่วนหนึ่งพวกเขานำมาทำเป็นเตียงตัวนี้
            “ดังนั้นคุณถึงได้สิงอยู่ที่เตียงตัวนี้แทนตั้งแต่นั้นมาชายหนุ่มพูดดักคอ
            ค่ะ….ถ้าไม่มีคนมาตัด ป่านนี้วนาคงจะยังมีความสุขสบายอยู่ที่นี่
            นางไม้สาวหันมองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าเศร้า ๆ คล้ายกับกำลังรำลึกถึงความหลัง เมื่อครั้งที่ยังอยู่ในป่าแห่งนี้
            ที่นี่สวยมากเลยนะ ช่วยพาผมไปชมรอบ ๆ หน่อยซิครับคุณวนา
            เห็นท่าทางของหล่อนแล้ว ชายหนุ่มรีบเปลี่ยนเรื่องพูด เพื่อหันเหความสนใจจากนางไม้สาว มิให้ต้องเกิดความไม่สบายใจ
            ทั้งคู่พากันเดินลงจากไหล่เขาไปสู่ทุ่งกาสะลอง ซึ่งบานสะพรั่งละลานตาอยู่เต็มเชิงเขานั้น
                        **********
            หลังจากขับรพาแม่กลับไปส่งที่บ้าน และนั่งปลอบใจคุณนายลิ้นจี่อยู่สักครู่ใหญ่ ปื๊ดจึงขอตัวกลับก่อน เพราะจะต้องเตรียมตัวไปเล่นดนตรีที่ห้องอาหารในตอนกลางคืน
            เด็กหนุ่มควบมอเตอร์ไซค์คันโปรดมาตามถนนด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยจะสู้จะสบายใจนัก ในสมองของเขาครุ่นคิดแต่เรื่องอรอนงค์ หญิงสาวทำให้แม่ของเขาต้องหลั่งน้ำตาเป็นวรรคเป็นเวร
            หญิงคนนี้เป็นอันตรายต่อครอบครัวของเขาอย่างมาก เพราะพ่อกำลังหลงหล่อนอย่างไม่ยอมลืมหูลืมตา หล่อนอาจจะทำให้ครอบครัวของเขาต้องแตกแยก หรือไม่เช่นนั้น กิจการอาจสั่นคลอนเพราะการผลาญเงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายของพ่อ เพื่อปรนเปรอผู้หญิงอย่างอรอนงค์
            เขาเพิ่งรู้ความจริงจากแม่ และเห็นมากับตาแล้วว่าพ่อของเขาได้ทุ่มเททรัพย์สินเงินทองให้กับผู้หญิงคนนี้ไปไม่ใช่น้อย เพาะรถเก๋งและห้องหรูในคอนโดมิเนียมน่าจะปาเข้าไปเกือบสี่ล้านบาทแล้ว
            และพ่อคงจะรักหล่อนมาก ทุกอย่างที่ซื้อให้จึงเป็นของอรอนงค์หมด
            นี่แหละที่เป็นสาเหตุทำให้แม่ และเขาเกิดความคับแค้นใจ
            เด็กหนุ่มคิดว่า เขาจำเป็นที่จะต้องยื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้อง ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินแก้ไข
            เขาจะต้องหาวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งทำให้พ่อเลิกยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ให้ได้
            แต่สมองของปื๊ดก็ยังคงมืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าจะจัดการกับหล่อนได้ด้วยวิธีใด
            ต้นปรากฏขึ้นมาในความคิดของเขา ชายหนุ่มคนนี้รู้จักกับอรอนงค์ อาจจะพอมีทางช่วยเขาได้ในเรื่องนี้
            คิดได้ดังนั้นเด็กหนุ่มจึงบิดคันเร่งอย่างเต็มที่ ตรงดิ่งกลับอพาร์ตเม้นท์เพื่อจะไปขอคำปรึกษาแนะนำจากต้น
            เมื่อบังคับมอเตอร์ไซค์คันโปรดเข้าสู่ประตูรั้วอพาร์ตเม้นท์ เป็นเวลาที่ดวงตะวันกำลังจะโพล้เพล้ป่านนี้ต้นคงจะกลับมาถึงห้องพักแล้ว เด็กหนุ่มจอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ที่ใต้ถุน แล้วรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบน
            มาถึงหน้าห้องพักของต้น เด็กหนุ่มซึ่งอุดมไปด้วยไขมัน ยืนพักให้หายเหนื่อยสักครู่หนึ่ง เพราะต้องวิ่งขึ้นบันไดมาถึงสามชั้น จากนั้นจึงยกมือขึ้นเคาะประตู
            พี่ต้นครับ….คุณวนา พี่ต้นกลับมาหรือยังครับ?”
            ยังคงเงียบเหมือนเดิม แสดงว่าต้นอาจจะยังไม่กลับมา ปื๊ดทำท่าจะเดินกลับไปที่ห้องของตนเอง แต่กลับฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้           
            ถึงต้นจะยังไม่กลับ วนาก็น่าจะอยู่ในห้องนี่นา
            ตั้งแต่ชายหนุ่มแนะนำให้รู้จักกับนางไม้สาว และได้เห็นความมีอัธยาศัยไมตรี ปื๊ดจึงเลิกกลัวหล่อนอีกต่อไปแล้ว
            เขาคิดว่าน่าจะฝากถ้อยคำกับวนาเอาไว้ หากต้นกลับมาเมื่อไหร่ ให้ช่วยบอกด้วยว่าเขามีเรื่องอยากจะปรึกษา
            ตัดสินใจยกมือขึ้นเคาะประตูเรียกอีกครั้งหนึ่ง
            คุณวนาครับคุณวนา นี่ผมปื๊ดนะครับช่วยเปิดประตูให้ผมหน่อยเถอะครับ
            ในห้องยังคงเงียบกริบ ไม่มีเสียงตอบหรือการเคลื่อนไหวใด ๆ บังเกิดขึ้น ปื๊ดขมวดคิ้วอย่างสงสัยแล้วลองจับลูกบิดประตูขยับดู
            มันขยับไปตามแรงบิดของเขา แสดงว่าประตูห้องไม่ได้ล็อค หรือไม่อาจจะเป็นวนาที่ได้ยินเสียงเขาเรียก จึงช่วยคลายล็อคกลอนประตูเอาไว้ให้แล้ว
            เด็กหนุ่มถือวิสาสะค่อย ๆ เปิดประตูแง้มออกไปชะโงกหน้าเข้าไปดู    
            หว๋าอะไรกันนี่?”
            เขาอุทานออกมาอย่างตกอกตกใจแทบไม่เชื่อสายตาของตนเอง
            หลังประตูบานนี้ แทนที่จะเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็ก ๆ กลับกลายเป็นดงไม้อันกว้างใหญ่ไพศาลปื๊ดลองยกมือขึ้นขยี้ตาสองสามครั้ง ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้ามันยังคงเหมือนเดิม
            มีอยู่อย่างเดียวเท่านั้นที่ยืนยันว่านี่เป็นห้องของต้นนั่นคือเตียงไม้สักขนาดใหญ่ที่ตั้งเด่นอยู่กลางทิวไม้อันหนาทึบ
            ทุกอย่างที่เห็นอยู่นี้ จะต้องเกิดจากอำนาจของนางไม้สาวอย่างแน่นอน เด็กหนุ่มทำใจกล้า ก้าวเข้าไปที่เตียงนอนตัวนั้น พร้อมกับร้องเรียก
            คุณวนาครับคุณวนา! !”
            ไม่มีเสียงตอบ แต่ปื๊ดคิดว่าหล่อนจะต้องอยู่แถวนี้แน่ ยืนเหลียวมองไปรอบ ๆ เห็นเบื้องหน้าของเขาเป็นทุ่งดอกไม้สีเหลืองสด น่าตื่นตาตื่นใจ อดไม่ได้ที่จะก้าวออกจากดงไม้ยืนดูอย่างชื่นชม
            อา……ที่นี่ช่างสวยสดงดงามประหนึ่งสวนสวรรค์ทั้งทิวเขาและแมกไม้ที่ปรากฏให้เห็น ล้วนงามวิจิตรตระการตา ดึงดูดให้เด็กหนุ่มเกิดความหลงใหล ก้าวเดินชมเพลินไปอย่างไม่รู้สึกตัว
            ท้องฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นสีส้ม เมื่อดวงตะวันกำลังลอยต่ำใกล้จะลับขอบฟ้า ต้นกำลังนั่งเอนหลังพิงโขดหินดื่มด้ำกับธรรมชาติอันสวยงาม มีนางไม้สาวนั่งเป็นเพื่อนอยู่เคียงข้าง
            รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างหรือยังคะคุณต้น?”
            “ครับ…..คุณวนา ที่นี่สวยงามจริง ๆ อากาศปลอดโปร่งเห็นแล้วรู้สึกสดชิ่นสบายใจมากเลยครับ
            “วนาดีใจค่ะที่คุณต้นชอบ…….ถ้าอยากมาที่นี่อีกเมื่อไหร่บอกได้ทันทีเลยนะคะ วนายินดีบริการรับใช้อย่างเต็มที่ค่ะ
            “ผมก็รู้สึกดีใจที่โชคดีมีเพื่อนเป็นนางไม้อย่างคุณวนา ทำให้ได้มีโอกาสมาทัศนาจรฟรี ๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง และค่ารถค่าราเขาหันมาพูดกระเซ้าหล่อน
            คุณต้นเป็นคนดี ทำให้วนาไม่ต้องคอยรบรากับคนที่มาเช่าห้องอยู่นับว่าเป็นผู้ที่มีพระคุณต่อวนามาก ถ้ามีสิ่งใดที่สามารถทำเพื่อเป็นการทดแทนบุญคุณได้วนาจึงเต็มใจอย่างยิ่งค่ะ
            “โปรดอย่าได้คิดว่าที่ผมทำไปนั้นเป็นคุณอะไรต่อกันเลยครับ เรียกว่าเป็นการพึ่งพาอาศัยกันจะดีกว่า ถ้าคุณวนาไม่ยอมให้ผมอยู่ด้วย ผมก็จำเป็นที่จะต้องย้ายออกไปจากห้องนั้น และถูกริบเงินค่ามัดจำล่วงหน้าไม่มีปัญญาไปหาที่อยู่ใหม่แน่….”
            “วนาไม่มีทางไล่คุณต้นได้สำเร็จหรอกค่ะ เพราะคุณต้นไม่มีความกลัววนาเลยนี่ จริงมั้ยคะ?”
            “ผมจะไปกลัวคุณวนาได้ยังไง ในเมื่อคุณวนาไม่ได้น่าเกลียดน่ากลัวอะไรเลยสักนิด ตรงกันข้าม คุณวนาทั้งสวยแล้วก็น่ารักมากจริง ๆ
            ถูกชมเข้าซึ่ง ๆ หน้า นางไม้สาวหน้าแดงซ่านขึ้นมาทันที รู้สึกมีความประหม่าเขินอายอย่างน่าประหลาดหล่อนแกล้งทำเมินทอดสายตาไปยังทิวเขาลิบ ๆ เบื้องหน้า
            คุณต้นท่าจะเพี้ยนไปใหญ่แล้ว วนาไม่ใช่มนุษย์จะไปน่ารักได้ยังไงกันคะ?”
            “ถึงจะไม่ใช่มนุษย์ แต่คุณมีคุณงามความดีน่ารักกว่ามนุษย์อีกตั้งมากมายหลายคน ที่มีแต่ความเห็นแก่ได้….” น้ำเสียงของชายหนุ่มฟังดูจริงจัง เหมือนสิ่งที่เขากำลังพูดนั้นมันออกมาจากใจของเขา มีความจริงอยู่อย่างหนึ่งที่ผมอยากจะสารภาพกับคุณ….หากว่าคุณเป็นมนุษย์ และผมได้มีโอกาสได้รู้จักคุณก่อนหน้าคุณแตน ผมคงต้องเกิดหลงรักคุณขึ้นมาแน่คุณวนา!”
            “เพราะอะไรหรือคะ?”
            วนาย้อนถาม ถึงแม้มันจะเป็นไปไม่ได้ แต่หล่อนยังอยากรู้
            ไม่รู้เหมือนกันซิครับ….คุณเหมือนกับผู้หญิงในความฝันของผมซึ่งมีความงามพร้อมทั้งกาย และใจ ที่ผมใฝ่ฝันหามาเป็นเวลานานแสนนานแล้ว แต่ยังไม่เคยได้พบเจอเลย
            นางไม้สาวยอมรับว่า หล่อนชักจะรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับคำพูดของชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย อาจเพราะบรรยากาศเป็นใจ หรือความจริงแล้วหล่อนก็เกิดความพึงใจในตัวของเขาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
            กลับกันดีกว่าค่ะ อีกสักครู่จะมืดค่ำแล้ว…”
            หล่อนตัดบทเพื่อไม่ให้คิดกระเจิดกระเจิงมากไปกว่านี้ แล้วชวนชายหนุ่มลงจากโขดหิน เดินกลับไปที่เตียงนอน
            นั่งลงแล้วหลับตาเสียนะคะคุณต้น…”
            เขาทำตามที่หล่อนบอก นั่งลงบนเตียงหลับตานิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ฉับพลันดูเหมือนหูจะแว่วได้ยินเสียงปื๊ดร้องเรียกดังมาแต่ไกล

            ชายหนุ่มรีบลืมตาขึ้นมาทันที !

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น