โดย...เจิด
จินตนา
27...
ปื๊ดกำลังแต่งตัวจะไปทำงานพอดีได้รับโทรศัพท์จากต้น
“พี่ต้นหรือครับ…พี่โทร มาจากที่ไหนกันน่ะ ?” เด็กหนุ่มถามเพราะได้ยินเสียงเพลงดังลั่นเข้ามาตามสาย
“ในผับ…ที่อพาร์ตเม้นท์มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง หรือเปล่า?”
“ไม่มีครับพี่….เหตุการณ์ปกติ ว่าแต่พี่ต้นไปเที่ยวผับกับใครหรือครับ ?”
“คุณอรอนงค์ !”
“ฮ้า !” ปื๊ดสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินชื่อของผู้หญิงคนนี้
“ใช่แล้วปื๊ด…เธอเป็นคนชวนมาเอง
นี่พี่กำลังหาทางจะพูดกับเธอเรื่องที่ปื๊ดไหว้วานอยู่”
“ดีแล้วพี่…บอกกับเธอไปเลยว่า ให้เลิกมายุ่งเกี่ยวกับเตียงของผมเสียที
ไม่ยังงั้นชีวิตของเธอจะไม่ปลอดภัย
เพราะแม่ของผมจะเอาเรื่องแน่ !”
“พี่จะพยายามบอกกับเธอให้วานอะไรปื๊ดหน่อยจะได้ไหม ?”
“ได้เลยครับพี่.....มีอะไรหรือครับ”
“ปื๊ดช่วยไปดูที่ห้องของพี่หน่อย
ว่าคุณวนายังอยู่หรือเปล่า
บอกเธอด้วยว่าพี่อาจจะต้องกลับดึกหน่อย”
“ตกลงครับพี่ต้น !” เด็กหนุ่มวางโทรศัพท์กลับเข้าที่จัดแจงแต่งเนื้อแต่งตัวให้เรียบร้อย
แล้วคว้ากีต้าร์คู่มือเดินออกจากห้องปิดประตูล็อก จากนั้นจึงเคาะประตูห้องของต้น ซึ่งอยู่ติดๆ
กัน
“คุณวนาครับ…นี่ผมปื๊ดน่ะครับ”
“เชิญค่ะ !” เสียงขานตอบจากภายใน ประตูห้องเปิดออกเอง เห็นนางไม้สาวนั่งอยู่บนเตียงนอน
ปื๊ดรีบก้าวเข้าไปในห้อง
ปิดประตูก่อนใครมาเห็นเข้า
“คุณต้นยังไม่กลับมาเลย
มีอะไรหรือคะ ?”
“ผมทราบแล้วครับ พี่ต้น โทร.
มาบอกผมเมื่อกี้นี้เอง
วานให้ผมมาบอกคุณว่า เขามีธุระอาจจะต้องกลับดึกหน่อย ไม่ต้องเป็นห่วงเขา”
“ขอบคุณค่ะที่อุตส่าห์มาบอก”
“ผมเห็นจะจะต้องขอตัวไปทำงานก่อนล่ะครับ
ว่าแต่ว่า…คุณวนาอยู่คนเดียวได้นะครับ”
“ทำไมจะไม่ได้…อย่าลืมนะว่าวนาไม่ใช่คน !”
“อ้อ!….จริงซิครับ” เด็กหนุ่หัวเราะแฮ่ะๆ ก้าวออกจากห้องแล้วงับประตูปิดเอาไว้ตามเดิม
นางไม้สาวพยักหน้าให้ลูกบิดประตูล็อคตัวเอง นึกถึงความน่ารักของต้นที่คอยเป็นห่วงเป็นใยในตัวหล่อน แล้วอดที่จะยิ้มให้กับตัวเองในความมืดไม่ได้
....................
“คุณต้นโทร.ไปหาใคร….แฟนหรือคะ ?” อรอนงค์ถามเมื่อเห็นชายหนุ่มเดินกลับมา
“ไม่ใช่หรอกครับ…เพื่อนของผมที่ห้อง กลัวเขาจะเป็นห่วงเลยต้องโทร.ไปบอกหน่อย…” ชายหนุ่มตอบเลี่ยงๆแล้วนั่งลงบนโซฟารูปตัวยูตรงข้ามกับหญิงสาว
ผับแห่งนี้แสงสีและบรรยากาศค่อนข้างโรแมนติก เหมาะสำหรับหนุ่มสาวที่จะมาคลอเคลีย สร้างอารมณ์รักร่วมกัน ต้นเห็นหลายคู่ซุกตัวในมุมมืดทำเช่นนั้น
“มานั่งข้างอรซิคะคุณต้น…ทำเหมือนกับกลัวอรจะกัดอย่างงั้นแหละ”
หล่อนเขยิบเข้าไปนั่งด้านในของโซฟา
แล้วดึงแขนชายหนุ่มให้เข้ามานั่งข้างๆ
ต้นจำเป็นต้องตามใจหญิงสาว
กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ
และเรือนร่างที่มีเสน่ห์เย้ายวนไปเสียทุกส่วน
ทำให้หัวใจของเขาเต้นโครมครามแทบไม่เป็นล่ำเป็นสัน เมื่อต้องมาอยู่ใกล้ชิด
“อรแทบไม่จะอยากเชื่อเลยนะว่าคุณต้นยังเป็นโสดอยู่ หุ่นสมาร์ทออกอย่างงี้ น่าจะมีสาวๆมารุมตอมกันเกรียว !”
หญิงสาวเอี้ยวตัวมาโอบแขนของเขา
เหมือนจงใจ ให้ท้อนแขนบึกบึนนั้น ได้สัมผัสแนบชิดกับ ทุมถันอวบใหญ่ของหล่อน
ชายหนุ่มขนลุกเกรียว
รู้สึกคล้ายถูกจับช็อตด้วยไฟฟ้าแรงสูง
หล่อนไม่ได้สวมเสื้อชั้นใน
ไออุ่มจากอกอูมคู่นั้นจึงแผ่ซ่านเข้ามาตามจุดประสาทรับการสัมผัสของเขา
ต้นพยายามรวบรวมสติบังคับไม่ให้อารามณ์ของเขากระเจิดกระเจิงไปกับสิ่งเย้ายวน ที่กำลังเผชิญอยู่นี้
“ผมเป็นเพียงพนักงานชั้นผู้น้อยของบริษัทประกัน ตำแหน่งไม่ใหญ่โตอะไร แล้วผู้หญิงที่ไหนล่ะครับเขาจะมาสนใจผม ?”
“มีซิคะ….อรนี่ไง…..อรนึกชอบคุณต้นตั้งแต่วันแรกที่เราได้พบกันแล้ว” หล่อนสารภาพกับเขาไปตามตรง
“แต่คุณ….เอ้อ…เป็นคนของเสี่ยกำชัย”
“เพื่อเงินเท่านั้นเองแหละค่ะคุณต้น
อรไม่ได้ชอบพออะไรในตัวเสี่ยกำชัยเลย
ที่อรต้องทนเป็นอยู่แบบนี้เพราะความจำเป็นมันบีบบังคับ อรเคยลำบากมาตั้งแต่ยังเล็กๆ เมื่อมีช่องทางให้กอบโกย จึงต้องรีบไขว่คว้ามันเอาไว้”
“เวลานี้คุณก็มีทุกสิ่งทุกอย่างสมใจแล้ว”
“ค่ะ….จากการเอาตัวของอรเองเข้าแลก แต่อรพอใจนะ
เพราะมันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า”
“คุณได้จากเสี่ยกำชัยไปมากแล้ว
ผมว่าคุณน่าจะรีบถอนตัวเสีย”
พอได้จังหวะต้นรีบพูดนำขึ้นมาทันที
“ทำไมหรือคะ ?”
“ผมได้ยินมาว่า
คุณนายลิ้นจี่ภรรยาของเสี่ยกำชัย
ไปอาละวาดคุณถึงที่พัก
ผมเกรงว่าคุณจะได้รับอันตรายน่ะซิครับ”
“ใครจะมาทำอะไรอรได้
ในเมื่ออรไม่ยอมรับเสียอย่างว่าเป็นเมียน้อยของเสี่ย”
“แต่คุณนายลิ้นจี่แกสืบจนรู้ความจริงหมดแล้วนะครับ แกคงต้องเอาเรื่องกับคุณจนถึงที่สุดแน่….เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง
คิดดูให้ดีเสียใหม่ดีกว่านะครับคุรอรอนงค์ !” หญิงสาวนั่งนึกทบทวนดู
จากเหตุการณ์ที่หล่อนถูกรถมอเตอร์ไซด์ลึกลับแอบสะกดรอยตามในวันนั้น ทำให้เริ่มจะเห็นด้วยกับคำเตือนของต้น
“ถ้าอรเลิกติดต่อกับเสี่ยกำชัย
แล้วใครจะเป็นคนส่งเสียเลี้ยงดูอรล่ะคะ ?”
“คุณยังสาว ยังสวย…ผู้หญิงมีเสน่ห์อย่างคุณไม่ยากหรอกครับที่จะมีผู้ชายดีๆสักคนมาชอบ และเริ่มต้นชีวิตของคุณใหม่อีกครั้งหนึ่ง”
“แล้วในสายตาของคุณต้นล่ะคะ
ผู้หญิงอย่างอรเป็นที่น่ารังเกียจสำหรับคุณหรือเปล่า ?”
“ไม่หรอกครับคุณอรอนงค์
ผมเข้าใจในตัวคุณดี
ทางชีวิตของคนเราใช่ว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป ในเมื่อเราเลือกเกิดไม่ได้ จึงจำเป็นอยู่เองที่ทุกคนต้องดิ้นรน
ปรารถนาจะมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายด้วยกันทั้งนั้น”
“อรดีใจที่ได้ยินคุณต้นพูดแบบนี้
และขอบคุณสำหรับคำเตือนของคุณ
อรรู้แล้วว่าจะทำอย่างไร…”
“คุณตัดสินใจกับเรื่องนี้ยังไงบอกผมได้ไหมครับ”
“อรเอ้อ !
อรกำลังคิดว่าจะเลิกกับเสี่ยกำชัย
แล้ว....แล้วไปอยู่กับคุณต้น !”
กว่าจะหลุดคำพูดออกมาได้
หญิงสาวหน้าแดงแล้วแดงอีก
สำหรับต้นนั้นถึงกับเซ่อไปเลยทีเดียว
นึกไม่ถึงว่าการช่วยแก้ปัญหาให้คนอื่นในครั้งนี้ จะกลายเป็นว่าเอาห่วงมาผูกคอตนเอง
“มันเร็วเกินไปที่จะทำแบบนั้น
ผมคิดว่าให้เราคับกันเป็นเพื่อนไปก่อนจะเป็นการดีกว่านะครับ เพราะเราเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นานนัก....” เขาหาทางออกอย่างนิ่มนวลที่สุด
_ _
ป่าช้าแห่งนั้นอยู่หลังวิหารเก่าๆ
ร่มครึ้มไปด้วยต้นไม่ใหญ่
ในยามวิกาลเช่นนี้ บรรยากาศจึงดูวังเวงน่ากลัว
เป็นสถานที่ซึ่งไม่น่าพิสมัยสำหรับใครๆเลยที่จะเหยียบย่างเข้ามา
แต่ในคืนนี้กลับมีคนสามคนกำลังมาเดินท่อมๆอยู่ตามใต้ต้นไม้ นำหน้าด้วยอาจารย์บุญ หมอผีผู้มีวิชาอาคมและบุคลิกอันน่าเชื่อถือ ติดตามด้วยหมอฉุย ที่พ่ายแพ้ต่อวนามาอย่างน่าอัปยศอดสู ท่าทางดูค่อยยังชั่วขึ้นมาก เพราะได้ยาดีจากอาจารย์บุญช่วยรักษา เจ้าอ้นสะพายย่ามใบโตเดินตามหลังมาอย่างเงียบๆ
อาจารย์บุญเดินมาหยุดยืนอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง มองดูด้วยความพึงพอใจ
“ต้นนี้อาจจะใช้ได้
อายุคงไม่น้อยกว่าร้อยปีขึ้นไป”
“อาจารย์จะทำอะไรหรือ ?”
แม้แต่คนอย่างหมอฉุยยังสงสัย
เพราะไม่รู้เจตนาของผู้ที่มีวิชาอาคมเหนือกว่าตน
“ข้าจะเรียกวิญญาณนางไม้ตนนั้นให้มาปรากฏที่ต้นไม้นี่...ไอ้อ้นส่งย่ามมาซิ”
ลูกศิษย์หนุ่มหน้าผีรีบปลดย่ามยื่นส่งให้
อาจารย์บุญล้วงหยิบข้าวสารขึ้นมากำมือหนึ่ง แล้วซัดข้าวสารในมือไปที่ต้นไม้นั้น
มีเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด
จากนั้นจึงปรากฏร่างภูตผีตนหนึ่งขึ้น
ยืนบิดตัวเร่าๆอยู่ใต้ต้นไม้
“โอ้ย...แก....แกมาทำร้ายข้าทำไม”
“กูต้องการต้นไม้ต้นนี้เพื่อทำพิธีกรรม
มึงไปที่อื่นก่อน...ไป๊”
“จะให้ข้าไปไหน...นี่มันต้นไม้ของข้า !”
“มึงจะไปไหนมันเรื่องของมึง...รีบไปเดี๋ยวนี้” อาจารย์บุญสำทับ
ผีเจ้าที่ไม่อยากเจ็บตัวอีก
รีบหายวับไปจากต้นไม้ในทันที
อาจารย์บุญดึงผ้าแดงผืนใหญ่ออกมาจากย่ามแล้วหันไปสั่งกับเจ้าอ้น “มึงเอาผ้าแพรผืนนี้ไปผูกต้นไม้ไว้..รับ..ไป”
“ครับ ! อาจารย์....” เด็กหนุ่มรับไปคลี่กางออกตามคำสั่ง แต่ต้นไม้ขนาดสองคนโอบ
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่มันจะผูกผ้าแพรผืนนั้นด้วยตนเอง หมอฉุยจึงต้องเข้าไปช่วย
สักครู่ใหญ่ๆต่อมา ผ้าแพรสีแดงจึงถูกผูกติดกับต้นไม้เอาไว้อย่างเรียบร้อย
“เอาล่ะ...ทีนี้คอยดูให้ดีนะหมอฉุย....นางไม้ที่เอ็งว่าแน่
ข้าจะบังคับมันมาปรากฏที่นี่ให้เอ็งเห็นเดี๋ยวนี้แหละ”
คำพูดของอาจารย์บุญ คล้ายกับจะข่มหมอฉุยอยู่ในที หมอเฒ่าถึงกับหน้าชาวูบ แต่ต้องระวังความรู้สึกเอาไว้ เพราะตนเองต้องพึ่งพาอาศัยหมอบุญในการกำจัดวนานั่นเอง
อาจารย์บุญทรุดตัวลงนั่งขัดสมาธิ
พนมมือขึ้นหลับตาว่าคาถาพึมพำเบาๆ
หมอฉุยกับเจ้าอ้นรีบนั่งลงมองดูอยู่ห่างๆ
พิธีกรรมของหมอผีผู้เรืองอาคมกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว หมอฉุยรู้สึกตื่นเต้นนึกถึงอิทธิฤทธิ์ของนางไม้สาวซึ่งเคยคับเคี่ยวกันมา
ถ้าอาจารย์บุญสามารถเรียกให้มาปรากฏตัวที่นี่ตามที่คุยโอ่เอาไว้ได้จริงๆ นับว่าเป็นหมอผีผู้มีฝีมือชั้นเซียนเอาเลยทีเดียว
เวลาผ่านไปเนิ่นนานเต็มที
ยังไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นในป่าช้าแห่งนั้นมีแต่ความเงียบสงัด มันเงียบเสียจนหมอฉุยชักใจคอไม่ค่อยสู้ดี
ที่ห้องของต้นในอพาร์ตเม้นท์
วนายังคงนั่งรอคอยการกลับมาของชายหนุ่มอยู่บนเตียง นางไม้สาวเริ่มรู้สึกว่า
บรรยากาศรอบๆ ตัวมีอะไรบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น
มันเริ่มต้นจากความวังเวงอย่างน่าประหลาด ติดตามมาด้วยเสียงเรียกดังแว่วมาแต่ไกล
“มาซิ.....จงมา...ข้าอาจารย์บุญขอสั่งให้เจ้ามาที่นี่เดี๋ยวนี้ !” เสียงนั้นเหมือนดังก้องอยู่ในหูของนางไม้สาว
วนาพอจะรู้แล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้น
มีหมอผีกำลังเรียกหล่อนให้ไปหา
และหมอผีคนนี้ต้องไม่ใช่ธรรมดาแน่
เพราะเสียงที่เรียกมีพลังลึกลับซ่อนเร้นแอบแฝงอยู่ หล่อนรีบตั้งสมาธิเพื่อขจัดเสียงนั้นออกไป
“ไม่มีประโยชน์ที่จะต่อสู้ขัดขืนข้า....เจ้าจะต้องทำตามคำสั่งของข้า จงมา....จงมาที่นี่...มาที่นี่.....”
ไม่ได้ผล
หล่อนไม่สามารถขจัดเสียงนั้นให้ออกไปได้
ดูเหมือนกลับจะยิ่งดังขึ้นทุกที...ทุกที
จนสะท้อนก้องไปมาในหัวของหล่อน
สีหน้าของนางไม้สาวชักไม่ค่อยสู้ดี
หล่อนกำลังตกอยู่ในอำนาจของหมอผีคนนี้เสียแล้วหรือนี้ รีบผนึกพลังจิตวิญญาณทั้งหมดขึ้นต่อต้าน แผ่รัศมีแห่งเทพออกปกป้องคุ้มครองตนเองไว้
“ไม่ว่าเจ้าจะทำอย่างไร.....เจ้าไม่มีทางขัดขืนข้าได้ ข้าขอสั่งให้เจ้ามาที่นี่เดี๋ยวนี้ !!”
เบื้องหน้าของหล่อนอากาศเริ่มแปรปรวน เหมือนมีพายุหมุนกำลังก่อตัวขึ้น ข้าวของชิ้นเล็กน้อยปลิวว่อนหมุนไปตามแรงลมในทันใด...ตรงกึ่งกลางของกระแสลมอันปั่นป่วน พลันปรากฏแสงสว่างจุดเล็กๆขึ้นมา
แล้วค่อยๆขยายตัวใหญ่ขึ้น...ใหญ่ขึ้น
ราวกับว่าอากาศถูกเปิดออกเป็นช่องให้แสงนั้นทะลุผ่านเข้ามา
นางไม้สาวรู้สึกว่าหล่อนกำลังถูกดึงดูดเข้าไปในช่องที่เปิดกว้างนั้น อารามตกใจ
รีบยึดเกาะหัวเตียงเอาไว้แน่น
ก่อนที่จะถูกพลังอันมากมายมหาศาลนั้นดึงดูดเข้าไป
“อย่าขัดขืน....จงรีบมาเดี๋ยวนี้ !” มีเสียงดังสำทับ แล้วร่างของหล่อนจึงเริ่มมีปฏิกิริยาเปลี่ยนแปลง รู้สึกตัวเบาหวิว
เหมือนจะควบคุมตัวเองเอาไว้ๆไม่ได้ เท้าทั้งสองข้างค่อยๆลอยขึ้นจากเตียงตามแรงดึงดูดของแสงนั้น
“ช่วยด้วยคุณต้น...ช่วยวนาด้วย”
ในวินาทีฉุกละหุกนั้น
หล่อนนึกถึงต้น
อยากให้ชายหนุ่มอยู่ที่นี่
เพราะมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่อาจจะช่วยหล่อนได้
“คุณวนา !!” เสียงเปิดประตูพร้อมกับเสียงเรียก
นางไม้สาวหันขวับไปมอง
ร่างของต้นยืนตื่นตระหนกอยู่ตรงประตูนั้น
“ช่วยวนาด้วยค่ะคุณต้น... หมอผีกำลังจะเรียกตัววนาไปแล้ว !” หล่อนร้องตะโกนบอก
“ไม่...ไม่...เป็นไปไม่ได้”
ชายหนุ่มรีบวิ่งพรวดพราดเข้ามา งุนงงสับสนไปหมด เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า
“เร็วค่ะคุณต้น...รีบช่วยวนาเร็ว
วนาไม่อยากไป !”
“ทำยังไง...จะให้ผมทำยังไงบอกมาเร็วคุณวนา !”
“พลังใจค่ะ...วนาต้องการพลังใจจากคุณ !” เขาไม่เข้าใจความหมายของหล่อน แต่ในสถานการณ์เช่นนี้
ทีความคิดเพียงอย่างเดียวที่จะต้องช่วยหล่อนให้ได้ ชายหนุ่มตัดสินใจโผเข้ากอดร่างนั้นเอาไว้ด้วยหวังว่าจะช่วยปกป้องหล่อนจากสิ่งที่กำลังคุกคามอยู่ ”ผมไม่ยอมให้ใครมาพรากคุณไปจากผม...คุณวนา...ผมรักคุณ...ผมรักคุณ !!”
เหมือนปาฏิหาริย์
แสงสว่างนั้นพลันดับวูบลงในทันทีทันใด...ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องกลับคืนสู่สภาพปกติในชั่วพริบตานั่นเอง
อาจารย์บุญสะดุ้งเฮือกสุดตัว ลืมตาโพลงขึ้นมา
“เป็นอะไรไปหรืออาจารย์ ?”
หมอฉุยกระเถิบเข้ามาถาม
“มีคนมาขัดขวางพิธีกรรมของข้า !”
“มันเป็นใครหรือ?”
“ผู้ชายหนุ่มคนหนึ่ง...”
“อา....หรือว่าจะเป็นไอ้หนุ่มคนที่ชื่อต้น
ซึ่งเคยขัดขวางพิธีกรรมของฉันมาแล้วเหมือนกัน”
“ใช่มันชื่อต้น
ข้านึกไม่ถึงจริงๆว่าอานุภาพของความรักมันจะมีพลังอันยิ่งใหญ่เหนือกว่าอำนาจเวทมนต์คาถาของข้า
!”
สีหน้าของอาจารย์บุญมีแววฉงนฉงาย
ต้นยังคงโอบกอดร่างนางไม้เอาไว้แน่น วนาเองกำลังกอดรัดเขาเอาไว้อยู่เช่นกัน ร่างของเขาและหล่อนจึงนั่งกอดก่ายกันจนตัวกลมดิกอยู่บนเตียงนั้น
สักครู่ใหญ่ๆ ต่อมา ความตื่นตระหนกค่อยๆจางหายไป ต่างฝ่ายต่างรีบคลายแขนผละออกจากกัน ลุกพรวดพราดขึ้นนั่งปั้นสีหน้าบรรยายไม่ถูก “ผม...ผมขอโทษนะครับ ไม่ได้มีเจตนาที่จะล่วงเกินคุณวนาเลย”
นางไม้สาวก้มหน้านิ่ง
ท่าทางเอียงอาย คำพูดที่เขาบอกกับหล่อนในนาทีวิกฤต ทำให้ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับชายหนุ่ม
ดูเหมือนต้นจะเข้าใจความรู้สึกของหล่อน เขาค่อยๆยื่นมือมากุมมือหล่อนไว้อย่างแผ่วเบา
“ได้โปรดให้อภัยผมเถอะ
ที่พูดจาเหลวไหลไม่สมควรออกไป
แต่มันเป็นความจริงใจของผมทั้งๆที่รู้ตัวว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ผมไม่อาจปฏิเสธได้เหมือนกันว่าผมรักคุณ...คุณวนา อย่าโกรธเกลียดผมนะ !”
“วนาไม่ได้โกรธไม่ได้เกลียดคุณต้นหรอกค่ะ....คุณต้นเป็นคนดีมากเลยสำหรับวนา....คอยช่วยเหลือเกื้อกูลวนาทุกสิ่งทุกอย่าง...วนาเองก็รักคุณต้นเช่นกัน
!”
ได้พูดความในใจออกไปแล้วค่อยรู้สึกหายประหม่าตาต่อตาหันมาประสานกัน
“คุณวนา !”
ต่างฝ่ายต่างโผเข้าสวมกอดกันอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้
มันเป็นไปตามความเรียกร้องของหัวใจทั้งสองดวง นางไม้สาวซบหน้าลงบนไหล่กว้างของชายหนุ่มรู้สึกอบอุ่น และมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ในป่าช้าหลังวัดเสด็จ อาจารย์บุญเดินวนไปเวียนมา ใช้ความคิดอย่างงุ่นง่านหงุดหงิด
รู้สึกขัดเคืองใจที่พิธีกรรมต้องมาล้มเหลวลงโดยสิ้นเชิง
“นี่หมายความว่า...แม้แต่ตัวอาจารย์เองยังไม่มีทางที่จะจัดการกับนางไม้ตนนี้ได้เลยหรือ
?” หมอฉุยถามซื่อๆ แต่เกิดไปจี้ใจดำของอาจารย์บุญเข้าอย่างจัง
“ใครบอกล่ะ...ข้าเกือบจะทำได้สำเร็จอยู่แล้ว ถ้าไอ้หนุ่มคนนั้นไม่เข้าไปขัดขวางเสียก่อน...”
“แล้วจะทำยังไงต่อไปล่ะ
ในเมื่อเหตุการณ์มันออกมาในรูปนี้”
“ข้าคงต้องจัดการกับไอ้หนุ่มคนนั้นเสียแล้ว” อาจารย์บุญบอกอย่างชัดถ้อยชัดคำ สีหน้าฉายแววอำมหิตออกมา!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น