วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559

โดย...เจิด จินตนา
๒๘



            หมอฉุยยืนตะลึง  เรื่องมันชักจะเลยเถิดไปกันใหญ่  เห็นอาจารย์บุญนั่งลงที่พื้นหญ้า  หยิบรากไม้ท่อนเล็กๆออกมาจากย่าม  ทำท่าจะบริกรรมคาถา  รีบจับมือห้ามเอาไว้
            “อย่าดีกว่าอาจารย์....ฉันไม่อยากให้มีการตายเกิดขึ้น !”
            “พลังจิตของเจ้าหนุ่มคนนั้น  มันแข็งกล้ามาก  ถ้าไม่กำจัดมันเสีย  เราก็ไม่มีทางทำลายนางไม้ตนนี้ได้....
            “แต่ว่า...ถ้ามันเกิดตามขึ้นมา   เราต้องติดคุกหัวโตเียวนะอาจารย์
            “เฮ่ย !  เรื่องเล็กน่า...ไม่มีใครรู้หรอกว่าไอ้หนุ่มคนนั้นมันตายเพราะข้า  เอ็งไม่ต้องยุ่ง  นั่งดูเฉยๆจะดีกว่านะหมอฉุย
            ความต้องการเอาชนะคะคานนางไม้สาวให้ได้เพียงอย่างเดียว   อาจารย์บุญไม่ได้คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้นเวลานี้เขาหน้ามืดตามัวไปเสียแล้ว
            ผิดถูกอย่างไรไม่ต้องไปพูดถึง  ขอเพียงสามารถพิชิตวิญญาณดวงนี้ให้ได้  หมอฉุยได้เห็นตามที่คุยเอาไว้เท่านั้นเอง
            นั่งบริกรรมคาถาพึมพำอยู่สักครู่หนึ่ง  จึงแบมือออก  รากไม้อันนั้นค่อยๆเลือนหายไปจากมืออาจารย์บุญ
                        **********
            ผมไม่เห็นหมอฉุยอยู่แถวนี้เลย   เขา...เขาทำแบบนั้นกับคุณวนาได้ยังไงกัน ?”  ต้นถามทั้งคู่ยังคงนั่งอยู่บนเตียง
            “ไม่ใช่หมอฉุยหรอกค่ะคุณต้น  หมอผีคนนี้มีอำนาจเวทมนต์คาถาเหนือกว่าหมอฉุยหลายเท่าตัวดูเหมือนจะเรียกตัวเองว่าอาจารย์บุญ  แต่เขาใช้วิธีไหน  วนาเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน
            “ผมรู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยสู้ดี  ตั้งแต่เช้าแล้วถึงไม่อยากไปทำงานเลย  แถมยังต้องติดธุระคอยเอาใจลูกค้า  ดีว่าขอตัวกลับมาทัน  ถ้าช้าไปอีกนิดผมคงไม่ได้พบกับคุณวนาอีกแล้ว
            “ที่วนารอดมาได้ครั้งนี้  อาจเป็นเพราะสวรรค์ยังมีเมตตา  จึงดลใจให้คุณต้นมาช่วยวนาไว้ได้ทันเวลา
            “แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ  ตอนนั้นผมคิดอยู่อย่างเดียวกลัวคุณวนาจะจากผมไปเท่านั้น
            “หมายความว่า  ถ้ามีผมอยู่ด้วย  อาจารย์บุญก็ไม่สามารถที่จะเรียกคุณไปได้ยังงั้นซิครับ ?”
            “ถูกแล้วค่ะ...”  หล่อนพยักหน้ารับ นอกจากคุณต้นแล้ว   ไม่มีใครช่วยวนาได้อีกแล้ว...
            “ถ้าอย่างงั้น   คืนนี้ผมจะกอดคุณวนาไว้ทั้งคืนจะได้ไม่มีใครมาพรากคุณไปจากผม”   ชายหนุ่มได้โอบกอดเอวนางไม้สาวกระชับไว้ในวงแขน  ดุนจมูกคลอเคลียสูดกลิ่นหอมคล้ายดอกไม้ป่าจากนวลแก้มปลั่ง
            “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกนะ”  หล่อนค้อนตาคว่ำ  รีบเบนหน้าหนีถอยหลบจมูกซุกซนของเขา  พร้อมกับแกะมือชายหนุ่มออกจากเอว   ไปอาบน้ำเสียก่อนเถอะค่ะ  คุณต้นก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว
            ชายหนุ่มทำตามอย่างไม่งอแง  เขาก้าวลงจากเตียงเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า  เปิดตู้ออกหยิบผ้าเช็ดตัวและชุดนอนออกมา  หันยิ้มให้วนานิดหนึ่งก่อนที่จะเดินไปหน้าห้องน้ำ
            ยังไม่ทันที่เขาจะยื่นมือเข้าไปแตะถูกบานประตู  มันก็ถูกเปิดผางออก  แล้วมีมืออันใหญ่โตมโหฬารฉุดกระชากร่างของเขาผลุบหายเข้าไปในนั้นทันที
            “คุณต้น”  นางไม้สาวเผ่นพรวดจากเตียง  ไปที่หน้าห้องน้ำ  ภาพที่เห็นทำให้หล่อนยืนตะลึง
            อสุรกายตัวใหญ่ขนาดมหึมา  กำลังจบร่างของต้นเอาไว้  ตัวของมันสูงเกือบเท่าเพดาน  หน้าตาน่าเกียดน่ากลัว  รูปร่างเหมือนต้นไม้มีชีวิตเคลื่อนไหวได้แต่เป็นต้นไม้ที่แปลกประหลาด
            หัวของมันใหญ่โตเกือบเท่ากระด้ง  ตาโปนโตสีแดงทั้งสองข้าง  จมูกงองุ้มเหมือนกิ่งไม้ที่แตกออกมาจากต้น  แล้วถูกหักคาไว้  ปากกว้างเกือบถึงใบหูซึ่งเป็นตุ่มตาไม้  เห็นฟันแหลมยาวเรียงกันเต็มปาก  แขนขายาวเก้งก้างคล้ายรากไม้  ลำตัวเป็นสีน้ำตาลปนเทา  มีรอยปริแตกระแหง  และรอยตะปุ่มตะป่ำทั่วตัวเหมือนเปลือกไม้ไม่มีผิด
            ชายหนุ่มกำลังดิ้นขลุกขลักอยู่ในลำแขนอันใหญ่โตของมัน  ซึ่งรัดรอบคอของเขาเอาไว้แน่นจนหายใจหายคอแทบไม่ออก  ตาเหลือกถลน
            “ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้...เจ้าปีศาล”  นางไม้สาวตวาดร้องสั่ง  แต่มันหายอมฟังเสียงไม่ลำแขนยาวเหมือนรากไม้  ยิ่งบีบกระชับลำคอชายหนุ่มแน่นเข้า  วนาตัดสินใจปล่อยลูกไฟดวงเล็กๆออกไปจากฝ่ามือ
            ลูกไฟดวงนั้นพุ่งเข้าปะทะที่กลางหน้าผากของเจ้าอสุรกายอย่างจัง   ได้ผล....มันผงะหงายไปกระแทกกับผนังห้องน้ำด้านใน  ส่งเสียงร้องลั่นอย่างเจ็บปวด  ปล่อยมือจากลำคอของต้น  ยกมือกุมหน้าผากดิ้นรนไปมาตัวสั่นเร่าๆ
            ต้นแข้งขาอ่อนทรุดลงนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น  รีบสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่  ก่อนที่สมองจะขาดอากาศไปหล่อเลี้ยง  รู้สึกหน้ามืดตาลายพร่าไปชั่วขณะหนึ่ง
            “ถอยออกมาเร็วคุณต้น !”  เป็นเสียงร้องเตือนจากนางไม้สาว  ชายหนุ่มไม่รีรอรีบลุกวิ่งพรวดพราดออกมาจากห้องน้ำในทันที
            วนาประคองร่างของเขาเอาไว้  ก่อนที่จะซวนเซถลาล้มลงไปกับพื้น  แล้วพาขยับถอยหลังออกมาสองสามก้าว  ตามองเข้าไปในห้องน้ำ
            เจ้าอสุรกายมันยังไม่สิ้นฤทธิ์ ลูกไฟของนางไม้สาวเพียงแค่ยับยั้งมันไว้ได้ชั่วขณะเท่านั้นเอง  มันหันมามองหล่อนอย่างโกรธแค้น  ที่บังอาจมาช่วยชิงเหยื่อของมันไป  ขู่คำรามเสียงลั่น  แล้วพุ่งตัวมาที่ประตูพร้อมกับยื่นแขนยืดยาวออกไป 
            หมายไขว่คว้าตัวชายหนุ่มกลับคืนไป
            พอปลายแขนของมันแตะถูกต้นคอของชายหนุ่มวนารีบแผ่รัศมีเทพออกมาคุ้มครองเอาไว้  เจ้าอสุรกายสะดุ้งเฮือก  เหมือนถูกช็อตด้วยกระแสไฟฟ้าแรงสูง  ร่างของมันสั่นกระตุกอยู่สองสามที   แล้วยืนนิ่งจังงัง
            นางไม้สาวไม่ปล่อยโอกาสให้มันได้ตั้งตัว  ซัดฝ่ามือปล่อยลูกไฟดวงใหญ่ประกายแสงเจิดจ้าพุ่งไปหามัน
            เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวเมื่อลูกไฟดวงนั้น  ปะทะเข้ากับร่างอสุรกาย  กลายเป็นแสงสว่างวาบขึ้นมาแล้วจางหายไป
            บนพื้นตรงหน้าห้องน้ำ  มีรากไม้อันเล็กๆ หล่นลงมานอนสงบนิ่งอยู่แทนที่
            มีเสียงเปิดประตูดังปึงปังโครมคราม  เสียงฝีเท้าวิ่งมาที่หน้าห้องของต้น   ติดตามด้วยเสียงถามกันให้เซ็งแซ่
            สักครู่ต่อมา  จึงมีเสียงเรียกพร้อมกับเคาะประตูของโฉมศรี
            “คุณต้น....คุณต้น....เปิดประตูที
            ชายหนุ่มยืนเงอะงะทำอะไรไม่ถูก  วนาพยักหน้าให้เขาแล้วหายวับไป   ต้นดึงเดินไปเปิดประตูให้
            “มีอะไรเหรอครับคุณโฉมศรี ?”   เขาถามพร้อมกับกวาดตามอง  นอกจากสาวใหญ่แล้ว  ยังมีคนอีกมากมายยืนออมุงดูอยู่
            “ฉันนั่นแหละจะต้องเป็นฝ่ายถามคุณ  มันเกิดอะไรขึ้น  ฉันได้ยินเสียงระเบิดที่ห้องนี้ !”
            “ระเบิดอะไรกัน...ไม่เห็นมีนี่ครับ
            ชายหนุ่มแกล้งทำหน้าเซ่อ  แต่ท่าทางของสาวใหญ่  ดูเหมือนจะไม่ยอมเชื่อ  หล่อนเดินเบียดผ่านเขาเข้ามาในห้อง  มองดูสำรวจความเสียหาย    เมื่อไม่เห็นมีอะไรผิดปกติก็ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
            “เอ….แล้วเสียงที่ฉันได้ยิน  มันคืออะไรกัน ?”
            “ไม่รู้เหมือนกันสิครับ  ผมไม่เห็นได้ยินอะไรเลย  อาจจะเป็นเสียงผมนอนละเมอตกเตียงก็ได้มั้งครับ !”
            “คุณน่ะเหรอคุณต้น  ช้างตกทั้งตัวมันยังไม่ขนาดนี้เลย  อย่าพูดเล่นดีกว่า…..”  หล่อนทำเสียงดุไม่พอใจ  เดินไปชะโงกมองที่หน้าต่างด้านระเบียง  พยายามค้นหาจุดที่เกิดเสียงระเบิดให้ได้  เพราะเห็นมีผู้คนยืนดูอยู่มากมาย  สาวใหญ่จึงกล้าเดินตรวจดูในห้องอย่างไม่ค่อยจะมีความเกรงกลัวเท่าไร
ต้นเหลือเห็นรากไม้อันเล็กๆ  ยังตกอยู่ที่หน้าห้องน้ำ  เขาใจหายวูบ  แกล้งเดินตามหลังโฉมศรีไปแล้วใช้เท้าเหยียบเอาไว้  ก่อนที่หล่อนจะเห็นเข้า
            “เจออะไรมั้ยครับคุณโฉมศรี  ผมว่าบางทีอาจจะเป็นคุณวนาเธอเกิดนึกสนุก  ล้อเล่นอะไรขึ้นมาก็ได้นะครับ”  ชายหนุ่มแกล้งพูดแหย่
            “เอ้อ !  ไม่มีอะไรหรอก…..ไม่มี  สีหน้าของสาวใหญ่เปลี่ยนแปลงไปทันที  หล่อนทำตาล่อกแล่กท่าทางขนลุกขนพอง  
            “ฉันขอร้องเถอะนะพ่อเจ้าประคุณ   นี่มันก็ดึกมากแล้ว  กรุณาอย่าทำเสียงรบกวนคนอื่นอีกก็แล้วกัน….ฉันมาเตือนแค่นั้นแหละ”   บอกอย่างหวาดๆ  แล้วสาวใหญ่ก็รีบเดินจ้ำอ้าวออกไปจากห้อง  ไม่อยากอยู่เจอกับสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาอีก
            ต้นยิ้มให้กับตัวเอง  ที่สามารถพูดขู่จนหล่อนรีบไปให้พ้นๆได้   เขาเดินตามหลังไปที่ประตูห้อง  ปิดประตูล็อกกลอนเสีย  เพื่อให้ไทยมุงที่หน้าห้องสลายตัวไป
            วนาปรากฎกายขึ้นอีกครั้งหนึ่งที่หน้าห้องน้ำ  หล่อนก้มลงเก็บรากไม้อันนั้นขึ้นมาพิจารณาดู
            “นี่น่ะหรือครับ….สัตว์ประหลาดที่มันจู่โจมทำร้ายผม ?”   ชายหนุ่มเดินเข้ามายืนมองรากไม้ในมือของวนา หล่อนพยักหน้ารับ  ใช่แล้ว….ด้วยอำนาจเวทมนต์ทำให้มันกลายเป็นอสุรกาย
            “เจ้าอาจารย์บุญคนนั้น  ดูท่าจะไม่ยอมเลิกคิดร้ายต่อคุณเอาเลยจริงๆ
คนที่มันคิดร้ายไม่ใช่วนาหรอก”   นางไม้สาวบอก อสุรกายที่เกิดจากอาคมเหล่านี้  ไม่สามารถที่จะทำอันตรายอะไรวนาได้  เจ้าหมอผีคนนั้นมันคงมีจุดประสงค์ที่จะเล่นงานคุณต้นมากกว่า
            “ผมน่ะหรือครับ ?”  ชายหนุ่มสะดุ้งตกใจ
            “ถูกแล้ว…..เพราะคุณต้นเข้ามาขัดขวางพิธีกรรมของมัน  ดังนั้นเพื่อที่จะจัดการกับวนาให้ได้  มันจึงต้องส่งอสุรกายมาทำลายคุณต้นเสียก่อน”   สีหน้าของหล่อนเริ่มมีแววกังวล  วนาเห็นจะต้องตอบโต้เจ้าหมอผีคนนี้บ้างเสียแล้ว…..”
            “คุณจะทำยังไงหรือคุณวนา ?”
            “ไปเผชิญหน้า  สู้กันให้รู้ดีรู้ชั่วไปข้างหนึ่ง….”
            “ไม่ได้นะครับคุณวนา….มันอันตรายมาก!”  ชายหนุ่มร้องห้าม
            “ถ้าวนาไม่ทำอะไรลงไปสักอย่าง  คุณต้นนั่นแหละที่จะได้รับอันตรายจากหมอผีคนนี้   มันอาจจะคิดหาทางเล่นงานคุณต้นอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้  วนายอมไม้ได้อย่างเด็ดขาด  ไปด้วยกันเถอะค่ะ”           หล่อนจูงมือเขาไปนั่งลงบนเตียง  ชายหนุ่มทำตามอย่างรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจ
            “เราจะไปรู้ได้ยังไงว่าอาจารย์บุญอยู่ที่ไหน ?”
            “รากไม้นี้จะนำเราไปยังที่ที่มันถูกส่งมา…..”
            “บอกตรง ๆ ผมไม่อยากให้คุณไปสู้กับหมอผีเลย  ผมเป็นห่วงคุณจริงๆ
            “มีคุณต้นอยู่ด้วย  อำนาจเวทมนต์ของมันทำอะไรวนาไม่ได้หรอกค่ะ  อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย   เดี๋ยวมันอาจจะส่งอะไรมาอีก….”  นางไม้สาววางรากไม้ลงบนเตียง  แล้วนั่งสมาธิหลับตาลง  ชายหนุ่มรีบทำตาม
                        *************
            “ปีศาจรากไม้มันทำพลาด  ถูกอีกนางไม้นั่นมันทำลายไปแล้ว….”   อาจารย์บุญบอกหมอฉุย  สีหน้าแสดงความรู้สึกผิดหวังอย่างแรง
            “พอเถอะนะอาจารย์…..เราเลิกกันแค่นี้ดีกว่า  ฉันยอมแพ้มันแล้ว
            “เอ็งยอมแต่ข้าไม่ยอม………ข้าจะต้องเอาชนะมันให้ได้
            “อย่าดีกว่าอาจารย์…..แค่นี้เราก็ทำเลยเถิดกันไปใหญ่มากแล้ว  ฉันกลัวเรื่องมันจะลุกลามไปใหญ่โต
            “กลัวอะไรกันลุงฉุย”     เจ้าอ้นพูดสอดขึ้นมา  อาจารย์ของฉันน่ะไม่ใช่หมอผีกิ๊กก็อก  แต่เป็นผู้มีวิชาอาคมขลัง  ต่อให้ผีดุแค่ไหนก็สยบมาหมดแล้ว  ยิ่งเฮี้ยนมากซิดี  มันถึงจะสนุกตื่นเต้น”  พูดยังไม่ทันขาดคำ  เจ้าอ้นพลันแลเห็นแสงสว่างจ้าปรากฎขึ้นที่ตรงหน้า
            แสงนั้นค่อยๆรวมตัวขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง  คล้ายเตียงนอนขนาดใหญ่  มีคนสองคนนั่งอยู่  และเมื่อแสงหายไป  ก็มีเตียงตั้งอยู่จริงๆ  พร้อมกับร่างวนาและต้นซึ่งนั่งอยู่บนเตียงนั้น
            “นั่นไง…….ใช่แล้ว  มันมาแล้วอาจารย์บุญ”   หมอฉุยละล่ำละลักบอก
            หมอผีจอมขมังเวทย์เขม้นมองสิ่งที่ปรากฎขึ้รตรงหน้าอย่างไม่มีความสะทกสะท้าน       “กล้าดีเหมือนกันนี่….ทีข้าเรียกเจ้าไม่ยอมมา  แต่กลับเป็นฝ่ายที่มาหาข้าเอง
            “เจ้าหมอผีใจชั่ว !”  วนาชี้หน้าด่าเสียงเกรี้ยวกราด   ไม่เพียงแค่คิดร้ายต่อข้า  เจ้ายังมุ่งจะเอาชีวิตคนอีกด้วย เลวทรามต่ำช้าสิ้นดี  ข้าจะต้องสั่งสอนให้เจ้ารู้สำนึกเอาไว้บ้าง
            “ฮะฮะฮะฮ่า….”   อาจารย์บุญหัวเราะดังลั่นป่าช้า  ี  !  แล้วเราจะได้เห็นกันว่าใครมันจะแน่กว่า..ยโสโอหังดีนัก อุตส่าห์รนมาหาที่เองโดยที่ข้าไม่ต้องเสียเวลาเรียก   ข้าจะสะกดวิญญาณของเจ้าไว้กับต้นไม้นั่น  แล้วใช้หมุดสนับเงินตรึงเจ้าเอาไม้    ไม่ให้ได้ผุดได้เกิดอีกต่อไป……ฮะฮะฮะฮะฮ่า….”
            วนาหันมองไปยังต้นไม้ใหญ่  ที่อาจารย์บุญชี้ให้ดูเห็นมีแพรสีแดงผูกอยู่  คงจะเป็นต้นไม้ต้นนี้เองที่พยายามจะดึงดูดหล่อนให้มาที่นี่
            เป็นจริงอย่างที่คิดไว้  เมื่ออาจารย์บุญเริ่มลงมือว่าคาถา  ผ้าแพรแดงที่ต้นไม้นั้นพลันปรากฎแสงเรืองออกมาและค่อยๆแรงขึ้น  แรงขึ้นจนสว่างจ้าแสบตา แบบเดียวกับที่หล่อนเห็นในห้องไม่มีผิด
            “ระวังนะคุณวนา…….แสงนี้แหละที่มันจะทำร้ายคุณวนา  !”   ต้นร้องเตือน
            “อย่าตื่นเต้นนะคะคุณต้น”  นางไม้สาวกระซิบบอก  ตั้งสมาธิคุณให้ดี  แล้วจับมือกันเอาไว้  พลังจิตของคุณจะช่วยวนาได้…..”
            ชายหนุ่มรีบทำตาม  เขากุมมือของหล่อนไว้แล้วหลับตาลงตั้งสมาธิ  กำหนดใจให้แน่วแน่ อยู่แต่เพียงอย่าเดียวว่า   หล่อนจะต้องปลอดภัย
            แสงจากต้นไม้ใหญ่เริ่มส่งพลังดึงดูดอันมหาศาลมายังนางไม้สาวเหมือนกับพายุหมุนอันแรงกล้า  ที่พร้อมจะกลืนกินหล่อนเข้าไปสู่ใจกลางของมัน
            เสียงท่องคาถาจากอาจารย์บุญทำให้พลังของมันยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น  หมอฉุยกับเจ้าอ้นนั่งจ้องมองตาไม่กะพริบ   รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เห็นฤทธิ์อำนาจของหมอผีเรืองอาคม
            พายุหมุนที่โหมกระหน่ำอยู่กลางแสงจ้า  ทำให้เส้นผมยาวสยาย  และอาภรณ์ของนางไม้สาวพลิ้วไสวไปตามแรงดึงดูด  หล่อนกำลังผลึกพลังอำนาจทั้งหมดที่มี อยู่ออกมาต้านไว้ด้วยอาการสงบนิ่ง   มือข้างหนึ่งวางอยู่บนตัก  อีกข้างหนึ่งประสานกับมือของต้น
            ดูเหมือนอำนาจเวทมนต์ของอาจารย์บุญจะเหนือกว่าพลังจิตนางไม้สาว  ร่างหล่อนเรื่มจะสั่นไหว  ทำท่าจะลอยเข้าไปสู่ใจกลางพายุหมุนตามแรงดึงดูด
            แต่เป็นเพียงชั่ววูบหนึ่งเท่านั้นเอง  เมื่อพลังจิตของต้นถูกถ่ายทอดเข้าสู่ร่างนางไม้สาวประสานกับพลังจิตของหล่อนรัศมีจึงเริ่มปรากฎแผ่กระจายครอบคลุมเป็นวงกว้าง
            พลังอันบริสุทธิ์จากจิตใจของนางไม้ซึ่งมีบุญบารมีสูง  ประกอบกับชายหนุ่มผู้มีจิตใจอันหนักแน่น  กลายเป็นกำแพงแก้วอันแข็งแกร่ง  ส่องประกายแสงเรืองรองทำลายพายุแสงสว่างจากอาคมให้ดับวูบลงในทันที
            อาจารย์บุญเพิ่งประจักษ์กับตาตนเองว่าไม่มีทางที่จะสะกดนางไม้สาวไว้ด้วยวิธีนี้อย่างแน่นอน  หากไม่ทำลายชายหนุ่มผู้ถ่ายทอดพลังจิตให้หล่อนเสียก่อน
            รีบล้วงมือหยิบมีดหมอลงยันต์เล่มใหญ่ออกมาจากย่าม  ยกขึ้นว่าคาถากำกับแล้วขว้างออกไป
            มีดหมอเบ่มนั้นพุ่งแหวกอากาศแรงเข้าหาร่างต้นอย่างรวดเร็ว
            แต่…….อะไรกัน   พอกระทบถูกรัศมีซึ่งแผ่ออกมาคุ้มครองร่างที่นั่งอยู่บนเตียง  มันกลับกระเด็นหวือตกไปในพงหญ้า  ไม่สามารถเจาะทะลวงกำลังรัศมีนั้นเข้าไปได้
            เหงื่อกาฬเม็ดโป้งๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก   และศีรษะอันโล้นเลี่ยน  อาจารย์บุญเกิดความประหวั่นพรั่นพรึงขึ้นมาอย่างรุนแรง  สีหน้าเปลี่ยนเป็นขาวซีด  ความทนงในวิชาอาคม ของตนเองหดหายไปทันที
            “เจ้าหมอผีอุบาทว์ !  ความชั่วไม่สามารถเอาชนะความดีได้หรอก  จงรู้เอาไว้เสียด้วย
             เพื่อไม่ให้ศึกครั้งนี้ต้องยืดเยื้ออันจะเป็นการนำภัยมาสู่ชายคนรัก  วนายกมือขึ้นวางอยู่บนตักขึ้นโบกสะบัด ซัดลูกไฟดวงใหญ่ออกไป
            อาจารย์บูญตาเหลือกถลน  ยังไม่ทันได้ตั้งรับก็ถูกลูกไฟดวงนั้น  พุ่งเข้ากระแทกจนกระเด็นถลาครูดไปกับพื้นเป็นทางยาว   ดีว่าเป็นเพียงลูกไฟของเทพชั้นนางไม้  หากเป็นไฟแห่งเทพชั้นดาวดึงส์  ร่างอาจารย์บุญคงต้องมอดไหม้ไปในพริบตา  ร่างั้นฟุบแน่นิ่งอยู่ในพงหญ้าไม่ไหวติง
            “อาจารย์  อาจารย์  ! ”
            เจ้าอ้นลนลานเข้าไปประคอง  เขย่าตัวปลุกให้รู้สึก แต่ร่างนั้นกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ อันใดบ่งบอกว่าจะมีความรู้สึกตัว
            วนาค่อยๆลุกขึ้นก้าวลงจากเตียง  หมอฉุยเหลือบเห็นเข้าขนลุกซู่ด้วยความหวาดกลัว  สะกิดร้องบอกเด็กหนุ่มหน้าผีอย่างลุกลี้ลุกลน
            “เจ้าอ้น  !  เจ้าอ้นมันมาแล้ว   รีบหนีเร็ว !”
            “แล้ว…..แล้วอาจารย์ล่ะ !”
            “ตัวใครตัวมันโว้ย…..ถ้าขืนชักช้ามันเอาเราตายแน่
            ความรักตัวกลัวตามมีมากกว่าความห่วงใยอาจารย์เสียแล้ว  เจ้าอ้นมันเห็นชัดกับตาว่านางไม้ตนนี้มีฤทธิ์เดชมากมายเพียงไร   รีบเผ่นพรวดโกยอ้าวตามหมอฉุยไปอย่างรวดเร็ว  ทิ้งอาจารย์บุญให้อยู่เผชิญกับ ชะตากรรมเพียงลำพัง
            วนาก้าวเข้ามายืนมองดูร่างที่นอนสงบนิ่งอยู่นั้นการปลิดชีวิตของหมอผีใจชั่วคนนี้   กระทำได้ง่านเหมือนเพียงแค่พลิกฝ่ามือ  แต่หล่อนกลับไม่ทำยกมือขึ้นโบกเบาๆครั้งหนึ่ง
            ร่างนั้นค่อยๆขยับรู้สึกตัว  ร้องครางเบาๆ  อย่างเจ็บปวดก่อนที่จะลืมตาขึ้นมา
            “แก……แก……”
            พอเห็นชัดว่าเป็นใครมายืนอยู่ตรงหน้า   อาจารย์บุญตาเหลือกถลน…….พยายามจะขยับลุกขึ้นแต่มือเท้ามันปวดจนชาไปหมด  ไม่สามารถเคลื่อนไหวส่วนหนึ่งส่วนใดได้ตามใจนึก
            ความจริงคนชั่วช้าอย่างเจ้า  มันสมควรที่จะตายเสียด้วยซ้ำ   แต่ข้าก็ไม่อยากมีบาป เพราะปลิดชีวิตเจ้าหรอกนะอาจารย์บุญ  จงจำเอาไว้ให้ดี  ถ้าเจ้ายังไม่ยอมเลิกราวีข้า  ดึงดันที่จะทำความชั่วเอาชีวิตคนตามอำเภอใจ  ด้วยถือดีว่ามีเวทมนตร์คาถา  ข้าก็จะไม่ละเว้น ชีวิตของเจ้าอีกเหมือนกัน……”
            บอกเสร็จสรรพ   นางไม้สาวก็หันกลับอย่างไม่สนใจไยดีอีกต่อไปอาจารย์บุญได้แต่นอนมอง หล่อนเดินกลับไปที่เตียง  แล้วเห็นเตียงตัวนั้นหายวับไปต่อหน้าต่อตาอย่างไม่สามารถที่จะขัดขวางอะไรได้











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น