วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เตียงนางไม้ ตอนที่ 29

โดย...เจิด จินตนา
29...



            เตียงนางไม้กลับมาปรากฎขึ้นในห้องของต้นอีกครั้งหนึ่ง  ชายหนุ่มยังไม่หายระทึกใจกับเหตุการณ์ ที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆแลยทำให้นั่งนิ่งเป็นเบื้ออยู่บนเตียงนั้น
            “เราปลอดภัยแล้ว….ไปอาบน้ำเสียก่อนเถอะนะคะ”   ได้ยินเสียงบอกของนางไม้สาว  ต้นจึงรู้สึกตัว  เขาหันมองไปที่หน้าห้องน้ำ  นึกถึงภาพของเจ้าอสุรกาย  ที่ฉุดเขาเข้าไปในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ  นั้นแล้วอดขนลุกซู่ขึ้นมาด้วยความประพรั่นพรึงไม่ได้
            ดูเหมือนวนาจะเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่มดี  หล่อนยิ้มนิดๆ  ยืนมือมาแตะที่ต้นแขนของเขาเบาๆ

            “อาจารย์บูยกำลังได้รับบาดเจ็บอยู่  อย่างน้อยในเวลานี้เขาก็ทำอะไรคุณต้นไม่ได้หรอกนะคะ
            ชายหนุ่มยิ้มตอบเป็นการแก้เขิน  แล้วลุกจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำแต่โดยดี   ในห้องนั้นไม่มีอะไรน่ากลัวให้เห็นอีก  เขาจึงอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณอย่างสบายอกสบายใจ  สินนาทีต่อมาต้นใส่ชุดนอนเดินออกมาจากห้องน้ำ  รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นหมอนและผ้าห่มของเขา  ถูกวางเคียงข้างกับของนางไม้สาวอยู่บนเตียง
            ชายหนุ่มไม่คิดอะไร  เขาก้าวไปที่โต๊ะเครื่องแป้งหยิบกระป๋องแป้งฝุ่นขึ้นมาผัดหน้าโรยตัว  หวีผมหวีเผ้าให้เรียบร้อย  แล้วจึงเดินกลับมาจะเอื้อมมือหยิบหมอนกับผ้าห่ม  ไปปูที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่นอนประจำ
            “ขึ้นมานอนบนเตียงนี้เถอะนะคะ……”   นางไม้สาวจับมือเขาไว้  ยิ้มให้อย่างอ่อนหวานน่ารัก
            “แต่นี่มันเตียงของคุณ…..ไม่เหมาะนะครับคุณวนา”   ชายหนุ่มอิดเอื้อน
            “วนาอนุญาตเฉพาะคุณต้นคนเดียวเท่านั้น  เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณต้นเอง…..”
            “ทำไมหรือครับ  ?”
            “วนาไม่แน่ใจว่าอาจารย์บุญจะแอบเล่นงานคุณต้นเข้าอีกเมื่อไหร่  จึงอยากให้คุณต้นอยู่ใกล้ๆกับวนาไว้ มีอะไรผิดปกติขึ้นมาจะได้ช่วยคุณต้นทัน
            “แล้วคุณวนาไม่กลัวผมจะเผลอตัว  ลวนลามคุณหรือครับ  ?”  ชายหนุ่มถามทีเล่นทีจริง
            “จะต้องไปกลัวทำไม  ก็คุณต้นบอกว่ารักวนาไม่ใช่หรือคะ  ?”
            หล่อนมองสบตาของเขา  ดวงตาคู่นั้นมีประกายแห่งความห่วงใยแฝงอยู่  ชายหนุ่มโน้มตัวลงจุมพิต ที่แก้มปลั่งเบาๆ  หล่อหลับตาพริ้มไม่ขัดขืน
            กลิ่นหอมนุ่มนวล  เร้าอารมณ์ปรารถนาของชายหนุ่มให้ลุกโชนขึ้นมา  ต้นนั่งลงบนเตียงโอบไหล่ นางไม้สาวให้เอนนอนลง  ยื่นจมูกเข้าไปใกล้วงหน้างามที่กำลังหลับพริ้มอยู่นั้นหมายชมความหอมหวน ของนวลนางให้สมรัก
             “อย่าค่ะคุณต้น……”  หล่อนลืมตาขึ้น  ใช้มือกันใบหน้าของเขาไว้  ก่อนที่จะล่วงล้ำลงมาใกล้กว่านี้ ไม่ใช่เวลานี้….มัน….มันยังไม่ถึงเวลา…..”
            “โธ่……คุณวนา  แล้ว……แล้วเมื่อไหร่ล่ะ  ?”
            “จนกว่าวนาจะแน่ใจว่าคุณต้นไม่มีคนอื่นอยู่ในใจแล้วจริงๆ
                        ************
            อาจารย์บุญถูกทิ้งให้นอนอยู่ในพงหญ้าที่ป่าช้าอีกนานแสนนาน  กว่าหมอฉุยกับเจ้าอ้นจะย้อนกลับมาดูและเห็นว่ายังมีชีวิตอยู่  จึงช่วยกันหามร่างของแกกลับไปรักษาที่บ้าน
            อาการของหมอผีผู้มีวิทยาคมขลังดูจะหนักกว่าเมื่อครั้งที่หมอฉุยปะทะกับนางไม้สาวอีกหลายเท่าตัวนักตามเนื้อตามตัวเต็มไปด้วยรอยบาดแผล  ที่หน้าอกทีรอยฟกช้ำดำเขียวเป็นป้านใหญ่  กระดูกกระเดี้ยวในกายคล้ายกับจะหักหมดจนป่นปี้   นอนร้องครวญครางอยู่บนฟูกตลอดเวลา
            “โอย…..โอย……ข้าปวดเหลือเกินรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปหมดทั้งตัว  มันมันทรมานจริงๆ โอยโอย….”
            “ก็ไม่ควรเลยนี่อาจารย์บุญ  ฉันห้ามแล้วก็ยังไม่ยอมฟัง”   หมอฉุยส่ายหน้าอย่างรู้สึกสังเวชใจ  ในสภาพของอาจารย์บุญเวลานี้  เขากับเจ้าอ้นกำลังช่วยกันชโลมทาน้ำมันยาตามเนื้อตัวของอาจารย์บุญอยู่
            “กูคิดไม่ถึงว่าอีนางไม้ตนนี้  มันจะมีฤทธิ์เดชมากมายถึงขนาดนี้….มันมันทำให้กูเจ็บมากจริงๆ   โอย…..โอย…”
            “ฉันกับลุงฉุย  คิดว่าอาจารย์ถูกมันฆ่าตายไปเสียแล้วอีก  นี่ดีนะที่มันยังยอมไว้ชีวิต  ไม่คิดซ้ำเติมอาจารย์  ไม่งั้นป่านนี้อาจารย์คงไม่ได้มานอนร้องโอยๆ อยู่อย่างงี้แล้ว”  เจ้าอ้นบอก
            “ไอ้ฉิบหายอ้น  !”   อาจารย์บุญออกปากด่า  ทั้งๆที่ยังนอนเจ็บ   คนอย่างกูตายยากโว้ย  มึงไม่ต้องมาแช่งคอยดูนะ……กูจะต้องแก้แค้นอีกนางไม้ตัวแสบให้ได้  โอย…..โอย…”
            “โห…!    อาจารย์….โดนเข้าไปขนาดนี้แล้วอาจารย์ยังไม่เข็ดอีกเหรอ ?”  เด็กหนุ่มหน้าผีอุทาน
            “ยังยังตราบใดที่กูยังมีชีวิตอยู่  กูจะตามจองล้างจองผลาญมัน   เอาชนะมันให้ได้…”
            “แต่ฉันว่าพอดีกว่านะอาจารย์อีนังนี่ไม่ใช่ภูตผีธรรมดา  อย่าไปเสี่ยงกับมันนอีกเลย……”  หมอฉุยเตือนด้วยความหวังดี
            “ไม่….คนอย่างอาจารย์บุญจะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด  รู้ไปถึงไหนอายเขาถึงนั่น….รอให้ข้าหายดีเสียก่อนเถอะข้าจะหาวิธีจัดการกับมันใหม่!”
            สีหน้าของอาจารย์บุญเต็มไปด้วยความเคียดแค้นที่มันสุมแน่นอยู่ในอก  แม้จะยังรู้สึกเจ็บปวดทรมาน แต่ดวงตาคู่นั้นกลับฉายแววอาฆาตมาดร้าย
                        ************
            เช้าวันนี้อากาศสดใสมาก  ต้นนอนตื่นสายกว่าปกติ  เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้หลับอย่างสุขสบายบนเตียงอันอ่อนนุ่ม  จึงนอนเพลินไปหน่อย  วนาต้องปลุกให้เขาลุกขึ้น  อาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน
            ขณะที่กำลังแต่งตัว  ปื๊ดก็เข้ามาหา  เพราะความร้อนใจอยากรู้เรื่องของอรอนงค์
            “ได้เรื่องยังไงบ้างพี่ต้น
            “พี่บอกเธอไปแล้ว  เธอยอมรับปากว่าจะพยายามหาทางเลิกยุ่งเกี่ยวกับคุณพ่อของปื๊ดอีกต่อไป
            “ดีครับพี่ต้น….ถ้าเป็นอย่างงั้นได้จริง  เรื่องราวมันจะได้ยุติลงเสียที
            “ใครคะ….คุณอรอนงค์หรือ  ?”  วนาซึ่งนั่งฟังอยู่บนเตียงอดถามขึ้นมาไม่ได้
            “ใช่ครับคุรวนา….ผมเป็มคนขอร้องให้พี่ต้นช่วยพูดกับผู้หญิงคนนั้นเอง ”  ปื๊ดบอก
            “งั้นเหรอ แล้วคุณต้นพูดยังไงเธอถึงยอมเชื่อล่ะ  ? ”  หล่อนหันมาถามชายหนุ่ม
            “ไม่มีอะไรหรอก   ผมเพียงแต่ชี้ให้เธอเห็นปัญหายุ่งยากที่จะตามมา  ถ้าเธอยังขืนยุ่งเกี่ยวกับ คุณพ่อของปื๊ดอีกต่อไปเท่านั้นเอง  เธอยังสาวยังสวยคงจะหาผู้ชายคนใหม่ได้ไม่ยากนัก”
            “อย่างเช่นคนที่บอกกับเธองั้นใช่มั้ยคะ  ?”   โดนถามจี้ถูกจุดเข้าแบบนี้  ชายหนุ่มถึงกับอึกอักพูดอะไรไม่ออก  ทำทีเป็นหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาถือ
            “ผมต้องรีบไปทำงานก่อนล่ะสายมากแล้ว  ปื๊ดอยู่คุยกับคุณวนาก็แล้วกันนะ…..”  บอกแล้วรีบเดินตัวปลิวออกไปจากห้อง  เด็กหนุ่มยืนมองตามทำตาปริบๆ   เขาพออ่านความรู้สึกของต้นออกชายหนุ่มคงไม่อยากให้เขาพูดเรื่องนี้ต่อหน้านางไม้สาว  แต่จะทำยังไงล่ะในเมื่อพลั้งปาก พูดออกไปแล้วนี่
            “อ้อผมผมขอตัวกลับไปที่ห้องดีกว่านะครับ”   ปื๊ดหันมาบอกกับวนา  แล้วทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง  แต่ถูกหล่อนเรียกเอาไว้
            “เดี๋ยวก่อน...อย่าเพิ่งไปค่ะคุณปื๊ด   วนามีเรื่องจะปรึกษาด้วย
            “เรื่องอะไรหรือครับคุรวนา  ?”  เขาจำเป็นต้องอยู่ฟัง
            “เมื่อคืนเราถูกหมอผีเล่นงานอีก !”
            “ฮ้า !  หมอฉุยน่ะเหรอครับ ?”
            “ไม่ใช่หรอก….หมอผีคนนี้ชื่ออาจารย์บุญ…”   หล่อนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น  ให้กับเด็กหนุ่มหุ่นสมบูรณ์ฟังจนหมดสิ้น
             “โอ้โฮ……..งั้นหมอผีคนนี้ก็น่ากลัวไม่ใช่น้อยน่ะซิครับคุณวนา ?”
            “ถูกแล้วค่ะคุณปื๊ด……ด้วยเหตุนี้แหละที่วนาจึงอดเป็นห่วงคุณต้นไม่ได้
            “ทำไมหรือครับ  ?”
            “อาจารย์บุญเป็นหมอผีที่มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตมาก  วนากลัวว่าเขาอาจจะใช้เวทมนต์ลอบทำร้าย คุณต้นอีก
            “จริงซินะครับคุณวนาไม่น่าปล่อยให้มันมีชีวิตรอดไปได้เลย
            “วนาเป็นเทพยดา  มีแต่ช่วยคนไม่เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิต  เรื่องนี้วนาทำไม่ลงหรอก
            “แล้วทำยังไงดีล่ะครับคุณวนาแจ้งตำรวยดีมั้ย ?”
            “ไม่มีแระโยชน์หรอกค่ะ  คงไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้อย่างแน่นอน  เราต้องหาทางคอยปกป้องคุ้มครองคุณต้นเอง
            “แต่ตอนกลางวันพี่ต้นต้องไปทำงาน  คุณวนาจะช่วยปกป้องพี่ต้นได้ยังไงกันล่ะครับ  ?”
            “ได้ซี่….ขอเพียงวนาได้รู้จักที่ทำงานของคุณต้นเท่านั้น   เรื่องนี้เห็นจะต้องขอความช่วยเหลือ จากคุณปื๊ดหน่อยนะคะ….”
            “จะให้ผมช่วยยังไงหรือครับ  ?”
                        ************
            โฉมศรีกำลังนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ  หล่อนได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังเดินลงบันไดอพาร์ตเม้นท์มาจึงเหลือบตาขึ้นมอง  เห็นปื๊ดเดินคุยอยู่กับหญิงสาวรูปร่างดีคนหนึ่งสวมกระโปรงสีชมพูเก๋น่ารัก แต่เห็นหน้าไม่ถนัด
            ทั้งคู่กำลังเดินไปที่ลานจอดรถ  สาวใหญ่เขม้นมองตามอย่างสงสัย  หญิงสาวคนนั้นมีผมยาวนุ่มสลวยรูปร่างคล้ายคนที่หล่อนเคยเห็นมาก่อน   นึกแปลกใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครกัน  ทำไมถึงได้มีท่าทางสนิทสนมกับเด็กหนุ่มร่างอ้วนอย่างนั้น
            ผู้หญิงคนนั้นซ้านท้ายมอเตอร์ไซด์ของปื๊ดแล่นผ่านหน้าสำนักงาน  และกำลังหันมายิ้ม ให้หล่อนพอดี
            คุณพระช่วย !  หน้าตาแบบนี้รอยยิ้มแบบนี้โฉมศรีจำได้อย่างติดตา  ใช่แล้ว หล่อนคือผีที่อยู่ในห้องของต้นนั่นเอง   สาวใหญ่ขนหัวลุกตั้งขึ้นมาในทันที  อ้าปากค้างตาเหลือก  รีบพนมมือขึ้นสวดมนต์ผิดๆถูกๆ  เสียงสั่นด้วยความสะพรึงกลัว
            “เจ้าประคู้….อย่ามาหลอกมาหลอนกันอีกเลย  !!”
            ปื๊ดพาวนาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์มาถึงบริษัทประกันที่ต้นทำงานอยู่   เขาเลี้ยวรถเข้าไปจอด หน้าอาคารสำนักงาน
            “พี่ต้นทำงานอยู่ที่ชั้นห้า  ทางปีกซ้ายมือนั่นแหละครับ  !”  เด็กหนุ่มบอกพร้อมกับชี้มือให้ดู
            วนาก้าวลงจากเบาะท้ายมอเตอร์ไซด์แหงานหน้ามองตาม
            “ขอบใจมากนะปื๊ดกลับไปได้แล้วล่ะ
            “แน่ใจนะ   ว่าคุณวนาไม่ต้องการให้ผมอยู่เป้นเพื่อน ?”
            “ค่ะ…..วนาไม่อยากให้คุณต้นรู้ตัวว่ามีใครคอยติดตามดูแลเขาอยู่  เขาอาจจะไม่สบายใจ
            “คุณวนากลับเองได้นะครับ?”
            “ได้แน่นอนอยู่แล้ว  แค่ให้คุณปื๊ดช่วยพามารู้จักก็พ….ไม่ต้องห่วงหรอกนะ  กลบัไปเถอะ
            เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ  แล้วเข้าเกียร์บังคับให้มอเตอร์ไซด์คู่ชีพแล่นออกไป  นางไม้สาวยืนมองตามหลังไปสักครู่หนึ่ง  จึงหันมาสนใจกับอาคารสำนักงานประกันภัย อันใหญ่โตแห่งนั้น
            ที่นี่มีคนเดินเข้าออกพลุกพล่านมากหน้าหลายตาเกือบจะตลอดเวลาทำให้หล่อนเกิดอาการประหม่า  ไม่กล้าเดินเข้าไปในอาคาร   ยืนลังเลอยู่ตรงหน้าประตู
            “มาติดต่อธุระหรือครับคุณ ?”  พนักงานรักษาความปลอดภัยเห็นหล่อนยืนเงอะงะ จึงเดินเข้ามาถามอย่างสุภาพ
            “ใช่ค่ะ….”
            “แผนกอะไรหรือครับ ?”
            “เอ้  !  แผนกประกันภัย  แต่ดิฉันไปไม่ถูก
            “งั้นเชิญตามมาซิครับ !”  เขาเดินนำหล่อนเปิดประตูให้  แล้วพาตรงไปยังลิฟท์  กดปุ่มปิดประตูลิฟท์ออกมา   “แผนกประกันภัยอยู่ชั้นที่ห้าเชิญเลยครับ !”
            นางไม้สาวมองดูห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ  นั้นอย่างงง แล้วหันไปจ้องหน้า  พนักงานรักษาความปลอดภัยหนุ่มคนนั้น  เห็นเข้ากำลังมองดูหล่อยด้วยท่าทางแปลกใจเหมือนกัน  จึงยิ้มเจื่อนๆ
            “อยู่อยู่ในห้องนี้หรือคะ  ?”
            “ไม่ใช่หรอกครับ….นี่คือลิฟท์ที่จะพาคุณขึ้นไป”  พนักงานหนุ่มพยายามกลั้นหัวเราะ  เพื่อไม่ให้ เป็นการเสียมารยาทต่อลูกค้า   แล้วก้าวเข้าไปในลิฟท์กดปุ่มให้ลิฟท์จอดที่ชั้น 5  ก่อนจะเดินออกมาบอกกับหล่อน ผมจัดการให้แล้ว  พอถึงชั้นห้าประตูก็จะเปิดออกเองเชิญเลยครับ !”
            “ขอบคุณค่ะ !”  นางไม้สาวยิ้มให้กับเขา   แล้วเดินไปในลิฟท์สะดุ้งตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นประตูเลื่อนปิดเข้ามา  เหมือนหล่อนถูกขังเอาไว้ในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก  จากนั้นจึงรู้สึกว่าห้องนั้น มันเริ่มเคลื่อนไหวได้  ต้องเหลียวมองไปรอบๆอย่างหวาดๆระคนแปลกใจสงสัย
            สักครู่ต่อมา  ลิฟท์จึงหยุดนิ่งประตูเปิดออกเอง  หล่อนไม่เห็นพนักงานรักษาความปลอดภัยหนุ่มคนนั้นเสียแล้ว  มีแต่หญิงทำความสะอาดในชุดสีน้ำเงินกำลังใช้ไม้ถูพื้นถูลากไปมา อยู่ตรงหน้าห้อง
            ทุกอย่างนอกห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆนี้เปลี่ยนแปลงไปหมด  ไม่เหมือนกับ ตอนที่หล่อนเดินเข้ามา
            หรือว่าหล่อนขึ้นมาถึงชั้นที่ห้าแล้ว  อาจจะใช่ก็ได้เพราะพนักงานหนุ่มคนนั้น เป็นคนบอกกับหล่อนเองว่าประตูจะเปิดเมื่อถึงชั้นที่ห้า
            หญิงทำควมาสะอาดเหลือบตามองมาที่นางไม้สาวอย่างแปลกใจ  ที่เห็นหล่อนยังคงยืนอยู่ในลิฟท์  จะออกก็ไม่ออก  ไปชั้นไหนก็ไม่ไป
            วนายิ้มให้อย่างเขินๆ  หญิงสาวคนนั้นจึงเลิกสนใจ  ก้มหน้าก้มตาถูพื้นตามหน้าที่ต่อไป
ทุกอย่างที่นี่ดูแปลกสำหรับหล่อน  ไม่เหมาะแน่ที่จะเดินตามหาต้นอย่างเงอะงะ  ให้เป็นที่สงสัยของคนอื่นๆ  นางไม้สาวตัดสินใจทำตัวให้หายวับไปในทันที
            หญิงทำความสะอาดเหลือบตาขึ้นมองดูลิฟท์ที่ยังเปิดประตูค้างไว้อีกครั้งหนึ่ง  แล้วก็ต้องตกใจสะดุ้งเฮือกทำหน้าเหมือนถูกผีหลอก  เมื่อเห็นว่าในลิฟท์มีแต่ความว่างไปเปล่า
            ผู้หญิงที่เห็นยืนอยู่เมื่อสักครู่นี้หายไปเสียแล้วทั้งๆที่หล่อนไม่ได้เดินออกมาจากลิฟท์เลย
                        ************
            อรอนงค์ขับรถเก๋งคันงามแล่นมาจอดที่ลานจอดรถบริษัทประกันหล่อนก้าวออกมาจากรถ ปิดประตูล็อกแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
            อีกสิบนาทีจะได้เวลาพนักงานพักกินข้าวเที่ยงหญิงสาวรีบเดินจ้ำเข้าไปในตัวอาคาร กดปุ่มเรียกลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้นห้า  พอประตูเปิดออก  เห็นพนักงานหลายคนยืนรออยู่ที่หน้าลิฟท์  รู้สึกใจหายวูบ
            ตั้งใจจะมาชวนต้นไปกินข้าวด้วยกัน  ที่หล่อนมาสายเกินไปหรือเปล่า    ป่านนี้ชายหนุ่มมิออกจากที่ทำงานไปแล้วหรือ
            รีบก้าวพรวดพราดออกจากลิฟท์  มองเข้าไปยังห้องทำงานของต้น  ยิ้มออกมาได้เมื่อเห็นชายหนุ่มยังคงนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่
            “คุณต้น  !”  หล่อนร้องทักแต่ไกล  ผลักประตูกระจกเดินตรงเข้าไปหา  ไม่ยี่หระต่อสายตา ของพนักงานทุกคนที่พากันจ้องมองอยู่
            ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมา   ขมวดคิ้วสงสัย
            มีธุระอะไรให้ผมรับใช้หรือครับคุณอรอนงค์ ?”
            “ฟังพูดเข้าแน่ะ……ถ้าไม่มีธุระอรจะมาหาของต้นไม่ได้หรือไงคะ  ?”  หล่อนตัดพ้อต่อว่าด้วยอาการแง่งอนนิดๆ
            “อ๋อ  !   ได้ซิครับผมรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยเท่านั้นแหละ  เพราะคุณอรอนงค์ไม่ได้โทร
นัดหมายมาก่อน
            “อรจะมาชวนคุณต้นออกไปทานข้าวกับอร บังเอิญขับรถผ่านมาแถวนี้พอดี เลยเพิ่งนึกขึ้นได้ อย่างกระทันหัน
            “รบกวนคุณอรอนงค์เปล่าๆ   คุณเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารผมหลายมื้อแล้ว รู้สึกเกรงใจคุณจริงๆ
            เขาพยายามหาทางบ่ายเบี่ยง   บอกกับตัวเองว่ารู้สึกกลัวเสน่ห์ของผู้หญิงคนนี้จริงๆ ไม่อยากอยู่ใกล้ชิดโดยลำพังกับหล่อนสองต่อสอง
            “ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ  ก็อรเป็นฝ่ายชวนคุณต้นเอง….ไปเถอะนะคะ อรชักรู้สึกหิวแล้วล่ะ  ไหนสัญญาว่าจะไม่ขัดใจอรยังไงล่ะคะ ?”  หล่อนทำเสียงออดอ้อนออเซาะ  ดวงตาเป็นประกายเยิ้มแล้วถือวิสาสะรั้งแขนจะให้ชายหนุ่มลุกจากโต๊ะทำงาน  เหมือนเช่นการกระทำขอหนุ่มสาวคู่รักกัน
            “เอ้า  !  ก็ได้ครับคุณอรอนงค์” 
             ต้นไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนร่วมงานที่พากันจ้องมองอยู่ จำเป็นต้องลุกขึ้นยืน  อรอนงค์ยิ้มร่าอย่างดีใจ  รีบควงแขนของเขาเดินคลอเคลียออกจากห้องทำงาน
            พอเปิดประตูกระจกออกไป หญิงทำความสะอาดที่หน้าลิฟท์ก็ถอยหลังมาชนต้นเข้าอย่างจัง
            “อุ๊ย  !  ขอโทษค่ะ…..”  เสียงนี้รู้สึกคุ้นๆหู  ชายหนุ่มขมวดคิ้วหันมองผู้หญิงคนนั้น ไม่ยอมหันมาสบตากับเขา  ยังคงยืนหันหลังให้  ก้มหน้าถูพื้นอยู่
            ชายหนุ่มรู้สึกข้องใจในอากัปกิริยาแปลกๆ ของหล่อน เขาเดินไปที่ลิฟ์ พื่อต้องการมองให้เห็นชัดๆ  ว่าหล่อนเป็นใคร  แต่ผู้หญิงคนนั้นก็กลับหันหลังให้เขาอีก
            ประตูลิฟท์เปิดออกแล้ว  ต้นจึงเลิกสนใจ  ก้าวเข้าไปในลิฟท์กับอรอนงค์  แล้วกดปุ่ม ให้ลิฟท์เลื่อนลงไปชั้นล่าง
            หญิงทำความสะอาดคนนั้นหยุดถูพื้น   เงยหน้าขึ้นมามอง       วนานั้นเอง…..หล่อนปลอมตัวมาแอบฟัง  เพราะอยากรู้ว่า  อรอนงค์มีความสัมพันธ์กับต้น ลึกซึ้งมากน้อยขนาดไหน
            กิริยาที่หญิงสาวหุ่นอวบอั๋นแสดงต่อต้น  ทำให้นางไม้สาวเกิดความรู้สึกแปลกประหลาด มันเป็นความรู้สึกไม่พอใจในตัวผู้หญิงคนนั้น






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น