คุณหนูไฮโซตกกระป๋อง
กับ คุณชายจอมกวน
โดย...เจิด จินตนา
ตอนที่ 2...
"ทำไมหรือครับคุณหนู?"
เสียงร้องออกคำสั่งของระพีภัทรา
ทำให้ลุงพงษ์แกต้องรีบเหยียบเบรคให้รถหยุดกึ่กลงพร้อมกับเหลียวหน้ามามอง แต่หล่อนชิงเปิดประตูก้าวพรวดพราดลงจากรถไปเสียแล้ว
หญิงสาวเดินลิ่วๆ
ตรงไปที่รถเก๋งโตโยต้าคัมรี่ซึ่งมาจอดอยู่ในที่ของหล่อน
เห็นว่ามีนักศึกษาหนุ่มสองคนกำลังยืนพิงรถพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกคิกคักกันอยู่
จึงทำหน้าบูดบึ้งเข้าไปใส่
"นี่...รีบไสหัวไปจอดที่อื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ!"
"ว้ายตาย...อาไรกันฮ้า!???"
สองหนุ่มสะดุ้งเฮือก
ที่จู่ๆ มีคนมาตวาดแว้ดให้
ทั้งคำพูดและกิริยาท่าทางบอกให้รู้ได้ทันทีเลยว่าเป็นพวกประเทือง
แต่สิ่งที่อยู่ในความสนใจของระพีภัทราตอนนี้
มีเพียงว่าคนพวกนี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะเอารถเข้ามาจอดที่ตรงนี้เท่านั้น
"ไม่ต้องมาทำตีหน้าเซ่อ
ให้มันรู้จักมั่งซี่ว่านี่มันเป็นที่จอดรถของใคร?"
"ต๊าย...ก็ต้องของมหา'ลัยน่ะซียะหล่อน!"
"ใช่...แต่มหา'ลัยมอบสิทธิ์ให้เป็นที่จอดรถส่วนตัวของฉันแล้ว
เอารถของแกไปหาที่จอดใหม่เลยไป๊!"
"หล่อนกำลังเข้าใจผิดแล้วย่ะ
รถนี่ไม่ใช่ของเราซักกะหน่อย"
"อ้าว!??"
"เรายังต้องใช้บริการของ
ขสมก.อยู่ย่ะ ไม่มีปัญญาซื้อรถหรูๆ
แบบเนี้ยขี่เหมือนพวกหล่อนหรอกนะยะ"
"จริงด้วย...ไปคุยกันต่อที่อื่นดีกว่านะตัวเอง เหม็นสาบคนรวยจังว่ะ...เน๊อะ!"
ว่าแล้วทั้งคู่ก็พากันสะบัดหน้าพรืด
และเดินกระตุ้งกระติ้งผละจากไปด้วยท่าทางที่ไม่พอใจ
ทิ้งให้ระพีภัทรายืนหน้าแตกอยู่ข้างรถเก๋งคันนั้นเอง
ในเมื่อสองคนนี้ไม่ใช่เจ้าของรถ
แล้วใครกันล่ะที่มันกล้าบังอาจเอารถเข้ามาจอดในที่ซึ่งเป็นที่จอดรถเฉพาะส่วนตัวของหล่อน
ทำแบบนี้มันเท่ากับว่าเป็นการหยามน้ำหน้ากันชัดๆ
เลยทีเดียว
"รถใครวะ?"
หญิงสาวยืนเท้าสะเอวตะโกนขึ้นมาลอยๆ
อย่างมีโมโห
เล่นเอานักศึกษาที่กำลังเดินผ่านไปมาต่างเหลียวมามองหล่อนกันเป็นตาเดียว
เพราะว่าเสียงของหล่อนนั้น
มันเบาอยู่เสียเมื่อไหร่
ลุงพงษ์เห็นท่าไม่ดีแน่จึงรีบลงจากรถเข้ามาห้าม
"ไม่เอาน่าครับคุณหนู
ช่างเถอะครับ"
"ช่างไม่ได้หรอกลุง
คนมักง่ายฉันเกลียดนัก!"
"คุณหนูมายืนตะโกนปาวๆ
แบบนี้ มันอายเขานะครับ"
"อายทำไมกันลุง
เราไม่ใช่คนผิดนี่"
เพราะเจ้าแมลงสาบที่ไร้มารยาทตัวนั้นมันทำให้ระพีภัทราทานอาหารเช้าไม่ลง
อารมณ์เสียและหงุดหงิดตั้งแต่ก่อนออกจากบ้านแล้ว พอมาเจอเอาเหตุการณ์แบบนี้เข้าอีก
เลยยิ่งพาให้รู้สึกโมโหโกรธาไปยกใหญ่
ตอนนี้ต่อให้ลุงพงษ์เอาช้างมาฉุดอย่าหวังเลยว่าจะอยู่
เมื่อไม่มีใครยอมมาแสดงตัวเป็นเจ้าของรถเสียที หล่อนจึงยอมลงทุนก้มลงออกแรงผลักที่หน้ารถเก๋งโตโยต้าคัมรี่
จะให้รถคันนี้ถอยออกไปพ้นๆ จากช่องจอดรถของหล่อนเสีย
แต่พอรถได้รับความสั่นสะเทือน
สัญญาณกันขโมยที่ติดตั้งไว้จึงส่งเสียงร้องออกมาเสียดังสนั่นหวั่นไหวไปเลย
ปี๊บๆๆๆๆๆๆๆๆ!
"เฮ้ย!!??"
ระพีภัทราไม่ได้นึกว่ามันจะเป็นเช่นนี้
ความตกใจทำให้หล่อนยืนเงอะงะทำอะไรไม่ถูกอยู่ และเจ้าเสียงสัญญาณกันขโมยที่ดังโหวกเหวก
ทำให้หล่อนมีอาการหงุดหงิดโมโหหนักยิ่งขึ้น
"ไอ้รถบ้า!"
ป้าบ!
ยกเท้าเตะไปที่กันชนหน้ารถจะให้มันหยุดส่งเสียงร้อง
เจ้าสัญญาณกันขโมยยังคงดังกวนประสาทอยู่ไม่ยอมเลิกรา
หล่อนยืนหันรีหันขวาง
มองเห็นว่ามีก้อนอิฐบล็อกหักๆ อยู่ใกล้กับพุ่มไม้ตรงหน้าที่จอดรถ
ก็ไปคว้ามันขึ้นมาและทำท่าว่าจะยกอิฐบล็อกก้อนนั้นทุ่มลงไปที่กระโปรงหน้ารถ
มีนักศึกษาหนุ่มสองคนกำลังวิ่งเหยาะๆ
ตรงมาที่รถ พอเห็นหล่อนจะทำเช่นนั้นพากันร้องห้ามเสียงหลง
"เฮ้ย...อย่า!!"
"อย่าครับคุณหนู!!"
ลุงพงษ์รีบตาลีตาเหลือกจะปราดเข้าไปแย่งอิฐบล็อกก้อนนั้นมาจากมือของหล่อนเสีย
แกรู้ดีว่ายามที่คุณหนูโกรธนั้นอะไรก็สามารถจะทำได้ทุกอย่าง
โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายใดๆ ที่จะเกิดขึ้นทั้งสิ้น
แต่มันสายเกินไปเสียแล้ว
โครม!
อิฐบล็อกก้อนนั้นถูกทุ่มลงไปอย่างแรงจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
และทำให้กระโปรงหน้ารถโตโยต้าคัมรี่คันใหม่เอี่ยมเป็นรอยบุบยุบลงไปเห็นชัดเลยทีเดียว
ธีร์ธวัชผู้เป็นเจ้าของรถเมื่อวิ่งมาห้ามไม่ทันก็ได้แต่ยืนมองทำตาปริบๆ
เพราะไม่คาดคิดว่า
หล่อนจะกล้าทำเช่นนั้นจริงๆ
"ทำอะไรน่ะเรา?"
นายกวินซึ่งเป็นเพื่อนซี้ของธีร์ธวัชและวิ่งมาด้วยกัน
นึกฉุนไม่ใช่น้อยในการกระทำของหญิงสาว
แต่ระพีภัทรากลับไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านกับคำต่อว่านี้เลยสักนิด
"ทำให้มันหยุดร้องน่ะซี่!"
"เราเป็นบ้าแล้วหรือ
ถึงได้เที่ยวมาทำลายทรัพย์สินของคนอื่นเค้าน่ะ?"
"แล้วใครเขาใช้ให้นายเอารถมาจอดในที่ของฉันล่ะ?"
"ที่ของเรา...?"
"ใช่...เลขทะเบียนเห็นออกโทนโท่ ไม่ได้แหกตาดูหรอกเรอะ?"
หล่อนแผดเสียงโต้ตอบกับนายกวินอย่างไม่ยอมลดราวาศอก
แล้วชี้นิ้วให้เขาดูเลขทะเบียนรถที่เขียนแปะติดอยู่ใต้หลังคากันสาดของที่จอดรถ
ซึ่งมันตรงกับเลขทะเบียนรถเบนซ์ของหล่อน
เจ้าของรถตัวจริงเห็นว่าหล่อนกำลังทะเลาะกับคนผิดตัวอยู่
จึงได้แสดงตัวออกมา
"รถผมเองแหละ"
เขาล้วงพวงกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกง
และกดที่รีโมทบังคับปิดเสียงสัญญาณกันขโมยเสีย "ผมแวะมาทำธุระที่ตึกนี้
เห็นว่ามันยังว่างอยู่ ตั้งใจจะเข้ามาขอจอดแค่เดี๋ยวเดียวเอง
ไม่น่าต้องทำกันรุนแรงเลย"
"ผมต้องขอโทษแทนคุณหนูด้วยนะครับ
ค่าเสียหายแล้วเราจะชดใช้ให้เองครับ"
ลุงพงษ์ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของหญิงสาวด้วยสีหน้าที่เจื่อนๆ
เพราะเห็นๆ
กันอยู่ว่าคุณหนูของแกนั้นเป็นฝ่ายผิดอย่างเต็มประตู
ที่ไปทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นด้วยโทสะจริตแบบนั้น
"มีอะไรกันเหรอพี?"
ชนาภาเพื่อนสนิทของระพีภัทราได้ยินเสียงเอะอะ
จึงรีบวิ่งลงจากตึกของคณะมาถามกับหญิงสาวซึ่งกำลังยืนตีหน้าตายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่
"เพื่อนของภาเอาก้อนหินไปทุ่มรถของนายธีร์เค้าน่ะซี่"
ระพีภัทราไม่ยอมตอบ
กวินจึงต้องเป็นคนบอกให้หล่อนฟัง
ถึงจะเรียนอยู่กันคนละคณะแต่กวินกับชนาภาเป็นคนที่เคยรู้จักกันมาก่อน
ซึ่งพอชนาภาได้รู้ว่าเพื่อนของหล่อนเล่นแรงอย่างนั้นก็ตกใจ
"ตายจริง...ไปทำรถของพี่ธีร์ธวัชเค้าทำไมกันล่ะ?"
"แค่นี้มันยังน้อยไปนะ
สำหรับพวกที่ชอบมักง่ายน่ะ"
"อ้าว...พูดว่างัยนะ!??"
นายกวินฉุนกึกทันทีที่ได้ยินหญิงสาวพูดออกมาแบบนั้น
รู้สึกไม่พอใจอย่างมากในความที่เป็นผู้หญิงปากคอจัดจ้านของหล่อน
แต่เพราะเห็นว่าหล่อนเป็นผู้หญิง
และเพื่อไม่ให้เรื่องมันลุกลามไปกว่านี้ พอนายกวินทำท่าจะขยับเข้าไปหาระพีภัทรา
จึงถูกธีร์ธวัชคว้าหัวไหล่ดึงเอาตัวกลับมา
"ช่างเหอะกวิน...เราไปกันดีกว่า!"
เขาลากตัวเพื่อนไปขึ้นรถ
จากนั้นจึงขับรถเก๋งของเขาถอยออกมาที่จอดรถซึ่งเป็นปัญหาเสีย ขณะที่ลุงพงษ์ยังตามมาขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่
จนกระทั่งรถของเขาเคลื่อนออกไป
ถึงแม้จะไม่พอใจในการกระทำของระพีภัทรา
แต่มันเป็นการเสียเกียรติที่จะไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้หญิง
ธีร์ธวัชจึงสู้ทนนิ่งเอาไว้เสียไม่อยากไปต่อปากต่อคำด้วย
แต่นายกวินยังไม่วายแสดงอาการฮึดฮัด
"ผู้หญิงอะไร
กวนชะมัดเลยว่ะ"
"เค้าคงถือดีว่าเป็นลูกมหาเศรษฐี"
ธีร์ธวัชชำเลืองมองหน้าเพื่อนแว่บหนึ่ง
ขณะที่กำลังบังคับรถให้แล่นไปอย่างช้าๆ ตามถนนในมหาวิทยาลัย
ที่มีทั้งรถราและนักศึกษาเดินกันไปมาขวักไขว่
"ยัยคนนั้นน่ะนะ?"
"ใช่...เขาชื่อระพีภัทรา เป็นลูกสาวประธานใหญ่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์มหาศาล"
"มิน่าล่ะถึงได้เต๊ะชะมัด
แกก็เป็นถึงลูกนายแบงก์เหมือนกันนี่หว่า แต่ทำไมไม่เห็นเต๊ะแบบนั้นเลย?"
"คนเรามันเหมือนกันเสียเมื่อไหร่ล่ะ
นิ้วมือยังมีสั้นยาวไม่เท่ากัน"
"แน่ะ,เล่นสำบัดสำนวน...แล้วแกไปรู้จักหล่อนได้ยังไงกันวะธีร์?"
"แล้วนายมัวไปซุกหัวอยู่แถวไหนล่ะ
เค้าเป็นดาวดวงเด่นของมหา'ลัย ชื่อเสียงออกหอมฟุ้งใครๆ
ก็รู้จักกันทั้งนั้น"
"เออ...ไอ้ฉันมันเป็นเต่าล้านปี สนใจแต่เรื่องการเรียนไม่อยากจะไปรู้จักหรอก"
นายกวินพูดประชดที่โดนเพื่อนว่า
"โดยเฉพาะผู้หญิงท่าทางหยิ่งยะโสแบบนั้นด้วยแล้ว"
"ดูท่าทางหยิ่งยะโส
แต่ก็ไร้เดียงสาว่ะ"
"หมายความว่าไงของแกวะ?"
เล่นเอามึนตี้บไปเลยทีเดียวที่ได้ยินธีร์ธวัชพูดอย่างนั้น
"หมายความว่าทำอะไรแบบเด็กๆ
ไง คนที่รู้จักใช้หัวคิดคงจะไม่ลงมือทำอะไรหุนหันพลันแล่นแบบนั้นหรอก"
เจตนาของธีร์ธวัชคือ
จะเปรียบเทียบการกระทำของระพีภัทราว่า เป็นเหมือนเด็กทารกที่ยังไม่รู้จักใช้หัวคิด
ซึ่งนายกวินก็พยักหน้าหงึกเห็นพ้องด้วย
"อือ...จริงของนายว่ะ"
"คนแบบนี้ที่จริงน่าสงสารนะ
ถึงจะเกิดมาบนกองเงินกองทองแต่เขาอาจจะขาดความอบอุ่น
จึงได้ชอบระบายออกมาในทางที่ก้าวร้าวรุนแรง"
ชายหนุ่มพูดราวกับว่าเขาสามารถที่จะอ่านจิตใจของหล่อนออก
แต่มันก็ไม่ได้ผิดไปจากความจริงสักเท่าไรนัก
ทั้งนี้เพราะว่าตัวเขาเองนั้นก็เกิดมาเป็นลูกคนรวย
ที่มีพ่อเป็นนักธุรกิจใหญ่เช่นเดียวกัน
**********
"หล่อนต๊องรึป่าวน่ะ
ถึงได้ไปทำอะไรบ้าๆ แบบนั้น?"
ขณะที่พากันเดินมาตามทางเดินในอาคารตึกของคณะ
ชนาภายังไม่วายพูดตำหนิเพื่อน
เรื่องที่เอาอิฐบล็อกไปทุ่มใส่รถเก๋งของธีร์ธวัชจนได้รับความเสียหาย
"มันน่าโมโหนี่หว่า
รู้อยู่แล้วว่าเป็นที่จอดรถของคนอื่น ยังหน้าด้านเอารถเข้ามาจอดอีก"
"เขาแค่มาขอจอดชั่วคราว
ตัวเองน่าจะใจเย็นๆ รออีกสักนิด พี่ธีร์เขาน่ะเป็นคนดีคงทำไปโดยไม่ได้เจตนาหรอก"
"ดีตายห่าล่ะ...เต๊ะฉิบเผ๋ง!"
ระพีภัทราเดินลงส้นดังปึงปังขึ้นบันได
แสดงอาการไม่พอใจที่เพื่อนสาวของหล่อนไปพูดเข้าข้างอีกฝ่ายหนึ่ง
เพราะความที่ธีร์ธวัชเป็นลูกนายธนาคารใหญ่
รวยและหล่อหุ่นสมาร์ท เป็นขวัญใจของพวกสาวๆ ในมหาวิทยาลัย จึงทำให้หล่อนไม่ชอบขี้หน้าตรงที่เขามาแข่งความดังกับหล่อน
"ใครว่าเขาเต๊ะ...นิสัยพี่ธีร์สุภาพเรียบร้อยออกจะตายไป?" ชนาภาพูดแย้ง
"อ้อ...นี่เธอก็แอบชอบนายธีร์ธวัชนั่นด้วยอีกคนหนึ่งงั้นเหรอยัยภา?"
"เปล่า...ฉันพูดไปตามที่สายตาของฉันเห็นมาน่ะ"
"พูดอย่างกับว่าเธอรู้จักกับนายธีร์นั่นเป็นอย่างดี?"
"ใช่...เขาเป็นเพื่อนของพี่กวิน เราเลยค่อนข้างจะสนิทกัน"
"นายกวินเพื่อนของเธอนั่นอีกคน"
"ทำไม?"
"พูดจาวางก้ามชะมัด!"
"ใครกันแน่ที่วางก้าม?"
ชนาภาถอนใจเฮือกอย่างรู้สึกอิดหนาระอาใจ
ในความที่ชอบมองคนอื่นในแง่ร้ายของเพื่อนสาว "เธอไปทำรถเพื่อนเขาอย่างนั้น
เป็นใครมาเห็นเข้าเขาก็ต้องโกรธ เธอนี่ช่างเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยนะยัยพี"
"เออๆ...ไม่ต้องพูดมาก รายงานล่ะเสร็จรึยัง?"
ระพีภัทรารีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อเดินขึ้นบันไดมาถึงชั้นสอง
ชนาภาจึงหยิบเอกสารรายงานซึ่งได้เตรียมเอาไว้แล้วยื่นส่งให้กับหล่อน
"อยู่นี่...เอาไป!"
"เธอว่าอาจารย์จะรู้มั้ยเนี่ย
ว่ารายงานฉบับนี้ฉันไม่ได้เป็นคนทำเอง?" หญิงสาวพลิกดูอย่างคร่าวๆ
และมองดูรายงานฉบับที่อยู่ในมืออย่างไม่ค่อยรู้สึกมั่นใจนัก
"ไม่หรอกมั้ง
เพราะฉันใช้คอมพิวเตอร์ทำ ไม่ได้เขียนด้วยลายมือของฉันเองนี่"
"ขอให้เป็นอย่างงั้นเหอะนะ
ถ้ามันไม่ผ่านฉันเสร็จแน่เลยว่ะ"
"เฮ้ยชัวร์น่า...แต่ทีหลังหล่อนน่าจะหัดทำเองมั่งดีกว่านะพี"
"ถ้าฉันเป็นคนหัวดีซักหน่อย
คงไม่จำเป็นต้องมาพึ่งหล่อนหรอกย่ะ!"
ระพีภัทราหันมามองค้อนนิดๆ
ก่อนที่จะถือรายงานฉบับนั้นเปิดประตูก้าวเข้าไปในห้องของอาจารย์ประจำวิชา
**********
"นั่นรถไปโดนอะไรมาน่ะ?"
เกวลียืนกอดอกมองดูรถเก๋งของธีร์ธวัช
ที่เขาขับเข้ามาจอดที่หน้าตึกคณะบริหารธุรกิจ
หล่อนรู้สึกงุนงงไม่น้อยกับรอยบุบตรงฝากระโปรงหน้ารถที่เห็นได้ชัดมาแต่ไกล
ธีร์ธวัชมัวสาละวนอยู่กับการเอื้อมมือไปหยิบตำราเรียนที่เบาะท้ายรถ
นายกวินซึ่งก้าวออกมาจากรถก่อนจึงช่วยตอบข้อสงสัยนี้แทน
"ถูกคนสติแตกเอาอิฐบล็อกทุ่มใส่"
"ตายจริง...มันเป็นใครกันกล้ามาทำแบบนั้น?"
"หล่อนชื่อระพีภัทรา"
"อ๋อ...แม่ดาวมหา'ลัยคนนั้นเองน่ะเหรอ?"
"ใช่น่ะซี่
จะมีใครเสียอีกล่ะ"
"เรื่องมันเป็นยังไงกันหรือพี่กวิน?"
พอรู้ว่าเป็นฝีมือของระพีภัทรา
เกวลีแสดงอาการไม่พอใจอย่างรุนแรง
เพราะหล่อนกับระพีภัทรานั้นเป็นคู่แข่งชิงดีชิงเด่นการเป็นดาวมหาวิทยาลัยกันอยู่
และหล่อนยังไม่เคยที่จะสามารถเอาชนะระพีภัทราได้เลยสักครั้ง
ทั้งๆ
ที่หล่อนก็เป็นลูกเศรษฐีมีระดับคนหนึ่ง และความสวยไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าระพีภัทราเลยแม้แต่น้อย
"ฉันกะไอ้ธีร์ไปทำธุระที่ตึกนิเทศฯ
หาที่จอดรถไม่ได้พอดีเห็นตรงที่จอดรถเฉพาะส่วนบุคคลว่างอยู่ช่องหนึ่ง
ไอ้ธีร์มันเลยขับเข้าไปจอด"
นายกวินเล่าให้หล่อนฟังเป็นฉากๆ
"เพิ่งจะมารู้ว่าที่ตรงนั้นเป็นที่จอดรถเฉพาะของแม่นั่น
ก็โดนเจ้าหล่อนเอาก้อนอิฐบล็อกมาทุ่มใส่เข้าให้ไปเสียแล้ว"
"แล้วนังระพีภัทรามันว่ายังไงมั่ง?"
"เขาว่าแค่นี้มันยังน้อยไป
อยากมักง่ายเอารถไปจอดในที่จอดรถส่วนตัวของเขา"
ชายหนุ่มพูดออกไปตามเนื้อผ้า
แต่สำหรับเกวลีได้ฟังแล้วมันเหมือนกับการเอาน้ำมันราดเข้าไปในกองไฟไม่มีผิดเลยทีเดียว
"โอหัง...แบบนี้เห็นทีจะต้องไปสั่งสอนกันหน่อยแล้ว!"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น