วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559

คุณหนูไฮโซตกกระป๋อง ตอนที่ 2

คุณหนูไฮโซตกกระป๋อง
กับ คุณชายจอมกวน

โดย...เจิด จินตนา
ตอนที่ 2...



                                      "ทำไมหรือครับคุณหนู?"
                                      เสียงร้องออกคำสั่งของระพีภัทรา ทำให้ลุงพงษ์แกต้องรีบเหยียบเบรคให้รถหยุดกึ่กลงพร้อมกับเหลียวหน้ามามอง แต่หล่อนชิงเปิดประตูก้าวพรวดพราดลงจากรถไปเสียแล้ว
                                      หญิงสาวเดินลิ่วๆ ตรงไปที่รถเก๋งโตโยต้าคัมรี่ซึ่งมาจอดอยู่ในที่ของหล่อน เห็นว่ามีนักศึกษาหนุ่มสองคนกำลังยืนพิงรถพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกคิกคักกันอยู่ จึงทำหน้าบูดบึ้งเข้าไปใส่
                                      "นี่...รีบไสหัวไปจอดที่อื่นเดี๋ยวนี้เลยนะ!"
                                      "ว้ายตาย...อาไรกันฮ้า!???"
                                      สองหนุ่มสะดุ้งเฮือก ที่จู่ๆ มีคนมาตวาดแว้ดให้ ทั้งคำพูดและกิริยาท่าทางบอกให้รู้ได้ทันทีเลยว่าเป็นพวกประเทือง
                                      แต่สิ่งที่อยู่ในความสนใจของระพีภัทราตอนนี้ มีเพียงว่าคนพวกนี้ไม่มีสิทธิ์ที่จะเอารถเข้ามาจอดที่ตรงนี้เท่านั้น
                                      "ไม่ต้องมาทำตีหน้าเซ่อ ให้มันรู้จักมั่งซี่ว่านี่มันเป็นที่จอดรถของใคร?"
                                      "ต๊าย...ก็ต้องของมหา'ลัยน่ะซียะหล่อน!"
                                      "ใช่...แต่มหา'ลัยมอบสิทธิ์ให้เป็นที่จอดรถส่วนตัวของฉันแล้ว เอารถของแกไปหาที่จอดใหม่เลยไป๊!"
                                      "หล่อนกำลังเข้าใจผิดแล้วย่ะ รถนี่ไม่ใช่ของเราซักกะหน่อย"
                                      "อ้าว!??"
                                      "เรายังต้องใช้บริการของ ขสมก.อยู่ย่ะ ไม่มีปัญญาซื้อรถหรูๆ แบบเนี้ยขี่เหมือนพวกหล่อนหรอกนะยะ"
                                      "จริงด้วย...ไปคุยกันต่อที่อื่นดีกว่านะตัวเอง เหม็นสาบคนรวยจังว่ะ...เน๊อะ!"
                                      ว่าแล้วทั้งคู่ก็พากันสะบัดหน้าพรืด และเดินกระตุ้งกระติ้งผละจากไปด้วยท่าทางที่ไม่พอใจ ทิ้งให้ระพีภัทรายืนหน้าแตกอยู่ข้างรถเก๋งคันนั้นเอง
                                      ในเมื่อสองคนนี้ไม่ใช่เจ้าของรถ แล้วใครกันล่ะที่มันกล้าบังอาจเอารถเข้ามาจอดในที่ซึ่งเป็นที่จอดรถเฉพาะส่วนตัวของหล่อน
                                      ทำแบบนี้มันเท่ากับว่าเป็นการหยามน้ำหน้ากันชัดๆ เลยทีเดียว
                                      "รถใครวะ?"
                                      หญิงสาวยืนเท้าสะเอวตะโกนขึ้นมาลอยๆ อย่างมีโมโห เล่นเอานักศึกษาที่กำลังเดินผ่านไปมาต่างเหลียวมามองหล่อนกันเป็นตาเดียว
                                      เพราะว่าเสียงของหล่อนนั้น มันเบาอยู่เสียเมื่อไหร่
                                      ลุงพงษ์เห็นท่าไม่ดีแน่จึงรีบลงจากรถเข้ามาห้าม
                                      "ไม่เอาน่าครับคุณหนู ช่างเถอะครับ"
                                      "ช่างไม่ได้หรอกลุง คนมักง่ายฉันเกลียดนัก!"
                                      "คุณหนูมายืนตะโกนปาวๆ แบบนี้ มันอายเขานะครับ"
                                      "อายทำไมกันลุง เราไม่ใช่คนผิดนี่"
                                      เพราะเจ้าแมลงสาบที่ไร้มารยาทตัวนั้นมันทำให้ระพีภัทราทานอาหารเช้าไม่ลง อารมณ์เสียและหงุดหงิดตั้งแต่ก่อนออกจากบ้านแล้ว พอมาเจอเอาเหตุการณ์แบบนี้เข้าอีก เลยยิ่งพาให้รู้สึกโมโหโกรธาไปยกใหญ่
                                      ตอนนี้ต่อให้ลุงพงษ์เอาช้างมาฉุดอย่าหวังเลยว่าจะอยู่ เมื่อไม่มีใครยอมมาแสดงตัวเป็นเจ้าของรถเสียที หล่อนจึงยอมลงทุนก้มลงออกแรงผลักที่หน้ารถเก๋งโตโยต้าคัมรี่ จะให้รถคันนี้ถอยออกไปพ้นๆ จากช่องจอดรถของหล่อนเสีย
                                      แต่พอรถได้รับความสั่นสะเทือน สัญญาณกันขโมยที่ติดตั้งไว้จึงส่งเสียงร้องออกมาเสียดังสนั่นหวั่นไหวไปเลย
                                      ปี๊บๆๆๆๆๆๆๆๆ!
                                      "เฮ้ย!!??"
                                      ระพีภัทราไม่ได้นึกว่ามันจะเป็นเช่นนี้ ความตกใจทำให้หล่อนยืนเงอะงะทำอะไรไม่ถูกอยู่ และเจ้าเสียงสัญญาณกันขโมยที่ดังโหวกเหวก ทำให้หล่อนมีอาการหงุดหงิดโมโหหนักยิ่งขึ้น
                                      "ไอ้รถบ้า!"
                                      ป้าบ!
                                      ยกเท้าเตะไปที่กันชนหน้ารถจะให้มันหยุดส่งเสียงร้อง เจ้าสัญญาณกันขโมยยังคงดังกวนประสาทอยู่ไม่ยอมเลิกรา
                                      หล่อนยืนหันรีหันขวาง มองเห็นว่ามีก้อนอิฐบล็อกหักๆ อยู่ใกล้กับพุ่มไม้ตรงหน้าที่จอดรถ ก็ไปคว้ามันขึ้นมาและทำท่าว่าจะยกอิฐบล็อกก้อนนั้นทุ่มลงไปที่กระโปรงหน้ารถ
                                      มีนักศึกษาหนุ่มสองคนกำลังวิ่งเหยาะๆ ตรงมาที่รถ พอเห็นหล่อนจะทำเช่นนั้นพากันร้องห้ามเสียงหลง
                                      "เฮ้ย...อย่า!!"
                                      "อย่าครับคุณหนู!!"
                                      ลุงพงษ์รีบตาลีตาเหลือกจะปราดเข้าไปแย่งอิฐบล็อกก้อนนั้นมาจากมือของหล่อนเสีย
                                      แกรู้ดีว่ายามที่คุณหนูโกรธนั้นอะไรก็สามารถจะทำได้ทุกอย่าง โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายใดๆ ที่จะเกิดขึ้นทั้งสิ้น
                                      แต่มันสายเกินไปเสียแล้ว
                                      โครม!
                                      อิฐบล็อกก้อนนั้นถูกทุ่มลงไปอย่างแรงจนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ และทำให้กระโปรงหน้ารถโตโยต้าคัมรี่คันใหม่เอี่ยมเป็นรอยบุบยุบลงไปเห็นชัดเลยทีเดียว
                                      ธีร์ธวัชผู้เป็นเจ้าของรถเมื่อวิ่งมาห้ามไม่ทันก็ได้แต่ยืนมองทำตาปริบๆ เพราะไม่คาดคิดว่า
หล่อนจะกล้าทำเช่นนั้นจริงๆ
                                      "ทำอะไรน่ะเรา?"
                                      นายกวินซึ่งเป็นเพื่อนซี้ของธีร์ธวัชและวิ่งมาด้วยกัน นึกฉุนไม่ใช่น้อยในการกระทำของหญิงสาว แต่ระพีภัทรากลับไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านกับคำต่อว่านี้เลยสักนิด
                                      "ทำให้มันหยุดร้องน่ะซี่!"
                                      "เราเป็นบ้าแล้วหรือ ถึงได้เที่ยวมาทำลายทรัพย์สินของคนอื่นเค้าน่ะ?"
                                      "แล้วใครเขาใช้ให้นายเอารถมาจอดในที่ของฉันล่ะ?"
                                      "ที่ของเรา...?"
                                      "ใช่...เลขทะเบียนเห็นออกโทนโท่ ไม่ได้แหกตาดูหรอกเรอะ?"
                                      หล่อนแผดเสียงโต้ตอบกับนายกวินอย่างไม่ยอมลดราวาศอก แล้วชี้นิ้วให้เขาดูเลขทะเบียนรถที่เขียนแปะติดอยู่ใต้หลังคากันสาดของที่จอดรถ ซึ่งมันตรงกับเลขทะเบียนรถเบนซ์ของหล่อน
                                      เจ้าของรถตัวจริงเห็นว่าหล่อนกำลังทะเลาะกับคนผิดตัวอยู่ จึงได้แสดงตัวออกมา
                                      "รถผมเองแหละ"
                                      เขาล้วงพวงกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกง และกดที่รีโมทบังคับปิดเสียงสัญญาณกันขโมยเสีย "ผมแวะมาทำธุระที่ตึกนี้ เห็นว่ามันยังว่างอยู่ ตั้งใจจะเข้ามาขอจอดแค่เดี๋ยวเดียวเอง ไม่น่าต้องทำกันรุนแรงเลย"       
                                      "ผมต้องขอโทษแทนคุณหนูด้วยนะครับ ค่าเสียหายแล้วเราจะชดใช้ให้เองครับ"
                                      ลุงพงษ์ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของหญิงสาวด้วยสีหน้าที่เจื่อนๆ
                                      เพราะเห็นๆ กันอยู่ว่าคุณหนูของแกนั้นเป็นฝ่ายผิดอย่างเต็มประตู ที่ไปทำลายทรัพย์สินของผู้อื่นด้วยโทสะจริตแบบนั้น
                                      "มีอะไรกันเหรอพี?"
                                      ชนาภาเพื่อนสนิทของระพีภัทราได้ยินเสียงเอะอะ จึงรีบวิ่งลงจากตึกของคณะมาถามกับหญิงสาวซึ่งกำลังยืนตีหน้าตายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อยู่
                                      "เพื่อนของภาเอาก้อนหินไปทุ่มรถของนายธีร์เค้าน่ะซี่"
                                      ระพีภัทราไม่ยอมตอบ กวินจึงต้องเป็นคนบอกให้หล่อนฟัง
                                      ถึงจะเรียนอยู่กันคนละคณะแต่กวินกับชนาภาเป็นคนที่เคยรู้จักกันมาก่อน ซึ่งพอชนาภาได้รู้ว่าเพื่อนของหล่อนเล่นแรงอย่างนั้นก็ตกใจ
                                      "ตายจริง...ไปทำรถของพี่ธีร์ธวัชเค้าทำไมกันล่ะ?"
                                      "แค่นี้มันยังน้อยไปนะ สำหรับพวกที่ชอบมักง่ายน่ะ"
                                      "อ้าว...พูดว่างัยนะ!??"
                                      นายกวินฉุนกึกทันทีที่ได้ยินหญิงสาวพูดออกมาแบบนั้น รู้สึกไม่พอใจอย่างมากในความที่เป็นผู้หญิงปากคอจัดจ้านของหล่อน
                                      แต่เพราะเห็นว่าหล่อนเป็นผู้หญิง และเพื่อไม่ให้เรื่องมันลุกลามไปกว่านี้ พอนายกวินทำท่าจะขยับเข้าไปหาระพีภัทรา จึงถูกธีร์ธวัชคว้าหัวไหล่ดึงเอาตัวกลับมา
                                      "ช่างเหอะกวิน...เราไปกันดีกว่า!"
                                      เขาลากตัวเพื่อนไปขึ้นรถ จากนั้นจึงขับรถเก๋งของเขาถอยออกมาที่จอดรถซึ่งเป็นปัญหาเสีย ขณะที่ลุงพงษ์ยังตามมาขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ จนกระทั่งรถของเขาเคลื่อนออกไป
                                      ถึงแม้จะไม่พอใจในการกระทำของระพีภัทรา แต่มันเป็นการเสียเกียรติที่จะไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้หญิง ธีร์ธวัชจึงสู้ทนนิ่งเอาไว้เสียไม่อยากไปต่อปากต่อคำด้วย
                                      แต่นายกวินยังไม่วายแสดงอาการฮึดฮัด
                                      "ผู้หญิงอะไร กวนชะมัดเลยว่ะ"
                                      "เค้าคงถือดีว่าเป็นลูกมหาเศรษฐี"
                                      ธีร์ธวัชชำเลืองมองหน้าเพื่อนแว่บหนึ่ง ขณะที่กำลังบังคับรถให้แล่นไปอย่างช้าๆ ตามถนนในมหาวิทยาลัย ที่มีทั้งรถราและนักศึกษาเดินกันไปมาขวักไขว่
                                      "ยัยคนนั้นน่ะนะ?"
                                      "ใช่...เขาชื่อระพีภัทรา เป็นลูกสาวประธานใหญ่บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์มหาศาล"
                                      "มิน่าล่ะถึงได้เต๊ะชะมัด แกก็เป็นถึงลูกนายแบงก์เหมือนกันนี่หว่า แต่ทำไมไม่เห็นเต๊ะแบบนั้นเลย?"
                                      "คนเรามันเหมือนกันเสียเมื่อไหร่ล่ะ นิ้วมือยังมีสั้นยาวไม่เท่ากัน"
                                      "แน่ะ,เล่นสำบัดสำนวน...แล้วแกไปรู้จักหล่อนได้ยังไงกันวะธีร์?"
                                      "แล้วนายมัวไปซุกหัวอยู่แถวไหนล่ะ เค้าเป็นดาวดวงเด่นของมหา'ลัย ชื่อเสียงออกหอมฟุ้งใครๆ ก็รู้จักกันทั้งนั้น"
                                      "เออ...ไอ้ฉันมันเป็นเต่าล้านปี สนใจแต่เรื่องการเรียนไม่อยากจะไปรู้จักหรอก"
                                      นายกวินพูดประชดที่โดนเพื่อนว่า "โดยเฉพาะผู้หญิงท่าทางหยิ่งยะโสแบบนั้นด้วยแล้ว"
                                      "ดูท่าทางหยิ่งยะโส แต่ก็ไร้เดียงสาว่ะ"
                                      "หมายความว่าไงของแกวะ?" เล่นเอามึนตี้บไปเลยทีเดียวที่ได้ยินธีร์ธวัชพูดอย่างนั้น
                                      "หมายความว่าทำอะไรแบบเด็กๆ ไง คนที่รู้จักใช้หัวคิดคงจะไม่ลงมือทำอะไรหุนหันพลันแล่นแบบนั้นหรอก"
                                      เจตนาของธีร์ธวัชคือ จะเปรียบเทียบการกระทำของระพีภัทราว่า เป็นเหมือนเด็กทารกที่ยังไม่รู้จักใช้หัวคิด ซึ่งนายกวินก็พยักหน้าหงึกเห็นพ้องด้วย
                                      "อือ...จริงของนายว่ะ"
                                      "คนแบบนี้ที่จริงน่าสงสารนะ ถึงจะเกิดมาบนกองเงินกองทองแต่เขาอาจจะขาดความอบอุ่น จึงได้ชอบระบายออกมาในทางที่ก้าวร้าวรุนแรง"
                                      ชายหนุ่มพูดราวกับว่าเขาสามารถที่จะอ่านจิตใจของหล่อนออก แต่มันก็ไม่ได้ผิดไปจากความจริงสักเท่าไรนัก
                                      ทั้งนี้เพราะว่าตัวเขาเองนั้นก็เกิดมาเป็นลูกคนรวย ที่มีพ่อเป็นนักธุรกิจใหญ่เช่นเดียวกัน
**********
                                      "หล่อนต๊องรึป่าวน่ะ ถึงได้ไปทำอะไรบ้าๆ แบบนั้น?"
                                      ขณะที่พากันเดินมาตามทางเดินในอาคารตึกของคณะ ชนาภายังไม่วายพูดตำหนิเพื่อน เรื่องที่เอาอิฐบล็อกไปทุ่มใส่รถเก๋งของธีร์ธวัชจนได้รับความเสียหาย
                                      "มันน่าโมโหนี่หว่า รู้อยู่แล้วว่าเป็นที่จอดรถของคนอื่น ยังหน้าด้านเอารถเข้ามาจอดอีก"
                                      "เขาแค่มาขอจอดชั่วคราว ตัวเองน่าจะใจเย็นๆ รออีกสักนิด พี่ธีร์เขาน่ะเป็นคนดีคงทำไปโดยไม่ได้เจตนาหรอก"
                                      "ดีตายห่าล่ะ...เต๊ะฉิบเผ๋ง!"
                                      ระพีภัทราเดินลงส้นดังปึงปังขึ้นบันได แสดงอาการไม่พอใจที่เพื่อนสาวของหล่อนไปพูดเข้าข้างอีกฝ่ายหนึ่ง
                                      เพราะความที่ธีร์ธวัชเป็นลูกนายธนาคารใหญ่ รวยและหล่อหุ่นสมาร์ท เป็นขวัญใจของพวกสาวๆ ในมหาวิทยาลัย จึงทำให้หล่อนไม่ชอบขี้หน้าตรงที่เขามาแข่งความดังกับหล่อน
                                      "ใครว่าเขาเต๊ะ...นิสัยพี่ธีร์สุภาพเรียบร้อยออกจะตายไป?" ชนาภาพูดแย้ง
                                      "อ้อ...นี่เธอก็แอบชอบนายธีร์ธวัชนั่นด้วยอีกคนหนึ่งงั้นเหรอยัยภา?"
                                      "เปล่า...ฉันพูดไปตามที่สายตาของฉันเห็นมาน่ะ"
                                      "พูดอย่างกับว่าเธอรู้จักกับนายธีร์นั่นเป็นอย่างดี?"
                                      "ใช่...เขาเป็นเพื่อนของพี่กวิน เราเลยค่อนข้างจะสนิทกัน"
                                      "นายกวินเพื่อนของเธอนั่นอีกคน"
                                      "ทำไม?"
                                      "พูดจาวางก้ามชะมัด!"
                                      "ใครกันแน่ที่วางก้าม?"
                                      ชนาภาถอนใจเฮือกอย่างรู้สึกอิดหนาระอาใจ ในความที่ชอบมองคนอื่นในแง่ร้ายของเพื่อนสาว "เธอไปทำรถเพื่อนเขาอย่างนั้น เป็นใครมาเห็นเข้าเขาก็ต้องโกรธ เธอนี่ช่างเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยนะยัยพี"
                                      "เออๆ...ไม่ต้องพูดมาก รายงานล่ะเสร็จรึยัง?"
                                      ระพีภัทรารีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อเดินขึ้นบันไดมาถึงชั้นสอง ชนาภาจึงหยิบเอกสารรายงานซึ่งได้เตรียมเอาไว้แล้วยื่นส่งให้กับหล่อน
                                      "อยู่นี่...เอาไป!"
                                      "เธอว่าอาจารย์จะรู้มั้ยเนี่ย ว่ารายงานฉบับนี้ฉันไม่ได้เป็นคนทำเอง?" หญิงสาวพลิกดูอย่างคร่าวๆ และมองดูรายงานฉบับที่อยู่ในมืออย่างไม่ค่อยรู้สึกมั่นใจนัก
                                      "ไม่หรอกมั้ง เพราะฉันใช้คอมพิวเตอร์ทำ ไม่ได้เขียนด้วยลายมือของฉันเองนี่"
                                      "ขอให้เป็นอย่างงั้นเหอะนะ ถ้ามันไม่ผ่านฉันเสร็จแน่เลยว่ะ"
                                      "เฮ้ยชัวร์น่า...แต่ทีหลังหล่อนน่าจะหัดทำเองมั่งดีกว่านะพี"
                                      "ถ้าฉันเป็นคนหัวดีซักหน่อย คงไม่จำเป็นต้องมาพึ่งหล่อนหรอกย่ะ!"
                                      ระพีภัทราหันมามองค้อนนิดๆ ก่อนที่จะถือรายงานฉบับนั้นเปิดประตูก้าวเข้าไปในห้องของอาจารย์ประจำวิชา
**********
                                      "นั่นรถไปโดนอะไรมาน่ะ?"
                                      เกวลียืนกอดอกมองดูรถเก๋งของธีร์ธวัช ที่เขาขับเข้ามาจอดที่หน้าตึกคณะบริหารธุรกิจ หล่อนรู้สึกงุนงงไม่น้อยกับรอยบุบตรงฝากระโปรงหน้ารถที่เห็นได้ชัดมาแต่ไกล
                                      ธีร์ธวัชมัวสาละวนอยู่กับการเอื้อมมือไปหยิบตำราเรียนที่เบาะท้ายรถ นายกวินซึ่งก้าวออกมาจากรถก่อนจึงช่วยตอบข้อสงสัยนี้แทน
                                      "ถูกคนสติแตกเอาอิฐบล็อกทุ่มใส่"
                                      "ตายจริง...มันเป็นใครกันกล้ามาทำแบบนั้น?"
                                      "หล่อนชื่อระพีภัทรา"
                                      "อ๋อ...แม่ดาวมหา'ลัยคนนั้นเองน่ะเหรอ?"
                                      "ใช่น่ะซี่ จะมีใครเสียอีกล่ะ"
                                      "เรื่องมันเป็นยังไงกันหรือพี่กวิน?"
                                      พอรู้ว่าเป็นฝีมือของระพีภัทรา เกวลีแสดงอาการไม่พอใจอย่างรุนแรง เพราะหล่อนกับระพีภัทรานั้นเป็นคู่แข่งชิงดีชิงเด่นการเป็นดาวมหาวิทยาลัยกันอยู่ และหล่อนยังไม่เคยที่จะสามารถเอาชนะระพีภัทราได้เลยสักครั้ง
                                      ทั้งๆ ที่หล่อนก็เป็นลูกเศรษฐีมีระดับคนหนึ่ง และความสวยไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าระพีภัทราเลยแม้แต่น้อย
                                      "ฉันกะไอ้ธีร์ไปทำธุระที่ตึกนิเทศฯ หาที่จอดรถไม่ได้พอดีเห็นตรงที่จอดรถเฉพาะส่วนบุคคลว่างอยู่ช่องหนึ่ง ไอ้ธีร์มันเลยขับเข้าไปจอด"
                                      นายกวินเล่าให้หล่อนฟังเป็นฉากๆ "เพิ่งจะมารู้ว่าที่ตรงนั้นเป็นที่จอดรถเฉพาะของแม่นั่น ก็โดนเจ้าหล่อนเอาก้อนอิฐบล็อกมาทุ่มใส่เข้าให้ไปเสียแล้ว"
                                      "แล้วนังระพีภัทรามันว่ายังไงมั่ง?"
                                      "เขาว่าแค่นี้มันยังน้อยไป อยากมักง่ายเอารถไปจอดในที่จอดรถส่วนตัวของเขา"
                                      ชายหนุ่มพูดออกไปตามเนื้อผ้า แต่สำหรับเกวลีได้ฟังแล้วมันเหมือนกับการเอาน้ำมันราดเข้าไปในกองไฟไม่มีผิดเลยทีเดียว
                                      "โอหัง...แบบนี้เห็นทีจะต้องไปสั่งสอนกันหน่อยแล้ว!"












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น